

นายปิยะ รัชตวรคุณ ผู้จัดการฝ่ายประจำ รักษาการผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มขายและปฎิบัติการลูกค้าภาคตะวันออก บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT เป็นผู้แทนรับมอบใบรับรองระบบบริหารคุณภาพ ISO 9001:2015 การให้บริการ NT Contact Center ศูนย์โทรคมนาคม นนทบุรี โดยมี คุณรุจิรา สีสุกใส ตำแหน่ง Key Account Manager ผู้จัดการฝ่ายบริหารงานลูกค้ารายใหญ่ จาก บริษัท บีเอสไอกรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้มอบ ณ ห้อง NCC อาคาร 3 ชั้น 3 ศูนย์โทรคมนาคมนนทบุรี

นายปิยะฯ กล่าวว่า NT ให้ความสำคัญกับการให้บริการ Contact Center โดยคำนึงถึงความถูกต้อง รวดเร็ว และการให้บริการครบวงจรตลอด 24 ชม. โดยมุ่งมั่นและตั้งใจที่จะนำมาตรฐานระบบบริหารงานคุณภาพ ISO 9001 ซึ่งได้รับการยอมรับทั่วโลกมาเป็นกรอบในการบริหารงานอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ก่อนการควบรวมระหว่าง บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT และบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) มาเป็น NT ในปัจจุบัน
การได้รับใบรับรองระบบบริหารงานคุณภาพการให้บริการ ISO 9001:2015 สำหรับการให้บริการ Contact Center 1888 ในปี 2566 นี้ เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จ ในการยกระดับการให้บริการในมิติต่าง ๆ ทั้งในด้านคุณภาพบริการและการอำนวยความสะดวกและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้าของ NT อย่างต่อเนื่องด้วยมาตรฐานสากล
ในยุคที่เรามีโทรศัพท์มือถือเพียงแค่ 1 เครื่องก็สามารถสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ ได้มากมาย สร้างบทบาทใหม่ ๆ บนโลกดิจิทัล จนกลายเป็นอาชีพได้
เมื่อเร็วๆ นี้ ศูนย์กลยุทธ์และความสามารถทางการแข่งขันองค์กร (STECO) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ร่วมกับ ฝ่ายทรัพยากรบุคคล การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้จัดพิธีมอบประกาศนียบัตรให้แก่ Talent Candidates และผู้ผ่านการคัดเลือก TAT Talent 2566 ณ ห้องสมุด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

โดยได้รับเกียรติจากคุณยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เป็นประธานมอบประกาศนียบัตรและรางวัลสำหรับคนเก่งขององค์กร (Talent) พร้อมด้วยรองผู้ว่าและคณะผู้บริหาร ททท. ร่วมแสดงความยินดี

ในการนี้ ผศ.ดร.วัชรพจน์ ทรัพย์สงวนบุญ ผู้จัดการโครงการบริหารคนเก่ง ททท. ปีงบประมาณ 2566 และ ดร.สุขยืน เทพทอง ที่ปรึกษาโครงการ เข้าร่วมพิธีด้วย โดยโครงการนี้เป็นโครงการต่อเนื่องจากปี 2565 ในการนำ Talent Candidates เป็นผู้ที่ได้รับการคัดเลือกเข้ารับการพัฒนาศักยภาพของตนเองให้สอดคล้องกับแผนวิสาหกิจขององค์กรใน 3 หลักสูตร ได้แก่ ภาวะผู้นำ การประเมินและบริหารผลงาน และการจัดการนวัตกรรม

โดยมีการพัฒนาและติดตามผลโครงการตามตัวชี้วัด OKRs ภายใต้การให้คำแนะนำของผู้บริหาร คณะกรรมการคัดเลือกคนเก่ง และคณาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิจาก มจธ. ประกอบด้วย ผศ.ดร.พรรษา เอกพรประสิทธิ์, ผศ.ดร.ปกรณ์ สุปินานนท์, ดร.ดั้นดุสิต โปราณานนท์, ดร.รังสรรค์ เกียรติ์ภานนท์, ดร.สุขยืน เทพทอง และดร.สุกฤตา ปรีชาว่อง ตลอดระยะเวลา 7 เดือนที่ผ่านมา
บ้านปู ร่วมกับมหิดล เชิญชวนน้อง ๆ ระดับมัธยมปลายและปวช.ทั่วประเทศ สมัครเข้าร่วมค่ายเยาวชนวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม (Power Green Camp) ครั้งที่ 18 ภายใต้แนวคิด “Waste Warriors ภารกิจพิทักษ์โลก: Green Cloud – Green Tech – Green Influencer” มาร่วมผสานพลังกับ 3 เซเลบ “เน๋ง-ศรัณย์ นราประเสริฐกุล” “แอนนา เสืองามเอี่ยม” และ “เอิ๊ต-ภัทรวี ศรีสันติสุข” ในภารกิจพิทักษ์โลก ออกสำรวจปัญหาขยะตั้งแต่ต้นทางไปจนถึงปลายทาง ร่วมเรียนรู้การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีคลาวด์คอมพิวติ้ง (Green Cloud Computing) และเทคโนโลยีด้านวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม (Green Technology) เข้ามาช่วยจัดการปัญหาขยะอย่างยั่งยืน ตลอดจนปลูกฝังให้เยาวชนกล้าคิด กล้าแสดงออก ร่วมเป็น Green Influencer กระบอกเสียงเล็กๆ เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ งานนี้น้องคนไหนอยากร่วมเรียนรู้ และเป็นส่วนหนึ่งของภารกิจพิทักษ์โลกไปกับพี่เน๋ง พี่แอนนา และพี่เอิ๊ต รีบสมัครให้ไว ผ่านทางเว็บไซต์ www.powergreencamp.com เปิดรับสมัครถึงวันที่ 15 กันยายนนี้เท่านั้น
บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต ได้รับเกียรติจาก คุณเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานกิตติมศักดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศ (คนที่ 3 จากขวา) และคุณรัฐกร อัสดรธีรยุทธ์ ประธานการจัดงาน Thailand Smart Money (คนกลาง) ร่วมเปิดบูธงาน Thailand Smart Money สุราษฎร์ธานี ครั้งที่ 9 โดยมี คุณภัทรพล อินทร์จันทร์ Senior Regional Agency Management (คนที่ 2 จากขวา) พร้อมตัวแทนให้การต้อนรับและร่วมถ่ายภาพเป็นที่ระลึก ณ เซ็นทรัล สุราษฎร์ธานี
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้นำที่สุดของผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่ตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้า ทั้งด้านสุขภาพ ความคุ้มครอง การลงทุน พร้อมสิทธิพิเศษจากแคมเปญต่างๆ มากมาย และบริการตรวจสุขภาพฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย ฯลฯ มาให้บริการ โดยมุ่งเน้นการมีลูกค้าเป็นศูนย์กลาง และพร้อมอยู่เคียงข้างทุกความเชื่อมั่น ดูแลกันตลอดไป ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ เพิ่มเติมได้ที่ https://www.krungthai-axa.co.th/ หรือ โทร 1159 ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง
สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ร่วมกับ มหาวิทยาลัยขอนแก่น จัดกิจกรรมเสวนา
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ผนึกเครือข่ายจัดใหญ่งานมหกรรมสิ่งแวดล้อมและการจัดการของเสีย ร่วมขับเคลื่อนสู่โลกที่ดีกว่า โดยมุ่งเป้า 3 ประเด็นหลัก โชว์นวัตกรรมรีไซเคิล จัดสัมมนาเจรจาจับคู่ธุรกิจ และเผยแพร่องค์ความรู้กฎหมายสิ่งแวดล้อมฉบับใหม่ คาดมีผู้สนใจเข้าร่วมงานไม่ต่ำกว่าหมื่นคนต่อวัน
เมื่อเร็วๆ นี้ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) จัดงานแถลงข่าวการจัดงานแสดงสินค้าบริการและสัมมนาด้านสิ่งแวดล้อมและการจัดการของเสียหรือ EnwastExpo 2023 (Environmental & Waste Management Expo 2023) ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 4-6 ตุลาคม 2566 ณ อาคาร 6 อิมแพค เมืองทองธานี นี้ ภายใต้ธีม”ร่วมขับเคลื่อนสู่โลกที่ดีกว่า” โดยได้รับเกียรติจากนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธาน ส.อ.ท. และนายธีระพล ติรวศิน ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมการจัดการเพื่อสิ่งแวดล้อม ส.อ.ท. ร่วมแถลงข่าวการจัดงาน EnwastExpo 2023 ณ ลานไทยเบฟ ชั้น 10 ส.อ.ท.

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวถึงวัตถุประสงค์การจัดงานแสดงสินค้าบริการและสัมมนาด้านสิ่งแวดล้อมและการจัดการของเสียหรือ EnwastExpo 2023 (Environmental & Waste Management Expo 2023) ว่าเป็นผลมาจากสถานการณ์สิ่งแวดล้อมโลกที่เปลี่ยนไป ส่วนหนึ่งเกิดจากการเพิ่มขึ้นของประชากรโลก ทำให้ต้องหาวิธีผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคให้เพียงพอ ซึ่งทำให้เกิดขยะและกากของเสียที่มีปริมาณเพิ่มขึ้นทุก ๆ ปี จากรายงานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) พบว่าในปี 2560 ประเทศไทยมีปริมาณขยะประมาณ 27 ล้านตันหรือประมาณ 74,998 ตัน/วัน ซึ่งหมายความว่าแต่ละคนสร้างขยะปริมาณ 1.13 กิโลกรัม/วัน และมีกากอุตสาหกรรมเกิดขึ้น 33 ตัน/ปี ทั้งที่เป็นอันตรายและไม่อันตราย จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการจัดการอย่างถูกวิธี และสอดคล้องตามแนวทาง BCG เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว รวมไปถึงการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมนี้
"นับเป็นโอกาสที่ดีที่เรายังมีอุตสาหกรรมที่เข้ามาช่วยสนับสนุนและแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ก็มีนโยบายเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศ ผ่านการดำเนินงานของกลุ่มอุตสาหกรรมการจัดการเพื่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะเป็นกลุ่มสนับสนุนความยั่งยืนของอุตสาหกรรมไทยในภาพรวม และเราพร้อมเดินหน้านำนวัตกรรม เทคโนโลยีที่ทันสมัยมาประยุกต์ใช้ในการกำจัดขยะ ของเสีย เพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน” นายเกรียงไกร กล่าว
นอกจากนี้ นายเกรียงไกร ยังอธิบายเพิ่มเติมว่า “การร่วมขับเคลื่อนสู่โลกที่ดีกว่า” ซึ่งเป็นธีมในการจัดงานครั้งนี้ว่ามีองค์ประกอบด้วยกัน 3 ส่วน ได้แก่ 1.ต้นทาง ผู้กำเนิดมลพิษและขยะ 2.ปลายทาง ผู้ที่จะช่วยลด บำบัด กำจัดมลพิษและขยะ โดยนำเครื่องมือเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการบริหารจัดการ โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าการลงทุนและการคืนกำไรสู่สังคม และ 3. ระหว่างทาง ซึ่งจะต้องอาศัยนโยบายของภาครัฐในการเข้ามากำกับดูแลเพื่อให้มีการแก้ไขปัญหาอย่างถูกวิธี อันนำไปสู่การสร้างสิ่งแวดล้อมที่สมดุลและยั่งยืน

ด้านนายธีระพล ติรวศิน ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมการจัดการเพื่อสิ่งแวดล้อม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ในฐานะประธานการจัดงานกล่าวว่า กลุ่มอุตสาหกรรมการจัดการเพื่อสิ่งแวดล้อม ส.อ.ท. ร่วมกับสมาคมการจัดการของเสียอย่างยั่งยืน ภายใต้การสนับสนุนในฐานะเจ้าภาพร่วมจากหน่วยงานที่กำกับดูแลสิ่งแวดล้อม อาทิ กรมโรงงานอุตสาหกรรม การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กรมควบคุมมลพิษ กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ รวมไปถึงภาคเอกชนทั้ง SCG, AMATA Facility และสมาคมวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมแห่งประเทศไทย ในการจัดงานมหกรรมด้านสิ่งแวดล้อมและการจัดการของเสีย หรือ EnwastExpo 2023 (Environmental & Waste Management Expo 2023) ภายใต้ธีม”ร่วมขับเคลื่อนสู่โลกที่ดีกว่า” ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในการจัดงานใหญ่ด้านสิ่งแวดล้อมและการจัดการของเสียในประเทศไทย ทั้งนี้เพื่อฉลองครบรอบ 20 ปีของกลุ่มอุตสาหกรรมการจัดการเพื่อสิ่งแวดล้อม โดยไม่ได้คำนึงถึงผลกำไร และพร้อมผลักดันการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาใช้ในการจัดการมลพิษและของเสียที่เกิดจากทุกภาคส่วน ตั้งแต่ภาคอุตสาหกรรม ชุมชน สังคม ตลอดจนภาคครัวเรือน ซึ่งงานด้านสิ่งแวดล้อมในลักษณะนี้ในต่างประเทศ ประสบความสำเร็จและมีการจัดงานอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด
นายธีระพลกล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดงานครั้งนี้จะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ประกอบด้วย ส่วนแรกการจัดการแสดงเทคโนโลยีนวัตกรรมใหม่ ๆ ด้านสิ่งแวดล้อมและการจัดการของเสีย พร้อมโชว์เทคโนโลยีนวัตกรรมรีไซเคิลต้นแบบ ส่วนที่สองการจัดสัมมนาด้านสิ่งแวดล้อมและจับคู่ธุรกิจ เพื่อให้ผู้ผลิตและจำหน่ายเทคโนโลยี ผู้ก่อกำเนิดกากของเสียการจัดการมลพิษจากต้นทางและผู้รับบำบัด กำจัดและรีไซเคิลกากของเสียและมลพิษประเภทต่าง ๆ มาพบปะกันเพื่อต่อยอดทางธุรกิจ
“การจัดงานครั้งนี้ เป็นการสนับสนุนให้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านสิ่งแวดล้อมและการจัดการของเสียอย่างเต็มรูปแบบและครบวงจร มีการเจรจาจับคู่ธุรกิจ มีการสัมมนานำเสนอองค์ความรู้ใหม่ ให้ทันกับสถานการณ์ด้านสิ่งแวดล้อมโลกที่เปลี่ยนไป ตลอดจนการนำเสนอเทคโนโลยีการสื่อสารและกฎหมายใหม่ ๆ ที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศไทย สิ่งเหล่านี้ เราจะขนมาไว้ในงานนี้ เพื่อเป็นแหล่งรวมให้กับผู้สนใจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจด้านนี้” นายธีระพล กล่าวทิ้งท้าย
สำหรับกลุ่มเป้าหมายที่เยี่ยมชมงาน นอกจากจะเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่ให้การสนับสนุนทั้งภาครัฐและเอกชนแล้ว ยังมีผู้บริหารโรงงานขนาดกลาง-ใหญ่กว่า 40,000 โรงงาน เจ้าหน้าที่และผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกว่า 10,000 แห่งทั่วประเทศ นักวิชาการ นักศึกษาและประชาชนที่สนใจทั่วไป โดยคาดว่าจะมีผู้เยี่ยมชมงานไม่ต่ำกว่า 10,000 คน มีการเจรจาจับคู่ธุรกิจมากกว่า 300 คู่ สัมมนาและเวิร์คช้อปมากกว่า 20 หัวข้อ และมีบริษัทด้านสิ่งแวดล้อมเข้าร่วมจัดแสดงสินค้านวัตกรรมมากกว่า 100 บริษัท
การจัดงานแสดงสินค้าและสัมมนาด้านสิ่งแวดล้อมและการจัดการของเสียหรือ EnwastExpo 2023 (Environmental & Waste Management Expo 2023) จะมีขึ้นในระหว่างวันที่ 4-6 ตุลาคม 2566 นี้ ณ อาคาร 6 อิมแพค เมืองทองธานี ภายใต้ธีม”ร่วมขับเคลื่อนสู่โลกที่ดีกว่า” สนใจสอบถามรายละเอียดการจัดงานได้ที่กลุ่มอุตสาหกรรมการจัดการเพื่อสิ่งแวดล้อม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) โทร.02 345 1000 หรือ www.enwastexpo.com