December 23, 2025

นายนพพร บุญลาโภ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิพยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ร่วมเป็นเจ้าภาพทอดกฐินสามัคคี วัดบางหลวงหัวป่า สาขาวัดระฆังโฆษิตาราม จังหวัดปทุมธานี ประจำปี 2566 เพื่อนำปัจจัยสมทบทุนบูรณปฏิสังขรวัดบางหลวงหัวป่า และสมทบทุนสร้างสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) องค์ใหญ่ และเพื่อสร้างประโยชน์ให้กับพุทธศาสนิกชนในชุมชนและพื้นที่ใกล้เคียง ณ วัดบางหลวงหัวป่า สาขาวัดระฆังโฆษิตาราม จังหวัดปทุมธานี

ประกันชีวิตเป็นทางเลือกในการใช้สิทธิลดหย่อนที่ผู้เสียภาษีบุคคลธรรมดาใช้ในการวางแผนภาษีในแต่ละปี เฉพาะเบี้ยประกันชีวิตสำหรับตัวผู้เสียภาษีสามารถใช้สิทธิหักลดหย่อนภาษีได้ถึง 100,000 บาท ไม่รวมกับเบี้ยประกันบำนาญและเบี้ยประกันสุขภาพของพ่อแม่ การใช้สิทธิลดหย่อนไม่ต้องคำนวณตามสัดส่วนของรายได้ของเราจึงลดหย่อนได้เต็มที่ไม่ว่าจะมีเงินได้พึงประเมินอย่างไร การวางแผนภาษีด้วยประกันชีวิตจึงสามารถช่วยลดภาระภาษีตามขั้นภาษีสูงสุดที่คำนวณได้ หรือสูงสุดถึง 35,000 บาททีเดียว

ประกันชีวิตที่สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ ประกอบด้วยแบบประกันที่มีระยะเวลาความคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป ประกันสุขภาพแต่คนส่วนใหญ่มักเลือกทำแบบประกันโดยคำนวณถึงการลดหย่อนภาษีเป็นหลัก จึงเลือกแบบประกันระยะเวลาต่ำสุดตามหลักเกณฑ์ คือความคุ้มครอง 10 ปี  เราสามารถเลือกวางแผนลดหย่อนภาษีให้มีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับเป้าหมายทางการเงินของเราควบคู่ไป เพื่อให้เราสามารถบรรลุตามเป้าหมายการเงินโดยไม่มีภาระการชำระเบี้ยเกินจำเป็น ที่สำคัญเป็นการวางแผนการเงินระยะยาวให้กับตัวเราอีกด้วย ซึ่งจริง ๆ เป็นวัตถุประสงค์หลักที่รัฐมอบสิทธิประโยชน์ภาษีให้กับผู้เสียภาษี

การทำประกันชีวิตเพื่อใช้สิทธิลดหย่อนภาษีให้สอดคล้องกับเป้าหมายการเงินของเรา ทำได้ง่ายๆ เพียงแค่เราหาเป้าหมายการเงินระยะยาวของเราให้ได้หลายคนมีเพียงเป้าหมายเดียว แต่บางคนมีหลายเป้าหมายก็ได้ การวางแผนเพื่อการเกษียณเป็นเป้าหมายสำคัญเป้าหมายหนึ่งเพราะการที่คนมีอายุยืนยาวขึ้น จำเป็นต้องใช้เงินช่วงเกษียณมากขึ้น หากปัจจุบันเรามีอายุ 35 ปี การวางแผนเพื่อการเกษียณจะมีระยะเวลาประมาณ 25 ปี เราสามารถเลือกแบบประกันสะสมทรัพย์เพื่อเสริมแผนการเกษียณของเราและได้ประโยชน์จากการลดหย่อนในหมวดประกัน ตัวอย่างเช่น คุณ บี ปัจจุบัน อายุ 50 ปี มีประกันสุขภาพในปัจจุบันเบี้ยฯ ปีละ 15,000 บาท สามารถวางแผนภาษีเพื่อการเกษียณเพิ่มเติมโดยใช้ประกันสะสมทรัพย์ ระยะเวลา 10 ปี ชำระเบี้ยฯ ครั้งเดียว ผลประโยชน์รวม 99,880 บาท เบี้ยฯ ปีละ 85,000 บาท เพื่อรับเงินก้อนหลังเกษียณปีละ 100,000 บาท

เป้าหมายการเงินอีกเป้าหมายหนึ่งคือเป้าหมายการศึกษาของลูก เราสามารถวางแผนครอบครัวเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการศึกษาของลูกในระยะยาว หากลูกกำลังศึกษาอยู่ในชั้นอนุบาล แผนการศึกษาของลูกจะมีระยะเวลา 12 ปีโดยประมาณสำหรับระดับปริญญาตรี และ 16 ปี สำหรับระดับปริญญาโท  การเลือกทำประกันสะสมทรัพย์เพื่อลดหย่อนภาษีจึงไม่จำเป็นต้องเป็นแบบประกันที่มีระยะเวลาคุ้มครอง 10 ปี แต่อาจเลือกทำประกันในหลายรูปแบบเพื่อให้เหมาะสมกับเป้าหมายของเรา ตัวอย่างเช่น คุณใส่ใจ  ปัจจุบันอายุ 35 ปี  มีลูกอายุ 5 ปี  ต้องการเลือกทำประกันเพื่อใช้สิทธิลดหย่อนภาษีเต็ม 100,000 บาท ประกันสุขภาพที่มีอยู่ในปัจจุบันเบี้ยฯ ปีละ 15,000 บาท  ต้องการใช้ประกันเพื่อเป็นเงินทุนการศึกษาปริญญาโทให้ลูก 2 ล้านบาท  แบบประกันเพื่อใช้สิทธิฯ ภาษีของคุณใส่ใจจะต่างกับของคุณบี  โดยแผนภาษีจากประกันสะสมทรัพย์ ระยะเวลา 10 ปี ชำระเบี้ยครั้งเดียว แม้จะใช้สิทธิภาษีได้เท่ากัน แต่ไม่สามารถตอบเป้าหมายเพื่อการศึกษาของลูกได้ การวางแผนการศึกษาให้ลูกจะมีภาระชำระเบี้ยเพิ่มขึ้นและไม่สามารถนำมาใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้  คุณใส่ใจจึงควรเลือกแบบประกันสะสมทรัพย์เพื่อทุนการศึกษาปริญญาโท   ระยะเวลาคุ้มครอง 15 ปี ระยะเวลาชำระเบี้ยฯ 10 ปี ผลประโยชน์รวมตลอดสัญญา 977,500 บาท จำนวนเงินประกันภัย 700,000 บาท  เบี้ยฯ ปีละ 85,000 บาท แทน

รูปแบบเป้าหมายที่สามารถนำมาประกอบการวางแผนภาษี สิ่งที่ต้องคำนึงถึง และรูปแบบของประกันชีวิตที่ตอบเป้าหมายต่างๆ อาจจะสรุปได้คร่าวๆ ตามตาราง ดังนี้

เมื่อเราจะวางแผนภาษีด้วยประกันทั้งที เราจึงควรวางแผนภาษีให้สอดคล้องไปกับเป้าหมายการเงินของเราด้วย เพื่อให้เราได้มากกว่าการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีเพียงอย่างเดียว เพียงเท่านี้เราก็จะได้รับประโยชน์สูงสุดจากการทำประกันชีวิตเพื่อลดหย่อนภาษีประจำปี


หมายเหตุ

  • การใช้สิทธิลดหย่อนภาษีเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กรมสรรพากรกำหนด
  • โปรดทำความเข้าใจในรายละเอียดความคุ้มครองเงื่อนไข และข้อยกเว้นก่อนการตัดสินใจสมัครทำประกันภัยทุกครั้ง

ถอดบทเรียน "คน" เปลี่ยนเกม เพื่อทะยาน สู่เส้นทางแห่งอนาคต

COTTO ผู้นำเทรนด์ ด้วยนวัตกรรมที่มาพร้อมโซลูชั่น หนึ่งในผลิตภัณฑ์ของ บริษัท เอสซีจี เซรามิกส์ จำกัด (มหาชน)โดยนายสิทธิชัย สุขกิจประเสริฐ (ที่ 3 จากขวา) กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามซานิทารีแวร์ จำกัด และ Chief Marketing Officer บริษัทเอสซีจี เซรามิกส์ จำกัด มหาชน ร่วมกับ นายเอกราช ลักษณสัมฤทธิ์ (ที่ 2 จากซ้าย) สถาปนิกและผู้ก่อตั้ง SomethingDesign มอบรางวัลให้กับทีมผู้ชนะเลิศการประกวด COTTO DESIGN CONTEST 2023 ผ่านแนวคิด Self-tainable การออกแบบพื้นที่สาธารณะขนาดย่อมที่แก้ไขปัญหาด้านความยั่งยืนในแบบของตน เพื่อสนับสนุนให้นักออกแบบรุ่นใหม่เติบโตไปในสายงานออกแบบบที่ยังคงความเป็นตัวตน พร้อมนำแนวคิดเชิงสถาปัตย์มาเพื่อช่วยคลีคลายปัญหาสังคม ชุมชน และโลกใบนี้ ณ หอศิลปวัฒนธรรม กรุงเทพมหานคร

ข้อมูลสนับสนุน

รางวัลที่ 1 ชื่อผลงาน: ท่าใหม่-ชีวิตใหม่ โดยนายสุทธิพงศ์ คามทิตย์ ชั้นปีที่ 3 คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนเเก่น

รางวัลที่ 2 ชื่อผลงาน: Don't walk under the stair โดย นายวิชยุตม์ สิมะโรจน์ ชั้นปีที่ 4 คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการผังเมืองมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

รางวัลที่ 3 และ รางวัล Popular Vote  ชื่อผลงาน: FLOREST โดยนายชวิน เหล่าอนันต์ขัย ชั้นปีที่ 2 Architecture, Chulalongkorn University และนางสาววรณัน อธิพันธุ์อำไพ ชั้นปีที่ 2 Architecture, Architecture Association, Experimental Program

'ห้าดาว' (FIVE STAR) ผู้นำธุรกิจร้านอาหารแฟรนไชส์ ในกลุ่ม บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ คว้ารางวัล Best of Thailand Bronze จากเวที YouTube Works Award ประเทศไทย ประจำปี 2566 ซึ่งสุดยอดแคมเปญโฆษณา เรื่อง FIVE STAR : QUALITY TIME, AGAIN นี้ได้สร้างความตรึงใจให้แก่ผู้ชม โดยร่วมมือกับ RABBIT’S TALE ถ่ายทอดความคิดสร้างสรรค์ในการวางแผนสื่อ การเล่าเรื่อง ตลอดจนการใช้เครื่องมือต่างๆ บน YouTube สร้างผลลัพธ์ทางการตลาดและธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ขณะเดียวกัน ผลงานโฆษณาชิ้นนี้ยังเป็นหนึ่งในตัวแทนประเทศไทยไปแข่งขันในเวทีระดับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในงาน The YouTube Works Awards SEA 2023 ที่จัดขึ้น ณ กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย โดยแคมเปญโฆษณา FIVE STAR : QUALITY TIME, AGAIN สามารถคว้ารางวัลรองชนะเลิศจาก 2 สาขา ได้แก่ สาขา "The Fire Starter " สุดยอดรางวัลแคมเปญโฆษณาที่สร้างความรู้สึกรัก สร้างแรงบันดาลใจ และความภักดี หรือการสนับสนุนแบรนด์ในกลุ่มเป้าหมาย ผ่าน YouTube อย่างสร้างสรรค์ และ สาขา "The Big Bang" รางวัลแคมเปญโฆษณาเปิดตัวหรือเปิดตัวใหม่ รวมถึงแบรนด์หรือผลิตภัณฑ์ใหม่ ตำแหน่งใหม่ สโลแกนใหม่ ฯลฯ ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อสร้างการรับรู้ให้กับกลุ่มเป้าหมาย

นายสุนทร จักษุกรรฐ์ กรรมการผู้จัดการธุรกิจห้าดาว บริษัท ซีพีเอฟ เรสเทอรองท์ แอนด์ ฟู้ดเชน จำกัด กล่าวว่า ห้าดาว ภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสรรค์งานโฆษณาคุณภาพ จนคว้ารางวัลจาก The YouTube Works Awards ปี 2023 ทั้งในประเทศ และเป็นหนึ่งในตัวแทนประเทศไทยไปสร้างชื่อเสียงในเวทีระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นการตอกย้ำศักยภาพในการทำตลาดออนไลน์ และสร้างแบรนด์ให้ได้รับความนิยมในประเทศไทย โดยสิ่งสำคัญ คือการตอบรับ และได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภค ที่ให้ห้าดาวเป็นแบรนด์ในใจ และเป็นมื้ออร่อยที่มีคุณภาพ ถูกปากทุกคนในครอบครัวส่งต่อรุ่นสู่รุ่นมาตลอดกว่า 39 ปี โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z ที่ทำให้คะแนน Brand for me เพิ่มขึ้น 18.5% เป็นแรงสนับสนุนให้ห้าดาวได้รับรางวัลนี้ อีกทั้งยังผลักดันให้แบรนด์พัฒนาและสร้างสรรค์แคมเปญดีๆ เพื่อทุกคนต่อไป 

สำหรับ ภาพยนตร์โฆษณา เรื่อง FIVE STAR : QUALITY TIME, AGAIN (รับชม https://youtu.be/ICMaMKLPjEc) บอกเล่าเรื่องราวจากเหตุการณ์จริงของความสัมพันธ์ระหว่างลูกกับแม่ผู้จากไป กับรสชาติเมนูวัยเด็กที่คุ้นเคย ความสุขระหว่างมื้ออาหารที่มีค่าสำหรับการใช้เวลาทานข้าวร่วมกันของครอบครัว ตอกย้ำ “ความเป็นครอบครัว” ของแบรนด์ห้าดาว สะท้อนความรู้สึกของผู้ชมได้อย่างแท้จริง รวมทั้งยังสร้างการมีส่วนร่วมจากผู้ชมได้สูงอีกด้วย

 

จ่อเปิดเวทีสัมมนา-เจรจาธุรกิจระดับนานาชาติ Asia international Hemp Expo & Forum 2023

ยกขบวนสินค้าและเทคโนโลยีการถ่ายภาพจากแบรนด์ดัง ตอบทุกโจทย์ ครบทุกสไตล์ พร้อมกิจกรรมพิเศษมากมาย

มูลนิธิศูนย์ข้อมูลจราจรอัจฉริยะไทย (Intelligent Traffic Information enter Foundation) หรือ  “iTIC” ร่วมกับ กระทรวงคมนาคม กระทรวงสาธารณสุข กองบัญชาการตำรวจนครบาล สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล สมาคมระบบขนส่งและจราจรอัจฉริยะไทย และคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดสัมมนา“4th iTIC FORUM 2023: Power of Connectivity and Smart Mobility” เพื่อเผยแพร่ความรู้ด้าน Connectivity and Smart Mobility ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ยกระดับการพัฒนาระบบขนส่ง การจราจรอัจฉริยะและลดอุบัติเหตุในประเทศไทยแบบ real-time เนื่องจาก ประเทศไทยมีอุบัติเหตุเป็นอันดับ 9 ของโลก มีผู้เสียชีวิต 17,379 คน/ปี หรือ กว่า 48คน/วัน มีฝุ่นควันพิษมากเป็นอันดับที่ 30 ของโลก และกรุงเทพรถติดเป็นอันดับ 32 ของโลก

โดยมี นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ร่วมกล่าวเปิดงานและปาฐกถา พิเศษ “ความพร้อมของการเชื่อมต่อ โครงสร้างพื้นฐานในประเทศไทย” ว่าการสัมมนาในครั้งนี้สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงคมนาคมที่มุ่งเน้น 4 แนวทางหลักคือ 1. เปิดประตูการค้า การท่องเที่ยว ด้วยการพัฒนารถไฟทางคู่และรถไฟความเร็วสูง ส่งเสริมและพัฒนาระบบโครงข่ายทางถนนและทางพิเศษให้ครอบคลุมความต้องการเดินทางของประชาชน และการส่งเสริมพัฒนาระบบการขนส่งสินค้าทางน้ำที่มีต้นทุนต่ำที่สุด ด้วยการเพิ่มขีดความสามารถของท่าเรือแหลมฉบัง ตลอดจนการศึกษาโครงการ Land Bridge เชื่อมทะเลอันดามันและอ่าวไทย 2.เน้นความปลอดภัยลดอุบัติเหตุในการเดินทางของประชาชน 3.เพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีและลดต้นทุนในการเดินทาง 4. เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น Green Transport ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์และ PM 2.5 โดยส่งเสริมการใช้พลังงานทางเลือกในการเดินทาง รวมทั้งการบูรณาการ ร่วมกับหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาการจราจร กระทรวงคมนาคมได้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน บริการครอบคลุมการเดินทางอาทิ รถไฟใต้ดิน บนดิน ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ปัจจุบันเปิดให้บริการทั้งสิ้น 12 เส้นทาง ระยะทางรวม 276.84 กิโลเมตร ถนนทางหลวง ทางหลวงชนบท และทางหลวงท้องถิ่น รวมระยะทาง 707,364.25 กิโลเมตร

นายนินนาท ไชยธีรภิญโญ ประธานมูลนิธิศูนย์ข้อมูลจราจรอัจฉริยะไทย (Intelligent Traffic Information enter Foundation) หรือ “ iTIC” กล่าวว่า มูลนิธิฯ พร้อมระดมพลังความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนขับเคลื่อนข้อมูล Big Data ระหว่างหน่วยงานต่างๆ นำมาประมวลผล วิเคราะห์ข้อมูลแก้ปัญหาจราจรและลดอุบัติเหตุ แบบ real-time เช่น การปิดจราจร, อุบัติภัย, ไฟไหม้, เมฆฝน, และน้ำท่วม ภัยพิบัติ, หรือแม้กระทั่ง ฝุ่น PM2.5 ตลอด 24 ชั่วโมง ที่สำคัญ มีการแจ้งเตือนการเกิดอุบัติเหตุ ให้ผู้ขับขี่ที่เดินทางไปในบริเวณรัศมี 5 กิโลเมตรจากจุดเกิดเหตุด้วย ทั้งนี้ iTIC รายงานข้อมูลแบบ real time traffic โดยใช้ข้อมูลจาก Vehicle Probe กว่า 100,000 คัน วิ่งอยู่ทั่วประเทศมาประมวลผล แสดงบน Digital Map มีกล้อง CCTV รวมทั้งหมด 282 กล้อง อนาคตมีแผนขยายการเชื่อมต่อกล้อง CCTV จากเทศบาลเมืองภูเก็ต อุดรธานี หนองคาย เชียงใหม่ และอีกหลายจังหวัด กล้อง CCTV นอกจากใช้ประโยชน์ในการดูสภาพจราจรแบบ real time แล้ว ยังใช้ในการวิเคราะห์สาเหตุของอุบัติเหตุ มีการเสนอจุดฝืดของจราจร 20 จุดใน กทม. และจุดเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุที่กทม. และที่ฉะเชิงเทรา

ด้าน รองศาสตราจารย์ ดร.วิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร  กล่าวถึง “แนวคิดใหม่ในการสัญจรของคนกรุง” การเดินทางที่ดีเป็นนโยบายของกทม. ที่มุ่งเน้นให้ผู้คนเดินทางให้เกิดความสะดวกสบายและปลอดภัย แต่ปัจจุบันยังพบว่าปัญหาการเดินทางของประชาชน คือ การเชื่อมต่อจุดหมายปลายทางของการเดินทาง บางเส้นทางโครงข่ายรถไฟฟ้ายังไปไม่ถึง ที่ผ่านมากทม.ได้มีการทำแพลตฟอร์ม Traffic Fongdu ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มแจ้งเรื่องร้องเรียนถึงปัญหาต่างๆของประชาชนในกรุงเทพฯ ประมาณ 300,000 เรื่อง พบว่าปัญหาที่ประชาชนร้องเรียนเข้ามาส่วนใหญ่ คือ เรื่องปัญหาการเดินทางถนนและปัญหาบนทางเท้า ทั้งนี้กทม.มีแผนจะปรับปรุงทางเท้าใหม่ โดยใช้มาตรฐานใหม่ในการก่อสร้างทั้งวัสดุผิวทางเท้า,คอนกรีตเสริมเหล็กหนาประมาณ 10 ซม. ทั้งยังมีแผนดำเนินการก่อสร้างทางเดินสำหรับกันแดดและการฝนเพื่อเชื่อมต่อป้ายรถประจำทางและสถานีรถไฟฟ้า นอกจากนี้ขณะเดียวกันกทม.ยังมีโครงการแก้ปัญหาจราจรในกรุงเทพฯด้วยการติดตั้งระบบควบคุมสัญญาณไฟจราจรเป็นพื้นที่ (ATC) โดยเป็นการนำข้อมูล Probe Data มาใช้ในพื้นที่โครงการ ซึ่งจะช่วยลดความล่าช้าการเดินทางในชั่วโมงเร่งด่วนลง 10% และลดความล่าช้าการเดินทางนอกชั่วโมงเร่งด่วนลง 30% โดย กทม.มุ่งเน้นแก้ไขปัญหาจุดฝืด-จุดรถติด เพื่อแก้ปัญหาการจราจรและลดอุบัติเหตุในกรุงเทพฯ อย่างยั่งยืน 

นอกจากนี้ภายในงานสัมมนาช่วงเช้ามีการบรรยาย ดังนี้ โดยได้รับเกียรติจาก Vehicle Information and Communication Systems (VICS) และ Intelligent Transportation Society of Taiwan (ITS Taiwan) มาแชร์ประสบการณ์ความสำเร็จในการแก้ปัญหาจราจรและลดอุบัติเหตุบนท้องถนน ตลอดจนเทคโนโลยีการเดินทางอัจฉริยะ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ (EA)  จะพูดถึง “ศักยภาพของเอกชนไทยในการขับเคลื่อนสมาร์ทโลจิสติกส์ รถ-เรือ-ราง” ด้วย Green Transportation

จากนั้นจะเป็นช่วง เสวนา นำโดย ดร.ไพรินทร์ ชูโชติถาวร อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ในหัวข้อ “โอกาสของไทยในการเป็นศูนย์กลางการคมนาคมแห่งภูมิภาคเชื่อมไทยเชื่อมโลก” สร้างระบบ Feeder ไปยังสถานีขนส่งมวลชนได้อย่างไร โดยมีกรมการขนส่งทางราง, การรถไฟแห่งประเทศไทย, การทางพิเศษแห่งประเทศไทย และบริษัท เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) ร่วมเสวนา

ในช่วงบ่าย รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร รศ.ดร. วิศณุ ทรัพย์สมพล จะนำเสนอ “แนวคิดใหม่ในการสัญจรของคนกรุง” จากนั้น บริษัท ช.การช่าง โดย ดร.สุภามาส ตรีวิศวเวทย์ จะมาพูดเรื่อง “การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อเชื่อมต่อการเดินทางอัจฉริยะและสังคมที่ยั่งยืนในประเทศไทย”

บริษัท ไอโออิ กรุงเทพ ประกันภัย โดย คุณ ฮิเดโอะ อิวาซาวะ จะมาพูดถึงการใช้ข้อมูลในการสร้างคุณค่าร่วมกันและเสวนา นำโดย นายแพทย์ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข พูดถึงประสบการณ์และยกตัวอย่างการลดอุบัติเหตุและช่วยชีวิตผู้บาดเจ็บบนถนน ของจังหวัดขอนแก่น Model ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ว่าทำอย่างไร โดยมี กรมทางหลวง, กรมทางหลวงชนบท, กรมการขนส่งทางบก ร่วมเสวนา

สุดท้ายเป็นการเสวนาหัวข้อ “พลังของข้อมูลในระบบคมนาคมขนส่ง สู่อนาคต” นอกจากนี้ยังมีการจัดนิทรรศการโดยผู้สนับสนุนหลัก, SME และ Start up ถึง 30 บูท ปิดท้ายด้วย Big Surprise  ช่วงท้ายของงาน โดยมีผู้สนใจทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชนกว่า 300 รายเข้าร่วมงานสัมมนาดังกล่าว

18-19 พฤศจิกายนนี้ เปิดจองชั้นสวย พร้อมรับวิวแม่น้ำ ส่วนกลางใหญ่

X

Right Click

No right click