หากพูดถึง ฟุตบอลไม่ใช่เป็นแค่เกมกีฬา แต่เป็นเรื่องของการบริหารจัดการทีมที่ต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์
กรณีการจัดทัพ “ทีมฟุตบอล” ของราชบุรี มิตรผล เอฟซี ให้ความสำคัญกับการสร้าง Brand Story เพื่อยึดครองใจแฟนลูกหนังไทยให้รู้สึกมีส่วนร่วมในทีม การสร้างตัวเล่นหลักและรอง ซึ่งเหล่านี้เป็นกลยุทธ์หลักๆ ช่วยสร้างมูลค่าทีมให้มีความโดดเด่น เข้าไปอยู่ในสายตาของสปอนเซอร์ นั่นหมายถึงการสร้างความพร้อมให้ทีมมีสายป่านที่ยาวไกล มีเงินทุนมาใช้เพื่อบริหารทีมให้เติบโตไปข้างหน้าได้อย่างไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง
ธนวัชร์ นิติกาญจนา หรือคุณฟลุ้ค ผู้จัดการทีมราชบุรี มิตรผล เอฟซี สโมสรระดับแถวหน้า ให้สัมภาษณ์กับ “นิตยสาร MBA” ถึงเป้าหมายในการพาทีมขึ้นแท่นแชมป์ศึกไทยพรีเมียร์ลีกว่าประสบการณ์การทำทีมฟุตบอลที่ผ่านมา ทำให้เรียนรู้ว่ามีอะไรมากกว่าที่คิด เพราะในอดีตคิดเพียงแต่ว่าจะแพ้หรือจะชนะเท่านั้น แต่อันที่จริงแล้วฟุตบอลอาชีพไม่ได้มีเพียงเท่านั้น เปรียบเทียบง่ายๆ ว่า สโมสรในต่างประเทศ เขาจะเอาทีมที่มีเงินมากมาเรียงกัน ทีมที่มีเงินมากสุดก็เอามาวางไว้อันดับหนึ่ง แล้วผลการแข่งขันก็จะออกมาใกล้เคียงกัน แต่ทีมราชบุรี มิตรผล เอฟซีนั้น รู้จักตัวเอง เราทำสโมสรแบบยั่งยืน ไม่ใช่ว่าได้เงินจากสปอนเซอร์มา 100 ล้าน แล้วจะไปกู้เงินธนาคารมา 300 ล้านเพื่อแข่งในปีเดียว ทำแบบนั้นอีก 2-3 ปีก็ต้องเลิกทำฟุตบอล เพราะหมดตัว
ถามว่าแล้วจะทำอย่างไรกับเงิน 100 ล้านบาท เพื่อไปแข่งกับทีม 300-400 ล้านอย่างเมืองทองกับบุรีรัมย์ ซึ่งตรงนี้ต้องวิเคราะห์จุดแข็งของทีม คือ เป็นทีมสโมสรฟุตบอลระดับจังหวัดของราชบุรี มีฐานแฟนบอลที่มีลอยัลตี คนในจังหวัดน่าจะคิดถึงทีมของเราก่อน รวมถึงปัจจัยภายในของทีมที่มีคาแรคเตอร์ของเราเอง เพราะไม่ใช่ทีมที่เป็นมหาเศรษฐี ไม่ได้มีพร้อมในทุกด้านทั้งในส่วนของจำนวนผู้เล่นหรือเงินทุนสนับสนุน แม้มีทรัพยากร (Resource) ไม่เท่าทีมใหญ่ แต่ก็สามารถยืนหยัดสู้กับทุกทีมที่อยู่ในการแข่งขันฟุตบอลระดับไทยลีก สามารถเอาชนะทีมบุรีรัมย์ เมืองทอง ชลบุรี และบางกอกกลาส นั่นหมายถึง การมีศักยภาพในการแข่งขันกับทีมยักษ์ใหญ่ในประเทศ มีความสามารถในการบริหารจัดการได้ และเชื่อมั่นใน Input ของเรา ทั้งส่วนของ Technical Staff และทีมบริหารที่คอยสนับสนุนมาตลอด ทั้งหมดที่กล่าวมาเราทำได้เป็นอย่างดี หากมองย้อนก่อนที่ประสบความสำเร็จ “ต้องยอมรับว่าทีมราชบุรีมิตรผลฯ มาจากบอลลีกภูมิภาค ที่ไต่เต้ามาจากการแข่งขันบอลไทยดิวิชั่น 2 โดยใช้เวลา 3 ปี จากปี 2554 กระทั่งปี 2555 ก้าวสู่การเป็นแชมป์ระดับดิวิชั่น 1 และในที่สุดก็ขึ้นมาแข่งขันในไทยลีกได้
‘ในประเทศไทยมี 3 ทีมเท่านั้น’ ที่ทำได้ คือทีมเมืองทองยูไนเต็ด ทีมบุรีรัมย์ยูไนเต็ด และทีมราชบุรีมิตรผลเอฟซี เชื่อว่าจะไม่มีทีมไหนในประเทศไทยที่ทำได้อย่างนี้อีกแล้ว”
กลยุทธ์สร้าง Brand Story + ทุน
สิ่งสำคัญที่สร้างความสำเร็จ นั่นคือ การมีความพร้อมในทุกด้าน รวมถึงการสร้างจุดยืนเฉพาะด้วย Brand Story จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีเรื่องราว ให้คนในจังหวัดรับรู้ สร้างฐานแฟนคลับให้ได้ ทำบิลบอร์ดเพื่อให้คนที่ผ่านไปมา มีการรับรู้ถึงราชบุรีเอฟซีว่าคืออะไร ไม่ใช่เงียบๆ รับรู้กันแต่ภายในวงเล็กๆ
“เป็นเรื่องไก่กับไข่” เพราะถ้าเรากังวลว่ายังไม่มีสปอนเซอร์ แล้วไม่กล้าลงทุนเพื่อประสบความสำเร็จ ทำอย่างไรสปอนเซอร์ก็ไม่มา ต้องมีความกล้าก่อน ต้องทำให้เห็นว่ามีอะไร วันหนึ่งสปอนเซอร์จะวิ่งมาเอง
เช่นเดียวกับในปี 2554 พอเริ่มเปิดตัวเข้าแข่งในดิวิชั่น 2 เป็นปีที่ 2 พิสูจน์ได้ว่าสิ่งที่คิดนั้นถูกต้อง มีนักฟุตบอลที่มีชื่อเสียงเข้ามา พร้อมทั้งเชิญท่านสรอรรถ กลิ่นประทุม ประธานกิตติมศักดิ์สโมสรราชบุรี ซึ่งเป็นผู้ใหญ่ในจังหวัดมาร่วมด้วย ซึ่งท่านก็ได้ส่งบุตรชายของท่านมาช่วยดูแล เรียกได้ว่าปีนั้นชนะทุกสนามที่มีให้แข่งขัน รวมไปถึงการคว้าชัยชนะในดิวิชั่น 2 ได้เป็นแชมป์จาก 77 ทีมทั่วประเทศ
ถ้วยรางวัลดิวิชั่น 2 กับชื่อใหม่และเงินทุน 20 ล้าน
คุณฟลุ้ค กล่าวถึงเหตุการณ์ หลังคว้าถ้วยดิวิชั่น 2 มาครองว่า เมื่อเป็นแชมป์ก็เป็นไปตามที่คิดไว้ “ถ้ามีผลงานสปอนเซอร์ก็จะเข้ามา”
ในปีนั้นเมื่อจบการแข่งขัน กลุ่มมิตรผลก็ติดต่อเข้ามาว่าสนใจที่จะสปอนเซอร์ทีม จึงได้เข้าไปพรีเซนต์ให้กับผู้บริหารของมิตรผล โดยส่วนตัวคิดว่าระดับของมิตรผล ด้วยเงินทุนที่มี หากสนใจทีมสักทีมหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องมาเอาทีมระดับดิวิชั่น สามารถไปในระดับไทยลีกได้เลย
ซึ่งก็ได้รับคำตอบว่า ทำไมจึงเลือกราชบุรีเอฟซี นั่นเพราะมิตรผลมองว่า เป็นทีมรุ่นใหม่ ไฟแรง ดูมีศักยภาพที่จะประสบความสำเร็จในอนาคต และถามว่าพร้อมจะเปลี่ยนชื่อจาก “ราชบุรี เอฟซี” มาเป็น “ราชบุรี มิตรผล เอฟซี” หรือไม่ ในเวลานั้นมีการคุยกันที่ตัวเลข 15 ล้านบาท ซึ่งก็มีการตอบกลับไปว่า เนื่องจากเป็นการเปลี่ยนทั้งหมด ขอต่อรองตัวเลขเป็น 20 ล้าน ตรงนี้สร้างความแปลกใจให้กับมิตรผลพอสมควร ที่เด็กอายุ 26 ปี ขอต่อรองจาก 15 ล้าน มาเป็น 20 ล้านบาท
“แต่เราก็สร้างความมั่นใจว่า จะทำให้ทีมนี้เป็นแชมป์และขึ้นดิวิชั่น 1 และขออินเซ็นทีฟอีก 5 ล้านบาท การจะขึ้นจากบอลดิวิชั่น 2 มาเป็นแชมป์ในบอลดิวิชั่น 1 เปรียบเทียบก็เหมือนกับขึ้นจากที่ 16 - 17 มาเป็นที่ 1 เลย ซึ่งทำได้ยากมาก แต่ในปีนั้นก็ทำได้จริงๆ”
เรียนรู้จากเจ้าของทีมดัง “บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด”
“หลังจากปิดดิวิชั่น ความคิดในการสร้างทีมตอนนั้นคือ ไม่ต้องมองถึงแมนยูฯ ไม่ต้องมองไปถึงญี่ปุ่นว่าเขาทำทีมกันอย่างไร ควรมองคนที่ประสบความสำเร็จภายในประเทศก่อน เพราะเรายังอยู่ไกลจากลีกสูงสุด คือไทยลีก
ในเวลานั้น ได้มีโอกาสไปเรียนรู้งานกับคุณอาเนวิน (เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด) ทำให้มีโอกาสเรียนรู้ถึงการบริหารทีม และได้รับรู้ถึงความรู้สึกของผู้เล่น”
อย่างไรก็ตาม การจะก้าวไปอีกระดับหนึ่งยังต้องมีการเรียนรู้ในอีกหลายด้าน ซึ่งคุณอาเนวินที่ส่วนตัวถือว่าเป็นแบบอย่าง (Role Model) ได้สอนว่าการที่เข้ามารับผิดชอบตรงนี้นั้น ประการแรก คือการทำให้ทีมประสบความสำเร็จ แต่สิ่งที่ต้องทำควบคู่ไปด้วยกันก็คือ ทำให้จังหวัดของเราเป็นที่รู้จัก ซึ่งทุกอย่างต้องเกิดจากการสร้างกองเชียร์ที่เห็นมากันอย่างพร้อมเพรียงสนุกสนาน ไม่ใช่เกิดขึ้นมาได้เลยในวันแข่ง ทุกอย่างต้องสร้าง มีการซ้อม มีการจัดการ สิ่งเหล่านี้เป็นข้อคิดที่สอนว่า จะมองเพียงภาพเล็กๆ เฉพาะทีมไม่ได้ การสร้างต้องทำเป็นทั้งจังหวัด
จากที่ไปเห็นสนามของบุรีรัมย์นั้น ได้แรงบันดาลใจให้กลับมาสร้าง “สนามมิตรผลสเตเดี้ยม” ที่จังหวัดราชบุรีบ้าง ซึ่งถือว่าช่วยสร้างทีมราชบุรีมิตรผลให้โดดเด่นขึ้นมา “ต้องมีแลนด์มาร์คเป็นของตนเองเช่นกัน ใครผ่านมาที่จังหวัดราชบุรี ต้องอยากแวะมาที่มิตรผลสเตเดี้ยม นั่นเป็นแนวทางที่ทำให้เริ่มเดินต่ออย่างมั่นใจ”
สร้างระบบ “ทีมบอลสำรองนักเตะดาวเด่น”
คุณฟลุ้ค เล่าถึงวิธีการบริหารจัดการทีมฟุตบอลของราชบุรี มิตรผล ในวันนี้ว่า “ต้องเปลี่ยนแนวคิด เมื่อก่อนอาจจะคิดแค่แพ้หรือชนะ แต่ฟุตบอลอยู่ที่การสร้างองค์กรต้องมีวิธีการจัดการ” วันนี้ต้องมี First Team คือทีมที่ใช้แข่ง และต้องมี Second Team ทีมที่ใช้เด็กอายุ 17-21 ปี เพื่อลงแข่งขันและเป็นอะไหล่ให้กับ First Team ในอนาคต และต้องมีทีมอายุ 13-15 ปี เพื่อจะผลักดันขึ้นไป Second Team อีกด้วย ตรงนี้ต้องเป็นระบบ เมื่อก่อนมีนักเตะในทีมชาติไทยเพียงแค่คนเดียว ปีนี้ ราชบุรี มิตรผล ขึ้นมาเป็นทีมชุดใหญ่ 3 คน และทีมอายุ 23 ปี อีก 3 คน เหล่านี้คือมูลค่าทางการตลาดทั้งสิ้น วันนี้เรามีนักเตะทีมชาติ 3-4 คนเทียบกับในอดีตที่ไม่มีเลย
นอกจากนี้ เป็นที่รู้กันว่าสิ่งสำคัญของ Sport Industry คือ สปอนเซอร์ ดังนั้น เราต้องทำให้สโมสรมีคุณค่าขึ้นมาให้ได้ และเมื่อสปอนเซอร์มองเข้ามาจะเห็นทีมของเรามีพัฒนาการ ในปัจจุบันสามารถทำผลงานได้ดีคงเส้นคงวา และจากทีมที่ไม่มีอคาเดมี (Academy) ที่โดนคนฉกตัวผู้เล่นดีๆ ไป ต้องไปหาซื้อผู้เล่นใหม่มา กลับมีทุกอย่างเป็นของตัวเอง สามารถสร้างเงิน ขายผู้เล่นได้ด้วยซ้ำ
“ผมเคยขายผู้เล่นต่างชาติได้คนหนึ่ง ได้มาฟรี สโมสรผมไม่เคยเล่นเอเอฟซี หรือถ้วยเอเซีย ดังนั้นการจะขายนักบอลไปยังต่างประเทศทำได้ยากมาก เมื่อมีข้อเสนอมาหาผม 27 ล้านบาท ผมจึงขาย”
การทำฟุตบอลเป็นการทำเป็นทีม ไม่ใช่ผู้เล่นคนใดคนหนึ่ง และสิ่งสำคัญคือต้องการให้โลกรู้ว่า ไม่ว่าคุณจะเป็นนักเตะระดับไหน มาจากประเทศไหน คุณมาอยู่ที่ราชบุรีมิตรผลเอฟซี คุณสามารถต่อยอดไปประเทศอื่นที่มีลีกที่สูงกว่า แข็งกว่าทีมเราได้ ทั้งที่ทีมเราก็ไม่เคยไปเล่นในระดับเอเซีย เราไม่มีสมุดเช็คที่จะเปิดมาเซ็นซื้อนักเตะ 20 ล้าน 30 ล้านได้ ต้องใช้การสร้าง ใช้การเฟ้นหาด้วยทีมงานที่ดี
ล่าสุดราชบุรี มิตรผลได้ “เควิน ดีรมรัมย์” ลูกครึ่งไทย-สวีดิช ซึ่งวันนี้ติดทีมชาติไทยชุดใหญ่ที่อายุน้อยที่สุดคือเพียง 19 ปี เรื่องนี้ถือว่าเป็นความสำเร็จของทีมงานเฟ้นหา ซึ่งก็มีหลายทีมใหญ่ให้ความสนใจในตัวน้องคนนี้ ในทางกลับกัน ถ้าเราใช้วิธีซื้อนักเตะดีๆ ราคาหลายสิบล้าน วันข้างหน้าจะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายนักบอล จะพัฒนาสโมสรต่อไม่ได้ ทุกอย่างก็จะจบลงตรงนั้น
เป้าหมาย “แชมป์ไทยลีก”
อย่างไรก็ตาม หลังจากทีมราชบุรี มิตรผล คว้าแชมป์ดิวิชั่น 1 มาได้แล้ว แชมป์ไทยลีก คือ เป้าหมายต่อไป ซึ่งคุณฟลุ้ค ยอมรับว่าเส้นทางนี้ไม่ปลอดโปร่งเช่นที่ผ่านมา
“พูดได้เลยว่ายากมาก เพราะเมื่อผ่านเข้าดิวิชั่น 1 ในปี 2555 ก็ก้าวเข้าสู่ไทยลีกเต็มตัวในปี 2556 เป็นปีแรก แต่ทุกอย่างก็ไม่ได้มาอย่างง่ายๆ ปีแรกเรียกว่าเกือบตกชั้น ทีมเล่นจนถึงแมตช์สุดท้ายที่ชนะในบ้าน ซึ่งทำให้เรารอดไม่ตกชั้น เพราะว่าเป็นน้องใหม่ ประสบการณ์น้อย ปีนั้นได้ที่ 15 จาก 18 ทีม ทำให้ได้เรียนรู้ว่าเขาเล่นกันอย่างไร พอปี 2557 ไทยลีกปีที่ 2 จึงขึ้นมาเป็นที่ 4 ของประเทศ
หลังจากนั้นก็ติดอยู่ในกลุ่มบนของลีกมาโดยตลอด ปี 2558 ได้อันดับที่ 7 ปี 2559 ได้ที่ 6 รวมทั้งได้รองแชมป์ และแชมป์บอลถ้วยต่างๆ ตามความสำเร็จของสโมสร การจะเป็นแชมป์เอฟเอคัพ หรือแชมป์ลีกคัพ เรียกว่ามีสิทธิทุกปี เช่น ปีที่ผ่านมาเข้าไปถึงรอบรองชนะเลิศ ก่อนที่ลีกจะยกเลิกไป”
ผู้จัดการทีมฟุตบอล วัย 33 ปี ทิ้งท้ายอีกว่า วันนี้ ราชบุรี มิตรผล มาถูกทางแล้ว มีทั้งนักเตะที่ดีเข้ามาเสริม มีทีมงานที่ดี อนาคตใน 2-3 ปี ทีมจะสามารถได้โควต้าของประเทศไปเล่นถ้วยระดับเอเซียได้ เราจะมีทีมที่แข็งแกร่งที่สุด ซึ่งสามารถท้าทายกับทุกๆทีมได้
พร้อมย้ำถึงปรัชญาในการทำงานด้วยว่า ผมไม่ได้สร้างแค่ทีมฟุตบอล ผมสร้างสโมสร องค์กรของเราจะต้องสมบูรณ์แบบ จะต้องมีทุกอย่างพร้อม ต้องพูดว่า 7-8 ปีก่อนนักการเมืองเข้ามาทำฟุตบอลกันมาก และบางคนก็ทำฟุตบอลเพื่อหวังผลเป็น
กระแสทางการเมือง สำหรับผมฟุตบอลเป็นเกมส์กีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก เมื่อมีการแข่งขันไม่ว่าจะเป็นแมตช์ระดับไหนก็ตาม คนจะมีความสุข
ดังนั้นจึงไม่อยากให้คนเข้ามาทำฟุตบอลฉาบฉวย อยากให้ทุกคนที่ทำฟุตบอลทำจริง และอยากให้ทำโดยคิดว่าฟุตบอลต้องอยู่คู่กับจังหวัดนั้นๆ บางจังหวัดคุณให้แฟนบอลมารักแล้วอยู่ดีๆ คุณเลิกบอกว่าไม่ไหว เราต้องรู้จักวิธีว่าเราไหวแค่ไหนเราทำแค่นั้น แล้วทำให้มันดี ต้องค่อยๆ สร้าง และมีการสื่อสารให้แฟนบอลเข้าใจว่าตอนนี้ทำอะไรอยู่ อยู่ที่จุดไหนแล้ว และเรากำลังจะไปให้ถึงจุดไหน
เรื่องและภาพ : กองบรรณาธิการ