December 05, 2025

“อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์” เตรียมจัดงาน ‘Vitafoods Asia 2025’ ดันธุรกิจเสริมอาหารช่วยผู้ประกอบการไทยไปเวทีโลก ข้อมูลงานวิจัย Market Minds Advisory ชี้ตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเอเชียแปซิฟิกพุ่งแรง แตะ 1.76 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2577 ท่ามกลางกระแสรักสุขภาพ ความตระหนักรู้ด้านสุขภาพและความนิยมในโภชนาการเชิงป้องกัน ดันตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในเอเชียแปซิฟิกเติบโตต่อเนื่อง ขณะที่ทีมวิจัย Grand View Research เผยข้อมูลตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารประเทศไทยจะเติบโตด้วยอัตราเฉลี่ยสะสมต่อปี (CAGR) ที่ 5.1% ตั้งแต่ปี 2568-2573 ชวนผู้สนใจร่วมชมงาน ‘Vitafoods Asia 2025’ จัดระหว่างวันที่ 17 – 19 กันยายน 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (QSNCC)

นางสาวรุ้งเพชร ชิตานุวัตร์ ผู้อำนวยการกลุ่มโครงการ – ภูมิภาคอาเซียน อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ เปิดเผยว่า อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ในฐานะผู้จัดงาน “ไวต้าฟู้ดส์ เอเชีย 2025” (Vitafoods Asia 2025) งานแสดงสินค้าเทคโนโลยีและนวัตกรรมสารสกัดและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอันดับหนึ่งในภูมิภาคเอเชีย เปิดเผยว่า ตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ด้วยแรงผลักดันจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพและการป้องกันโรคมากขึ้น โดยเฉพาะโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ที่มาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันที่ไม่เหมาะสมจนทำให้เกิดโรค เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ และโรคอ้วน จากข้อมูลบริษัทวิจัยเอกชน Market Minds Advisory คาดว่าตลาดเสริมอาหารในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีมูลค่าราว 9.15 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2567 และคาดว่าจะพุ่งสูงถึง 1.76 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2577 ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่ 8% ขณะที่ตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในประเทศไทยเอง ก็มีทิศทางการเติบโตที่สอดรับกัน โดยปี 2567 สร้างรายได้กว่า 133.6 แสนล้านบาท และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 179.9 แสนล้านบาท ภายในปี 2573 ซึ่งคิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปี (CAGR) ที่ 5.1% ตั้งแต่ปี 2568 ถึง 2573 (ข้อมูลจาก Grand View Research)

ทั้งนี้มองปัจจัยส่งเสริมการเติบโตของอุตสาหกรรมเสริมอาหารมาจาก ความตระหนักรู้ด้านสุขภาพที่เพิ่มขึ้น ผู้บริโภคหันมาให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ควบคุมน้ำหนัก และดูแลสุขภาพองค์รวม ขณะเดียวกันภาครัฐและองค์กรต่าง ๆ ก็เร่งรณรงค์ให้ความรู้เรื่องโภชนาการที่สมดุล การเติบโตของเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ความนิยมในเครื่องดื่มประเภทพกพา เช่น โปรตีนเชค เครื่องดื่มโปรไบโอติก ฯลฯ กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่ นวัตกรรมผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ที่ผู้ผลิตเดินหน้าใช้เทคโนโลยีคิดค้นสูตรใหม่ที่ตอบโจทย์สุขภาพเฉพาะด้าน เช่น การชะลอวัย สุขภาพลำไส้ และการควบคุมน้ำหนัก พร้อมใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติ เช่น ขมิ้น ชาเขียว พืชสมุนไพรต่าง ๆ เพื่อเจาะกลุ่มผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพเชิงองค์รวม

นอกจากนั้น การเติบโตของช่องทางออนไลน์ อีคอมเมิร์ซกลายเป็นช่องทางหลักที่ช่วยขยายการเข้าถึงผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร โดยเฉพาะการนำเสนอโปรโมชั่นและคำแนะนำเฉพาะบุคคล ช่วยกระตุ้นการซื้อซ้ำและเพิ่มยอดขายอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้ผู้ประกอบการรายใหม่ เข้ามาในตลาดค้าขายออนไลน์ หรือ อีคอมเมิร์ชมากขึ้น

“การเติบโตอย่างต่อเนื่องของตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยเฉพาะประเทศไทยซึ่งมีแนวโน้มการบริโภคที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้น การเติบโตของตลาดนี้สะท้อนถึงการเปลี่ยนผ่านสู่การดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน และความต้องการผลิตภัณฑ์ที่มีประโยชน์เชิงหน้าที่ โดยครอบคลุมทั้งอาหารเสริมและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพซึ่งตอบโจทย์การใช้ชีวิตสมัยใหม่ ส่งผลให้ภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอาหารสุขภาพ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและเทคโนโลยีโภชนาการ มีโอกาสขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญในอนาคต” นางสาวรุ้งเพชร กล่าว

การจัดงาน ‘Vitafoods Asia 2025’ ในปีนี้จึงถือเป็นโอกาสสำคัญสำหรับผู้ประกอบการไทย รวมถึงทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมที่จะช่วยกันยกระดับ เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันให้เพิ่มมากขึ้น หนึ่งในไฮไลต์สำคัญของงานในปีนี้ ยังมีพื้นที่จัดแสดงพิเศษ New Ingredients & New Products Zone นำเสนอผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ส่วนผสม และนวัตกรรมสุขภาพ ที่เพิ่งเปิดตัวจากทั่วทุกมุมโลก เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ ดังนั้น งานนี้จะเป็นเวทีสำคัญที่เชื่อมโยงทุกภาคส่วนของห่วงโซ่อุตสาหกรรมเสริมอาหาร ตั้งแต่วัตถุดิบส่วนผสม การพัฒนา ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปพร้อมจำหน่าย การบรรจุภัณฑ์ ไปจนถึงผู้รับจ้างผลิต (OEM/ ODM) ที่มาจากกว่า 650 แบรนด์ โดยคาดว่าจะมีผู้เข้ามาร่วมงานมากกว่า 13,000 ราย จาก 38 ประเทศ ทั่วโลก

 ด้าน ศาสตราจารย์ (วิจัย) ดร. ชุติมา เอี่ยมโชติชวลิต ประธานกรรมการหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) และสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) ให้มุมมองว่า การเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์เสริมอาหารด้วยงานวิจัยวัตถุดิบของไทยมีความสำคัญอย่างยิ่ง และถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศที่ยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ซึ่ง บพข. มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนและผลักดันให้เกิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและยั่งยืน ผ่านการสนับสนุนงานวิจัยและพัฒนาด้าน Functional Ingredients และ Functional Foods เพื่อเป้าหมายสำคัญในการสร้างระบบนิเวศน์ที่แข็งแกร่ง ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ นอกจากนี้ บพข. ยังมีบทบาทในการผลักดันการขึ้นทะเบียนจัดทำรายชื่อสารสำคัญ (Positive List) สารประกอบฟังก์ชัน สารสกัดจากธรรมชาติ หรือ สมุนไพร การกล่าวอ้างทางสุขภาพให้เป็นตามมาตรฐานสากล ฯลฯ ซึ่งถือเป็นกลไกลสำคัญที่ยกระดับอาหารและสมุนไพรไทยให้ได้มาตรฐานและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยงาน “ไวต้าฟู้ดส์ เอเชีย 2025” เป็นอีกหนึ่งเวทีสำคัญที่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยได้ยกระดับองค์ความรู้และเพิ่มศักยภาพการแข่งขันด้วย

นอกจากนี้ การขึ้นทะเบียนกระบวนการจัดทำรายชื่อสารสำคัญ (Positive List) เป็นกลไกสำคัญในการยกระดับอุตสาหกรรมอาหารเสริมและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ โดยช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ มูลค่า และขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการ พร้อมทั้งส่งเสริมการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่มีคุณภาพและปลอดภัย และเป็นเครื่องมือสำคัญในการกำกับดูแลผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและปลอดภัย

นายนาคาญ์ ทวิชาวัฒน์ ประธานกิตติมศักดิ์กลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวเสริมว่า อุตสาหกรรมเพื่อสุขภาพและธุรกิจเสริมอาหารในประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงการเติบโตที่แข็งแกร่ง ด้วยแรงขับเคลื่อนจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพมากขึ้น เทรนด์สินค้าที่หลากหลาย และการสนับสนุนจากหน่วยงานต่าง ๆ ซึ่งงาน “ไวต้าฟู้ดส์ เอเชีย 2025” ถือเป็นฟันเฟืองสำคัญและมุ่งมั่นในการยกระดับมาตรฐานและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยที่เสริมทัพ ส.อ.ท. ที่มีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนในการ “ส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์เสริมอาหารให้มีคุณภาพ มาตรฐาน และสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผู้บริโภค”

ดร. พัชร์ เอกปัญญาสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นิวทรีชั่น เอสซี จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงความสำคัญในการทำการตลาดและการสร้างแบรนด์ผ่านงาน “ไวต้าฟู้ดส์ เอเชีย 2025” ว่าเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังสำหรับบริษัทฯ ในการเข้าถึงลูกค้า

เป้าหมาย สร้างความน่าเชื่อถือ ขยายเครือข่ายธุรกิจ และขับเคลื่อนยอดขายทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของบริษัทที่ต้องการเป็นผู้นำและสร้างคุณค่าให้กับอุตสาหกรรมสุขภาพและโภชนาการ

ขณะที่ Ms. Jeannie Kwa Senior HCP Marketing Manager, APAC, Representative from Kaneka Corporation กล่าวว่า อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่เน้นด้านการชะลอวัย (Healthy Ageing) และการยืดอายุขัย (Longevity) กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด ผู้บริโภคมีความสนใจในการดูแลสุขภาพเชิงรุกและป้องกันความเสื่อมของร่างกายก่อนวัยอันควรมากขึ้น ทำให้เกิดการค้นคว้าวิจัยและพัฒนาส่วนผสมใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยส่วนผสมสำคัญที่กำลังมาแรงและเป็นที่จับตามอง อาทิ สารเพิ่มระดับ NAD+, สารกลุ่ม Senolytics, สารต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูง (Potent Antioxidants), วิตามินและแร่ธาตุสำคัญ เช่น วิตามินดี แมกนีเซียม โอเมก้า 3 ฯลฯ รวมถึง คอลลาเจน เป็นต้น

ทั้งนี้ ภายใน ‘Vitafoods Asia 2025’ ยังมีสัมมนาจากผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมที่จะเจาะลึกประเด็นสำคัญต่าง ๆ กว่า 50 หัวข้อ ไม่ว่าจะเป็น โภชนาการเฉพาะบุคคล (Personalized Nutrition) ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ไมโครไบโอม เทรนด์ส่วนผสมและสารสกัดเพื่อเสริมด้าน Healthy aging ไปจนถึงอัปเดตกฎระเบียบการจดทะเบียนผลิตภัณฑ์เสริมอาหารต่าง ๆ ให้ผู้ร่วมชมงานพร้อมก้าวนำในตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

ดังนั้น ไม่ว่าผู้ประกอบการหน้าใหม่ ผู้สนใจเริ่มต้นแบรนด์สุขภาพของตัวเอง หรือ ตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์สุขภาพ งานนี้คือโอกาสสำคัญในการเข้าถึงโซลูชันล้ำสมัยจากซัพพลายเออร์ทั่วโลก พร้อมรับมุมมองและข้อมูลเชิงลึกที่จะช่วยขับเคลื่อนธุรกิจ ภายในงาน ‘Vitafoods Asia 2025’ จัดโดย อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ระหว่างวันที่ 17 – 19 กันยายน 2568 ณ ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (QSNCC)

ปี 2025 บริบทสำคัญที่มีอิทธิพลและเป็นปัจจัยหลักที่กำหนดทิศทางอุตสาหกรรมอาหาร และอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ คือ เทรนด์ผู้บริโภคทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นความกังวลด้านสิ่งแวดล้อมที่ทำให้ทั่วโลกต่างมองหาแพ็กเกจจิ้งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืน รวมถึงการมาของเทรนด์รักสุขภาพและความเป็นอยู่ดี (Food Wellness) จากการก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ หรือแม้แต่ ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ฯลฯ

ในอุตสาหกรรมแพ็กเกจจิ้งสำหรับบรรจุอาหารพร้อมรับประทาน (Ready-To-Eat) และอาหารสัตว์เลี้ยงพรีเมียม (Pet-Food) ซึ่งเป็นคอร์ธุรกิจหลักของ บริษัท เอกา โกลบอล จำกัด (EKA GLOBAL) ผู้นำตลาดนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหาร (Longevity Packaging) ก็เช่นเดียวกัน ผู้บริโภคก็มีแนวโน้มการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่คำนึงถึงสุขอนามัยและความปลอดภัย (Food Safety) และการออกแบบที่สะดวกสะบาย เพื่อทำให้ชีวิตง่ายขึ้น

“เอกา โกลบอล” ขับเคลื่อนธุรกิจด้วยวิสัยทัศน์ “LIVE A HEALTHIER LIFESTYLE : การกินอยู่อย่างมีสุขภาพที่ดียิ่งขึ้น” ได้มุ่งมั่นคิดค้นและพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคนิวดิจิทัล โดยนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ช่วยยืดอายุอาหาร “เอกา โกลบอล” ออกแบบและผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ช่วยยืดอายุการเก็บรักษาอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยวางไว้นอกตู้เย็นได้นานกว่า 2 ปี พร้อมรักษาคุณภาพของอาหาร คงรสชาติ คงสีสัน และความปลอดภัยทางอาหารตามมาตรฐานระดับสากล

ทั้งนี้ ยังเพิ่มคุณค่าสินค้าให้กับผู้ประกอบ ด้วยโซลูชั่นบรรจุภัณฑ์ที่เชื่อถือได้ตอบโจทย์ความยั่งยืนและตอบโจทย์อุตสาหกรรมอาหารยุคใหม่โดยเฉพาะ

“เรียกได้ว่าบรรจุภัณฑ์ของเอกา โกลบอล ถูกพัฒนามาเพื่ออำนวยความสะดวกให้ชีวิตประจำวันของเราง่ายขึ้น ทั้งยังมีน้ำหนักเบา มีหลากหลายรูปทรงให้เลือกใช้ สามารถเข้าไมโครเวฟได้ เพียงเปิดแล้ว นำเข้าไมโครเวฟ อุ่นให้ร้อน ก็นำมารับประทานได้ทันที เป็นการเพิ่มโอกาสและติดอาวุธให้ธุรกิจ สามารถตอบสนองผู้บริโภคยุคใหม่ และตอบโจทย์ความยั่งยืน โดยสามารถรีไซเคิลได้ 100%” ‘ชัยวัฒน์ นันทิรุจ’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอกา โกลบอล จำกัด (EKA GLOBAL) กล่าวเสริม

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีกลุ่มบรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อมให้เลือกหลากหลาย ได้แก่ บรรจุภัณฑ์ Bioplastic (PLA) ที่ผลิตจากวัตถุดิบส่วนหนึ่งที่มาจากธรรมชาติ เช่น มันสัมปะหลัง ข้าวโพด หรือ อ้อย เป็นต้น บรรจุภัณฑ์ Biodegradable ที่ผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติทั้งหมด และสามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ และบรรจุภัณฑ์ที่ผลิตจากเม็ดพลาสติกรีไซเคิล (PCR) หรือ เรซิน รีไซเคิล ฯลฯ

ทั้งนี้ ผู้ประกอบผู้สนใจสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภค พร้อมยกระดับภาพลักษณ์ธุรกิจให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ และยกระดับธุรกิจสู่มาตรฐานใหม่ระดับโลกด้วย Longevity Packaging ของเอกา โกลบอล บรรจุภัณฑ์อาหารที่ทันสมัยเก็บรักษาคุณภาพความอร่อยได้ยาวนาน ตอบโจทย์ความยั่งยืน และที่มีมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด สะดวกใช้ สามารถเยี่ยมชมบูธ “เอกา โกลบอล” ได้ที่งาน “ProPak Asia 2025” งานแสดงสินค้าและเทคโนโลยีด้านกระบวนการผลิต แปรรูปและบรรจุภัณฑ์อันดับหนึ่งของภูมิภาคเอเชีย ระหว่างวันที่ 11 – 14 มิถุนายน 2568 เวลา 10.00 – 18.00 น. ณ บูธหมายเลข AD65 ฮอลล์ 101 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค หรือ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.eka-global.com สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่เบอร์โทร. 038-574-187

นางสาวกชสร โตเจริญธนาผล รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหารโครงการ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย กล่าวถึง แนวโน้มอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์โลกปี 2567 มีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องคาดว่ามีมูลค่าอยู่ที่ 1.14 ล้านล้านดอลลาร์ และจะเพิ่มเป็น 1.38 ล้านล้านดอลลาร์ ในปี 2572 จากความต้องการและการเติบโตของอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ที่เริ่มมีการเปลี่ยนไปใช้บรรจุภัณฑ์แบบยืดหยุ่น การออกแบบ การเลือกใช้วัสดุที่ย่อยสลายง่ายและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ส่วนอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ของไทยนั้นเป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยปีที่ผ่านมา (2566) มีมูลค่ากว่า 3.5 แสนล้านบาท ส่วนปี 2567 คาดว่าจะเติบโตเพิ่มกว่า 10% หรือประมาณ 3.85 แสนล้านบาท จากปัจจัยบวกด้านยุทธศาสตร์รัฐที่ต้องการยกระดับการผลิตอาหารของไทยให้เป็นศูนย์กลางอาหารโลก รวมถึงการท่องเที่ยวและการส่งออกที่ฟื้นตัวและนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจากโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต ที่จะเพิ่มการบริโภคภายในประเทศและมีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น

แนวโน้มดังกล่าวส่งผลให้ผู้ประกอบต้องเตรียมพร้อมและพัฒนาการผลิตให้ดีขึ้น ความสำคัญของบรรจุภัณฑ์ในวันนี้มีหลายมิติ ทั้งคุณสมบัติในการสร้างความปลอดภัยและยืดอายุให้สินค้า ส่งเสริมการขายและเพิ่มมูลค่าให้แก่สินค้าด้วยการออกแบบและความสะดวกในการใช้งาน ซึ่งการพัฒนาการผลิตต้องเริ่มตั้งแต่เลือกวัสดุที่มีคุณสมบัติที่ดีขึ้น เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เช่น ใช้วัสดุที่นำกลับมาใช้ซ้ำได้ (recycled materials) หรือวัสดุที่มีความสามารถในการย่อยสลาย (biodegradable materials) พร้อมปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ ใช้ AI หุ่นยนต์และระบบการผลิตอัตโนมัติ (Automation) มาช่วยคำนวณการใช้ทรัพยากร พลังงานและการลดต้นทุน ฯลฯ ให้ดียิ่งขึ้น

งาน ProPak Asia เป็นงานแสดงเทคโนโลยีกระบวนการผลิตและแปรรูปอาหาร บรรจุภัณฑ์ การจัดเก็บและการขนส่งตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำในระดับเอเชีย ที่มีส่วนสนับสนุนและร่วมพัฒนาผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมการผลิตและบรรจุภัณฑ์ของไทยให้มีความสามารถมากขึ้น โดยงาน ProPak Asia 2024 ปีนี้ ได้ยกโซน PackagingTech Asia เทคโนโลยีการบรรจุภัณฑ์และกระบวนการบรรจุภัณฑ์ DrinkTech Asia เทคโนโลยีสำหรับอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม PharmaTech Asia เทคโนโลยีสำหรับอุตสาหกรรมยา Packaging Solution Asia เทคโนโลยีเพื่อการผลิตบรรจุภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์สำเร็จรูป Coding, Marking & Labelling Asia เทคโนโลยีเพื่อการเขียนรหัส ติดป้ายและปักหมายเลขบนสินค้าหรือบรรจุภัณฑ์ต่างๆ รวมถึง Lab&Test Asia เทคโนโลยีการตรวจสอบและควบคุมมาตรฐานของอาหารและบรรจุภัณฑ์ ตลอดจนกิจกรรมในโซนนี้ให้เป็นหนึ่งในไฮไลท์ของการจัดงานฯ โดยกิจกรรมต่างๆ ประกอบด้วย

· I-Stage เวทีความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรมและการลงทุนสำหรับโซลูชั่นทางธุรกิจในห่วงโซ่อุตสาหกรรมอาหาร เครื่องดื่ม ธุรกิจ FMCG (Fast-Moving Consumer Goods) สินค้าอุปโภค บริโภค

· Packaging Design Clinic โซนให้คำปรึกษาด้านการออกแบบบรรจุภัณฑ์ เพื่อพัฒนาผู้ประกอบการ เพิ่มประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ ลดต้นทุน เสริมศักยภาพการผลิต โดยร่วมกับสมาคมออกแบบบรรจุภัณฑ์ไทย (Thai PDA)

· Design Box การนำเสนอผลงานการออกแบบ โดยคุณสมชนะ กังวารจิตต์ นักออกแบบบรรจุภัณฑ์รางวัลระดับโลกจาก Prompt Design

· ThaiStar, AsiaStar, WorldStar Display พื้นที่จัดแสดงตัวอย่างบรรจุภัณฑ์ที่ได้รับรางวัลชนะการประกวดออกแบบระดับประเทศ ระดับภูมิภาคและระดับโลก ด้วยความร่วมมือจาก Thai-IDC, DIPROM (รางวัล ThaiStar) และ Asian Packaging Federation (รางวัล AsiaStar) และ The World Packaging Organisation (WPO) (รางวัล WorldStar)

นายโวล์ฟกัง คอนราด รองประธานฝ่ายการตลาดและสื่อสาร ไอดับเบิลยูเค แฟร์แพคคุงเทคนิก เจเอ็มเบอฮ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีบรรจุภัณฑ์จากประเทศเยอรมนี ซึ่งดำเนินงานในประเทศไทยภายใต้ชื่อ บริษัท ไอดับเบิลยูเค (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ประเทศไทยมีอุตสาหกรรมการผลิตที่แข็งแกร่ง ส่งผลให้อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์มีความสำคัญอย่างยิ่ง การผลิตบรรจุภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานต้องปลอดภัย ถูกสุขอนามัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพราะทุกภาคส่วนต่างให้ความสำคัญกับบรรจุภัณฑ์ที่เป็นวัสดุรีไซเคิลและย่อยสลายได้ ใช้ทรัพยากรน้อยลงในการผลิต มีการออกแบบอย่างสร้างสรรค์และใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งโรงงานของเรามีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาและผลิตบรรจุภัณฑ์ในหลายอุตสาหกรรม อาทิ เวชภัณฑ์ สินค้าอุปโภคบริโภค เครื่องสำอาง อาหาร ฯลฯ ส่วนคำแนะนำสำหรับผู้ประกอบการไทยในการดำเนินธุรกิจให้ประสบความสำเร็จในระดับนานาชาตินั้น ต้องเพิ่มขีดความสามารถ ปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงและมีพันธมิตรที่เชื่อถือได้ ซึ่งไอดับเบิลยูเค พร้อมให้คำแนะนำ แลกเปลี่ยนความรู้และอัพเดทเทรนด์ใหม่ๆ กับผู้ประกอบการไทยตลอดเวลา

สำหรับการร่วมจัดงานกับ ProPak Asia นั้น นับว่าประสบความสำเร็จในทุกๆ ด้านเป็นอย่างมาก เพราะเป็นงานแสดงสินค้าเครื่องจักรและเทคโนโลยีบรรจุภัณฑ์ที่สำคัญที่สุดในเอเชีย ทำให้ผู้ร่วมงานได้รับประสบการณ์ที่ดี โดยงาน ProPak Asia 2024 ครั้งนี้ ทางบริษัทฯ ได้เตรียมเปิดตัว CABLIblue 870 ซึ่งเป็นระบบผลิตบรรจุภัณฑ์แบบ “Blister on Carton” ที่ใช้กระดาษแข็ง 100% นวัตกรรมใหม่ล่าสุดที่ตอบสนองต่อกระแสความยั่งยืน โดยระบบนี้จะช่วยให้สินค้าลดการใช้พลาสติกจากบรรจุภัณฑ์แบบ Blister Pack ลงได้ และอีกหนึ่งไฮไลท์ คือ ระบบบรรจุกล่องรุ่น CH4 ที่ประหยัดพลังงานได้มากกว่า 20% รวมถึงเทคโนโลยีบรรจุภัณฑ์และบริการของ ไอดับเบิลยูเค อีกมากมาย

นายลำพูล อุ่นเรือน ประธาน บริษัท เซนต้า แพ็ค แมชชีนเนอรี่ แอนด์ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าเครื่องจักรสำหรับอุตสาหกรรมการผลิตอาหารจากประเทศญี่ปุ่น ที่มีกลุ่มลูกค้าหลักเป็นผู้ผลิตอาหารเพื่อการส่งออกทั้งอาหารคนและอาหารสัตว์ ได้ให้ความเห็นถึงโอกาสการเติบโตของอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ไทยว่า มีโอกาสเติบโตอีกมากเพราะไทยเป็นฐานการผลิตอาหารสำคัญของโลก สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องติดตาม คือ แนวโน้มบรรจุภัณฑ์ที่ต้องรักษ์โลกมากขึ้น ผู้ผลิตบางรายมีการปรับมาใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกจากวัสดุเพียงชนิดเดียว (Mono Material) ที่สามารถระบุชนิดของวัสดุที่สอดคล้องกับกระบวนการรีไซเคิลได้ เพื่อเป็นไปตามความต้องการของลูกค้าและกฎระเบียบทางการค้าของแต่ละประเทศ พร้อมรักษาคุณภาพสินค้าให้ได้มาตรฐาน รวมถึงพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตให้ทันสมัย โดยในส่วนของบริษัทฯ นั้น ได้มีการพัฒนาเทคโลยีการบรรจุสินค้าแบบใช้ความร้อนและความดันสูงเพื่อฆ่าเชื่อ (Retort) ให้รองรับกับบรรจุ

ภัณฑ์ของลูกค้า เช่น การใช้ Ultrasonic Sealing Method สำหรับบรรจุภัณฑ์ที่มีขนาดเล็กลง แต่ต้องการความแม่นยำในการซีลสูงและสามารถใช้กับสินค้ากลุ่ม Mono Material ได้

การร่วมจัดแสดงงานกับ ProPak Asia นั้น เป็นโอกาสที่ดีที่ได้นำเสนอเทคโนโลยีเครื่องจักรใหม่ๆ ได้สร้างความสัมพันธ์ในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นรวมถึงมุมมองต่างๆ กับลูกค้าเก่าและได้พบลูกค้าใหม่ในทุกครั้งของการจัดงาน ส่วนไฮไลท์ที่จะนำมาร่วมจัดแสดงในปีนี้ คือ เครื่อง Vacuum Rotary ในกลุ่มสินค้า Curry paste และมีการจัดแสดงโซลูชั่นในการบรรจุแบบอัตโนมัติที่จะช่วยผู้ประกอบการที่มีปัญหาการเพิ่มกำลังการผลิตแต่ขาดแคลนแรงงานอีกด้วย

งาน ProPak Asia 2024 มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 12 – 15 มิถุนายน 2567 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา ผู้สนใจรายละเอียดการจัดงานและต้องการลงทะเบียนล่วงหน้าเพื่อเข้าชมงานฯ สามารถลงทะเบียนได้ที่ www.propakasia.com

ธุรกิจกลุ่มบริการด้านอาหารและเครื่องดื่มยังติดเทรนด์ดาวรุ่ง ร้านอาหาร ร้านกาแฟ เบเกอรี่ และบาร์ตบเท้าเดินหน้าดีต่อเนื่อง หลังท่องเที่ยวฟื้น ประชาชนใช้จ่ายเพิ่ม พฤติกรรมคนยุคใหม่บริโภคและใช้ชีวิตนอกบ้านมากขึ้น โดยมูลค่าตลาดรวมร้านอาหารยังยืนหนึ่งที่ประมาณ 4.25 แสนล้านบาท ด้าน อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย แนะผู้ประกอบการต้องตามแนวโน้ม สร้างจุดเด่น หาจุดขาย สู้ปัจจัยเสี่ยงและการแข่งขันที่สูงขึ้น พร้อมชวนผู้ประกอบการเสริมความรู้ จับทิศธุรกิจจากบริษัทชั้นนำของโลกที่ยกทับร่วมจัดงานในโซนกาแฟ-เบเกอรี่ และ โซนร้านอาหาร-บาร์ พร้อมพื้นที่จัดแสดงพิเศษใหม่ SIPS & SPIRITS ที่รวบรวมและจัดแสดงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไวน์ คราฟต์เบียร์จากทั่วโลก รวมถึงสุราไทยที่กำลังเป็นกระแสความสนใจในงาน Food & Hospitality Thailand 2023

นางสาวสุภาภรณ์ อังศรีสุรพร ผู้จัดการฝ่ายบริหารโครงการอาวุโส อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย ผู้จัดงาน Food & Hospitality Thailand 2023 กล่าวถึงธุรกิจกลุ่มกาแฟ เบเกอรี่ กลุ่มบาร์และร้านอาหารว่า ทั้ง 2 กลุ่มยังคงติดอยู่ในกลุ่มธุรกิจดาวรุ่ง เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ได้รับปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว การใช้จ่ายของภาคประชาชนที่มีความมั่นใจขึ้น รวมถึงพฤติกรรมและวิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่ที่บริโภคและใช้ชีวิตนอกบ้านมากขึ้น ซึ่งประมาณการมูลค่ารวมของธุรกิจกลุ่มบริการด้านอาหาร-เครื่องดื่มในปี 2566 ธุรกิจร้านอาหารยังมีมูลค่ารวมมาเป็นอันดับ 1 อยู่ที่ประมาณ 4.25 แสนล้านบาท (ไม่รวมธุรกิจผับและบาร์) ส่วนตลาดรวมของธุรกิจร้านกาแฟอยู่ที่ประมาณ 65,000 ล้านบาท และตลาดรวมของธุรกิจเบเกอรี่อยู่ที่ประมาณ 38,000 ล้านบาท

แม้ธุรกิจในกลุ่มดังกล่าวจะได้รับผลจากปัจจัยบวก แต่ผู้ประกอบการก็ควรต้องคำนึงถึงปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น อัตราเงินเฟ้อ การแข่งขันที่สูงขึ้น รวมถึงภาวะเศรษฐกิจไทยและต่างประเทศยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ ดังนั้นหนึ่งในทางออกของผู้ประกอบการคือ ต้องมีการเตรียมพร้อม พัฒนาเพิ่มศักยภาพ การบริหารความเสี่ยง รวมถึงติดตามแนวโน้มและทิศทางของธุรกิจตลอดเวลา ดังนั้นในงาน Food & Hospitality Thailand 2023 ครั้งนี้ จึงให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งกับโฃนกาแฟ-เบเกอรี่ (Coffee & Bakery Thailand : CBT) และ โซนร้านอาหาร-บาร์ (Restaurant & Bar Thailand : RBT)

โดยโซนกาแฟ-เบเกอรี่ (Coffee & Bakery Thailand : CBT) เป็นศูนย์รวมของธุรกิจกาแฟและเบเกอรี่อย่างครบวงจร ซึ่งได้รับความสนใจเข้าร่วมจัดแสดงงานจากผู้ผลิตและจัดจำหน่ายวัตถุดิบพรีเมี่ยม อุปกรณ์ เทคโนโลยีที่ใช้ในธุรกิจทั้งไทยและนานาชาติ อาทิ Duchess, Filter Vision, Global Partner Inter Food, Grain Baker, i-Cream Solutions,

ITO EN, Longbeach, NC Bakery Equipment, Santoker, Siamaya Craft, SKGF Trading, Tafa Inter Trading, Nescafé Dolce Gusto และ Alpine Water ซึ่งนอกจากจะมีการจัดแสดงงานจากบริษัทชั้นนำต่างๆ แล้ว ยังมีกิจกรรมการแข่งขันและเวิร์คชอป เพื่อเพิ่มทักษะให้แก่ผู้ประกอบการและผู้สนใจอีกหลายรายการ อาทิ การแข่งขัน Thailand National Latte Art Championship (TNLAC), Thailand National Coffee in Good Spirits Championship (TNCIGS), Grow Tea Creatives Sensory Special Class และ Coffee Workshop

ส่วนโซนร้านอาหารและบาร์ (Restaurant & Bar Thailand : RBT) เป็นอีกโซนที่มีความสำคัญ โดยในโซนนี้จะเป็นการรวบรวมบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายวัตถุดิบ อุปกรณ์ เครื่องมือระดับพรีเมี่ยมของโลก ตลอดจนระบบจัดการโซลูชั่นต่างๆ ที่ใช้ในธุรกิจมาร่วมในการจัดแสดง อาทิ Abbra Corporation Limited, Nutra Regenerative Protein, Chaitip, CTI Food Supply, Ebisu Foods, See Fah Food, Udom Supply Imex, BR Group, Fukushima Galilei, K.M. Packaging, Lucky Flame Co., Ltd., Newton Food Equipment, Winterhalter, VJ International Group, Royal Porcelain, Villeroy & Boch, Independent Wine & Spirit และ GLT Italia นอกจากนั้นยังมีกิจกรรมสัมมนา เวิร์คชอป และการแข่งขันเพิ่มทักษะเสริมศักยภาพให้แก่ผู้ประกอบการและผู้สนใจอีกหลายรายการ อาทิ การแข่งขัน Thailand’s International Culinary Cup (TICC) 2023, การแข่งขัน ASEAN Hotel Bartender Competition 2023, Food Stylist for Value Added Workshop, สัมมนาหัวข้อ Restaurant Success Case by Copper และ TAT Seminar: Thailand's Culinary Treasures

และในปีนี้ยังมีการเพิ่มพื้นที่จัดแสดงพิเศษใหม่ SIPS & SPIRITS ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในงาน โดยเป็นการรวบรวมและจัดแสดงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไวน์ คราฟต์เบียร์จากทั่วโลก รวมถึงสุราไทยที่กำลังเป็นกระแสความสนใจจากคนทั่วประเทศ พร้อมเวิร์คชอปการชงค็อกเทล การทำเบียร์ การสัมมนาให้ความรู้จากผู้อยู่ในอุตสาหกรรมและธุรกิจตัวจริงอีกด้วย

งาน Food & Hospitality Thailand 2023 มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 23-26 สิงหาคม 2566 ณ ฮอลล์ 1-3 ชั้น G ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ผู้สนใจรายละเอียดการจัดงานฯ สามารถติดตามข้อมูลได้ที่ www.fhtevent.com

Page 1 of 2
X

Right Click

No right click