นโยบายที่ทางสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหรือ สสว. ได้วางเป้าไว้โดยต้องการพา SMEs ไทยสู่ตลาดโลก มีการแบ่งกลไกกระบวนการดำเนินงานเป็น 3 ส่วนหลักๆ คือ Transformation, Internationalization และ Cooperative Networking ก่อให้เกิดกิจกรรมและโครงการต่างๆ เพื่อส่งเสริมให้ ผู้ประกอบการนำเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ กับธุรกิจของตัวเองมากมาย หนึ่งในนั้นคือ SME ONE ซึ่งเป็น Platform กลางที่ผู้ใช้สามารถเชื่อมโยงกับองค์กรต่างๆ ที่ทาง สสว. มีความร่วมมือด้วย ทำให้การติดต่อและติดตามข่าวสารต่างๆ ง่ายและสะดวกมากขึ้น สุวรรณชัย โลหะวัฒนกุล ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินงานของ Platform เหล่านี้ในช่วงปี พ.ศ. 2561 ที่ผ่านมาว่า
“เราเปิดตัว SME ONE ไปเมื่อช่วงต้นเดือนกันยายนปี พ.ศ. 2561 มีภาคส่วนต่างๆ มาเข้าร่วมกว่า 69 หน่วยงาน เพื่อต้องการมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อน SMEs ประเทศไทยให้ก้าวหน้าไปด้วยกัน และยังมีอีกหนึ่ง Platform คือ SME CONNEXT เป็นแอปพลิเคชันที่เปรียบเสมือนหน้าต่างประจำตัวของแต่ละหน่วยงานเพื่อใช้เชื่อมโยงสู่ SME ONEโดยหวังผลเป็น Big Data กลางในอนาคตข้อมูลประเภทต่างๆ ที่ได้จะรวบรวมแล้วส่งให้หน่วยงานที่ทำหน้าที่ด้านนั้นๆ เป็นผู้ดูแลโดยตรง อย่างเช่น ข้อมูลด้านการเงินก็จะถูกส่งให้กับทางสถาบันการเงินเพื่อนำไปใช้วิเคราะห์หรือช่วยเหลือต่อไป”
ในปี พ.ศ.2562 ทาง สสว. ก็อยากจะชวนให้ผู้ประกอบการ SMEs ทุกรายมา Born Digital ด้วยกันทั้งประเทศ หมายความว่า ต่อจากนี้ไปการสมัครหรือเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ กับ สสว. จะทำ ผ่านแอปพลิเคชัน SME CONNEXT โดยจะมีองค์ความรู้และ ข่าวสารให้ผู้ประกอบการซึ่งเป็นผู้นำในแต่ละธุรกิจคอยอัปเดต ความรู้อยู่เสมอผ่านระบบการสะสมเหรียญ รวมถึงหาก ผู้ประกอบการมีการเปิดเผยข้อมูลการทำธุรกิจก็จะสามารถ ยกระดับสมาชิกเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้คู่ค้า โดยข้อมูลเหล่านี้ จะเป็นประโยชน์ในการนำไปเป็นพื้นฐานของการพัฒนา โครงการต่างๆ และยังจะมีการต่อยอดจากระบบเหล่านี้เพื่อให้มี การส่งเสริมผู้ประกอบการแบบ Individual Solution ผ่าน SME Coach ด้วยการนำเอาองค์ความรู้ชุดใหม่แบบ 4.0 เพื่อให้ ผู้ประกอบการยุคใหม่นั้นมีความพร้อมที่จะก้าวไปสู่โลกอนาคต ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง Transformation, Technology, IOT, Blockchain, Robotics และ Development ต่างๆ มา Plug In ให้กับ SMEs เขาจะได้มีที่พึ่งจากหน่วยงานยุคใหม่ที่มองเห็น เทรนด์และการเติบโตในอนาคต มีการเรียนรู้ในเรื่องที่ SMEs สนใจ การประเมินทดสอบเพื่อให้ได้ใบรับรองและนำเอาองค์ความรู้ ที่ได้ไปปฏิบัติจริงด้วยการช่วยเหลือให้คำปรึกษา SMEs อื่นๆ ได้ จริงด้วย ทำให้เกิดการยกระดับของผู้เชี่ยวชาญ โดยเป้าหมาย ของ Platform นี้คือภายใน 3 ปี ต้องการมีผู้เข้าร่วมเพิ่มขึ้น ในระบบจนถึง 2,200 Coaches
การทำงานของ สสว. ในปี พ.ศ. 2562 คือ SMEs Modernization โดยเน้นให้ผู้นำทุกคนกล้าที่จะก้าวออกมาจากกรอบเดิมๆ เพื่อ ให้เกิดการเติบโตที่จะส่งผลไปสู่รุ่นลูกหลาน สุวรรณชัยตีโจทย์ ในเรื่องการส่งเสริมที่ต้องการปรับเปลี่ยนทัศนคติในการทำงาน ของผู้ประกอบการด้วยกระบวนการภายใต้แนวคิด SMEs SPEED โดยที่มาคือ
- S มาจาก Smart การมีความรู้ที่สดใหม่และสามารถ คาดการณ์แนวโน้มอนาคตได้
- P มาจาก Proactive การจัดการบริหารกระบวนการผลิต และบริการได้ดี
- E มาจาก Efficiency การเพิ่มประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ และการบริการ
- E มาจาก Exclusive การสร้างความแตกต่างให้กับธุรกิจ เจาะกลุ่ม Niche Market ให้ได้
- D มาจาก Digitalization การใช้เทคโนโลยีเพื่อนำพาธุรกิจไปสู่ กลุ่ม Global Niche
สุวรรณชัย ชี้ว่า ผู้ประกอบการและผู้นำต้องให้ความสำคัญ กับกระบวนการเหล่านี้ เพราะเราต้องเดินหน้าด้วยความเร็ว ที่สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน โดยทาง สสว. ก็จะมีการจัดกิจกรรมส่งเสริม SMEs ภายใต้ Born Scenario ช่วยให้ผู้ประกอบการที่สนใจในการเริ่มทำธุรกิจผ่าน Track ต่างๆ ซึ่งจะเฉพาะทางและเหมาะกับเป้าหมายของเขา โดยจะมีทั้ง Born Strong คือ เติบโตอย่างแข็งแรงด้วยการนำเอาองค์ความรู้ จากงานวิจัยต่างๆ มาประยุกต์ใช้พัฒนาผลิตภัณฑ์และการ จัดการให้มีความโดดเด่น Born Global คือ สามารถเปิดตลาด ทำการค้ากับต่างประเทศได้ทันทีตั้งแต่วันที่เริ่มต้นทำธุรกิจ โดย เขาเองก็ต้องมีต้นทุนทางการสื่อสารภาษาในกลุ่มเป้าหมาย มาด้วย ก่อนที่จะเข้าสู่เส้นทางในการพบปะหรือทำ Business Matching ต่อมาเป็น Born@50plus เพื่อส่งมอบกระบวนการ เรียนรู้และการตัดสินใจที่เหมาะกับผู้ประกอบการในวัย 50 กว่า หรือคนในวัยเกษียณซึ่งก็จะมีวิธีการที่แตกต่างไปจากคน รุ่นใหม่ๆ และสุดท้ายคือ Born General เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการเข้าร่วมโครงการ SMEs แบบทั่วไปไม่เฉพาะกลุ่ม
ทั้งนี้ ทุก Track จะต้อง Born Digital หรือเข้าสู่โลกดิจิทัลและ นำเอาเทคโนโลยีมาปรับใช้ในธุรกิจจนเกิด SMEs Modernization ผ่านกระบวนการแบบ SMEs SPEED ผู้นำหรือคนที่จะพาธุรกิจ ไปสู่จุดที่ประสบความสำเร็จได้ต้องเริ่มต้นด้วยการคิด ต้องมี Systems Thinking เพื่อนำไปสู่การลงมือทำ การวัดผลประเมิน และปรับปรุงสิ่งต่างๆ ให้ดีขึ้น
สุวรรณชัย เผยว่า “จากการสำรวจ ข้อมูลที่ผ่านมาพบว่าคนไทยมีความ ต้องการที่จะเป็นผู้ประกอบการค่อนข้างสูง แต่ยังไม่ค่อยกล้าคิดที่จะทำเรื่องใหม่ๆ ทำให้ หลายคนไม่กล้าลงมือทำเพราะกลัว อย่างไร ก็ตามช่วงสองสามปีที่ผ่านก็มีสัญญาณที่ เรามองเห็นว่าผู้ประกอบการของไทยเริ่มมี การขยับขยายการเติบโตส่งออกสินค้าไป ต่างประเทศมากขึ้น แสดงให้เห็นว่าเรา เริ่มที่จะเปิดกว้างและก้าวออกจากข้อจำกัด ของเราแล้ว”
สำหรับความท้าทายของการเติบโตในกลุ่ม ธุรกิจ SMEs ก่อนหน้านี้หลายคนอาจจะคิดว่าเป็น ปัญหาเรื่องการเงินที่ทำให้การพัฒนาธุรกิจกลุ่มนี้ เติบโตไม่ได้เท่าที่ควร แต่ทาง สสว. มีการสำรวจ เก็บข้อมูลเชิงลึกระดับโครงการในกลุ่ม SMEs รายย่อยระดับ Micro จังหวัดละ 6 ราย ทั้งหมด 462 ราย พบว่า 60 เปอร์เซ็นต์ของผู้ประกอบการ อยากได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐในเรื่องการ ทำการตลาด รองมาคือการจัดการระบบมาตรฐาน การผลิต การจัดการทรัพยากรมนุษย์ในองค์กร และอันดับสุดท้ายเป็นเรื่องเงินซึ่งมีสัดส่วนเพียง 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น จะเห็นได้ว่าเราต้องมีการ ปรับเปลี่ยนมุมมองและทัศนคติใหม่ๆ เพื่อ สามารถช่วยเหลือทำให้เกิดการแก้ไขปัญหาและ การเปลี่ยนแปลงที่ตรงจุดมากยิ่งขึ้น ดังนั้น เป้าหมาย สูงสุด สสว. ในปี พ.ศ. 2562 ที่จะเห็นเป็นรูปธรรม คือ การเดินหน้าทำโครงการทางการตลาดและ ช่วยเหลือบริการในเรื่ององค์ความรู้ต่างๆ โดยจะมี การกระจายไปสู่ธุรกิจระดับท้องถิ่นให้มากขึ้นเพื่อ นำมาซึ่งตัวชี้วัดคือ รายได้ที่เพิ่มขึ้นของกลุ่ม SMEs ให้มากขึ้นเป็น 4.5 เท่าของงบประมาณที่ใช้ในการดำเนินงาน
สุวรรณชัยกล่าวถึงจังหวะการก้าวต่อไปของประเทศไทยใน อนาคตว่า เราต้องวิ่งให้เร็วขึ้น เริ่มต้นง่ายๆ จาก ตัวเราเองก่อนเป็นอันดับแรก เราต้องมีความรู้ ความเข้าใจในบทบาทหน้าที่ของตัวเองอย่าง ชัดเจน จากนั้นเรียนรู้ระบบการทำงานและพัฒนา ให้ดีขึ้นด้วยการนำเอาดิจิทัลและเทคโนโลยีเข้ามา ช่วย มีการเชื่อมต่อกันระหว่างระบบความคิดเดิม และระบบความคิดจากคนรุ่นใหม่ ที่มองเห็น อนาคตที่จะก้าวไปด้วยกัน เพิ่มประสิทธิภาพการ ทำงานระหว่างรุ่นให้ดีมากขึ้น สิ่งเหล่านี้จะทำให้ เราขับเคลื่อนไปได้รวดเร็ว ทั้งนี้ ต้องมีการรักษา สมดุลระหว่างกฎระเบียบและความยืดหยุ่นควบคู่ กันไปด้วย ทาง สสว. เองก็จะทำหน้าที่เป็นสะพาน เพื่อเชื่อมต่อสิ่งใหม่ๆ และส่งต่อสิ่งที่ดีให้กับ คนรุ่นใหม่ ผ่านการตีความทุกอย่างในมุมมองที่ แตกต่างจากเดิม อย่างสุภาษิตสมัยก่อนที่ บอกว่าช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม ที่ผ่านมาเรามัก ตีความผิด คนเลยเลือกทำงานในนาทีสุดท้ายแล้ว บอกตัวเองว่าไม่เป็นไร ถึงทำงานช้าแต่ได้งานที่ดี แต่กลายเป็นทำให้เราเดินหน้าช้าและผลงานที่ออกมา ก็ไม่มีคุณภาพเท่าที่ควร ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว หากตีความในมุมที่เหมาะสมกว่าน่าจะเป็นการที่เรา ต้องมีความประณีต อดทน ละเอียดรอบคอบ ในการทำงานจึงจะได้งานที่มีคุณภาพ ไม่ใช่การ ผัดวันประกันพรุ่งแล้วมาลุ้นผลสำเร็จเอาใน นาทีสุดท้าย
เพราะฉะนั้น การจะก้าวมาเป็นผู้ประกอบการหรือผู้นำในยุคแบบนี้จึงต้อง กล้าคิดนอกกรอบเดิมๆ กล้าลงมือทำสิ่งใหม่ๆ และเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพจึงจะสามารถประสบความสำเร็จได้
เรื่อง : พิรพลอย พูนขำ
ภาพ : สาธิดา พิชณุษากร