×

Warning

JUser: :_load: Unable to load user with ID: 7636

JUser: :_load: Unable to load user with ID: 6847

JUser: :_load: Unable to load user with ID: 840

 ลอรีอัล กรุ๊ป เปิดเผยข้อมูลผลการดำเนินงานปี 2562 โดยบริษัทมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น +8.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมียอดขายรวมมูลค่า 2.987 หมื่นล้านยูโร ซึ่งเป็นการเติบโตที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ปี 2550

 

นายฌอง-พอล แอกง (Jean-Paul Agon) ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของลอรีอัล กล่าวว่า “ลอรีอัลสามารถส่งท้ายทศวรรษที่ผ่านมาได้อย่างยอดเยี่ยม ท่ามกลางตลาดความงามที่ยังคึกคักเป็นอย่างยิ่ง ยอดขายทุกแผนกเติบโตขึ้น ยอดขายแผนกผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูง (LOréal Luxe) สูงกว่า 1.1 หมื่นล้านยูโร จากการเติบโตของ 4 แบรนด์ใหญ่ของลอรีอัล ได้แก่ ลังโคม อีฟ แซงต์ โลร็องต์ จิออร์จิโอ อาร์มานี และคีลส์ ซึ่งสามารถทำยอดขายเพิ่มขึ้นในอัตราเลข 2 หลักได้ทุกแบรนด์  ส่วนแผนกผลิตภัณฑ์เวชสำอาง (Active Cosmetics) ก็ทำยอดขายทั้งปีได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยยอดขาย ลา โรช-โพเซย์ ทะลุ 1 พันล้านยูโร ขณะที่การขยายตัวของแผนกผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภค (Consumer Products) ก็ได้แรงหนุนจากแบรนด์ ลอรีอัล ปารีส ที่ทำผลงานยอดเยี่ยมตลอดทั้งปีได้ดีเป็นอย่างยิ่ง รวมทั้งยอดขายในแผนกผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพ (Professional Products) ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน ซึ่งไฮไลท์อยู่ที่การเติบโตในอัตราเลข หลักของแบรนด์ เคเรสตาส

 

ทั้งนี้ ผลประกอบการที่แบ่งตามโซนภูมิภาคมีความแตกต่างกัน โดยกลุ่มตลาดใหม่มีอัตราการเติบโตสูงสุดในรอบกว่า 10 ปี และตลาดเอเชียแปซิฟิกก้าวขึ้นมาเป็นภูมิภาคอันดับหนึ่ง ผลักดันด้วยยอดขายในจีนที่เติบโตช่วงปลายปี รวมทั้งยอดขายที่เพิ่มสูงขึ้นในเกาหลีใต้ อินเดีย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ในส่วนตลาดยุโรปตะวันออกสามารถรักษาอัตราการเติบโตที่แข็งแกร่งเอาไว้ได้ ในขณะที่ยุโรปตะวันตกก็สามารถหวนคืนสู่การขยายตัวได้อีกครั้งในปีที่แล้ว แต่อเมริกาเหนือได้รับผลกระทบจากผลประกอบการที่ย่ำแย่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เมคอัพ

 

ช่องทางอี-คอมเมิร์ซ และค้าปลีกท่องเที่ยว ยังคงเป็นปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตที่ทรงพลัง ซึ่งมีส่วนสนับสนุนเป็นอย่างมากต่อความสำเร็จของกลุ่มบริษัท โดยอี-คอมเมิร์ซขยายตัวอย่างโดดเด่นในอัตรา +52.4% และมียอดขายคิดเป็นสัดส่วน 15.6% ของยอดขายรวม ขณะที่ช่องทางค้าปลีกท่องเที่ยวก็ยังมีการเติบโตที่แข็งแกร่ง และมียอดขายเพิ่มขึ้น +25.3%

 

ความแข็งแกร่งของรูปแบบธุรกิจที่มีความสมดุลของลอรีอัลนำมาซึ่งความสำเร็จอีกครั้งในปีนี้ โดยการดำเนินธุรกิจทั่วโลกของลอรีอัล ซึ่งครอบคลุมตลาดความงามทั้งหมด รวมทั้งทีมงานผู้มีความสามารถที่มีอยู่ทั่วโลก ทำให้บริษัทสามารถบรรลุผลกำไร และเติบโตยั่งยืน อีกทั้งยังเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับสถานะของบริษัทในฐานะผู้นำตลาดความงาม

 

ในขณะที่ทั่วโลกได้รับผลกระทบอย่างหนักจากปัญหาด้านสภาพภูมิอากาศในปี 2562 แต่ลอรีอัลก็ยังคงสานต่อพันธสัญญาในการดำเนินธุรกิจอย่างรับผิดชอบและยั่งยืน โดย CDP ได้จัดอันดับความน่าเชื่อถือ AAA ให้แก่บริษัทอีกครั้งเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน จากการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ การบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน และการต่อสู้กับการทำลายป่า โดยลอรีอัลได้รับการรับรองให้เป็นบริษัทที่มีจริยธรรมมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลกจากการจัดอันดับของ Ethisphere Institute เป็นครั้งที่ 10 นอกจากนี้ ลอรีอัลยังมีบทบาทสำคัญในเรื่องความเสมอภาคทางเพศ และความเป็นผู้นำของบริษัทในด้านนี้ได้รับการยกย่องจาก Equileap และ Bloomberg ซึ่งผลการดำเนินงานที่นอกเหนือจากตัวเลขยอดขายเหล่านี้ ได้สร้างความภาคภูมิใจให้กับบริษัท ซึ่งมีพันธกิจที่แน่วแน่ต่อการส่งเสริมธุรกิจที่มีความรับผิดชอบและยั่งยืน

 

ช่วงเวลาหลายสัปดาห์ต่อจากนี้ จะเป็นความท้าทายสำหรับประชาชนชาวจีนในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา บริษัทขอส่งกำลังใจและจะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ โดยพร้อมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับทีมงานของเราในจีนอย่างแน่นอน บริษัทเฝ้าติดตามสถานการณ์นี้อย่างใกล้ชิด และเชื่อมั่นในทางการจีนว่าจะดำเนินมาตรการอย่างมีประสิทธิภาพและเหมาะสมเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดครั้งนี้อย่างดีที่สุด

 

ทั้งนี้ คาดว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะส่งผลกระทบเพียงชั่วคราวต่อตลาดความงามในภูมิภาคนี้ และต่อธุรกิจของลอรีอัลในจีน ตลอดจนช่องทางค้าปลีกท่องเที่ยวจีน ถึงแม้ว่าอาจจะเร็วเกินไปที่จะประเมินผลกระทบก็ตาม แต่ด้วยประสบการณ์ต่างๆ ที่บริษัทเคยเผชิญมาแล้วกับสถานการณ์แบบเดียวกันในอดีต (โรค SARS, MERS เป็นต้น) แสดงให้เห็นว่า หลังจากช่วงเวลาแห่งความปั่นป่วนวุ่นวายนี้ผ่านพ้นไป การอุปโภคบริโภคก็จะแข็งแกร่งกว่าที่เคยเป็นมาอีกครั้ง ดังนั้น ถ้าหากตั้งสมมติฐานว่า การแพร่ระบาดครั้งนี้จะเป็นไปในรูปแบบเดียวกันกับที่เคยเกิดขึ้น บริษัทมั่นใจในศักยภาพว่า ในปีนี้จะสามารถเติบโตสูงกว่าตลาดความงาม และทำยอดขายและกำไรที่เติบโตขึ้นอีกปี

 

สรุปตัวเลขการเติบโตในแผนกต่างๆ

แผนกผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพเติบโต +3.2% 

ปีนี้เป็นปีที่สามารถกลับมามีอัตราการเติบโตที่สูงกว่าตลาดได้อีกครั้ง ยอดขายโตเร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในช่วงครึ่งปีหลัง ผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผม ซึ่งเป็นกลุ่มที่ผลักดันการเติบโตมากที่สุด ได้รับอานิสงส์จากการขยายตัวอย่างโดดเด่นของแบรนด์เคเรสตาส ที่เติบโตในอัตราเลขสองหลัก แผนกนี้ยังสร้างสถานะที่แข็งแกร่งขึ้นทั่วโลก จากการเติบโตอย่างต่อเนื่องในตลาดสหรัฐ และเอเชียแปซิฟิก ขณะที่ยุโรปตะวันออกก็ยังรักษาการเติบโตไว้ได้

 

แผนกผลิตภัณฑ์อุปโภคเติบโต +3.3%

แบรนด์ลอรีอัล ปารีส มีอัตราการเติบโตสูงสุดตั้งแต่ปี 2550 จากการเปิดตัวครั้งสำคัญของ Rouge Signature ในกลุ่มเมคอัพ และ Revitalift Filler ที่มีส่วนผสมของไฮยาลูรอนนิค แอซิดในกลุ่มสกินแคร์ ซึ่งมีการเปิดตัวไปทั่วโลกในรูปแบบของแอมเพิลและเซรั่ม แบรนด์การ์นิเย่ ก็มีการเติบโตจากกลุ่มตลาดใหม่ รวมทั้งความสำเร็จที่เกิดขึ้นทั่วโลกของผลิตภัณฑ์แผ่นมาสก์หน้า (Tissue Mask) และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า Micellar Cleansing Water และการริเริ่มผลิตภัณฑ์ออร์แกนิก และผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ อาทิ Garnier Organic และ Fructis Hair Food อย่างไรก็ดี ตลาดเมคอัพในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วได้ชะลอตัวลง โดยเฉพาะในสหรัฐ ท่ามกลางสถานการณ์ที่ยากลำบากขึ้นเช่นนี้ เมย์เบลลีน นิวยอร์ก ก็ยังคงประสบความสำเร็จในการเปิดตัว Fit Me! และ Superstay Matte Ink รวมทั้งมีอัตราการเติบโตที่แข็งแกร่งในกลุ่มตลาดใหม่ ด้วยเช่นกัน

 

ผลิตภัณฑ์ความงามขั้นสูงเติบโต +13.8%

แผนกนี้เติบโตสูงกว่าตลาด และตอกย้ำความสำเร็จของผลิตภัณฑ์กลุ่มสกินแคร์และน้ำหอม โดย 4 แบรนด์หลักของแผนกนี้ล้วนมีอัตราการเติบโตในอัตราเลขสองหลัก แบรนด์ลังโคมได้แรงขับเคลื่อนอย่างชัดเจนจากผลประกอบการที่ยอดเยี่ยมในกลุ่มสกินแคร์ โดยเฉพาะสูตรใหม่ของ Génifique และ Absolue รวมทั้งความสำเร็จของน้ำหอมน้องใหม่ Idôle ส่วนแบรนด์ อีฟ แซงต์ โลร็องต์และ จิออร์จิโอ อาร์มานี ก็มียอดขายที่ดีมากในกลุ่มน้ำหอม หลังจากประสบความสำเร็จในการเปิดตัว Libre และการทำผลงานได้ยอดเยี่ยมของ Black Opium, Y และ Sì Passione รวมไปถึงความสำเร็จในกลุ่มผลิตภัณฑ์รองพื้น โดยรวมแล้ว ผลิตภัณฑ์ความงามขั้นสูงสามารถเพิ่มส่วนแบ่งตลาด โดยเฉพาะในเอเชียแปซิฟิก และยุโรปตะวันตก แม้จะเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากกว่าในสหรัฐก็ตาม แผนกนี้ยังทำผลงานได้ดีในช่องทางค้าปลีกท่องเที่ยว ตลาดยุโรปตะวันออก และละตินอเมริกาด้วย ขณะเดียวกัน ช่องทางอี-คอมเมิร์ซของแผนกนี้ก็ยังคงขยายตัวเร็วขึ้น ซึ่งมีสัดส่วนยอดขายกว่า 20% จากยอดขายของแผนก

 

แผนกผลิตภัณฑ์เวชสำอางเติบโต +15.5%

อัตราการเติบโตนี้เป็นการเติบโตสูงสุดในรอบ 20 ปีของแผนกผลิตภัณฑ์เวชสำอาง ยอดขายของแผนกนี้ขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยขยายตัวสองเท่าของตลาดผลิตภัณฑ์ผิวหนัง แบรนด์ ลา โรช-โพเซย์ มีการเติบโตในอัตราเลขสองหลัก ครองส่วนแบ่งตลาดในทุกภูมิภาค และทำยอดขายทะลุ 1 พันล้านยูโร ส่วนแบรนด์วิชี่ ก็เติบโตต่อเนื่อง โดยมียอดขายสูงเป็นพิเศษในยุโรปตะวันออก และละตินอเมริกา โดยกำลังเปิดตัว Liftactiv Peptide-C ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ต่อต้านริ้วรอยที่เป็นนวัตกรรมในรูปแบบแอมเพิล ส่วนแบรนด์เซราวี ซึ่งมีการขยายตัวอย่างมากในสหรัฐ ก็ยังคงขยายตัวไปทั่วโลก ทั้งนี้ ทุกภูมิภาคมีส่วนช่วยสนับสนุนการเติบโตของแผนก โดยเฉพาะเอเชียและอเมริกาเหนือที่มีการขยายตัวแข็งแกร่ง

 

สรุปการเติบโตตามโซนภูมิภาค

  • ยุโรปตะวันตกเติบโต +1.8%
  • อเมริกาเหนือลดลง -0.8%
  • กลุ่มตลาดใหม่

 

เอเชียแปซิฟิกมียอดขายเพิ่มขึ้น +25.5%

ทุกแผนกมียอดขายเพิ่มขึ้นในอัตราเลขสองหลัก และยอดขายที่เพิ่มขึ้นในไตรมาส 4 เนื่องจากได้แรงหนุนอย่างมากจากยอดขายที่สูงเป็นพิเศษในวันคนโสด (11/11) ของจีน โดยยอดขายในจีนเพิ่มขึ้นตลอดทั้งปี และบริษัทก็มีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่ยอดขายในฮ่องกงได้รับผลกระทบอย่างมากจากสถานการณ์ทางสังคม โดยเฉพาะในไตรมาส 4 การขยายตัวในภูมิภาคนี้ยังได้แรงผลักดันจากประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะอินเดีย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย และจากแบรนด์หรูทั้ง ลังโคม คีลส์ อีฟ แซงต์ โลร็องต์และ จิออร์จิโอ อาร์มานี ขณะที่แผนกผลิตภัณฑ์อุปโภคได้รับอานิสงส์จากปีที่สดใสของ ลอรีอัล ปารีส จากความสำเร็จของแบรนด์ 3CE สไตล์นันดะจากเกาหลี รวมทั้งยอดขายที่โตขึ้นของแบรนด์การ์นิเย่ ในประเทศต่างๆ ในเอเชียหลายประเทศ สำหรับแผนกผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพนั้น ได้รับปัจจัยสนับสนุนเป็นพิเศษจากแบรนด์เคเรสตาสและผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผม ส่วนแผนกผลิตภัณฑ์เวชสำอางก็ยังคงเติบโตอย่างสดใสในทุกประเทศ จากความสำเร็จของลา โรช-โพเซย์ และ สกินซูติเคิลส์  

บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด เดินหน้าโครงการ “ทุนวิจัยลอรีอัล ประเทศไทย เพื่อสตรีในงานวิทยาศาสตร์” ครั้งที่ 17 ประจำปี 2562 โดยการสนับสนุนของสำนักเลขาธิการคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) สานต่อการพัฒนานักวิจัยสตรีไทยสู่ระดับนานาชาติ ประกาศเปิดรับสมัครนักวิจัยสตรีเพื่อชิงทุนวิจัยประจำปี 2562 ทุนละ 250,000 บาท พร้อมโล่เกียรติคุณ (รวมไม่เกิน 5 ทุน) โดยผู้สมัครต้องมีอายุไม่เกิน 40 ปี เป็นเจ้าของงานวิจัยอิสระใน 2 สาขา ได้แก่ สาขาวิทยาศาสตร์กายภาพ และวิทยาศาสตร์ชีวภาพ ที่ยังอยู่ในระหว่างการดำเนินการ และหัวข้องานวิจัยมีความเกี่ยวเนื่องกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainability) โดยเปิดรับสมัครผ่านทางออนไลน์แทนการส่งเอกสารทางไปรษณีย์เพื่อให้สอดคล้องกับยุคสังคมดิจิทัลตั้งแต่วันนี้ถึง 31 กรกฎาคม 2562  สามารถศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับโครงการและการสมัครได้ที่: www.fwisthailand.com และสอบถามเพิ่มเติมโทร 02-684-3000, 02-684-3192 และ 02-684-3195 หรืออีเมลที่ This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

 

  ลอรีอัล บริษัทความงามที่มีแบรนด์ในเครือกว่า 34 แบรนด์ เปิดเผยผลประกอบการครึ่งแรกของปีพ.ศ. 2561 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2561 โดยลอรีอัล มีรายได้รวม 13,390 ล้านยูโร หรือเติบโตเพิ่มขึ้น 6.6%   โดยแผนกผลิตภัณฑ์เวชสำอางเติบโต 11.4% และแผนกเครื่องสำอางชั้นสูงเติบโต 13.5% ในขณะที่แผนกผลิตภัณฑ์อุปโภคและแผนกผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพมีการเติบโตได้เล็กน้อย ได้แก่ 1.6% และ 2.5% ตามลำดับ ตลาดที่มีอัตราการเติบโตที่เข้มแข็งที่สุดคือกลุ่มตลาดใหม่ซึ่งประกอบด้วย ตลาดละตินอเมริกา ยุโรปตะวันออก แอฟริกาและตะวันออกกลาง และเอเชียแปซิฟิก โดยในแถบเอเชียแปซิฟิกเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 22% โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มแบรนด์ในตลาดระดับพรีเมี่ยมในประเทศจีนและฮ่องกง ตลาดอเมริกาเหนือมีการปรับตัวที่ดีขึ้นโดยเติบโต 3% ในขณะที่ตลาดยุโรปตะวันตกลดลง 0.8%

 ฌอง-พอล แอกง ประธานและเจ้าหน้าที่บริหารของลอรีอัล กล่าวว่า “ตลาดความงามยังคงคึกคักต่อเนื่อง และมีการยกระดับเข้าสู่ตลาดพรีเมี่ยมมากขึ้น การเติบโตในระดับเลขสองหลักของแผนกผลิตภัณฑ์เวชสำอางและแผนกผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูง มีปัจจัยสำคัญมาจากนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยม และความความเข้มแข็งของแบรนด์ นอกจากนี้ การเติบโตของรายได้จากช่องทางอีคอมเมิร์ซยังสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องมากถึง 36.4% โดยนับเป็น 9.5% ของรายได้รวม ในช่องทางค้าปลีกสินค้าปลอดภาษีนั้น ลอรีอัลเติบโตขึ้นถึง 27.3% ด้วยอัตราการเติบโตในครึ่งปีแรก ในปีนี้ บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถมีอัตราเติบโตสูงกว่าอุตสาหกรรมได้สำเร็จ”  

นอกจากนั้น ในครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ลอรีอัล ได้รุกขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องด้วยการประกาศซื้อกิจการและบรรลุข้อตกลงลิขสิทธิ์หลากหลายแบรนด์ ได้แก่ ซื้อกิจการบริษัทเครื่องสำอางเกาหลี สไตล์นันดะ แบรนด์ 3CE ซื้อกิจการแบรนด์พัลพ์ไรออท (Pulp Riot) ผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผมมืออาชีพจากอเมริกา และ บรรลุข้อตกลงลิขสิทธิ์กับวาเลนติโน ในส่วนผลิตภัณฑ์น้ำหอมและผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูง

ล่าสุดเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม ลอรีอัล ยังได้ประกาศโครงการเข้าซื้อกิจการสถานีน้ำแร่โซไซเท เด เธิร์มส์ เดอ ลาโรช-โพเซย์  (Société des Thermes de La Roche-Posay) ซึ่งเป็นสถานีน้ำแร่แห่งแรกในยุโรปที่ก่อตั้งในปี 1921 เพื่อรักษาและบรรเทาอาการโรคผิวหนัง อาทิ โรคผิวหนังอักเสบผื่นแพ้ โรคสะเก็ดเงิน แผลไฟไหม้ อาการข้างเคียงของผิวหนังจากการรักษามะเร็ง ด้วยคุณสมบัติของน้ำแร่ลาโรช-โพเซย์ และ ได้ซื้อกิจการบริษัทโลโกโคส นาทัวคอสเมติค เอจี (Logocos Naturkosmetik AG) ประเทศเยอรมนี ที่เป็นแนวหน้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์ความงามที่ใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติจากฟาร์มออแกนิก ซึ่งทุกแบรนด์เป็นวีแกน โดยมีแบรนด์อาทิโลโกนา (Logona) และ ซานเธ (Sante) ลอรีอัลมีแผนที่จะนำแบรนด์ดังกล่าวจัดจำหน่ายในต่างประเทศด้วย

บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด หนึ่งในสาขาบริษัทความงามอันดับหนึ่งของโลก ประกาศความสำเร็จการดำเนินงานประจำปี 2560 สามารถคงอัตราการเติบโตสูงกว่าตลาดความงามอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 และยังครองความเป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าในประเทศไทย ไว้ได้อย่างเหนียวแน่น

นาตาลี เกอร์ชไตน์ เคอโรวดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “แนวทางการขับเคลื่อนธุรกิจของลอรีอัลกรุ๊ป คือ “Beauty For All หรือการส่งมอบ “ความงามสำหรับทุกคน” เราคิดเสมอว่าความงามไม่ได้มีแบบเดียว ความงามมีหลากหลายรูปแบบ และแต่ละคนก็งามแตกต่างกันไป  ลอรีอัลมุ่งสร้างความงามให้เป็นสากลผ่านการส่งมอบผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่มีคุณภาพ ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุดให้แก่ผู้บริโภคทุกเพศและตอบโจทย์ทุกความต้องการ เราเป็นผู้นำในด้านการสร้างสรรค์นวัตกรรมและการรักษามาตรฐานคุณภาพของผลิตภัณฑ์ รวมไปถึงความล้ำหน้าด้านดิจิทัลที่เข้ามาช่วยเพิ่มคุณค่าและสร้างความเชื่อมั่นอันแข็งแกร่งให้แก่ผู้บริโภคของเรา ปี 2560 ที่ผ่านมา นับเป็นปีที่ดิจิทัลเติบโตอย่างก้าวกระโดด และมีหลากหลายช่องทางที่ให้บริการผู้บริโภคได้ครบวงจรมากยิ่งขึ้น”

นาตาลี เกอร์ชไตน์ เคอโรวดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด

ตลาดความงามของประเทศไทยนับเป็นหนึ่งในตลาดที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน ซึ่งในปี 2560 มีอัตราการเติบโตอยู่ที่ร้อยละ 7.8 มูลค่ารวม 1.68 แสนล้านบาท แบ่งเป็น

  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว (skincare) 47%
  • ผลิตภัณฑ์ผม (hair) 18% 
  • ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทำความสะอาดร่างกาย (hygiene) 16%
  • เครื่องสำอาง (makeup) 14% 
  • น้ำหอม (fragrance) 5%

โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิวยังครองส่วนแบ่งการตลาดสูงที่สุด ในขณะที่กลุ่มเครื่องสำอางเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เติบโตมากที่สุดในอุตสาหกรรม

ตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลผิว (skincare) ปี 2560 ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ 159 ตัว เติบโต 8.7% มูลค่ารวม 7.87 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น

  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้า 84% (รวมสินค้าทำความสะอาด และบำรุงเข้าด้วยกัน)
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวร่างกาย 16%

 

ตลาดผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง (makeup) ปี 2560 ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ 281 ตัว เติบโต 7.6% มูลค่ารวม 2.27 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น

  • ผิวหน้า 56%
  • ริมฝีปาก 26%
  • แต่งตา 17%
  • เล็บ 1%

 

 

ตลาดผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผม (hair) ปี 2560 ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ 281 ตัว เติบโต 6.7% มูลค่ารวม 3.08 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น

  • ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม 83%
  • ผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผม 11%
  • ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม 4%
  • ผลิตภัณฑ์ยืดดัดผม 1%

 

 

ตลาดผลิตภัณฑ์น้ำหอม (fragrance)

ปี 2560 เติบโต 7.6% มูลค่ารวม  8.5 พันล้านบาท

 

ลอรีอัล ประเทศไทย เป็นสาขาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในอาเซียน ในปี 2561 นี้ ลอรีอัล ประเทศไทยจะมุ่งเน้นเสริมสร้างความเป็นเลิศใน 4 ด้าน ได้แก่

1) การมุ่งเน้นผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง (Consumer Centricity)

2) การขับเคลื่อนด้วยดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ (Digital Acceleration)

3) การพัฒนาและดูแลบุคลากร (Great Employer) และ

4) การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนและกิจกรรมเพื่อสังคม (Great Citizen)

 

ด้วยการมุ่งเน้นผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง หรือ Consumer Centricity ยังคงเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญที่สุดขององค์กร นวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์จึงมีบทบาทสำคัญในการสร้างประสบการณ์ของแบรนด์  โดยจะมีการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง อาทิ ผลิตภัณฑ์เด่นแห่งปีอย่าง วิชี่ มิเนอรัล 89 (Vichy - Mineral 89) พรีเซรั่มน้ำแร่เข้มข้น รวมไปถึงเทรนด์ใหม่ล่าสุดที่ฉีกภาพลักษณ์เดิมๆ ในการเปลี่ยนสีผมอย่าง ผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผมกึ่งถาวร ลอรีอัล ปารีส คัลเลอร์ริสต้า (L’Oréal Paris COLORISTA) นอกเหนือจากผลิตภัณฑ์ชั้นนำดังกล่าว ในปี 2560 ที่ผ่านมา ลอรีอัลยังคงเป็นผู้นำตลาดในผลิตภัณฑ์หลายประเภท ได้แก่ ผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผม ลอรีอัล ปารีส เอลแซฟ (L’Oréal Paris Elseve) ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า การ์นิเย่ ไมเซล่าร์ วอเตอร์ (Garnier Micellar Water) ผลิตภัณฑ์น้ำมันทำความสะอาดผิวจาก ชู อูเอมูระ (Shu Uemura)  คุชชั่นรองพื้นสุดหรูจาก ลังโคม (Lancôme) และผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าผู้ชายจาก ไบโอเธิร์ม ออมม์ (Biotherm Homme)

นอกเหนือจากการพัฒนานวัตกรรมแล้ว การทำความเข้าใจและสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว ด้วยการนำเสนอประสบการณ์ทางความงามที่หลากหลายนับเป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญที่นำพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จ โดยล่าสุด นิกซ์ โปรเฟสชั่นแนล เมคอัพ ได้เปิดตัว “นิกซ์ โปรเฟสชั่นแนล เมคอัพ แฟลกชิปสโตร์” (NYX Professional Makeup Flagship Store) แห่งแรกในเอเชีย ที่ สยามสแควร์วัน ใจกลางกรุงเทพฯ เพื่อเป็นจุดหมายใหม่ที่ ผู้ชื่นชอบการแต่งหน้าจะได้มาสัมผัสประสบการณ์ที่เต็มไปด้วยนวัตกรรมดิจิทัล

คีลส์ (Kiehl’s) ก็มีการเปิดตัวเซรั่มบำรุงผิวหน้าอันทรงประสิทธิภาพ “อะโปเธคารี พรีแพเรชั่นส์” (Apothecary Preparations) ที่ยกระดับการบำรุงผิวหน้าขึ้นไปอีกขั้น ด้วยการให้ลูกค้าสามารถเลือกส่วนผสมเซรั่มให้ตรงกับปัญหาผิวเฉพาะด้านของลูกค้าอย่างแท้จริง

 

ในปี 2561 ลอรีอัล ประเทศไทย ยังคงเสริมความแข็งแกร่งด้วยการเปิดตัว 2 แบรนด์ใหม่ล่าสุดในประเทศไทย ได้แก่จิออร์จิโอ อาร์มานี บิวตี้ (Giorgio Armani Beauty) แบรนด์เครื่องสำอางสุดหรูพร้อมนวัตกรรมที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองทุกสภาพผิวของผู้บริโภคทุกคน ที่มาพร้อมผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าและเครื่องสำอางที่อยู่เบื้องหลังความงามของเวทีระดับโลกมามากมาย คาดว่าจะเปิดร้านและวางขายที่ เซ็นทรัล ลาดพร้าว เป็นที่แรก ในวันที่ 4 พฤษภาคม 2561 และอีกหนึ่งแบรนด์คือ เซราวี (CeraVe) ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าที่ได้รับการแนะนำและพัฒนาโดยแพทย์ผิวหนังด้วยการผสมผสานเซราไมด์สามชนิด ช่วยฟื้นฟูผิวแห้งเสีย พร้อมการให้บริการกลุ่มเป้าหมายอย่างตรงจุดในราคาที่จับต้องได้ โดยผลิตภัณฑ์ที่มาพร้อมกับคำแนะนำจากแพทย์ผิวหนัง ประกอบไปด้วย ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด และผลิตภัณฑ์เพื่อเพิ่มความชุ่มชื่น ฟื้นฟู และเติมเต็มผิวหนัง คาดว่าจะวางขายภายในเดือนกรกฎาคมนี้

นอกจากนั้น การขับเคลื่อนสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์หลักสำหรับลอรีอัล ประเทศไทย ในการขับเคลื่อนการเติบโตในตลาดที่เชื่อมโยงด้วยดิจิทัล โดยในปี 2560 ลอรีอัล ได้ใช้ช่องทางในการสื่อสารที่หลากหลายและเข้าถึงตลาดอีคอมเมิร์ซค้าปลีกใหม่ๆ อีกหลายราย เช่น คอนวี่ (Konvy) และ โอรามิ (Orami) รวมไปถึงช่องทางสังคมออนไลน์ คือ ไลน์แอด (Line@) และ เครซ (Craze) รวมถึงการให้บริการหน้าร้านค้าออนไลน์ของแบรนด์เอง คือ ลังโคม (Lancôme) วายเอสแอล โบเต้ (YSL Beauty) และ ไบโอเธิร์ม (Biotherm)

ในการทำ E-Commerce นั้น จะเห็นได้ว่า บางแบรนด์มี Owned E-Boutiques (ร้านขายของแบบออนไลน์) แต่บางแบรนด์อาจจะไม่มี โดยลอรีอัลจะดูคุณลักษณะประจำตัวของแต่ละแบรนด์แล้วจัดทำ E-Commerce ให้เหมาะสมกับแต่ละแบรนด์

 

 

การสร้างวัฒนธรรมองค์กรให้ลอรีอัลเป็นองค์กรที่น่าทำงานที่สุดสำหรับพนักงานทุกคนยังคงเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายสำคัญ ที่ลอรีอัลมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องในการเป็นบริษัทที่ใฝ่ฝันสำหรับผู้ที่มีความสามารถ ซึ่งความสำเร็จของพวกเขาจะได้รับการยกย่องและถ่ายทอดสู่ภายในองค์กร โดยภายในปี 2561 นี้ ลอรีอัลตั้งเป้าที่จะฝึกอบรมพนักงานทุกคนในบริษัทฯ ผ่านโครงการการเรียนรู้และการพัฒนาที่หลากหลาย เพื่อให้พนักงานมีทักษะรอบด้านมากที่สุด ทั้งบนแพลตฟอร์มออนไลน์และออฟไลน์ นอกจากนั้น ลอรีอัล ยังมีโครงการ แชร์แอนด์แคร์ (Share & Care) ซึ่งมุ่งเน้นตอบโจทย์ความต้องการขั้นพื้นฐานของพนักงาน 4 ด้าน ได้แก่ สุขภาพ สวัสดิการ ชีวิตครอบครัว และคุณภาพชีวิตในการทำงาน ล่าสุด ลอรีอัล ได้เปิดตัวโครงการ “Work Anywhere”  ให้พนักงานของลอรีอัลทุกคนสามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้ โดยจากการจัดทำผลสำรวจพนักงานภายในองค์กร พบว่าร้อยละ 95 ของพนักงานในบริษัทฯ รู้สึกภูมิใจที่ได้ทำงานกับลอรีอัล ในขณะที่ร้อยละ 85 รู้สึกว่าบริษัทฯ ให้โอกาสพวกเขาในการทำงานที่ท้าทายและน่าสนใจ

ลอรีอัลจะยังคงดำเนินงานภายใต้พันธสัญญาว่าด้วยความยั่งยืน “แบ่งปันความงามให้ทุกสรรพสิ่ง” (Sharing Beauty with All) ซึ่งเป็นความมุ่งมั่นของเราในการทำธุรกิจอย่างยั่งยืนตามเป้าหมายของลอรีอัล กรุ๊ป ในปี 2563 ซึ่งประกอบด้วยการสร้างนวัตกรรม การผลิต การใช้ชีวิต และการพัฒนาอย่างยั่งยืนในด้านต่างๆ และในปีนี้ ลอรีอัล ได้ริเริ่มอีกหนึ่งเป้าหมาย เพื่อให้องค์กรสามารถเข้าใกล้จุดหมายที่จะประสบความสำเร็จด้านความยั่งยืนได้เร็วยิ่งขึ้น คือ โครงการ ‘Working Sustainably” หรือ “การร่วมสร้างองค์กรอย่างยั่งยืน” ให้พนักงานในองค์กรทุกคนช่วยกันสร้างสถานที่ทำงานของพวกเขาให้ยั่งยืนและสร้างสิ่งแวดล้อมในการทำงานให้เป็นมิตรมากยิ่งขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น หลักการทำงานด้านจรรยาบรรณขององค์กรยังถูกนำมาประยุกต์ใช้ในการดำเนินงานประจำวันเพื่อช่วยหล่อหลอมวัฒนธรรมองค์กร และสร้างการรับรู้ให้แก่พนักงานทุกคนของลอรีอัลในเรื่องของความซื่อตรง (integrity) ความเคารพซึ่งกันและกัน (respect) ความกล้าหาญ (courage) และความโปร่งใส (transparency)

 

What L'oreal Thailand Want

คุณสมบัติของพนักงานที่ลอรีอัล ประเทศไทย ต้องการคือคนที่มี Passion ในการทำงาน ไม่ว่าจะมาจากสายไหนก็ตาม เพศใดก็ตาม ก็สามารถสนุกสนานกับลอรีอัลได้ เพราะเป็นองค์กรที่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้โชว์ฝีมือ เราไม่ได้มองเรื่องเกรดหรือสถาบันเป็นสำคัญ เพราะเราคิดว่าถ้ามี Passion ก็จะทำให้ประสบความสำเร็จได้ โครงการ Management Trainee ของเราจึงเปิดโอกาสให้สำหรับผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีด้วย ลอรีอัล ประเทศไทย เป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยผลงานล้วนๆ ไม่ใช่ด้วยอายุงาน พนักงานทุกระดับสามารถพูดคุย แชร์ความคิดเห็นกับผู้บริหารระดับสูงได้ ส่วนแนวทางในการค้นหาคนที่มี Passion ดูได้จากวิธีการเล่าเรื่องที่เขาภาคภูมิใจมากที่สุด เขาจะเล่าด้วยรายละเอียด ไม่ใช่แค่ผิวเผิน เราจะทราบเลยว่าเขาสนุกสนานกับมันอย่างไรบ้าง “ที่สำคัญอย่าเอาข้อจำกัดของตัวเองมาเป็นอุปสรรค อย่างน้อยต้องกล้าแสดงตัวออกมาก่อน แล้วคุณกล้าที่จะมาเสี่ยงลงทุนกับเราหรือเปล่า ถ้ากล้าที่จะลอง ลอรีอัลก็กล้าที่จะรับ”

ธนยศ ครุฑระเบียบ ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคล บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด เล่าว่า เราเปลี่ยนตัวเองมาพอสมควรในระยะเวลาหนึ่งแล้ว ด้วยการพยายามรับคนที่มีความเชี่ยวชาญด้านดิจิทัลเข้ามามากขึ้น จาก 2 คน เพิ่มเป็น 24 คน ภายในระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งแน่นอนว่าเทรนด์ดิจิทัลได้กระตุ้นให้เราเปลี่ยนแปลงตัวเองมากขึ้น

นอกจากนี้ เราไม่ได้ใช้วิธีการแบบเดิมๆ ในการโปรโมตองค์กร แต่เราจะต้องใช้ดิจิทัลมากขึ้น ด้วยการเปลี่ยนเครื่องไม้เครื่องมือในการคัดเลือกและรับสมัครพนักงานมาเป็นช่องทางดิจิทัลและโซเชียลมีเดียอย่าง LinkedIn หรือ Facebook รวมถึงเรายังสร้างแพลตฟอร์มออนไลน์ที่เรียกว่า Employee Referral Portal เพื่อให้พนักงานปัจจุบันแนะนำเพื่อนมาร่วมงานกับบริษัทได้อย่างง่ายดายและสะดวกสบายมากขึ้น เพราะเราเชื่อว่าพนักงานปัจจุบันเป็นตัวแทนสำคัญ ที่จะบอกเล่าความเป็นลอรีอัลได้ดีที่สุด โดยแพลตฟอร์มดังกล่าวจะมีการเก็บบันทึกข้อมูลที่เป็นระบบตามความเชี่ยวชาญของผู้สมัคร โดยเราเริ่มใช้อย่างเป็นทางการเมื่อเดือนสิงหาคม 2560 ที่ผ่านมา และก็ได้รับการตอบรับอย่างดี เห็นได้จากสัดส่วนของการรับสมัครพนักงานผ่านแพลตฟอร์มนี้ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากเดิมที่ส่วนใหญ่เราใช้บริการผ่านบริษัทจัดหางานเป็นหลัก

ด้านการฝึกอบรม เนื่องจากยังมีคนในองค์กรจำนวนหนึ่งที่ยังมีประสบการณ์ด้านดิจิทัลน้อย เราจึงมีเทรนนิ่งค่อนข้างเยอะ ซึ่งถูกจัดสรรแตกต่างกันไปตามจุดอ่อน จุดแข็งของแต่ละคน พร้อมกับมีระบบติดตามว่าเขาได้พัฒนาทักษะแต่อย่างไปถึงไหนแล้ว และไม่ใช่แค่การฝึกอบรมแบบธรรมดาเท่านั้น แต่มีการเปิดหลักสูตรฝึกอบรมแบบออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ นอกจากนี้ เพื่อให้สอดรับกับพฤติกรรมของคน
รุ่นใหม่ และไม่ให้การฝึกอบรมเป็นเรื่องน่าเบื่อ หลักสูตรออนไลน์จึงถูกออกแบบให้ Short & Sharp คือใช้เวลาเรียนสั้นๆ แต่มีประสิทธิภาพสูง โดยใช้เวลาเริ่มต้นเพียงคลาสละ 5-10 นาทีเท่านั้น ซึ่งช่วยจูงใจให้พนักงานอยากที่จะเรียนรู้บ่อยๆ และเรียนรู้ได้จากทุกที่ ทุกเวลา เช่นระหว่างการเดินทางจากบ้านมายังออฟฟิศ

  ธนยศ ครุฑระเบียบ ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคล บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด

สำหรับการพัฒนาบุคลากรให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวได้นั้น ย่อมต้องมีอุปสรรค ข้อจำกัด และความท้าทายเป็นธรรมดา แต่นั่นคือสิ่งที่ลอรีอัล ประเทศไทย จะต้องข้ามผ่านไปให้ได้ โดยธนยศบอกว่า เด็กรุ่นใหม่สนใจธุรกิจสตาร์ตอัพมากขึ้น ดังนั้นความท้าทายขององค์กรคือ จะจูงใจเขายังไงให้อยากมาร่วมงานกับเรา สิ่งที่ลอรีอัล ประเทศไทยทำก็คือ เราส่งเสริมให้เขาได้ทำงานแบบ Business Startup ตั้งแต่ต้นจนจบ สร้าง Mindset และจิตวิญญาณของการเป็นผู้ประกอบการให้กับเขา ให้เขารู้สึกว่าเขาเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์นั้นๆ อย่างแท้จริง และสิ่งหนึ่งที่จะช่วยให้พนักงานได้เรียนรู้และกล้าคิดกล้าทำก็คือ ด้วยวิธีการทำงานของลอรีอัลจะมีกรอบให้คิด แต่จะไม่กำหนดขั้นตอน 1-2-3-4 ให้ต้องทำตามแบบเป๊ะๆ เราใช้วิธีการบริหารจัดการแบบใหม่ เสมือนโค้ชทีมฟุตบอล ที่จะบอกแนวทางในการเล่นของแต่ละตำแหน่ง และเมื่อผู้เล่นแต่ละตำแหน่งอยู่ในสนาม ก็จะต้องเล่นด้วยแนวทางของตัวเองที่สอดคล้องกับเป้าหมายและกลยุทธ์ของทีม

เท่านั้นยังไม่พอ ธนยศยังชี้ให้เห็นถึงความหลากหลายภายในองค์กรนี้ว่า ลอรีอัลให้ความสำคัญกับ 3 ส่วนหลักๆ ได้แก่ Disability, Ethnicity และ Gender ทุกวันนี้เราก็มีพนักงานที่เป็นคนพิการ มีพนักงานหลากเชื้อชาติ และจากเดิมที่คนมองว่าลอรีอัล ประเทศไทยเป็นองค์กรของผู้หญิง เราจึงปรับสัดส่วนของพนักงานหญิงและชายให้สมดุลมากขึ้น เช่น แผนก HR ก็มีมากกว่า 50% ที่เป็นผู้ชาย โดยปัจจุบันนี้สัดส่วนของพนักงานเพศหญิงต่อเพศชายอยู่ที่ 65 : 35 และมีแนวโน้มที่จะปรับให้สมดุลมากขึ้น

ด้านเครื่องไม้เครื่องมือในการบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์นั้น การทำงานของ HR ที่ลอรีอัลจะอยู่บนแพลตฟอร์มออนไลน์ 70-80% โดยเรามีเป้าหมายคือ การทำงานบนแพลตฟอร์มออนไลน์ 100% ในอนาคตอันใกล้นี้ และนอกจากพนักงานจะมีระบบ My Learning ผ่านแอปพลิเคชันเพื่อที่จะสามารถพัฒนาตัวเองได้ตลอดเวลาตามที่กล่าวไปแล้ว เรายังมีระบบการดำเนินการภายในองค์กรที่เชื่อมโยงด้วยระบบออนไลน์ทั้งหมด มีการประเมินผลพนักงานบนระบบออนไลน์ ปรับเงินเดือนพนักงาน และบริหารงานทรัพยากรมนุษย์ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ซึ่งช่วยย่นระยะเวลาในการทำงานได้เป็นอย่างมาก

 ธนยศ ครุฑระเบียบ ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคล บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด

ส่วนในเรื่องของการใช้ชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัวของชาวลอรีอัล ประเทศไทย นั้น ธนยศอธิบายว่า ในขณะที่หลายคนอาจมองว่า Work-Life Balance เป็นสิ่งสำคัญ แต่เรามองว่าการทำงานกับการใช้ชีวิตแยกกันไม่ได้ มันจะต้องเป็นในรูปแบบของ Work-Life Integration สามารถที่จะทำงานไปด้วยในขณะเดียวกันก็สนุกสนานกับการใช้ชีวิตได้ แต่กระนั้นการทำงานที่นี่ไม่ง่าย เรา Work Hard เพราะเราเชื่อว่านั่นคือผลงานของเรา เราอยากทำงานหนักเพื่อให้ประสบความสำเร็จ แต่เราก็
ไม่ได้ละทิ้งการใช้ชีวิต

สำหรับความสนุกและความท้าทายในการทำงานในองค์กรที่มีความแอคทีฟสูงและเปิดโอกาสกว้างแบบนี้ ธนยศยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดเจนขึ้นว่า เราเป็นองค์กรที่เชื่อในการเรียนรู้แบบข้ามสายงาน (Cross Function) เราส่งเสริมให้ทุกคนเรียนรู้การทำงานร่วมกัน เพื่อเป็นการเสริมสร้างทักษะ และพัฒนาพนักงาน ขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสให้กับพนักงานในทุกแผนก ขอให้มีความหลงใหล ความสนใจใคร่รู้ ความปรารถนาที่พัฒนาตัวเอง เราเปิดโอกาสให้ถึงขนาดว่า จากฝ่ายขายสามารถโยกมาทำการตลาดได้ เช่น ลองมานั่งทำงานกับทีมการตลาดดูสิสัก 3 เดือน ว่าใช่อย่างที่คิดหรือเปล่า ถ้าไม่ใช่อย่างน้อยก็นำสิ่งที่ได้มาปรับใช้ในการทำงานขายได้ หรือเราเปิดโอกาสให้ Management Trainee ที่อยู่ฝ่ายการเงิน แทนที่เขาจะเป็นคอนโทรลเลอร์ แต่ทุกวันนี้เขาก็เป็นผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์ได้ หรือคนที่ทำซัพพลาย เชนก็เป็นฝ่ายขายได้ เราไม่จำกัดหรือปิดกั้นโอกาสของพนักงาน

โอกาสสำหรับการพัฒนาศักยภาพตัวเองและความก้าวหน้าในอาชีพการงาน ไม่มีที่สิ้นสุดที่ลอรีอัล ประเทศไทย

 

 

Page 12 of 12
X

Right Click

No right click