

กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) ประกาศแต่งตั้ง นายอธิศ รุจิรวัฒน์ ดำรงตำแหน่งประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านกรุงศรี คอนซูมเมอร์ และรักษาการกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจเนอรัล คาร์ด เซอร์วิสเซส จำกัด โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 9 พฤษภาคม 2567
นายอธิศมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในสายงานการตลาด และการเงินการธนาคารมากว่า 25 ปี โดยก่อนได้รับการแต่งตั้งดำรงตำแหน่งประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านกรุงศรี คอนซูมเมอร์ นายอธิศดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจเนอรัล คาร์ด เซอร์วิสเซส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มกรุงศรี คอนซูมเมอร์ และยังได้ความไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่งประธานชมรมธุรกิจบัตรเครดิต สมาคมธนาคารไทย
ตลอดระยะเวลากว่า 12 ปีที่ได้ร่วมงานกับกรุงศรี คอนซูมเมอร์ นายอธิศได้นำประสบการณ์ ความรู้ ความเชี่ยวชาญ และความเป็นมืออาชีพมาบริหารงานบริษัท เจเนอรัล คาร์ด เซอร์วิสเซส จำกัด โดยมีผลงานที่โดดเด่นมากมาย อาทิ การพัฒนาและผลักดันให้เกิดการให้บริการบัตรเครดิตค้าปลีกรายแรกในประเทศไทยที่สร้างประสบการณ์ช้อปปิงที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าภายใต้แบรนด์ของห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล รวมถึงการได้รับความไว้วางใจจากบริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด ให้ดูแลด้านการบริหารบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลของทั้งเครือภายใต้แบรนด์ “เซ็นทรัล เดอะวัน”
ในฐานะประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านกรุงศรี คอนซูมเมอร์ นายอธิศจะดูแลและรับผิดชอบการขับเคลื่อนกลยุทธ์และบริหารธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล ตลอดจนพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการ และนวัตกรรมของกรุงศรี คอนซูมเมอร์ ทั้งหมด เพื่อครองความเป็นผู้นำในธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลอย่างต่อเนื่อง
นายอธิศ สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีในสาขาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยเทรนท์ (Trent University) ประเทศแคนาดา โดยได้รับทุนการศึกษาจาก Canadian International Development Agency (CIDA) และปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจ จากสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ได้เกียรติรับเชิญจากหน่วยงาน Hong Kong Talent Engage ของรัฐบาลฮ่องกง โดยนายคริส ซัน รัฐมนตรีกระทรวงแรงงานและสวัสดิการฮ่องกง ให้การต้อนรับในโอกาสเข้าร่วมเป็นวิทยากรเสวนาในหัวข้อ “International Talent Forum” เพื่อแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกและประสบการณ์ในฐานะผู้นำองค์กรที่มีธุรกิจหลากหลายใน 9 ประเทศทั่วเอเชีย รวมถึงฮ่องกงด้วย โดยแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับภาพรวมการพัฒนาผู้มีความสามารถระดับโลกและกลยุทธ์การได้มาซึ่งผู้มีความสามารถ

สำหรับการประชุม Global Talent Summit จัดขึ้นเป็นครั้งแรกที่ศูนย์การประชุมและนิทรรศการฮ่องกง โดยมีนายจอห์น ลี ผู้ว่าการเขตบริหารพิเศษฮ่องกง และนางหวัง เสี่ยวผิง รัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรมนุษย์และประกันสังคมของจีน และผู้ชมโดยทั่วไปเข้าร่วมงานอย่างท่วมท้นอีกกว่า 1,500 คน
เอ็น.ซี.ซี. เปิดงาน PET EXPO THAILAND 2024 อย่างยิ่งใหญ่ฉลองครบรอบ 24 ปีของการจัดงาน รวบรวมเหล่าสัตว์เลี้ยงมาประชันโฉมในธีมโจรสลัดสุดน่ารัก รับกระแส Petsumer และเทรนด์ Pet Humanization - Pet Celebrity ทำตลาดสัตว์เลี้ยงเติบโตแรงต่อเนื่อง คาดตลอดระยะเวลาการจัดงานจะมีเงินสะพัดไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท

นายสุรพล อุทินทุ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันเทรนด์การดูแลสัตว์เลี้ยงเสมือนสมาชิกในครอบครัว (Pet Humanization) ยังคงเป็นกระแสยอดนิยม และขยายตัวอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี นอกจากกระแสของ Pet Humanization แล้ว สัตว์เลี้ยงบางตัวอาจพัฒนาบทบาทจากลักษณะนิสัยส่วนตัวที่สามารถยกระดับจากสมาชิกในครอบครัวปกติ จนกลายเป็นสมาชิกในครอบครัวที่สามารถสร้างรายได้ ผ่านรูปแบบลักษณะเฉพาะของสัตว์เลี้ยงที่สามารถดึงดูดความสนใจจากคนในสังคมวงกว้าง หรือ “Pet Celebrity” ส่งผลให้ภาพรวมตลาดสัตว์เลี้ยงของไทยยังมีการเติบโตเฉลี่ยต่อปีประมาณ 5-10% อย่างต่อเนื่อง โดยปี 2567 นี้คาดการณ์ว่าตลาดสัตว์เลี้ยงจะมีมูลค่ากว่า 5 หมื่นล้านบาท มูลค่ายอดใช้จ่ายของเจ้าของสัตว์เลี้ยงเฉลี่ยต่อคนที่สูงถึง 10,000 - 20,000 บาทต่อปี
นอกจากมูลค่าตลาดสัตว์เลี้ยงในไทยที่ขยายตัวจากเทรนด์การเลี้ยงที่เปลี่ยนไปดังกล่าว รูปแบบการเลี้ยงนี้ยังส่งผลทางอ้อมไปยังธุรกิจและบริการที่สามารถรองรับมูลค่าที่ขยายตัวนี้ได้ เช่น กลุ่มโรงแรมที่เป็นมิตรกับสัตว์เลี้ยง ธุรกิจรับฝึกสัตว์เลี้ยงให้กลายเป็น Petfluencer รวมถึงธุรกิจเกี่ยวกับบริการรักษาสัตว์ที่อาจมีการขยายขอบเขตบริการ Veterinary Telemedicine หรือ Virtual Vet ที่อาจเข้ามาตอบโจทย์กรณีเจ็บป่วยเล็กน้อยที่เจ้าของอาจไม่สะดวกเดินทางพาสัตว์เลี้ยงเข้ารับการรักษา เป็นต้น

ทั้งนี้ เพื่อตอบโจทย์ของการเลี้ยงสัตว์ที่เปลี่ยนไป เจ้าของจะเลือกสรรสิ่งที่ดีที่สุดให้กับสัตว์เลี้ยงของตัวเองมากขึ้น เอ็น.ซี.ซี.ฯ จึงได้จัดงาน PET EXPO THAILAND 2024 งานแสดงสินค้าและบริการ ด้านสัตว์เลี้ยงที่ดีที่สุด เพื่อเพื่อนที่ดีที่สุดของคุณ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 9-12 พฤษภาคม 2567 ณ ฮอลล์ 5-8 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งเป็นการจัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 24 ภายในงานยังได้เตรียมกิจกรรมสนุกๆ ไว้มากมาย โดยปีนี้จัดขึ้นในธีมโจรสลัดสุดน่ารัก “Friendship Treasure ขุมทรัพย์เพื่อนรักสุดขอบฟ้า” โดยได้รวบรวมสินค้าและบริการ สำหรับสัตว์เลี้ยงจากหลากหลายแบรนด์ชั้นนำกว่า 300 บริษัท 700 บูธ
“ด้วยปีนี้เราได้จัดงานต่อเนื่องเป็นปีที่ 24 เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำการจัดแสดงงานด้านสัตว์เลี้ยง เราได้รวบรวมสินค้าจากทั้งไทยและต่างประเทศ ซึ่งเป็นแบรนด์สินค้าชั้นนำมาจัดรายการในราคาสุดพิเศษ พร้อมทั้งได้มีกิจกรรมให้คนรักสัตว์ได้ร่วมสนุกตลอดทั้ง 4 วัน โดยเชื่อว่าตลอดการจัดงานนี้จะมีเงินสะพัดภายในงานไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท” นายสุรพล กล่าว

สำหรับไฮไลท์ภายในงาน PET EXPO THAILAND 2024 ได้รวบรวมกิจกรรมการแข่งขันและการประกวดชิงรางวัลสนุก ๆ ของเพื่อนสัตว์เลี้ยงตัวน้อย พร้อมของรางวัลแบบจัดเต็มตลอดระยะเวลา 4 วัน รวมถึงการโชว์ตัวครั้งแรกในประเทศไทยของ Blue Holicer Rabbit กระต่ายพันธุ์ใหม่ล่าสุด ลำดับที่ 52 ของโลก และยังมีเหล่าผู้ประกอบธุรกิจด้านสัตว์เลี้ยงที่พาเหรดยกทัพสินค้าและบริการจากแบรนด์ชั้นนำมาให้ผู้รักสัตว์เลี้ยงได้เลือกซื้ออย่างจุใจ พร้อมโปรโมชั่นพิเศษ ทั้งกลุ่มอาหารสัตว์ เวชภัณฑ์ อาหารเสริม แชมพูและผลิตภัณฑ์บำรุงขน อุปกรณ์ตัดแต่งขน เสื้อผ้าและเครื่องประดับ และอุปกรณ์และของเล่นพัฒนาทักษะ นอกจากนี้ภายในงานยังมีบริการมากมาย โดยเฉพาะบริการทางด้านสุขภาพสัตว์เลี้ยงจากโรงพยาบาลสัตว์ชั้นนำของไทยมาให้เลือกใช้บริการ และรับคำปรึกษา แนะนำจากสัตวแพทย์อย่างใกล้ชิด

นอกจากนี้ในวันเสาร์ที่ 11 และวันอาทิตย์ที่ 12 พฤษภาคม 2567 ในโซนกระต่าย ท่านจะได้ชมการประกวดกระต่ายระดับโลกมาตรฐานสายพันธุ์ ARBA การประกวดหนูเควี่ และหนูแฮมเตอร์ ตัดสินโดยกรรมการ 3 ท่านจากสหรัฐอเมริกา

ส่วน โซนสัตว์ Exotic Pet หรือโซนสัตว์พิเศษได้รวบรวมสัตว์ต่างๆ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบสัตว์พิเศษที่หาดูได้ยาก เช่น งูหลามบอล ทามารินมือทอง ตุ๊กแกหางอ้วนแอฟริกา จิ้งจอกทะเลทราย สกั๊งค์ กบต้นไม้ ตัวกินมด หนูไร้ขน หมาน้ำ แมงมุมทารันทูล่า และสัตว์อื่นๆ อีกมากมาย พร้อมทั้งยังมีการประกวดแมงมุม Thailand's Grand Tarantulas ครั้งที่ 1 ในวันที่ 11 พฤษภาคม 2567, การประกวดงูใหญ่ Thailand Giant Snake Contest 2024 วันอาทิตย์ที่ 12 พฤษภาคม 2567
ในขณะที่ โซน Pet Village ท่านจะได้พบกับคาพิบาร่า วัววาตูซี จิ้งโจ้แคระ แพะแองโกล่า แกะคาทาดิน White Face Owl นกแก้วซันคอนัว และอีกมากมาย

“ภายในงานยังมีกิจกรรมการแข่งขันบริเวณลานกิจกรรมพร้อมของรางวัลมากมาย อาทิ เกมฮาเฮ เหมียวหม่ำๆ เหมียวยอดนักตบ ด่านกำแพงใสไหนทางออก การแข่งขันหมาน้อยลมกรด การแข่งขัน My Dog Anywhere การแข่งขัน Dog Agility เป็นต้น โดยตลอดระยะเวลา 4 วันของการจัดงาน คาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานกว่า 180,000 คน” นายสุรพล กล่าว
สำหรับผู้ที่สนใจกิจกรรมต่างๆ รวมทั้งต้องการเลือกชมสินค้าและบริการเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง สามารถเข้าชมได้ภายในงาน “PET EXPO THAILAND 2024” จะมีขึ้นในระหว่างวันที่ 9-12 พฤษภาคม 2567 ณ ฮอลล์ 5-8 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยสามารถติดตามข่าวสาร และดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.petexpothailand.net หรือ เฟซบุ๊ก Petexpoclub หรือช่องทางทวิตเตอร์ @PetexpoclubTH1 หรือแอดไลน์เพื่อติดตามทุกความเคลื่อนไหวของงานและโปรโมชั่นเด็ด ๆ ก่อนใครได้ที่ @petexpoclub
สตาร์ทอัพไทยปั้น “ปันปัน” แอปพลิเคชันมาร์เก็ตเพลส บนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ รายล่าสุดของไทย แอปฯ ตลาดออนไลน์สัญชาติไทยเพื่อคนไทย เผยพร้อมเดินตามแนวคิด CSV เพื่อสร้างธุรกิจที่ยั่งยืนไปด้วยกันกับปันปัน ทั้งพาร์ทเนอร์ และลูกค้า
บจก.ปันปันเวิร์ล นำโดย นายกิตติพันธ์ ศรีฉันทะมิตร กรรมการบริหาร พร้อมด้วย ธวัลพร เหล่าวณิชย์วิทย์ ผู้บริหารฝ่ายการตลาด นายสุเมธ ศรีฉันทะมิตร ที่ปรึกษาบริษัทฯ จัดกิจกรรมแนะนำสตาร์อัพไทยน้องใหม่ “ปันปัน” โดยมี ครูรัก-ศรัทธา ศรัทธาทิพย์ นักแสดงและผู้กำกับชื่อดัง อ.ป๊อป-ปรีดี นุกุลสมปรารถนา อาจารย์และที่ปรึกษาด้านการตลาดและการสร้างแบรนด์ ร่วมเป็นเกียรติในงาน

นายกิตติพันธ์ ศรีฉันทะมิตร กรรมการบริหาร บริษัท ปันปันเวิร์ล จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาตลาดอีคอมเมิร์ซของประเทศไทยเติบโตคึกคักเป็นอย่างมาก โดยข้อมูล Priceza ระบุในบทวิเคราะห์ Thailand E-Commerce Landscape 2024 ว่าตลาดอีคอมเมิร์ซของไทย ในปี 2023 แตะอยู่ที่ 932,000 ล้านบาท เติบโตประมาณ 14% เมื่อเทียบกับ 2022 อยู่ที่ 818,000 ล้านบาท ซึ่งทำให้เห็นว่าตลาดอีคอมเมิร์ซยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง
จากโอกาสทางธุรกิจตลาดอีคอมเมิร์ซที่ยังสามารถเติบโตอย่างต่อเนื่องนั้น ทำให้แบรนด์“ปันปัน” แอปพลิเคชันมาร์เก็ตเพลส ในฐานะสตาร์ทอัพผู้เข้าสู่วงการตลาดอีคอมเมิร์ซรายล่าสุด มั่นใจว่า ตลาดอีคอมเมิร์ซ ยังมีพื้นที่สำหรับ “ปันปัน” โดยแรกเริ่ม ปี 2022 ปันปัน ก่อตั้งในรูปแบบเว็บไซต์ และพัฒนามาสู่แอปพลิเคชันในปี 2023 เพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่สะดวกและคล่องตัวสำหรับพาร์ทเนอร์และลูกค้ามากขึ้น
แอปพลิเคชัน “ปันปัน” เหมาะสำหรับร้านค้า เจ้าของธุรกิจรายย่อย ขนาดเล็ก ขนาดกลาง ที่มีสินค้าถูกกฎหมายทุกประเภท โดยต้องเป็นผู้ที่จดทะเบียนการค้ากับหน่วยงานรัฐ และกำลังหาช่องทางการจำหน่ายสินค้าที่ไม่ต้องการแบกรับค่าส่วนแบ่งทางการตลาด(GP) ที่สูงมากตามกลไกของตลาดอีคอมเมิร์ซ

“ปันปัน” มีรูปแบบการดำเนินธุรกิจ คือ ปันที่1 ร้านค้าและเจ้าของธุรกิจ (Partner Shop) ที่เปิดร้านกับ “ปันปัน” จะได้รับการปันรายได้บางส่วนจาก “ปันปัน” ในทุกยอดการสั่งซื้อ ตลอดอายุการใช้งาน ปันที่2 ปันสู่สังคม “ปันปัน” เป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ที่พร้อมเปิดพื้นที่ มอบโอกาสทางการตลาดให้มีการซื้อ-ขายในทุกมิติ ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำให้กับคนไทยทั้งที่เป็นผู้ผลิต ผู้จำหน่ายรายเล็ก รายย่อย รวมถึงขนาดกลางและใหญ่ เพื่อให้คนไทยมีรายได้มั่นคงยั่งยืนไปพร้อมกับ “ปันปัน”
ลูกค้าที่ช้อปผ่าน แอปพลิเคชัน “ปันปัน” จะได้พบกับสินค้าอุปโภค บริโภค ที่มีให้เลือกหลากหลายนานาชนิด และได้อุดหนุนร้านค้า เจ้าของธุรกิจ ผู้ผลิต ผู้จำหน่ายคนไทยที่เป็นพาร์ทเนอร์ปันปันด้วย และภายในปี 2567 นี้จะมีสินค้ามากกว่า 1,000 ชิ้น ทั้งนี้สินค้าที่อยู่ในแอปพลิเคชัน “ปันปัน” เป็นสินค้าที่มีอยู่จริง เชื่อถือได้ โดย “ปันปัน” จะจัดให้มีโปรโมชั่นสินค้าอย่างต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นให้เกิดการซื้อขายที่คึกคัก ด้านการจัดส่งสินค้าลูกค้ามั่นใจได้ในความว่องไวทันใจ

นายกิตติพันธ์ กล่าวในตอนท้ายว่า ด้วยรูปแบบการดำเนินธุรกิจดังกล่าว “ปันปัน” ยังได้เตรียมความพร้อมในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนตามแบบแนวคิด CSV (Creating Shared Value) เพื่อให้พาร์ทเนอร์และลูกค้าร่วมสร้างธุรกิจที่ยั่งยืนไปด้วยกันกับ “ปันปัน” โดย “ปันปัน” สตาร์ทอัพแอปพลิเคชันอีคอมเมิร์ซ มีความมั่นใจว่า CSV สามารถเพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจได้ในทุกมิติทุกระดับ ทั้ง ด้านสังคม (Social) เศรษฐกิจ (Economic) และสิ่งแวดล้อม (Environment) ซึ่งหมายถึงธุรกิจของ “ปันปัน” จะเป็นธุรกิจที่แบ่งปันคุณค่าอย่างแท้จริง
sacit เชิญ 9 กูรูผู้เชี่ยวชาญในงานศิลปหัตถกรรมไทย มาระดมสมองมองไปในอนาคต เพื่อกำหนดแนวทางการพัฒนาสินค้าศิลปหัตถกรรมไทยให้ตรงกับความต้องการของตลาดโลก และสร้างสรรค์งานศิลปหัตถกรรมไทยให้เผยแพร่ไปในระดับสากล และเกิดการเติบโตอย่างยั่งยืน

นางสาวนฤดี ภู่รัตนรักษ์ ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรม และรักษาการแทนผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ sacit เปิดเผยว่า sacit ในฐานะที่เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบในการพัฒนาส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย ได้จัดประชุมเสวนา “sacit Craft Power” SACIT The Future of Crafts : Guru Panel ระดมสมองผู้เชี่ยวชาญในงานศิลปหัตถกรรมไทยในด้านต่าง ๆ มาร่วมหารือถึงแนวโน้มอุตสาหกรรมศิลปหัตถกรรมในตลาดโลก เพื่อให้เห็นแนวทางความต้องการของตลาดในอนาคต ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาสินค้าศิลปหัตถกรรมไทยให้เติบโตขยายในตลาดโลกได้มากขึ้น
โดยการประชุมเสวนาในครั้งนี้ sacit ได้เชิญผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปหัตถกรรมไทย 9 ท่าน มาแสดงความคิดเห็น ได้แก่ ตัวแทน Unseen Craft 2 ท่าน คือ ศาสตราจารย์เกียรติคุณวิบูลย์ ลี้สุวรรณ ราชบัณฑิต ประเภทวิชาวิจิตรศิลป์ สาขาวิชาจิตรกรรม ราชบัณฑิตยสภา และครูมีชัย แต้สุจริยา ศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์ (ทอผ้า) / ครูศิลป์ของแผ่นดิน ปี 2559 (ผ้ากาบบัว) นอกจากนี้ ยังมีตัวแทน Thainess 3 ท่าน ได้แก่ ม.ล.ภาวินี สันติศิริ กรรมการผู้จัดการ, บริษัท อโยธยาเทรด(93) จำกัด และ บริษัท สหัสชา (1993) จำกัด, รศ.ดร.สุภาวี ศิรินคราภรณ์ อาจารย์ประจำภาควิชาออกแบบเครื่องประดับ คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร และ อาจารย์ ดร.ไพโรจน์ พิทยเมธี อาจารย์ประจำภาควิชาการออกแบบนิเทศศิลป์ คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร และเชี่ยวชาญเฉพาะเรื่องการนำศิลปะไทยต่อยอดสู่ออกแบบร่วมสมัย และเรื่องสี “ไทยโทน”

รวมทั้งตัวแทน Soft Power 4 ท่าน ได้แก่ นางสาวชลดา สิทธิวรรณ ผู้อำนวยการกลุ่มงานอำนวยการด้านนโยบายและแผน การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.), นายอาสา ผิวขำ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาธุรกิจและนวัตกรรม (CEA), นายพิติรัตน์ วงศ์สุทินวัฒนา หัวหน้างานยกระดับการท่องเที่ยวโดยชุมชน สำนักท่องเที่ยวโดยชุมชน (อพท.), ดร.สิริกร มณีรินทร์ ผู้อำนวยการสถาบันช่างศิลป์ท้องถิ่น สำนักบริหารวิทยสถานสังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ และศิลปกรรมศาสตร์แห่งประเทศไทย (ธัชชา)
ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญทั้ง 9 ท่าน ล้วนแต่เป็นผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญในแต่ละด้านที่สำคัญ โดยผลที่ได้จากการประชุมเสวนาในครั้งนี้ จะนำไปรวบรวม และสังเคราะห์ความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญ และผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งมีประสบการณ์ และเกี่ยวข้องกับการสร้างคุณค่า และสร้างมูลค่าเพิ่มแก่งานศิลปหัตถกรรมในบริบทต่างๆ เพื่อที่จะนำไปจัดทำกรอบแนวคิด SACIT The Future of Craft, Trends Forecast 2025

โดยผลที่ได้จากการจัดทำ Trends Forecast 2025 จะช่วยให้งานศิลปหัตถกรรมไทยก้าวหน้าไปในทุกมิติ และมีความยั่งยืน รวมทั้งยังช่วยส่งเสริมสนับสนุนให้มีการพัฒนา และเพิ่มทักษะการประกอบอาชีพ รวมไปถึงการพัฒนาคุณภาพ และมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ ความคิดสร้างสรรค์ และภูมิปัญญาท้องถิ่นมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ยังเป็นการสืบสานและยกย่องเชิดชู รักษา พัฒนา และเผยแพร่ ถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับภูมิปัญญางานศิลปหัตถกรรมไทยให้เผยแพร่ในระดับสากล และสร้างผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมไทยให้เติบโตในเวทีโลกต่อไปในอนาคต
ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี ประกาศความสำเร็จด้านดิจิทัล คว้ารางวัล Best Institution for Digital CX บนเวทีระดับสากล Digital CX Awards 2024 โดยมีนายนริศ อารักษ์สกุลวงศ์ ประธานกลุ่ม งานกลยุทธ์องค์กรและดิจิทัล ทีทีบี เป็นผู้รับมอบรางวัล ตอกย้ำความโดดเด่นของแอปพลิเคชัน ttb touch ในการผสมผสานนวัตกรรมดิจิทัลและการออกแบบที่เน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง มีฟีเจอร์การจัดการทางการเงินที่ใช้งานง่าย และสร้างประสบการณ์ที่สุดเอ็กซ์คลูซีฟแบบรายบุคคล (Personalized Message) ซึ่งพัฒนาโดยทีมดิจิทัล “ttb spark” ในฐานะศูนย์กลางดิจิทัลของทีทีบี เพื่อขับเคลื่อนธนาคารสู่ทุกความเป็นไปได้ ด้วยดิจิทัลโซลูชันที่เป็นมิตรและรู้ใจ ภายใต้แนวคิด Humanized Digital Banking เพื่อให้ลูกค้าทุกกลุ่มมีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้น ทั้งนี้ การมอบรางวัลจัดขึ้น ณ โรงแรมมาริน่า เบย์ แซนด์ ประเทศสิงคโปร์ เมื่อเร็ว ๆ นี้