September 16, 2024

กระทรวงดีอี และ ดีป้า จัดกิจกรรม ‘Ignite Digital Thailand’ ภายใต้โครงการ DIGINEXT by SEED THAILAND พร้อมรับข้อเสนอแนะจากผู้ประกอบการดิจิทัลและผู้บริหารแต่ละภาคส่วนที่ร่วมหารือ ทั้งแนวทางการขับเคลื่อนระบบนิเวศดิจิทัลสตาร์ทอัพ อีคอมเมิร์ซ การพัฒนากำลังคน และการนำเทคโนโลยี AI มาประยุกต์ใช้ ก่อนนำข้อมูลมาตกผลึกและทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อยกระดับภาคส่วนต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพ และเป็นกำลังสำคัญในการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลของประเทศ

 

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (กระทรวงดีอี) เป็นประธานในกิจกรรม ‘Ignite Digital Thailand’ ภายใต้โครงการ DIGINEXT by SEED THAILAND ที่ดำเนินการโดย สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า โดยมี ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ นายฉัตรชัย คุณปิติลักษณ์ รองผู้อำนวยการใหญ่ และ ดร.ชินาวุธ ชินาวุธ ผู้ช่วยอำนวยการใหญ่ พร้อมด้วย นายธนวิชญ์ ต้นกันยา นายกสมาคมการค้าสตาร์ทอัพไทย นายธนพงษ์ ณ ระนอง นายกสมาคมไทยผู้ประกอบธุรกิจเงินร่วมลงทุน นางสาวกุลธิรัตน์ ภควัชร์ไกรเลิศ นายกสมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทย นางสาวกุลนันท์ พันธุ์นุกูล MD & COO บริษัท เอ็ดไวซอรี่ จำกัด (EdVISORY) และ ดร.ณรงค์ บริจินดากุล ผู้แทนสมาคมผู้ประกอบการปัญญาประดิษฐ์ประเทศไทย รวมถึงกลุ่มดิจิทัลสตาร์ทอัพ และผู้ประกอบการรุ่นใหม่ร่วมพบปะหารือในประเด็นต่าง ๆ ณ Gaysorn Urban Resort เกษรทาวเวอร์

ในเรื่องของการยกระดับระบบนิเวศดิจิทัลสตาร์ทอัพ นายธนวิชญ์ เสนอให้ภาครัฐส่งเสริมการจัดตั้ง Hub for International Accelerators ในประเทศไทย เพื่อเป็นชุมชน (Startup Community) ที่จะช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับดิจิทัลสสตาร์ทอัพ และผลักดันดิจิทัลสตาร์ทอัพไทยที่มีความพร้อมให้สามารถขยายตลาดสู่ต่างประเทศ นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้มีการพิจารณาปรับเงื่อนไขการขอรับทุนสนับสนุนจากหน่วยงานรัฐเพื่อเพิ่มโอกาสการเข้าถึงแหล่งทุนแก่ดิจิทัลสตาร์ทอัพ รวมถึงพัฒนากลไกช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุนของ Angel Investor ขณะที่ นายธนพงษ์ เสนอให้ภาครัฐเร่งพัฒนาระบบนิเวศดิจิทัลสตาร์ทอัพทั้งระบบ พร้อมแนะว่า การให้เงินทุนสนับสนุนแก่ดิจิทัลสตาร์ทอัพจากหน่วยงานภาครัฐควรเป็นไปอย่างต่อเนื่อง และมีความเหมาะสมกับช่วงระยะการเติบโตของสตาร์ทอัพรายนั้น ๆ

 

ด้านการส่งเสริมอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซไทย นางสาวกุลธิรัตน์ กล่าวว่า ภาครัฐควรให้ความสำคัญกับการยกระดับระบบนิเวศเศรษฐกิจดิจิทัล เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซไทยเติบโต และสามารถขยายตลาดสู่ต่างประเทศได้ ขณะเดียวกันต้องให้การส่งเสริมการพัฒนาทักษะดิจิทัลแห่งอนาคตที่เกี่ยวข้องแก่กลุ่ม Mid-career ขณะที่ นางสาวกุลนันท์ เสนอว่า กระทรวงดีอี ต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนากำลังคนดิจิทัลเพื่อเตรียมความพร้อมแรงงานให้มีความสามารถในการแข่งขันท่ามกลางสภาพแวดล้อมดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ควรปรับปรุงหลักสูตรให้สอดคล้องกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรม และเสนอให้มีการจัดตั้งศูนย์ให้คำปรึกษาเพื่อการเติบโตในมิติต่าง ๆ ในรูปแบบ One Stop Service รองรับดิจิทัลสตาร์ทอัพ ขณะที่ ดร.ณรงค์

เสนอว่า ภาครัฐและภาคเอกชนควรบูรณาการการทำงานเพื่อส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) พร้อมกันนี้ยังเสนอให้เกิด Open Source แบ่งปันความรู้และข้อมูลระหว่างนักพัฒนาภายในประเทศ เพื่อนำไปสู่การพัฒนาอย่างก้าวกระโดดและยั่งยืนต่อไป

นายประเสริฐ กล่าวว่า จากการหารือในครั้งนี้ กระทรวงดีอี ได้รับทราบมุมมอง ปัญหา และอุปสรรคต่าง ๆ พร้อมแลกเปลี่ยนแนวคิด ข้อเสนอแนะ และความคิดเห็นจากผู้บริหารทุกท่านที่เป็นตัวแทนของแต่ละภาคส่วน ซึ่ง กระทรวงดีอี และ ดีป้า จะนำข้อมูลที่ได้รับจากการหารือมาตกผลึกและทำงานร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อยกระดับภาคส่วนต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพ และเป็นกำลังสำคัญในการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลของประเทศต่อไป

สำหรับ DIGINEXT by SEED THAILAND เป็นส่วนหนึ่งของการขยายผลการดำเนินโครงการพัฒนาเมล็ดพันธุ์นักรบดิจิทัลรุ่นใหม่ (SEED THAILAND) โดยนำคนรุ่นใหม่ที่ได้รับการยกระดับทักษะดิจิทัลแล้วมาพูดคุยกับบุคคลสำคัญที่มีบทบาทในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ และผู้ประกอบการดิจิทัลตัวจริงอย่างใกล้ชิด โดยมีการดำเนินกิจกรรมใน 5 ภูมิภาคทั่วประเทศ ระหว่างเดือนกรกฎาคม - สิงหาคม รวมผู้เชี่ยวชาญชั้นนำของประเทศและผู้ประกอบการดิจิทัลไทยร่วมแลกเปลี่ยนแนวคิดกว่า 400 ราย นักเรียนนักศึกษา กลุ่มคนรุ่นใหม่ร่วมกิจกรรมกว่า 150 คน ซึ่งผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook Page: depa Thailand

กระทรวงดีอี และ ดีป้า จัดงาน The Success Story: Smart School Bus ยกระดับผลิตภัณฑ์ - บริการดิจิทัลสัญชาติไทย ด้วยมาตรฐาน dSURE ชูโครงการ Smart School Bus รถโรงเรียนรุ่นใหม่เด็กปลอดภัย เป็นต้นแบบของการขับเคลื่อนกลไกการยกระดับผลิตภัณฑ์-บริการดิจิทัลที่พัฒนาโดยผู้ประกอบการไทย ก่อนกระตุ้นให้เกิดการประยุกต์ใช้ดิจิทัลตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานอย่างตรงจุด พร้อมเปิด depa Tech Showcase พื้นที่จัดแสดงผลิตภัณฑ์และบริการดิจิทัลจากผู้ประกอบการไทยบนพื้นที่ SCB NEXT TECH ชั้น 4 ศูนย์การค้าสยามพารากอน

นายสุทธิเกียรติ วีระกิจพานิช ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เป็นประธานเปิดงาน The Success Story: Smart School Bus ยกระดับผลิตภัณฑ์ - บริการดิจิทัลสัญชาติไทย ด้วยมาตรฐาน dSURE โดยมี ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า ผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษาร่วมภายในงานโดยพร้อมเพรียง ณ พารากอนซินีเพล็กซ์ โรงภาพยนตร์ที่ 13 ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน

นายสุทธิเกียรติ กล่าวในปาฐกถาพิเศษหัวข้อ ‘กลไกกระตุ้นเศรษฐกิจดิจิทัล’ ว่า รัฐบาลเล็งเห็นความสำคัญของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลของประเทศด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล โดยที่ผ่านมา กระทรวงดีอี โดย ดีป้า มุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนไทยทุกกลุ่มและทุกช่วงวัย โดยเฉพาะกลุ่มเด็กและเยาวชน ซึ่งถือเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศในอนาคต

โครงการ Smart School Bus รถโรงเรียนรุ่นใหม่เด็กปลอดภัย ที่ดำเนินการโดย ดีป้า จึงถือเป็นโครงการต้นแบบของการนำเทคโนโลยีดิจิทัลที่ได้มาตรฐาน dSURE มาประยุกต์ใช้ยกระดับด้านความปลอดภัยให้กับรถรับ-ส่งนักเรียน ลดความสูญเสียจากเหตุการณ์เด็กถูกลืม ถูกทิ้งให้อยู่ในรถตามลำพัง ซึ่งเทคโนโลยีดิจิทัลที่ถูกนำมาใช้ในโครงการได้รับการขึ้นทะเบียนบัญชีบริการดิจิทัลของ ดีป้า จึงช่วยช่วยคลายความกังวล และสร้างความเชื่อมั่นให้กับพ่อแม่ ผู้ปกครอง และโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี กล่าว

ด้าน ผศ.ดร.ณัฐพล กล่าวว่า เทคโนโลยีที่นำมาประยุกต์ใช้ในโครงการ Smart School Bus รถโรงเรียนรุ่นใหม่เด็กปลอดภัยนั้น ประกอบด้วย เซ็นเซอร์ที่มีหน้าที่แตกต่างกัน เช่น เซ็นเซอร์การตรวจตำแหน่งของรถ (GPS), เซ็นเซอร์การตรวจสอบความเคลื่อนไหว เซ็นเซอร์การตรวจจับอุณหภูมิ และ อุปกรณ์ส่งสัญญาณสื่อสาร 4G เป็นต้น รวมถึงการพัฒนาโซลูชันเพื่อแสดงข้อมูลที่เกี่ยวข้องอย่างเรียลไทม์ผ่านอุปกรณ์อัจฉริยะ ซึ่งทั้ง Hardware และ Software ที่ใช้ในโครงการนี้ ล้วนพัฒนาโดยผู้ประกอบการดิจิทัลไทย ที่ผ่านการคัดกรองมาตรฐานได้รับตราสัญลักษณ์ dSURE และ
ขึ้นทะเบียนบัญชีบริการดิจิทัล

บัญชีบริการดิจิทัล คือหนึ่งในกลไกยกระดับเศรษฐกิจดิจิทัลไทยที่มีการรวบรวมสินค้าและบริการดิจิทัลจากดิจิทัลสตาร์ทอัพและผู้ให้บริการดิจิทัลสัญชาติไทย เป็นตัวช่วยในการคัดกรองผลิตภัณฑ์และบริการดิจิทัลที่มีคุณสมบัติครบถ้วนและเป็นไปตามข้อกำหนดตามมาตรฐาน dSURE (ดีชัวร์) หรือ Digital Sure ที่ ดีป้า กำหนดขึ้นสำหรับซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน อาทิ มาตรฐานด้านความปลอดภัยในการใช้งาน และมาตรฐานด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ มั่นใจข้อมูลถูกจัดเก็บในประเทศ ไม่รั่วไหล อีกทั้งมีการระบุราคาที่ชัดเจน เชื่อถือได้ และเป็นไปตามข้อกำหนดของกรมบัญชีกลาง นอกจากนี้ยังอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการ รวมถึงประชาชนทั่วไปที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์หรือบริการดิจิทัล อีกทั้งสามารถนำค่าใช้จ่ายมาลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 200%” ผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า กล่าว

ผศ.ดร.ณัฐพล ระบุว่า ปัจจุบันมีอุปกรณ์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน dSURE แล้ว 10 อุปกรณ์ และมีอุปกรณ์ที่รอขึ้นทะเบียนอยู่เป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกันมีผู้ประกอบการนำผลิตภัณฑ์และบริการของตนเองมาขึ้นทะเบียนบัญชีบริการดิจิทัลแล้วกว่า 400 รายการ

นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการบรรยายในหัวข้อ มาตรฐานยกระดับผลิตภัณฑ์และบริการดิจิทัล “dSURE” โดย ดร.ศุภกร สิทธิไชย ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่อาวุโส ด้านโครงการพิเศษและศูนย์พัฒนาดิจิทัลและนวัตกรรมดีป้า และเสวนาในหัวข้อ ยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทยด้วยเทคโนโลยี โดย นายจุลนภ ศานติพงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมและธุรกิจ ดีป้า นางสาวทักษพร รักอยู่ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านพัฒนาระบบงานพัสดุ กรมบัญชีกลาง นายคงพันธ์ ฉมารัตน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อาร์ติคูลัส จำกัด นายอมฤต ฟรานเซน CBDO และ Co-Founder บริษัท แอพแมน จำกัด และ นายนิธิกร บุญยกุลเจริญ Product Manager บริษัท เมตามีเดีย เทคโนโลยี จำกัด

นอกจากนี้ ดีป้า ยังได้รับความอนุเคราะห์จาก กลุ่มบริษัท สยามพิวรรธน์ เปิดพื้นที่จัดแสดงผลิตภัณฑ์และบริการดิจิทัลจากผู้ประกอบการไทยในชื่อ depa Tech Showcase ณ SCB NEXT TECH ชั้น 4 ศูนย์การค้าสยามพารากอน เพื่อให้ประชาชนสามารถเลือกซื้อผลิตภัณฑ์หรือบริการดิจิทัลที่ได้มาตรฐาน เชื่อถือได้ ขณะเดียวกันยังเป็นพื้นที่ให้คำปรึกษาด้านการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลแก่ทุกภาคส่วน

สำหรับผู้ประกอบไทยที่สนใจนำผลิตภัณฑ์หรือบริการด้านซอฟต์แวร์หรือแพลตฟอร์มมาขึ้นทะเบียนบัญชีบริการดิจิทัล หรือหน่วยงานที่สนใจจัดซื้อบริการที่ได้รับการขึ้นทะเบียนบัญชีบริการดิจิทัล สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.depa.or.th/th/thailanddigitalcatalog หรือติดตามข่าวสารกิจกรรมหรือโครงการต่าง ๆ ได้ทาง www.depa.or.th, Facebook Page: depa Thailand และ LINE OA: @depaThailand

กระทรวงดีอี และ ดีป้า ร่วมพูดคุยกับบรรดาผู้ประกอบการและดิจิทัลสตาร์ทอัพในพื้นที่ วางแผนหารือจังหวัด หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และภาคเอกชนเดินหน้าพัฒนา ‘Digital Khon Kaen Sandbox’ พื้นที่ส่งเสริมให้เกิดการยกระดับเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลภาคอีสาน อีกทั้งเน้นย้ำให้เกิดการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในภาคเกษตรกรรม โดยเฉพาะ Big Data จากผู้ประกอบการไทย เพื่อช่วยยกระดับภาคอุตสาหกรรม ก่อนเยี่ยมชมกิจกรรมอัปสกิลดิจิทัลผู้ประกอบการที่จำหน่ายสินค้าและให้บริการในพื้นที่ พร้อมแนะผู้ประกอบการชูจุดเด่นภาคอีสานดึงดูดความสนใจผู้บริโภค

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรม ‘Ignite Isan Digital Hub’ ภายใต้โครงการ DIGINEXT by SEED THAILAND พร้อมร่วมพูดคุยกับบรรดาผู้ประกอบการและดิจิทัลสตาร์ทอัพในพื้นที่เพื่อหารือแนวทาง แลกเปลี่ยนแนวคิดและประสบการณ์ สะท้อนข้อมูลที่เป็นประโยชน์เพื่อนำไปใช้ต่อยอดการดำเนินธุรกิจ และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนประเทศสู่เศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล โดยมี นายพันธ์เทพ เสาโกศล รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น พร้อมด้วย ดร.ชินาวุธ ชินะประยูร ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า และ ดร.วาริน รัชนานุสรณ์ ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมวิสาหกิจดิจิทัลเริ่มต้น ร่วมในกิจกรรม

“ภาคเอกชนของจังหวัดขอนแก่นถือว่ามีความเข้มแข็งและเป็นเอกภาพ อีกทั้งมีความพร้อมที่จะพัฒนาจังหวัดอย่างเป็นรูปธรรม ส่งผลให้ขอนแก่นเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพและโดดเด่นเป็นอย่างมากในพื้นที่ภาคอีสาน ด้วยเหตุนี้ กระทรวงดีอี และ ดีป้า จึงต้องการเชิญชวนจังหวัด หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และภาคเอกชน ร่วมหารือแนวทางการพัฒนา ‘Digital Khon Kaen Sandbox’ พื้นที่ส่งเสริมให้เกิดการยกระดับเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลภาคอีสาน โดยเบื้องต้นคาดว่าจะมีการนำมาตรการทางภาษีเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกลไกดึงดูดการลงทุน นอกจากนี้ ยังเน้นย้ำให้เกิดการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในภาคเกษตรกรรม โดยเฉพาะ Big Data จากผู้ประกอบการไทย เพื่อช่วยยกระดับภาคอุตสาหกรรม อีกทั้งเป็นการป้องกันการรั่วไหลของข้อมูล อย่างไรก็ตาม กระทรวงดีอี โดย ดีป้า ยังได้ดำเนินการส่งเสริมให้เกิดการนำเทคโนโลยีอื่น ๆ มาใช้ผ่านโครงการต่าง ๆ อาทิ โครงการ 1 ตำบล 1 ดิจิทัล (ชุมชนโดรนใจ) และ 1 ตำบล 1 ดิจิทัล (สมาร์ทลีฟวิ่ง)” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี กล่าว

พร้อมกันนี้ คณะได้เยี่ยมชมกิจกรรม ‘Digital Content-Driven E-Commerce Workshop: การอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อเพิ่มยอดขายด้วยดิจิทัลคอนเทนต์’ พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิจกรรมต่อยอดความสำเร็จของโครงการ CONNEXION ที่มุ่งพัฒนาศักยภาพและสร้างความเข้าใจในการใช้ดิจิทัลคอนเทนต์เพื่อสร้างยอดขายบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซอย่างมีประสิทธิภาพให้กับผู้ประกอบการที่จำหน่ายสินค้าและให้บริการในจังหวัดขอนแก่นและพื้นที่ใกล้เคียงผ่านการอบรมเชิงปฏิบัติการหัวข้อต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเทคนิคการถ่ายภาพสินค้า การสร้าง Storytelling การ Live ขายสินค้า การเปิดร้านค้าใน Social Commerce อย่าง TikTok และ Facebook การใช้ข้อมูลวิเคราะห์ช่องทางขายสินค้าออนไลน์ด้วยแพลตฟอร์ม eTailligence และการสร้าง Micro Influencer หน้าใหม่ให้กับท้องถิ่น

นายประเสริฐ กล่าวว่า ภายหลังจากการพูดคุยกับผู้ประกอบการในพื้นที่ รวมถึงอินฟลูเอนเซอร์ที่เข้าร่วมกิจกรรมพบว่า สินค้าและบริการของพี่น้องผู้ประกอบการในพื้นที่ภาคอีสานมีเอกลักษณ์และมีศักยภาพในการเป็นซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศ แต่ผู้ประกอบการกลับสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาในหลากหลายด้าน เช่น ผู้ประกอบการหลายรายยังขาดความรู้ ความเข้าใจ และทักษะในการใช้งานเทคโนโลยีและเครื่องมือดิจิทัลเพื่อเพิ่มยอดขายและวางแผนการตลาด ทำให้ไม่สามารถขยายตลาดและตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในยุคปัจจุบันได้อย่างตรงจุดและมีประสิทธิภาพ ดังนั้นกิจกรรมในวันนี้จะช่วยบรรเทาปัญหาที่เกิดขึ้น ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการเองจะต้องนำจุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ของภาคอีสานมาใช้เป็นจุดขายเพื่อดึงดูดใจผู้บริโภคอีกทางหนึ่ง

เดินหน้าสร้างโอกาสจากปัญญาประดิษฐ์ ยกระดับไทยสู่ศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิทัลระดับโลก

กระทรวงดีอี และ ดีป้า จัดกิจกรรม ‘Ignite Lanna Digital Hub’ ภายใต้โครงการ DIGINEXT by SEED THAILAND เร่งสร้างเมล็ดพันธุ์ดิจิทัลรุ่นใหม่ โดย รมว.ดีอี เผยแนวคิดการพัฒนา Digital Citizen ดึงดูด Digital Nomad ให้เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศ พร้อมสานต่อแนวทางการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือในชื่อ Lanna Digital Valley และรับข้อเรียกร้องในการขยายเครือข่ายนักพัฒนาให้ใหญ่ขึ้นและเป็นสากลโดยการดึงกลุ่มนักพัฒนาต่างชาติให้เข้ามามีส่วนร่วมในเครือข่าย และกระตุ้นให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เพื่อสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น 

 

นายประเสริฐ กล่าวว่า จังหวัดเชียงใหม่ถือเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในพื้นที่ภาคเหนือ อีกทั้งได้รับความนิยมอย่างมากจาก Digital Nomad ทั่วโลก ซึ่งคนกลุ่มนี้เป็นคนรุ่นใหม่ที่ทำงานแบบ Remote Worker และต้องการอิสระในการใช้ชีวิต ดังนั้นรัฐบาลรับฟังแนวคิดจากผู้ประกอบการในพื้นที่เพื่อพัฒนา Digital Citizen ช่วยดึงดูดกลุ่ม Digital Nomad ให้เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศ ซึ่งอาจมีเงื่อนไขบางประการ อาทิ Digital Nomad นั้นจะต้องทำงานร่วมกับบริษัทในไทย หรือมีส่วนเกี่ยวข้องในการยกระดับชุมชนและท้องถิ่นของไทย เป็นต้น นอกจากนี้ รัฐบาลจะสานต่อแนวทางการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือในชื่อ Lanna Digital Valley ระบบนิเวศดิจิทัลที่จะช่วยสร้างแต้มต่อและส่งเสริมภาคการลงทุน 

กระทรวงดีอี และ ดีป้า ยังได้รับข้อเรียกร้องจากกลุ่มนักพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูงอย่าง Web3 และ Blockchain ที่ต้องการให้รัฐบาลเชื่อมโยงและขยายเครือข่ายกลุ่มนักพัฒนาให้ใหญ่ขึ้นและเป็นสากลโดยการดึงกลุ่มนักพัฒนาต่างชาติให้เข้ามามีส่วนร่วมในเครือข่าย กระตุ้นให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เพื่อขับเคลื่อนไปสู่ 
การสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นในอนาคต” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี กล่าว 

 

ด้าน ดร.ชินาวุธ กล่าวว่า กิจกรรม Ignite Lanna Digital Hub ภายใต้โครงการ DIGINEXT by SEED THAILAND ในวันนี้ถือเป็นโอกาสดีที่ทุกภาคส่วน โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่และดิจิทัลสตาร์ทอัพได้มีโอกาสร่วมพูดคุยและหารือกันเช่นเดียวกับกิจกรรม Ignite Andaman Digital Hub ที่จังหวัดภูเก็ตสัปดาห์ก่อน 
ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ประกอบการรุ่นใหม่และดิจิทัลสตาร์ทอัพในพื้นที่ โดยมีการระดมความคิดเห็น แลกเปลี่ยนแนวคิดและประสบการณ์ สะท้อนข้อมูลที่เป็นประโยชน์ สามารถหยิบยกไปใช้ต่อยอดการดำเนินธุรกิจและร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนประเทศสู่เศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลต่อไป 

สำหรับโครงการ DIGINEXT by SEED THAILAND จัดขึ้นครั้งแรกที่ภาคตะวันออก จังหวัดชลบุรี 
กับกิจกรรม Ignite Thailand Digital Valley ครั้งที่ 2 ภาคใต้ จังหวัดภูเก็ต กับกิจกรรม Ignite Andaman Digital Hub ครั้งที่ 3 ภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่ กับกิจกรรม Ignite Lanna Digital Hub และพร้อมเดินหน้า 
ครั้งต่อไปที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดขอนแก่น กับกิจกรรม Ignite E-SAN Digital Hub และครั้งสุดท้าย 
ภาคกลาง กรุงเทพมหานคร กับกิจกรรม Ignite Digital Thailand ซึ่งผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook Page: depa Thailand 

Page 1 of 3
X

Right Click

No right click