บริษัท ซีพีเอฟ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MoU) ร่วมกับบริษัทที่ปรึกษาระดับโลกจากประเทศเนเธอร์แลนด์ ได้แก่ บริษัทรอยัล ดีเอสเอ็ม (Royal DSM NV) ซึ่งเชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมอาหารและปศุสัตว์ และบริษัทบล็องค์ (Blonk Consultants) องค์กรปรึกษาด้านการวิเคราะห์ข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม โดยนำนวัตกรรมโซลูชั่นล่าสุด “SustellTM เครื่องมือในการวัดผลงานด้านความยั่งยืนของผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบเฉพาะสำหรับธุรกิจปศุสัตว์และเกษตรอุตสาหกรรมเข้ามาช่วยเก็บข้อมูล วิเคราะห์ และหาแนวทางลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการผลิตอาหารในธุรกิจสัตว์บก และต่อยอดสู่การสร้างผลิตภัณฑ์สีเขียวที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่าสินค้าชนิดเดียวกันโดยทั่วไป

ระบบอัจฉริยะ “SustellTM” เป็นซอฟต์แวร์วิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมในด้านต่างๆ จากกระบวนการผลิตเนื้อสัตว์ตลอดทั้งวัฏจักรชีวิต เช่น การปล่อยก๊าซเรือนกระจก การใช้ทรัพยากร พลังงาน และมลภาวะต่างๆ ที่เกิดขึ้นตลอดวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ ที่สามารถวัดได้ตามมาตรฐานสากล โดยผลลัพธ์ที่ได้จะผ่านการทวนสอบ โดย Third Party ในระดับสากล เพื่อรับรองความถูกต้องแม่นยำ โปร่งใส

 

นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ กล่าวว่า บริษัทมีวิสัยทัศน์การเป็น “ครัวของโลกที่ยั่งยืน” จึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญระดับโลกด้านการผลิตอาหารอย่างยั่งยืน ทั้ง DSM และ Blonk Consultants เพื่อยกระดับกระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ควบคู่กับการสร้างความยั่งยืนต่อสังคม และสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่ต้นน้ำของธุรกิจ

“ความร่วมมือในครั้งนี้ สอดคล้องกับพันธกิจหลักของซีพีเอฟ คือ การผลิตและส่งมอบผลิตภัณฑ์อาหารโปรตีนจากเนื้อสัตว์ที่มีคุณภาพสูง และรสชาติอร่อย มีคุณค่าทางโภชนาการที่ดียิ่งขึ้นให้ผู้บริโภค อีกทั้งยังมาจากกระบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพ โดยนำเทคโนโลยีดิจิทัล มาประยุกต์ใช้ในทุกขั้นตอนการผลิต ซึ่ง SustellTM  จะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการวิเคราะห์ข้อมูลผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค และเทรนด์ของโลกในการผลิตอาหารที่สร้างสมดุลทางสิ่งแวดล้อม”  นายประสิทธิ์ กล่าว

นอกจากนี้ เทคโนโลยีของ DSM จะช่วยสนับสนุนการผลิตอาหาร ของซีพีเอฟ ที่มุ่งเน้นการผลิตอาหารปลอดภัย เพื่อสุขภาพที่ดีของผู้บริโภค เช่น การผลิตเนื้อสัตว์ที่เลี้ยงด้วยโปรไบโอติก ซึ่งช่วยให้สัตว์มีสุขภาพแข็งแรง ปลอดยาปฏิชีวนะ และสารตกค้าง ควบคู่ไปกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์สีเขียว (Green Product) แบบองค์รวมตั้งแต่ต้นทางวัตถุดิบอาหารสัตว์ จนถึงปลายทางเป็นอาหารสำเร็จรูป  ปัจจุบัน บริษัทมีผลิตภัณฑ์อาหารที่ได้รับฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์และฉลากลดโลกร้อนรวม 790 รายการ ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 1.418 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า สร้างรายได้สีเขียวมากกว่า 32% ของรายได้ทั้งหมด

 

ด้านนายอิโว่ แลนส์เบอร์เก็น (Ivo Lansbergen) ประธานด้าน Animal Nutrition and Health บริษัท DSM Nutritional Products Company Limited กล่าวว่า ซีพีเอฟ และ DSM มีความร่วมมือกันมาอย่างยาวนานในด้านการพัฒนาโภชนาการ จนมาถึงประเด็นด้านความยั่งยืน ซึ่งการนำระบบอัจฉริยะ SustellTM มาใช้จะช่วยให้ ซีพีเอฟ สามารถทราบถึงผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่สูง (Hot Spot) ในวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์แต่ละชนิด และนำข้อมูลที่ได้มาปรับปรุงกระบวนการต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพและยั่งยืนยิ่งขึ้น โดยมีผู้เชี่ยวชาญจาก ดีเอสเอ็ม และ บล็องค์ เข้ามาให้คำแนะนำ เช่น การปรับสูตรอาหารสัตว์ให้เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของสัตว์ในแต่ละช่วงอายุ ทำให้สัตว์กินอาหารในปริมาณที่เหมาะสมตามวัย ลดปริมาณการใช้ทรัพยากรในการผลิตอาหารสัตว์ เป็นต้น

 

“การนำระบบอัจฉริยะระดับโลกมาใช้ในการบริหารจัดการผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จะสนับสนุนประสิทธิภาพการผลิตโปรตีนจากเนื้อสัตว์ของ ซีพีเอฟ ในด้านการตรวจสอบย้อนกลับตลอดห่วงโซ่การผลิตในเชิงลึกที่แม่นยำมากขึ้น ตอบโจทย์การดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลง และความต้องการของผู้บริโภค รวมทั้งตลาดโลกในระยะยาว” นายอิโว่ กล่าว

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ ผนึกกำลัง สมาคมการตลาดแห่งประเทศ สนับสนุนชมรมยุวสมาชิกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย หรือ J-MAT

บริษัท เชสเตอร์ฟู้ด จำกัด ในกลุ่มบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ขยายสาขาร้านอาหารตามสั่ง

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เดินหน้าขยายเวลาโครงการ Faster Payment ให้เครดิตเทอมภายใน 30 วันแก่คู่ค้า SMEs เพิ่มอีก 3 เดือน รวมทั้งสิ้น 18 เดือนที่ดำเนินโครงการฯ เพื่อสนับสนุนให้คู่ค้า SMEs จำนวน 6 พันราย มีสภาพคล่องที่แข็งแกร่ง สามารถฟื้นตัวได้เร็วที่สุด และเปิดรับโอกาสใหม่ๆ จากภาวะเศรษฐกิจที่ทยอยกลับเข้าสู่สภาวะปกติได้ในปีนี้  

นางสาวธิดารัตน์ เดชายนต์บัญชา รองกรรมการผู้จัดการ ด้านการจัดซื้อพัสดุครุภัณฑ์ ซีพีเอฟ กล่าวว่า ตามที่ แนวทางระยะเวลาการให้สินเชื่อการค้า (เครดิตเทอม) ให้ผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมและเกษตรกรระยะเวลาไม่เกิน 45 วัน กรณีที่เป็นสินค้าเกษตร หรือผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ระยะเวลาไม่เกิน 30 วัน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคม 2564 เป็นต้นมานั้น อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ พิจารณาจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่แน่นอนสูง และคู่ค้า SMEs ส่วนใหญ่ไม่ได้จัดหาวัตถุดิบทางการเกษตร  บริษัทฯ จึงตัดสินใจขยายเวลาการดำเนินโครงการ Faster Payment  ต่อไปอีก 3 เดือนจนถึงสิ้นเดือนมีนาคม ปี 2565 นี้ เพื่อช่วยให้คู่ค้า SMEs ที่มีอยู่ประมาณ 6 พันรายยังได้รับเงินหมุนเวียนเร็วขึ้นและมีสภาพคล่องทางการเงินที่เพิ่มขึ้น ช่วยลดภาระหนี้สิน และต้นทุนลดลง  

 

"การต่อเวลาโครงการ Faster Payment ไปอีก 3 เดือน เพื่อช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับสภาพคล่องทางการเงินให้คู่ค้า SMEs    นับเป็นของขวัญปีใหม่จากซีพีเอฟ ที่เดินหน้าโครงการช่วยเหลือคู่ค้า SMEs เป็นระยะเวลารวมทั้งสิ้น 18 เดือน เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นให้ผู้ประกอบการ SMEs  ได้ดำเนินงาน และขยายงานตามแผนงาน รวมทั้ง สามารถปรับตัวตอบรับกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว สนับสนุนให้กิจการของ SMEs เติบโตได้อย่างมั่นคงในยุคนิวนอร์มอลต่อไป" นางสาวธิดารัตน์กล่าว  

ซีพีเอฟ ได้ริเริ่มโครงการ Faster Payment ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2563 จนถึงปัจจุบันรวมแล้ว 15 เดือน เพื่อช่วยคู่ค้าธุรกิจที่เป็นผู้ประกอบการ SMEs บรรเทาผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมจากวิกฤตโควิด-19 ที่ทำให้ SMEs ต้องขาดรายได้อย่างรุนแรงและบางรายถึงขั้นปิดกิจการ โดยการปรับลดระยะเวลาเครดิตเทอมให้คู่ค้า SMEs ได้รับเงินค่าสินค้าและบริการจากบริษัทภายใน 30 วัน เพื่อเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน ช่วยให้ SMEs สามารถดำเนินกิจการ รักษาการจ้างงานไว้ได้ และสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคง ท่ามกลางสถานการณ์ที่มีความผันผวนสูง  

 

นอกจากโครงการ Faster Payment แล้ว ซีพีเอฟ ยังได้พัฒนาศักยภาพคู่ค้า SMEs ด้านต่างๆ ภายใต้แนวทางการพัฒนาคู่ค้าธุรกิจให้เติบโตด้วยกันอย่างยั่งยืน ทั้ง การถ่ายทอดและแบ่งปันนโยบายและแนวทางการจัดหาสินค้าและบริการที่รับผิดชอบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อม การยกระดับมาตรฐานบริหารจัดการแรงงาน ตลอดจนร่วมมือกับ สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD)  สนับสนุนโอกาสให้คู่ค้าธุรกิจ SMEs มีความเข้าใจในการกำหนดแนวปฏิบัติในการป้องกันการทุจริตได้อย่างเหมาะสมตลอดกระบวนการผลิต ซึ่งส่งผลในปีที่ผ่านมา มีคู่ค้า SMEs ของบริษัทรวม 20 บริษัทเข้าร่วมประกาศเจตนารมณ์กับ CAC ในการดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใส และต่อต้านการคอร์รัปชันทุกรูปแบบ

ฟาร์มแฟคทอรี (FARMFACTORY) ธุรกิจสลัดและเครื่องดื่ม ในเครือ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ

X

Right Click

No right click