จับมือเซียนธุรกิจปลุกกระแส ผปก.ยุคใหม่ สู้วิกฤต ชี้ชัด! ‘รสชาติ-ขายใคร’ คือ กุญแจความสำเร็จ

มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) โดยวิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี (CIBA) เดินหน้าพัฒนาหลักสูตรระดับบัณฑิตศึกษา ตอบรับความต้องการของตลาดแรงงานยุคดิจิทัล เปิดรับสมัครเรียนการบัญชีมหาบัณฑิตและบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต (MBA) ปีการศึกษา 2568 เน้นการอัพสกิลผู้เรียนให้มีความรู้ความสามารถรอบด้าน พร้อมนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการเรียนการสอน เพื่อผลิตบุคลากรคุณภาพสู่ภาคธุรกิจ เปิดรับสมัครแล้ววันนี้

ดร.อริสรา ธานีรณานนท์ ผู้อำนวยการหลักสูตรบัญชีมหาบัณฑิต วิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เปิดเผยว่า หลักสูตรปริญญาโทการบัญชีมุ่งเน้นการพัฒนาผู้เรียน ให้สามารถวิเคราะห์ งบการเงิน และวางแผนธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่สำคัญคือมีการเพิ่มทักษะของผู้บริหาร รวมถึงการนำเทคโนโลยีดิจิทัล มาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล สร้างรายงาน และคาดการณ์ธุรกิจ รวมถึงการเรียนรู้ด้าน Big Data และ Data Analytics นอกจากนี้ หลักสูตรยังให้ความสำคัญกับการบัญชีเพื่อความยั่งยืน ซึ่งเป็นเทรนด์สำคัญของโลก ครอบคลุมประเด็นการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการคำนวณต้นทุนคาร์บอนเครดิตในภาคอุตสาหกรรม สะท้อนให้เห็นถึงการปรับตัวของวิชาชีพบัญชีในบริบทของยุคสมัย

"จุดเด่นของหลักสูตรการบัญชีมหาบัณฑิต คือ ใช้เวลาเรียน Coursework เพียง 1 ปี เรียนเฉพาะวันอาทิตย์ ทำให้ผู้เรียนสามารถนำวุฒิการศึกษาไปใช้ได้อย่างรวดเร็ว ส่วนเนื้อหายังคงเข้มข้น และเรายังมีการปรับพื้นฐานสำหรับผู้ที่ไม่ได้จบสาขาบัญชีโดยตรง นอกจากนี้ หลักสูตรนี้เน้นการเรียนการบัญชีดิจิทัลและพัฒนาทักษะ 10 ด้านใน 10 รายวิชา อาทิ การวางแผนบัญชี เทคโนโลยีสำหรับวิชาชีพบัญชี การบริหารความเสี่ยงในองค์กร การบัญชีเพื่อความยั่งยืน โดยได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นจากหลากหลายกลุ่ม ทั้งเจ้าของกิจการ ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ และพนักงานบริษัท ที่ต้องการอัพสกิลความรู้ด้านบัญชีดิจิทัลและเทคโนโลยีใหม่ ๆ ” ดร.อริสรา กล่าว

ด้าน ผศ.ดร.ปิยะวิทย์ ทิพรส ผู้อำนวยการหลักสูตร MBA มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ กล่าวว่า หลักสูตร MBA ของ DPU เปิดสอนมากว่า 40 ปี มีจุดเด่นคือมุ่งเน้นการสร้างวิธีคิดแบบผู้ประกอบการในยุคดิจิทัล (Entrepreneurial Mindset) และเสริมแนวคิดด้าน ESG ซึ่งประกอบด้วย Environmental (สิ่งแวดล้อม) Social (สังคม) และ Governance (ธรรมาภิบาล) รวมถึง SDGs (Sustainable Development Goals) หรือเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนทั้ง 17 เป้าหมาย ซึ่งเป็นเทรนด์สำคัญของยุคปัจจุบัน นอกจากนี้ ยังรองรับการเรียน 3 ภาษา ได้แก่ ภาษาไทย อังกฤษ และจีน มีการบูรณาการภาคทฤษฎีสู่ภาคปฏิบัติ ผ่านการจำลองโมเดลทางธุรกิจและกรณีศึกษาจริง ที่สำคัญอาจารย์ผู้สอนมีความเชี่ยวชาญ การันตีจากผลงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในฐานข้อมูลระดับชาติและนานาชาติ โดยสามารถเรียนจบได้ภายใน 1.8 ปี และเลือกเรียนได้ทั้งวันเสาร์หรือวันอาทิตย์

“ผู้เรียนส่วนใหญ่มาจาก 4 กลุ่มหลัก ได้แก่ พนักงานบริษัท พนักงานรัฐวิสาหกิจและข้าราชการ เจ้าของธุรกิจ และนักศึกษาจบใหม่ สำหรับเจ้าของธุรกิจที่เข้ารับการศึกษา จะได้รับองค์ความรู้ใน 3 ศาสตร์หลักอันเป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินธุรกิจ ได้แก่ การบริหารจัดการ การตลาดดิจิทัล และการเงิน ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินธุรกิจ ทั้งทางด้านการยกระดับทักษะและการพัฒนาทักษะใหม่ เพื่อส่งเสริมการเติบโตของกิจการ ในส่วนของพนักงานบริษัท วุฒิการศึกษาที่ได้รับมีความเป็นสากล สามารถต่อยอดการปฏิบัติงานในหลากหลายบทบาท หรือสามารถนำความรู้ด้านการบริหารไปใช้ในการประกอบธุรกิจส่วนตัวได้

อีกทั้งยังเป็นคุณสมบัติที่ได้รับการยอมรับในการสมัครเข้ารับราชการ เนื่องจากหลักสูตรมีความครอบคลุมและเปิดกว้างสำหรับทุกตำแหน่งงาน นอกจากนี้ หลักสูตร MBA ในปัจจุบันยังได้บูรณาการเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI (Artificial Intelligence) เข้ามาเป็นเครื่องมือสนับสนุนการเรียนการสอน โดยเฉพาะในส่วนของการวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติ และมีการสอนการประยุกต์ใช้ AI ในบริบททางธุรกิจด้วย" ผศ.ดร.ปิยะวิทย์ กล่าวในตอนท้าย

หลักสูตรปริญญาโททั้ง 2 หลักสูตรเปิดรับสมัครแล้ววันนี้ โดยมีทุนส่วนลดพิเศษ 20% สำหรับผู้ที่สมัครเรียนภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2568 ผู้สนใจสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.dpu.ac.th/th/course/profile/profile-master-of-accountancy-program-in-accountancy   และ https://www.dpu.ac.th/th/course/profile/profile-master-of-business-administration-program-in-business-administration

คณะการท่องเที่ยวและการโรงแรม มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) จัดการแข่งขันทักษะวิชาชีพด้านการท่องเที่ยว การโรงแรม และการประกอบอาหาร ครั้งที่ 1  ภายใต้แนวคิด "Soft Power ท่องเที่ยวเสน่ห์ไทย" โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มศักยภาพเยาวชนสู่การพัฒนาการท่องเที่ยวไทยอย่างยั่งยืน โดยมีนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ชั้นปีที่ 5 - 6 และนักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) และประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) จากทั่วประเทศสมัครเข้าร่วมการแข่งขันเพื่อชิงทุนการศึกษา การแข่งขันครั้งนี้แบ่งเป็น 2 รายการ คือ การแข่งขันตอบคำถามวิชาการด้านการท่องเที่ยว โรงแรม และการประกอบอาหาร มีทีมเข้าร่วม 35 ทีม ซึ่งทีมชนะเลิศได้แก่ ทีม PBPVC 2 จากวิทยาลัยอาชีวศึกษาเพชรบุรี และการแข่งขันทักษะด้านการประกอบอาหาร(แข่งเดี่ยว) ภายใต้ธีม "อาหารไทยจานหลักสตรีทฟู้ดฟรีสไตล์" มีทีมเข้าร่วม 13 ทีม ซึ่งทีมชนะเลิศได้แก่ ทีม GOOD PART จากโรงเรียนสมุทรสาครวิทยาลัย นำเสนอ เมนูข้าวมันส้มตำแกงไก่โมเดิร์น ได้อย่างลงตัว ภายในพิธีเปิดได้รับเกียรติจาก ดร.ยุวรี โชคสวนทรัพย์ คณบดีคณะการท่องเที่ยวและการโรงแรม มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เป็นประธานกล่าวเปิดงาน พร้อมกันนี้ยังมีผู้แทนจากบริษัทพันธมิตร ให้เกียรติเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิและมอบทุนการศึกษาสมทบ ณ ห้องสนม สุทธิพิทักษ์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์

ดร.ยุวรี โชคสวนทรัพย์ คณบดีคณะการท่องเที่ยวและการโรงแรม มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) เปิดเผยว่า การจัดกิจกรรมดังกล่าว มุ่งสร้างแรงบันดาลใจและเปิดโลกทัศน์ให้เยาวชนได้เรียนรู้เกี่ยวกับสาขาวิชาด้านการท่องเที่ยวและการโรงแรม รวมถึงการประกอบอาหาร โดยบูรณาการแนวคิด Soft Power ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ผ่านองค์ประกอบ 5F ได้แก่ อาหาร (Food) ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ (Film) การออกแบบแฟชั่น (Fashion) ศิลปะการต่อสู้มวยไทย (Fighting) และเทศกาล (Festival) ซึ่งการจัดการแข่งขั้นครั้งนี้ได้รับเกียรติจากผู้แทนจากภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและอาหาร อาทิ บริษัท Find Folk  สมาพันธ์เชฟประเทศไทย และ Sevenfive เป็นต้น ร่วมเป็นคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ การได้รับความสนใจจากสถาบันการศึกษาทั่วประเทศ สะท้อนให้เห็นถึงโอกาสในการสร้างประสบการณ์และการเรียนรู้นอกห้องเรียน รวมถึงการสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนค้นหาตัวตนและสายอาชีพที่เหมาะกับตนเองมากที่สุด

นายสรรพวัต กันตามระ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดเชิงกลยุทธ์และความยั่งยืน บริษัท ฟายด์ โฟล์ค จำกัด ในฐานะกรรมการตัดสินการแข่งขันตอบคำถามวิชาการด้านการท่องเที่ยวและโรงแรม กล่าวว่า Soft Power ไทย มีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการศึกษาค้นคว้าก่อนการแข่งขันจะช่วยให้ผู้เข้าแข่งขันได้เห็นมุมมองที่หลากหลาย การแข่งขันครั้งนี้นับเป็นโอกาสอันดีที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้นักเรียนนักศึกษาได้เห็นมุมมองที่แตกต่างและโอกาสในสายอาชีพใหม่ๆ โดยเฉพาะการทำความเข้าใจเกี่ยวกับแนวโน้มของแต่ละองค์ประกอบใน 5F และการนำไปประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนาประเทศไทยในอนาคต ทั้งนี้ จากภาพรวมการแข่งขัน พบว่าผู้เข้าแข่งขันมีความเข้าใจเกี่ยวกับ Soft Power อย่างลึกซึ้ง ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศ ปัจจุบันอุตสาหกรรมโรงแรม มีการปรับตัวโดยนำนโยบายด้านความยั่งยืนมาใช้มากขึ้น ส่งผลให้มีความต้องการแรงงานที่มีคุณสมบัติเฉพาะด้านเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะความรู้ด้านความยั่งยืนและการบริการที่มีคุณภาพ รวมถึงความสามารถในการถ่ายทอดวัฒนธรรมไทยให้แก่นักท่องเที่ยว จึงอยากแนะนำสำหรับผู้ที่สนใจประกอบอาชีพในอุตสาหกรรมการดังกล่าว ต้องรักษาอัตลักษณ์ความเป็นไทยและสามารถถ่ายทอดสู่นักท่องเที่ยวได้อย่างชัดเจน

ด้านทีม PBPVC 2 ซึ่งคว้ารางวัลชนะเลิศการแข่งขันตอบคำถาม ประกอบด้วย นางสาวเจนวิรา ปานพันธ์ นักศึกษาชั้น ปวส.ปีที่ 1 และนางสาวสุชัญญา ผาโพธิ์ นักศึกษาชั้น ปวช.ปีที่ 1  สาขาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว วิทยาลัยอาชีวศึกษาเพชรบุรี ร่วมกล่าวเปิดใจว่า การแข่งขันครั้งนี้เป็นเวทีที่เพิ่มพูนความรู้ด้านการท่องเที่ยวและประสบการณ์การแข่งขัน ทำให้ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อย่างไรก็ตามเรารู้สึกประทับใจต่อการจัดการแข่งขันมาก โดยเฉพาะการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากรุ่นพี่ รวมถึงการจัดนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับ 5F  

ขณะที่นายณัฐพงศ์ ธีรนันทพิชิต อนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอาหาร (Soft Power) ในฐานะกรรมการตัดสินการแข่งขันทักษะด้านการประกอบอาหาร กล่าวว่า การแข่งขันใช้เกณฑ์การตัดสิน 10 องค์ประกอบ อาทิ การเตรียมวัตถุดิบและการเลือกใช้วัตถุดิบให้สอดคล้องกับโจทย์ โดยทีมที่ได้รับรางวัลชนะเลิศมีความสามารถในการประกอบอาหารที่หลากหลาย พร้อมนำเสนอเมนูอาหารที่ครบถ้วนในจานเดียวและมีรสชาติที่ดีเยี่ยม อย่างไรก็ตามการแข่งขันนี้เป็นการจุดประกายให้คนรุ่นใหม่สนใจอาหารไทยมากขึ้น เห็นคุณค่าของการนำวัตถุดิบท้องถิ่นมาสร้างสรรค์เมนูอาหาร และสามารถนำประสบการณ์ไปพัฒนาต่อยอดในอนาคตได้

ด้านทีม GOOD PART หรือ นายวรวุฒิ เสือสี นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนสมุทรสาครวิทยาลัย ซึ่งคว้ารางวัลชนะเลิศการแข่งขันทักษะด้านการประกอบอาหาร กล่าวเปิดใจว่า ได้รับโจทย์ให้ประกอบอาหาร 5 องค์ประกอบในจานเดียว ภายใต้หัวข้อ Main-Course Thai Street Food Freestyle ซึ่งเป็นโจทย์ที่มีความท้าทายสูง ตามโจทย์ Street Food ของไทยที่มักจะเป็นไก่ย่างส้มตำ จึงคิดดัดแปลงเป็น เมนูข้าวมันส้มตำแกงไก่โมเดิร์น ในรูปแบบฟิวชันที่ผสมผสานระหว่างข้าวมัน ส้มตำ และแกงไก่ ประกอบด้วย สเต็กไก่เสิร์ฟพร้อมซอสแกงเขียวหวาน ส้มตำดัดแปลงเป็นผัดเปรี้ยวหวาน และข้าวริซอตโตที่หุงด้วยความมัน โดยใช้ข้าวบาร์เลย์แทนข้าวเหนียว เพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสที่ใกล้เคียง และเพิ่มวิปปิ้งครีมราดบนข้าวริซอตโต โดยจานอาหารนี้ประกอบด้วยสัดส่วนที่เหมาะสมของโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และเส้นใยอาหาร อย่างไรก็ตามรู้สึกดีใจมากที่ได้คว้าแชมป์ในครั้งนี้ หลังจากเรียนจบชั้นม.6 จะเข้าศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาในด้านการประกอบอาหาร เพราะฝันอยากเป็นเชฟในโรงแรมชื่อดัง และเปิดร้านอาหารของตนเองในต่างประเทศ  

ทีมจาก ว.บริหารธุรกิจและการท่องเที่ยวกรุงเทพ คว้าแชมป์ไปครอง รับถ้วยรางวัลพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ

บัญชี CIBA DPU ร่วมกับ TAFA จัด “Novice Accountant Camp” แก่ นักศึกษา ปวส. วิทยาลัย อี.เทค. เชิญกูรูด้านบัญชี ถ่ายทอดองค์ความรู้ ทั้งจรรยาบรรณวิชาชีพบัญชี การจดทะเบียนนิติบุคคล ความรู้เกี่ยวกับบัญชีภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีนิติบุคคล พร้อมเวิร์กช็อปเติมเต็มทักษะจำเป็น ตั้งเป้าปั้นนักบัญชีดิจิทัลมีพื้นฐานแน่น เตรียมความพร้อมสู่ตลาดแรงงานหรือการศึกษาต่อ

วิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี (CIBA) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) ร่วมกับสมาคมสำนักงานบัญชีไทย (Thai Accounting Firms Association : TAFA)  จัดอบรมภายใต้โครงการ “Novice Accountant Camp” ระหว่างวันที่ 16-17 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา ณ วิทยาลัยเทคโนโลยีภาคตะวันออก (อี.เทค.) ให้กับนักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) 2 และปวส.(พิเศษ) 2 สาขาการบัญชี จำนวนกว่า 200 คน โดยมีวิทยากรจากทางสมาคม TAFA และ CIBA DPU ร่วมถ่ายทอดองค์ความรู้ ทั้งในเรื่องของแนวทางการปฏิบัติทางการบัญชีรวมถึงชี้แนวทางการเป็นนักบัญชีที่ถึงพร้อมด้วยคุณธรรมและคุณวุฒิ เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนออกสู่ตลาดแรงงานหรือการศึกษาต่อ

ดร.อรัญญา นาคหล่อ ผู้จัดการสถาบันพัฒนานักวิชาชีพบัญชี และอาจารย์ประจำหลักสูตรการบัญชียุคดิจิทัล วิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี (CIBA) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) กล่าวว่า การเรียนการสอนด้านบัญชี ส่วนใหญ่จะเป็นการเรียนรู้ตามหลักสูตรตำราเรียนที่เน้นทฤษฎีมากกว่าปฏิบัติ แต่สำหรับนักบัญชีในยุคใหม่ การเรียนรู้จากตำราเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ ซึ่งการอบรมในครั้งนี้ เป็นครั้งแรกที่ได้มีการจัดในรูปแบบของแคมป์นักบัญชีมือใหม่ (Novice Accountant Camp) เพื่อต้องการพัฒนานักวิชาชีพบัญชีให้กลายเป็นนักบัญชีดิจิทัล ที่มีความรู้พื้นฐานด้านบัญชีและรู้จักการใช้เทคโนโลยี นวัตกรรมต่าง ๆ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

“ในการปัจฉิมนิเทศปีนี้ของนักศึกษาบัญชีระดับ ปวส.ชั้นปีที่ 2 ของ วิทยาลัย อี.เทค ทางสมาคม TAFA และ CIBA DPU ได้จัดอบรมให้คำแนะนำและเตรียมความพร้อมในการออกไปศึกษาต่อหรือเข้าสู่ตลาดแรงงาน ให้กับ น้องๆ โดยปัจจุบันนักบัญชีต้องแตกต่างไปจากเดิม การมีความรู้พื้นฐานยังคงเป็นสิ่งที่จำเป็น แต่ต้องรู้จักเรียนรู้เทคโนโลยีหรือนวัตกรรมใหม่ๆ อย่าง ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligenc : AI) หรือ คลาวด์ (Cloud) และต้องเป็นผู้ใช้งานเทคโนโลยีเหล่านั้นให้เกิดประโยชน์แก่องค์กรมากที่สุด” ดร.อรัญญา กล่าว

สำหรับแคมป์นักบัญชีมือใหม่ (Novice Accountant Camp) 2 วัน ที่จัดขึ้น จะเป็นการเรียนรู้จากการปฏิบัติจริง ผ่านการเวิร์กช็อปเพื่อเติมเต็มทักษะที่จำเป็นสำหรับนักบัญชีดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็น จรรยาบรรณวิชาชีพบัญชี การจดทะเบียนนิติบุคคล  ความรู้เกี่ยวกับบัญชี ภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีนิติบุคคล การคำนวณและกรอกแบบภาษีหัก ณ ที่จ่าย ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา รวมทั้งมีการเวิร์กช็อปกรณีศึกษาการประกอบธุรกิจขายเสื้อผ้าแฟชั่น มีหน้าร้านและขายออนไลน์ รวมถึงการแนะนำหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับงานด้านบัญชี เช่น กรมสรรพากร กรมพัฒนาธุรกิจการค้า  เป็นต้น

ดร.อรัญญา  กล่าวด้วยว่า ภายใต้โครงการนี้ น้องๆ จะได้เตรียมพร้อมและฝึกปฏิบัติจริง รวมทั้งเรียนรู้ว่าจะนำทฤษฎีไปประยุกต์ใช้ในทางปฏิบัติด้านบัญชีอย่างไรได้บ้าง ซึ่งปัจจุบันนักบัญชีจะมาทำหน้าที่เพียงจดบันทึกไม่ได้แล้ว และนอกจากทักษะพื้นฐานวิชาชีพ ยังต้องรู้จักการใช้ AI ให้เกิดประโยชน์ ปัจจุบันมีการนำเรื่อง AI OCR (AI-Optical Character Recognition ) เทคโนโลยีสำหรับอ่านข้อมูลบนเอกสารกระดาษแล้วดึงข้อมูลออกมาเป็นไฟล์ หรือจะต่อยอดด้วยการนำ RPA (Robotic Process Automation ) มาป้อนข้อมูลเข้าระบบอื่นโดยอัตโนมัติ ซึ่งจะทำให้งานบัญชีสะดวกขึ้น หรือมีการนำคลาวด์มาใช้ นักบัญชียุคใหม่ไม่จำเป็นต้องมาเขียนบันทึกบัญชีเอง เพียงแต่นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการทำงาน โดยมีนักบัญชีเป็นผู้สั่งการ

“อาจารย์เชื่อว่านักบัญชีเป็นอาชีพที่ไม่ตกงาน เพราะทุกสถานประกอบการ บริษัท องค์กรจำเป็นต้องมีบัญชี  และต้องมีนักวิชาชีพบัญชี ซึ่งเป็นวิชาชีพที่ต้องมีใบอนุญาต ไม่ว่าจะเป็นผู้ทำบัญชี หรือผู้สอบบัญชีรับอนุญาต ดังนั้น สิ่งที่เทคโนโลยีจะเข้ามาดิสรัปชันนักบัญชีได้นั้น คือ การไม่เรียนรู้เพิ่มเติม ไม่ปรับตัว หรือความไม่รู้เท่าทันเทคโนโลยีของนักบัญชี หากนักบัญชีปรับตัว เรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ พัฒนาทักษะของตัวเองตลอดเวลา เปลี่ยนตัวเองเป็นนักบัญชีดิจิทัล สามารถทำงานร่วมกับเทคโนโลยี รู้จักวิเคราะห์ข้อมูล  ใช้ข้อมูลและเทคโนโลยีทำให้งานเร็วขึ้น สะดวกมากขึ้น และช่วยการตัดสินใจแก่นักธุรกิจเพื่อประโยชน์ขององค์กร เชื่อว่านักบัญชีดิจิทัลจะเป็นที่ต้องการของผู้ประกอบการอย่างแน่นอน”   ดร.อรัญญา   กล่าว

ทั้งนี้ หลักสูตรการบัญชียุคดิจิทัลของ CIBA DPU เน้นการเรียนการสอนด้านบัญชีดิจิทัล และเรียนรู้การใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อตอบโจทย์ยุค Digital Transformation เช่น การนำเสนอข้อมูลทางบัญชีง่ายๆ เพียงปลายนิ้ว ด้วยโปรแกรม Power BI for Data Analytics หรือสรุปข้อมูลให้เข้าใจง่ายด้วยการใช้งาน Dashboard ประเภทต่างๆ จาก Cloud Accounting Software ซึ่งเป็นทักษะที่จำเป็นในยุคปัจจุบัน รวมถึงมีการเพิ่มทักษะด้านบัญชีดิจิทัลให้ผู้เรียน โดยได้ร่วมมือกับแพลตฟอร์มบัญชีชั้นนำ อาทิ ระบบจัดการทรัพยากรองค์กรภายในบริษัท (SAP ERP) , Express Software, FlowAccount, PEAK, NEXTTO รวมทั้ง การนำ Optical character recognition (OCR) และ ระบบการจัดการร้านบนมือถือ (Point of Sale System : POS on Mobile) มาใช้ในการเรียนการสอน และเชิญผู้เชี่ยวชาญมาสอนเสริม ทำให้นักศึกษาได้เรียนรู้เทคโนโลยีควบคู่กับองค์ความรู้ด้านบัญชี พร้อมเป็นนักบัญชีดิจิทัลที่สามารถทำงานได้จริง  

Page 1 of 21
X

Right Click

No right click