แต่ขณะเดียวกัน การเตรียมสุขภาพให้พร้อมก่อนการวิ่ง ก็เป็นปัจจัยหลักที่สำคัญสามารถอาจทำให้หัวใจหยุดเต้นโดยเฉียบพลันได้ ซึ่งจากกระแสข่าวโซเชียล พบว่า เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมา มีผู้เข้าร่วมการวิ่งมาราธอนระยะทาง 10 กิโลเมตร โครงการเพื่อผู้พิทักษ์ปี 3 "ชีวิตของข้า เพื่อป่าของไทย" เกิดอาการหมดสติขณะวิ่งมาราธอน จึงทำให้แพทย์โรงพยาบาลพระรามเก้า แนะนำการเตรียมร่างกายให้พร้อมก่อนวิ่ง เพื่อป้องกันเสี่ยงภัยจากหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน
นพ.ณัฐพล เก้าเอี้ยน แพทย์สถาบันหัวใจและหลอดเลือด โรงพยาบาลพระรามเก้า แนะนำว่า การออกกำลังกายในแต่ละครั้งนั้น ต้องตรวจเช็คสุขภาพตัวเองก่อนออกกำลังกายว่า มีโรคประจำตัวหรือไม่ หากไม่แน่ใจควรรีบปรึกษาแพทย์ รวมถึงการตรวจเช็คสุขภาพประจำปีด้วย เพื่อให้มั่นใจว่า ตัวเองมีสมรรถภาพในการออกกำลังกายได้มากน้อยเพียงใด
สำหรับบางรายที่ป่วยเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ จะมีการทำงานของหัวใจที่ลดลงและอาจมีการบีบตัวของหัวใจลดลงเช่นกันเมื่อออกกำลังกาย อัตราการเต้นของหัวใจจะสูงขึ้น และการบีบตัวให้เลือดออกจากหัวใจแต่ละครั้งมีปริมาณน้อยลง ทำให้ปริมาณเลือดที่หัวใจส่งไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ลดลง เป็นผลให้ปริมาณออกซิเจนสูงสุดที่ร่างกายนำไปใช้ลดลงด้วย
ดังนั้นการออกกำลังกายของผู้ป่วยที่ป่วยเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ จะออกกำลังกายได้คล้ายๆ กับในคนปกติ แต่ควรจะเน้นไปที่การออกกำลังกายในระดับปานกลาง เช่น การเต้นแอโรบิก วิ่งเหยาะๆ เดินเร็ว ขี่จักรยาน และว่ายน้ำ ส่วนกีฬาที่แนะนำ ได้แก่ เทนนิสคู่ กอล์ฟ ปิงปอง เป็นต้น
ในช่วงที่เริ่มออกกำลังกายระยะแรก ควรซ้อมเบาๆ ค่อยเป็นค่อยไป ไม่รีบร้อน และหยุดพักเมื่อเริ่มเหนื่อย หรือแน่นหน้าอก หลังจากที่เริ่มเคยชินก็เพิ่มเวลาของการออกกำลังกาย จนสามารถทำได้อย่างต่อเนื่องนานอย่างน้อย 15 นาที และทำเป็นประจำทุกวัน ที่สำคัญ คือ การ Warm up and Cool down ก่อนหลังออกกำลังกาย เพื่อลดการบาดเจ็บ
ส่วนกลุ่มผู้ที่เสี่ยงภาวะอ้วนไม่เคยออกกำลังกายหรือเจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อรัง อาทิ ความดัน เบาหวาน โรคหัวใจ ท่านต้องปรึกษาแพทย์ก่อนออกกำลังกาย และก่อนที่จะทำการวิ่งก็จะต้องมีการ Warm up ร่างกายเช่นกัน และไม่ควรหักโหมในการออกกำลังกาย เพื่อป้องกันสัญญาณภัยเงียบที่ร้องเตือนจากภายในสู่ภายนอกร่างกาย ซึ่งอาจนำไปสู่การเสียชีวิตในที่สุด
ขณะที่การวิ่งมาราธอน นับว่าเป็นกีฬาที่ทำให้หัวใจนั้นทำงานมากกว่าปกติ และสูญเสียเหงื่อเป็นจำนวนมาก ดังนั้นการเตรียมความพร้อมของร่างกายถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญ ซึ่งทุกครั้งที่มีการออกกำลังกาย ต้องสำรวจตัวเองทุกครั้ง ว่ามีโรคประจำตัวหรือไม่ ถ้ามีควรรีบปรึกษาแพทย์ ก่อนการวิ่งทุกครั้ง และการวิ่งในแต่ละครั้งนั้น ควรพักผ่อนให้เพียงพอ
นอกจากนี้ การออกกำลังกาย โดยเฉพาะการวิ่งมาราธอน ควรนำยาประจำตัวติดตัวไปด้วย และอาจจะมีน้ำเกลือแร่ เพื่อป้องกันการเกิดเหตุฉุกเฉินเฉียบพลันแบบไม่ทันตั้งตัวกับตัวเองและผู้เข้าร่วมการวิ่งมาราธอน