นางมาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย (ที่สามจากซ้าย) นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย (ที่สองจากซ้าย) และนายสรรชาย นุ่มบุญนำ ผู้จัดการทั่วไป อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย (คนกลาง) จัดเสวนาพิเศษ “รวมพลังสร้างกลยุทธ์เพิ่มมูลค่า เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย” พร้อมร่วมพันธมิตรองค์กรภาครัฐและเอกชนผู้ให้การสนับสนุนการจัดงาน Food & Hospitality Thailand 2023 แถลงความพร้อมการจัดงาน โดยมี นางสาวสุนันทา หามนตรี ผู้อำนวยการกองประชาสัมพันธ์ในประเทศ ฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ (คนแรกซ้าย) ดร.ฉัตรชัย ตวงรัตนพันธ์ รองประธาน สมาคมผู้ค้าปลีกไทย (ที่สามจากขวา) นายมีชัย อมรพัฒนกุล นายกสมาคมบาริสต้าแห่งประเทศไทย (ที่สองจากขวา) เชพสมศักดิ์ รารองคำ นายกสมาคมเชฟประเทศไทย (คนแรกขวา) ให้เกียรติร่วมแถลงข่าว ซึ่งงาน Food & Hospitality Thailand 2023 มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 23-26 สิงหาคม 2566 ณ ฮอลล์ 1-3 ชั้น G ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ผู้สนใจรายละเอียดการจัดงานฯ สามารถติดตามข้อมูลได้ที่ www.fhtevent.com เมื่อเร็วๆ นี้

สมาคมโรงแรมไทย สมาคมภัตตาคารไทย และ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย ผสานพลังสร้างกลยุทธ์ สร้างการท่องเที่ยวมูลค่าสูงขับเคลื่อนเร็ว จับกระแส Maga Trend ส่งเสริม Soft Power อาหารไทย พร้อมร่วมมือจัดงาน Food & Hospitality Thailand 2023 ดึงผู้ผลิตสินค้า บริการและโซลูชั่นระดับโลก ร่วมโชว์ผลิตภัณฑ์ใหม่ นวัตกรรม-เทคโนโลยีล่าสุด คาดปีนี้มีผู้เข้าร่วมงานกว่า 28,000 คน

ในงานเสวนาพิเศษ “รวมพลังสร้างกลยุทธ์เพิ่มมูลค่า เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย” ซึ่งร่วมกันจัดขึ้นโดย สมาคมโรงแรมไทย สมาคมภัตตาคารไทย และ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย พร้อมแถลงความร่วมมือการจัดงาน Food & Hospitality Thailand 2023 โดยเนื้อหาในการเสวนากล่าวถึงการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ขับเคลื่อนได้รวดเร็ว เป็นอีกกลยุทธ์สำคัญของการท่องเที่ยวไทย โดยต้องอาศัยความร่วมมือจากผู้ประกอบการในภาคท่องเที่ยวทั้งระบบ

นางมาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย กล่าวถึงแนวโน้มของกลุ่มนักท่องเที่ยวที่กำลังเติบโตขณะนี้ว่า เป็นกลุ่มการท่องเที่ยวพร้อมทำงาน (Work from Anywhere) ซึ่งเป็นวิถีชีวิตและการทำงานของคนรุ่นใหม่ที่ไม่ยึดติดกับสถานที่ คนเหล่านี้เรียกว่า Digital Nomad มักเลือกแหล่งท่องเที่ยวที่ใช้งานอินเตอร์เน็ตได้ ค่าครองชีพไม่สูง อากาศดี มาตรการวีซ่าไม่ยุ่งยาก และจะใช้เวลาการท่องเที่ยวนานกว่านักท่องเที่ยวปกติ ซึ่งไทยก็เป็นหนึ่งในจุดหมายของการท่องเที่ยวของคนกลุ่มนี้ ส่วนแนวโน้มการท่องเที่ยวของโลกนั้น การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (Sustainable Travel) กลายเป็นกระแสหลักที่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวตระหนักถึงและช่วยกันผลักดันให้ผู้เกี่ยวข้องเข้าสู่ระบบนิเวศ (Ecosystem) เดียวกัน ดังนั้นภาครัฐและผู้ประกอบการไทยต้องเร่งส่งเสริมเรื่องนี้อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งการมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดขยะ ใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า รักษาแหล่งท่องเที่ยวและธรรมชาติให้สมบูรณ์ หากเราทำได้ดีก็จะมีแต้มต่อในการสนับสนุนการท่องเที่ยวไทยจากทั่วโลกและยังส่งผลดีต่อทรัพยากรด้านการท่องเที่ยวด้วย

สำหรับการสนับสนุนและร่วมจัดงาน Food & Hospitality Thailand นั้น ถือเป็นวาระสำคัญของสมาคมฯ เพราะนอกจากจะได้ติดตามแนวโน้มการท่องเที่ยว พบกับสินค้าและบริการจากบริษัทชั้นนำแล้ว ปีนี้ยังเป็นปีพิเศษฉลองครบรอบ 60 ปี ของสมาคม พร้อมมีการจัดประชุมใหญ่ประจำปีและกิจกรรมให้ความรู้กับสมาชิกและผู้สนใจ โดยร่วมกับ มูลนิธิใบไม้สีเขียว ในหัวข้อเกี่ยวกับการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การคำนวณคาร์บอนในการเข้าพัก การลดการใช้ทรัพยากรและพลังงาน รวมถึงการจัด Hospitality Digital Day ที่พูดถึง Digital Marketing สำหรับธุรกิจโรงแรมทุกแง่มุม การแข่งขัน Thailand & AHRA ASEAN Hotel Bartenders’ Championships 2023 เพื่อพัฒนาทักษะพนักงานบาร์เทนเดอร์โรงแรมด้วย

 

นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย กล่าวถึง การส่งเสริมอาหารไทยให้เป็น Soft Power ด้านการท่องเที่ยวไทยว่า อาหารไทย (Food) เป็นหนึ่งใน 5F ของ Soft Power เป้าหมายที่ ททท. วางไว้ในการส่งเสริมการท่องเที่ยวผ่านความอุดมสมบูรณ์ของวัฒนธรรมอาหารไทย หรือ การท่องเที่ยวเชิงอาหาร (Gastronomy Tourism) ซึ่ง 20% ของค่าใช้จ่ายที่นักท่องเที่ยวต่างชาติจ่ายในการท่องเที่ยวไทยมาจากอาหาร โดยในปี 2562 นักท่องเที่ยวต่างชาติมีการใช้จ่ายด้านอาหารในไทยสูงถึง 6 แสนล้านบาท ซึ่งในการการพัฒนาอาหารไทยให้เป็น Soft Power นั้น ต้องร่วมกันสร้างมาตรฐานพัฒนาทั้งระบบ ทั้งด้านสาธารณสุข ความสะอาด ปลอดภัย รสชาติ ฯลฯ รวมถึงประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อที่เข้าถึงง่าย อาทิ ภาพยนตร์ ซีรีย์ ดารานักร้อง รายการอาหาร และรางวัลอาหารระดับโลก อาหารไทยมีข้อได้เปรียบหลายด้าน ทั้งอาหารไทยแท้และเกิดจากการผสมผสานหลายวัฒนธรรมดัดแปลงร่วมกับวัตถุดิบท้องถิ่นจนมีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ โดยปีนี้อาหารไทยติด 10 Best Rated Curries ถึง 5 อันดับ ได้แก่ แกงพะแนง ข้าวซอย แกงเขียวหวาน แกงมัสมั่น และแกงส้ม ความมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเป็นเสน่ห์ที่ชวนให้หลงไหลและทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเพื่อสัมผัสกับรสชาติที่แท้จริงของอาหารเหล่านี้

ส่วนการจัดงาน Food & Hospitality Thailand นั้น สมาคมฯ ให้การสนับสนุนมาตลอด มีการเชิญสมาชิกให้เข้าร่วมงานเพื่อหาความรู้รับทราบแนวโน้มธุรกิจใหม่ๆ พร้อมร่วมประชุมและร่วมกิจกรรม โดยกิจกรรมที่น่าสนใจปีนี้ คือ การเชิญวิทยากรที่เป็นนักธุรกิจอาหาร ซึ่งประสบความสำเร็จ มาสร้างแรงบันดาลใจ แนะนำการบริหารและการดำเนินธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ จึงขอเชิญให้ผู้สนใจติดตามและเข้าร่วมกิจกรรมที่จะจัดขึ้นในครั้งนี้

นายสรรชาย นุ่มบุญนำ ผู้จัดการทั่วไป อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย กล่าวว่า งาน Food & Hospitality Thailand มีเป้าหมายการในการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการให้เป็นกำลังสำคัญของธุรกิจท่องเที่ยว ซึ่งไทยเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวของโลก แต่เราจะสร้างความประทับใจ สร้างแรงดึงดูดใจ และรักษาตำแหน่งนี้ไว้ได้อย่างไร การจัดงาน Food & Hospitality Thailand แต่ละครั้งผู้จัดงานจึงต้องทำงานกันอย่างหนัก ทั้งรวบรวมฐานข้อมูลการจัดงานและผู้ประกอบการจากทั่วโลกมาประมวลผลสรุปเป็นแนวทางจัดงาน พร้อมนำเสนอแนวโน้ม ทิศทาง และโอกาสใหม่ๆ ของธุรกิจการท่องเที่ยวให้แก่ผู้เข้าร่วมงานได้รับทราบ เพื่อเตรียมความพร้อมให้แก่ธุรกิจก่อนเสมอ

สำหรับแนวคิดในการจัดงานฯ ครั้งนี้ คือ เชื่อมโยงสู่อนาคต (Connecting the Future) เนื่องจากปีนี้การท่องเที่ยวมีการเดินหน้าต่อเนื่องหลังฟื้นตัวจากช่วงโควิด ทำให้คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยถึง 30 ล้านคน ด้วยสัญญาณบวกนี้ส่งให้งานฯ ปีนี้มีความสำคัญมากขึ้น ผู้ประกอบการต่างมองหาผลิตภัณฑ์ บริการ และโซลูชั่นระดับพรีเมียมไว้รองรับและสร้างความพึ่งพอใจให้กับนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามามากขึ้นในช่วงปลายปีนี้และปีหน้า ทั้งยังเป็นการขานรับและดำเนินงานไปในทิศทางเดียวกันกับกลยุทธ์ที่ทาง ททท. และ องค์กรที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยววางไว้

ดังนั้นงาน Food & Hospitality Thailand 2023 จึงได้รับความสนใจจากผู้ผลิตสินค้าและบริการระดับพรีเมียมในการเข้าร่วมจัดแสดงงานกว่า 2,000 แบรนด์ จาก 20 ประเทศทั่วโลก ในโซนต่างๆ ของการจัดงานฯ ได้แก่ Coffee & Bakery Thailand (CBT), Restaurant & Bar Thailand (RBT) และ 2 โซนใหม่ Shop & Retail Thailand (SRT), และ Cleaning

Hygiene Thailand (CHT) ที่เกิดขึ้นครั้งแรก ส่วนความพิเศษในปีนี้ คือ การจับมือกับพันธมิตรรายใหญ่ยักษ์ใหญ่จากจีน ที่นำงาน Hotel & Shop Plus Thailand งานแสดงสินค้าและผลิตภัณฑ์สำหรับการออกแบบตกแต่งอาคาร โรงแรมและพื้นที่เชิงพาณิชย์ มาร่วมจัดแสดง นอกจากนั้นยังมีกิจกรรมงานสัมมนา การประชุม เวิร์กชอป และการแข่งขันที่น่าสนใจมากมาย อาทิ สัมมนาพิเศษจาก ททท. หัวข้อ “โอกาสการเติบโตของธุรกิจอาหารออร์แกนิกและความเป็นคลังอาหารของประเทศไทย รวมถึงการเป็นผู้นำด้านการท่องเที่ยวเชิงอาหาร (Gastronomy Tourism)”, การแข่งขันทำอาหาร Thailand's 27th International Culinary Cup (TICC), การแข่งขัน Latte Art และ Coffee in Good Spirits, การทำเบเกอรี่ ไอศกรีม ศิลปะการตกแต่งอาหาร บาริสต้าและบาเทนเดอร์เวิร์กชอป ฯลฯ โดยการจัดงานฯ ครั้งนี้คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมชมงานกว่า 28,000 คน

โดยงาน Food & Hospitality Thailand 2023 มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 23-26 สิงหาคม 2566 ณ ฮอลล์ 1-3 ชั้น G ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ผู้สนใจรายละเอียดการจัดงานฯ สามารถติดตามข้อมูลได้ที่ www.fhtevent.com

อุตสาหกรรมกระดาษฝ่ากระแสคลื่นดิจิทัล หลังสัญญาณดี ความต้องการเพิ่ม สร้างการเติบโตต่อเนื่อง จากภาคการผลิตที่มีกระดาษเป็นส่วนประกอบ การเติบโตของอีคอมเมิร์ซ การขนส่งและบรรจุภัณฑ์ ฯลฯ ล่าสุดองค์กรที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมกระดาษทั้งไทยและนานาชาติร่วม อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย จัดงานใหญ่ระดับภูมิภาค ASEAN Paper Bangkok 2023 ดึงผู้ประกอบการทั่วโลกแลกเปลี่ยนความรู้ประสบการณ์ เจรจาการค้า พร้อมโชว์ศักยภาพอุตสาหกรรมกระดาษไทย ภายใต้แนวคิด เทคโนโลยีการผลิตกระดาษเพื่อความยั่งยืนและโซลูชั่นสำหรับธุรกิจในอนาคต

นายวัชชระ ชินเศรษฐวงศ์ นายกสมาคมอุตสาหกรรมเยื่อและกระดาษไทย กล่าวถึง สถานการณ์ของอุตสาหกรรมกระดาษและเยื่อกระดาษของไทยและต่างประเทศในปีนี้ว่า ยังเป็นไปในแนวทางเดียวกัน คือ ยังได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ฟื้นตัวมากนัก แต่ถือว่าได้ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว เห็นได้จากปริมาณการใช้กระดาษของไทยในไตรมาส 3 และ 4 ของปีที่แล้ว (2565) เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 และ 2 ของปีนี้ มีการเติบโตขึ้นและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีก โดยกลุ่มกระดาษที่นำมาทำบรรจุภัณฑ์ หรือ กระดาษคราฟท์ ซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่ของการผลิต กว่า 80% มาจากวัตถุดิบที่ได้จากการรีไซเคิลกระดาษปีละหลายล้านตัน ซึ่งผู้ผลิตกระดาษไทยหลายรายมีการใช้วัตถุดิบที่ได้จากการรีไซเคิลสูงกว่า 90% แต่ยังไม่เพียงพอจนต้องนำเข้าเศษกระดาษเพื่อรีไซเคิลสูงถึง 40% ขณะที่กระดาษใช้แล้วของไทยได้รับคัดแยกเข้าระบบเพียง 60% ถ้ามีการปลูกฝังให้มีการแยกขยะได้ดียิ่งขึ้น ก็จะช่วยลดปริมาณขยะและนำกลับมาใช้ให้เกิดประโยชน์มากขึ้น ด้วยเหตุนี้อุตสาหกรรมกระดาษควรได้รับการส่งเสริมมากขึ้น เพราะนอกจากจะสร้างรายได้ทางเศรษฐกิจแล้ว ยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วย

ส่วนการใช้งานกระดาษนั้น ประเทศที่มีการพัฒนาแล้วจะใช้มากกว่าประเทศที่ยังไม่พัฒนา ประเทศที่เจริญแล้วจะมีการใช้กระดาษมากกว่า 100 กิโลกรัม / คน / ปี ส่วนในอาเซียนอย่างสิงคโปร์และมาเลเซียมีการใช้กระดาษเกือบ 100 กิโลกรัม / คน / ปี แต่ในไทยมีการใช้งานกระดาษอยู่เพียง 75 กิโลกรัม / คน / ปี จึงยังมีช่องว่างในการพัฒนาตลาดอีกมาก แต่ก็ถือเป็นโชคดีที่เรามีการผลิตกระดาษที่ครบวงจร เพียงพอต่อการใช้งาน และการแข่งขันไม่สูง ทำให้ราคากระดาษภายในประเทศไม่สูงจนเกินไป

สำหรับงาน ASEAN Paper Bangkok 2023 ที่จะเกิดขึ้นนั้น เป็นงานสำคัญของอุตสาหกรรมกระดาษโลก มีผู้ประกอบการ บริษัทชั้นนำ และผู้มีบทบาทสำคัญมาร่วมงานจำนวนมาก เป็นโอกาสดีของผู้ประกอบการที่จะได้พบกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีระดับโลก ได้แลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ เจรจาธุรกิจ และนำเสนอความสามารถ

ในการผลิตผลิตภัณฑ์ และบริการแก่ลูกค้าที่มาร่วมงานด้วย ซึ่งสมาคมฯ ได้สนับสนุนการจัดงานฯ โดยเชิญสมาชิกสมาคมซึ่งมีกำลังการผลิตรวมแล้วกว่า 90% ของกำลังการผลิตกระดาษทั้งประเทศให้เข้าร่วมงาน รวมถึงทางสมาคมยังได้ร่วมออกบูทจัดแสดงงาน นำเสนอศักยภาพ และเป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนสำหรับอุตสาหกรรมเยื่อและกระดาษไทยอีกด้วย

นายปณิธาน มีสวัสดิ์ ผู้จัดการฝ่ายขายส่วนภูมิภาค บริษัท วอยท์ เปเปอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด หนึ่งในบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมกระดาษระดับโลก ซึ่งดำเนินธุรกิจอย่างครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำ-ปลายน้ำ กล่าวถึงความสำคัญของอุตสาหกรรมกระดาษว่า วันนี้กระดาษเป็นคำตอบและทางออกของโลกในความต้องการลดการใช้พลาสติกลง เป็นอีกเหตุผลที่เสริมให้อุตสาหกรรมกระดาษมีการเติบโต สำหรับประเทศไทยแม้ตลาดจะมีความอิ่มตัว แต่ผู้ประกอบการไทยได้รุกอีกก้าวในการเข้าไปขยายธุรกิจและขยายตลาดในต่างประเทศ โดยเข้าไปลงทุนในประเทศกลุ่มอาเซียนที่มีศักยภาพสูงอย่าง อินโดนีเซีย เวียดนาม ซึ่งนอกจากจะมีจำนวนประชากรมากแล้ว ยังสามารถผลิตเพื่อส่งออกไปยังประเทศคู่ค้าของประเทศที่เข้าไปลงทุนได้อีกด้วย

ดังนั้น งาน ASEAN Paper Bangkok 2023 จึงไม่ใช่แค่งานสำคัญของไทยหรือภูมิภาค แต่เป็นงานสำคัญระดับโลกที่คนในอุตสาหกรรมให้ความสำคัญ เพราะอาเซียนเป็นแหล่งผลิตกระดาษอันดับต้นของโลก โดยมีไทยเป็นฮับ (Hub) หรือ ศูนย์กลางของภูมิภาคและอุตสาหกรรม ส่วนอีกกิจกรรมที่น่าสนใจภายในงาน คือ การบรรยายในหัวข้อ New standards in dewatering with FloWing disc filter ซึ่งเกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการทรัพยากรที่ใช้ในการผลิตกระดาษ โดยเฉพาะทรัพยากรน้ำ รวมถึงการลดการใช้พลังงานในกระบวนการผลิต

การจัดงาน ASEAN Paper Bangkok 2023 นั้น นายธัชพล วงษ์รักษา รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหารโครงการ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย กล่าวว่า งานนี้เป็นการพัฒนาและขยายการจัดงาน Tissue & Paper Bangkok ที่จัดขึ้นในปีที่ผ่านมา (2565) และประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ทำให้ในปีนี้มีการขยายพื้นที่การจัดงานให้ใหญ่ขึ้น เพื่อรองรับผู้ต้องการเข้าร่วมจัดแสดงงานและเยี่ยมชมงานที่มากขึ้น รวมถึงเปลี่ยนชื่อการจัดงานเป็น ASEAN Paper Bangkok เพื่อให้ครอบคลุมทุกส่วนของอุตสาหกรรมกระดาษ พร้อมยกระดับการจัดงานให้เป็นงานสำคัญระดับภูมิภาค โดยสิ่งใหม่ที่จะเกิดขึ้นในครั้งนี้ คือ พื้นที่จัดแสดงงานในกลุ่มกระดาษลูกฟูกและกระดาษรีไซเคิล (Corrugated and Paper Recycling) ที่สอดคล้องกับแนวโน้มของอุตสาหกรรมและทิศทางการเติบโตของความต้องการผลิตภัณฑ์ในกลุ่มที่เพิ่มขึ้น ซึ่งในการจัดงานครั้งนี้ จะมีบริษัทชั้นนำจากทั่วโลกเข้าร่วมจัดแสดงงานกว่า 200 ราย และมีผู้เข้าร่วมชมงานมากกว่า 3,000 ราย

สำหรับแนวคิดการจัดงานครั้งนี้ คือ “เทคโนโลยีการผลิตกระดาษเพื่อความยั่งยืนและโซลูชั่นสำหรับธุรกิจของอนาคต” (Sustainable Paper Production Technology & Solution for Future Business) เนื่องจาก

อุตสาหกรรมกระดาษเป็นหนึ่งของอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดของโลก แม้สองทศวรรษที่ผ่านมีความกังวลว่ากระดาษจะถูกลดความสำคัญลงจากกระแสดิจิทัล แต่จากการเติบโตและความต้องการกระดาษเพื่อใช้ในเชิงพาณิชย์และชีวิตประจำวันอย่างต่อเนื่องเป็นข้อพิสูจน์ว่ากระดาษยังมีความสำคัญ โดยได้พัฒนาปรับตัวไปในหลายรูปแบบสอดคล้องไปกับวิถีชีวิตใหม่ เทคโนโลยี และสังคมที่มีความเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งแนวคิดของการผลิตและการใช้งานของกระดาษยุคใหม่ นอกจากจะต้องตอบสนองในเชิญพาณิชย์แล้ว ต้องเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วย

สำหรับงาน ASEAN Paper Bangkok 2023 มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 สิงหาคม - 1 กันยายน 2566 ณ ฮอลล์ 4 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.aseanpaperbangkok.com

ธุรกิจกลุ่มท่องเที่ยว-บริการ ยังยกการ์ดสูง พร้อมเข้มด้านมาตรฐานความสะอาด ปลอดเชื้อ สร้างความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยวและผู้ใช้บริการ ส่งผลอุปกรณ์ ผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมใหม่ๆ สำหรับทำความสะอาดเป็นที่ต้องการสูง ด้าน อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย ผู้จัดงาน Food & Hospitality Thailand 2023 ร่วมจับมือชมรมผู้บริหารงานแม่บ้านประเทศไทย และกลุ่มธุรกิจอุปกรณ์ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด เปิดโซนใหม่ Cleaning & Hygiene Thailand (CHT) เตรียมขนนวัตกรรมล่าสุดด้านการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อ พร้อมกิจกรรมสัมมนาให้ความรู้เกี่ยวกับนวัตกรรมใหม่ในการทำความสะอาด

นายสรรชาย นุ่มบุญนำ ผู้จัดการทั่วไป อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย ผู้จัดงาน Food & Hospitality Thailand 2023 กล่าวถึงการเติบโตและความต้องการอุปกรณ์ ผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมด้านความสะอาด ปลอดเชื้อ ปลอดภัยของกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวและบริการว่า จากยุคโควิดเป็นต้นมา การจัดการด้านความสะอาดและการดูแลเรื่องการปลอดเชื้อของธุรกิจโรงแรม ร้านอาหารและธุรกิจบริการ ได้ถูกยกระดับให้มีมาตรฐานที่สูงขึ้น จากมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัยสำหรับสถานประกอบการ SHA และ SHA Plus ที่ภาครัฐกำหนดขึ้น เพื่อสร้างความมั่นใจต่อนักท่องเที่ยวและผู้ใช้บริการ จนวันนี้มาตรการดังกล่าวกลายเป็นมาตรฐานที่ผู้ประกอบการธุรกิจยังคงเข้มปฏิบัติตามและให้ความสำคัญอย่างเข้มแข็ง ส่งผลต่อภาพลักษณ์ที่ดีของการท่องเที่ยวไทยที่ได้รับการถูกพูดถึงเป็นอย่างมาก ในเรื่องการดูแลสุขอนามัยของนักท่องเที่ยว จากการที่ผู้ประกอบการให้ความสำคัญต่อมาตรฐานด้านสุขอนามัยมาอย่างต่อเนื่อง ได้ส่งผลต่อธุรกิจอุปกรณ์และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ซึ่งได้รับอานิสงค์ร่วมไปกับการเติบโตของการท่องเที่ยวด้วย

การจัดงาน Food & Hospitality Thailand 2023 ในครั้งนี้ ทางบริษัทฯ ได้ร่วมมือกับชมรมผู้บริหารงานแม่บ้านประเทศไทย และกลุ่มธุรกิจอุปกรณ์ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ได้เปิดโซน Cleaning & Hygiene Thailand (CHT) ซึ่งเป็นโซนใหม่ขึ้น เพื่อให้เป็นงานแสดงสินค้าและเทคโนโลยี ด้านอาหาร เครื่องดื่ม อุปกรณ์ เครื่องใช้ในโรงแรม ภัตตาคาร การจัดเลี้ยงและการบริการนานาชาติที่ครบวงจรที่สุดอย่างแท้จริง โดยในโซน CHT นี้จะเป็นการรวมตัวของผู้ประกอบการธุรกิจอุปกรณ์และผลิตภัณฑ์รายใหญ่ชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่พร้อมนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อใหม่ล่าสุด ที่มีประสิทธิภาพสูงมาร่วมจัดแสดง อาทิ เครื่องขัดพื้นอัตโนมัติแบบนั่งขับ น้ำยาทำความสะอาด เทคโนโลยีชีวภาพ (Ecologo) สำหรับธุรกิจอาหาร เครื่องซักผ้ามาตรฐานระดับโลก เครื่องฟอกอากาศระบบไฟฟ้าสถิตสำหรับห้องครัว ระบบฟอกอากาศภายในอาคาร, ฆ่าเชื้อพื้นผิว เครื่องกรองน้ำระดับพรีเมียมสำหรับธุรกิจ

ร้านอาหารและคาเฟ่ รวมถึงกิจกรรมให้ความรู้ต่างๆ อาทิ นวัตกรรมอากาศสะอาดด้วยเซลาฟิวชั่นเทคโนโลยี ความรู้เบื้องต้นและวิธีการทำความสะอาดพรม

นางจรีวรรณ หอมบุบผา ประธานฝ่ายประชาสัมพันธ์ ชมรมผู้บริหารงานแม่บ้านประเทศไทย กล่าวถึงความสำคัญของการรักษามาตฐานด้านสุขอนามัยในสถานประกอบการว่า ในฐานะองค์กรตัวแทนของผู้ปฏิบัติงานแม่บ้านยังยึดมั่นในข้อปฏิบัติและกฎระเบียบด้านความสะอาด ปลอดเชื้อ ปลอดภัยไว้อย่างเข้มแข็ง วันนี้โควิดยังไม่หมดไปและอาจมีโรคใหม่เกิดขึ้นอีก การป้องจึงเป็นทางที่ดีที่สุดทางหนึ่ง ซึ่งบทบาทของชมรมฯนอกจากจะสนับสนุน ให้ความรู้ พัฒนาการทำงานของพนักงานแม่บ้านแล้ว ยังรวมถึงการจัดหา ฝึกอบรม พัฒนาบุคลากร เพื่อป้อนสู่สถานประกอบการโรงแรมด้วย ส่วนความร่วมมือกับงาน Food & Hospitality Thailand นั้น ทางชมรมฯ ให้การสนับสนุนมาโดยตลอด ซึ่งกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นในปีนี้ มีทั้งการสัมมนาเกี่ยวกับนวัตกรรมใหม่ในการทำความสะอาด การปรับใช้อุปกรณ์และน้ำยาทำความสะอาดให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด กิจกรรมแฟชั่นโชว์จากวัสดุเหลือใช้ เป็นการแสดงความคิดสร้างสรรค์ สร้างความตระหนักถึงคุณค่าของการนำกลับมาใช้ใหม่

นายสุกานต์ อินทรสูต ผู้จัดการอาวุโส (ช่องทางจัดจำหน่าย) บริษัท พีรพัฒน์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงตลาดในกลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำยาฆ่าเชื้อและทำความสะอาดหลังการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวว่า เริ่มกลับมาสู่ภาวะปกติมากขึ้น มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้าพักในโรงแรม การใช้บริการร้านอาหาร และบริการอื่นๆ รวมถึงยังได้กลุ่มลูกค้าใหม่ๆ อาทิ สปา ฟิตเนส โรงพยาบาล โรงเรียน มหาวิทยาลัย ศูนย์ราชการ ทำให้ไตรมาส 1 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาเติบโตถึง 30% ใกล้เคียงกับก่อนเกิดสถานการณ์โควิด โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำยาฆ่าเชื้อ ลูกค้าหลักจะเป็นกลุ่มโรงแรม 60% ร้านอาหาร 20% และอื่นๆ อีก 20% ซึ่งการเข้าร่วมงาน Food & Hospitality Thailand ถือเป็นการสร้างความรู้จักและตอกย้ำในความเป็นผู้นำเทคโนโลยีทำความสะอาด Cleaning Hygiene Solutions แก่ผู้ประกอบการโรงแรม ร้านอาหาร และธุรกิจบริการอื่นๆ โดยไฮไลท์การจัดแสดงงานในปีนี้นอกจากจะมี Solutions ที่ครบวงจรแล้ว ยังมีการจัดแสดงหุ่นยนต์ทำความสะอาดสระว่ายน้ำ เครื่องล้างจานที่เป็นดิจิตอลทั้งหมด และเคมีภัณฑ์ซึ่งเป็นเทคโนโลยีชีวภาพ (Biotechnology) ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

นางสาวพนิดา มหชวโรจน์ กรรมการ บริษัท เค.เอช.ที.เซ็นทรัลซัพพลาย จำกัด กล่าวว่า การฟื้นตัวของการท่องเที่ยวส่งผลดีต่อธุรกิจเป็นอย่างมาก โดยเราเป็นผู้จัดจำหน่ายและผู้ให้บริการครบวงจรเกี่ยวกับอุปกรณ์ซัก อบ รีด สำหรับโรงแรม รีสอร์ท โรงพยาบาล โรงซักผ้า และร้านสะดวกซักต่างๆ ซึ่งสัญญาณการฟื้นตัวเริ่มเห็นชัดว่าตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมา (2565) จากการที่ผู้ประกอบการโรงแรม ที่พัก ได้ติดต่อเรียกทีมบริการของบริษัทฯ ให้เข้าไปตรวจเช็คระบบและอุปกรณ์ของเครื่องซัก อบ รีด เพื่อเตรียมรับนักท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะเครื่องซักผ้านั้น ลูกค้ามีความต้องการเครื่องที่สามารถซักน้ำร้อนและอบผ้ามากขึ้น เพื่อใช้ความร้อนมาเป็นตัวฆ่าเชื้อ ซึ่งทางบริษัทฯ คาดว่าในปีนี้จะเติบโตได้ถึง

7-10% ส่วนการร่วมจัดแสดงงานกับทาง Food & Hospitality Thailand นั้น ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางสำคัญที่ทำให้เราได้พบกับผู้ประกอบการในธุรกิจโรงแรม ท่องเที่ยว โรงพยาบาล และธุรกิจบริการทั้งในประเทศและกลุ่ม CLMV ที่ล้วนแต่เป็นกลุ่มลูกค้าของเราโดยตรง โดยไฮไลท์ในปีนี้ที่ทาง เค เอช ที เซ็นทรัลซัพพลาย ได้นำเครื่องซัก อบ รีด รุ่นยอดนิยม ที่มีดีไซน์ใหม่ พร้อมฟังชั่นที่น่าสนใจจากประเทศอเมริกามาร่วมออกงานในครั้งนี้ด้วย

นายปวัน เอี่ยมเจริญยิ่ง ผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจ บริษัท แมททีเรียล เวิลด์ จำกัด ได้กล่าวเสริมถึงการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวที่ส่งผลต่อธุรกิจอุปกรณ์ทำความสะอาดว่า การกลับมาของนักท่องเที่ยวทำให้ธุรกิจโรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร และธุรกิจบริการไปต่อได้ ส่งผลดีต่อกลุ่มธุรกิจอุปกรณ์ทำความสะอาด ตั้งแต่ถังขยะไปจนถึงอุปกรณ์อื่นๆ ซึ่ง แมททีเรียลเวิลด์ มีแผนกที่ดำเนินธุรกิจผู้นำเข้าสินค้ากลุ่มธุรกิจบริการ (Hospitality) เป็นอุปกรณ์ Premium จากหลายประเทศ โดยเฉพาะ Rubbermaid ที่ถือว่าเป็นแบรนด์ผู้นำตลาด การร่วมจัดแสดงงานกับ Food & Hospitality Thailand ถือเป็นงานสำคัญที่เราจะได้สื่อสารกับลูกค้าที่ตรงกลุ่ม เพราะผู้เยี่ยมชมงานส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการและผู้อยู่ในธุรกิจตัวจริง ส่วนการจัดแสดงผลิตภัณฑ์ในปีนี้จะมีความหลากหลายและครอบคลุมในทุกกลุ่มมากขึ้น ตั้งแต่ประเภทลูกค้าโรงงาน โรงแรม ไปจนถึงอุปกรณ์เครื่องใช้ในครัวเรือน

 

กลับมาอีกครั้งกับการแข่งขันสุดยอดเชฟรายการใหญ่ที่สุดของประเทศไทย Thailand's 26th International Culinary Cup (TICC) 2022 ครั้งที่ 26 โดยสมาคมเชฟประเทศไทย ร่วมกับ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์  ผู้จัดงาน ฟู้ดแอนด์ฮอสพิทาลิตี้ ไทยแลนด์ 2022 เชิญผู้สนใจสมัครเข้าร่วมแข่งขันสุดยอดเชฟแห่งประเทศไทย รางวัลรวมกว่า 200,000 บาท ซึ่งการแข่งขันแบ่งเป็น 7 ประเภท ได้แก่

Page 4 of 5
X

Right Click

No right click