×

Warning

JUser: :_load: Unable to load user with ID: 6855

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ เดินหน้าโครงการ “CPF ส่งอาหารจากใจ ร่วมต้านภัยโควิด-19”

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ  ขับเคลื่อนการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนภายในองค์กรอย่างต่อเนื่อง
บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ส่งเสริมถ่ายทอดความรู้ ขยายเครือข่ายเกษตรกรปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในฤดูกาลปลูกปี 2564 ลดการเผาให้เป็นศูนย์ ชูเทศบาลตำบลบัลลังค์ อ.โนนไทย จ.นครราชสีมา และ อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี นำร่องเป็นชุมชนลดการเผาหลังเก็บเกี่ยวเป็นศูนย์ ตอบเป้าหมายการรับซื้อข้าวโพดยั่งยืนของซีพีเอฟ ยึดตามแนวทาง “ไม่เขา ไม่เผา เราซื้อ” ร่วมสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดี พัฒนาห่วงโซ่การผลิตอาหารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
 
นายวรพจน์ สุรัตนวิศิษฏ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงเทพโปรดิ๊วส จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินการจัดหาวัตถุดิบหลักทางการเกษตรผลิตอาหารสัตว์ให้แก่ซีพีเอฟ กล่าวว่า บริษัทฯ เดินหน้าขับเคลื่อนการพัฒนาห่วงโซ่ผลิตอาหารที่รับผิดชอบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการจัดซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่มาจากแหล่งผลิตที่มีการปลูกอย่างยั่งยืน  ผ่านระบบตรวจสอบย้อนกลับถึงแหล่งปลูกมีเอกสารสิทธิ์ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่บุกรุกพื้นที่ป่า 100% (Zero Deforestation)  ควบคู่กับการงดการเผาแปลงเกษตรหลังเก็บเกี่ยวให้เป็นศูนย์ (Zero Burn)  สำหรับในฤดูกาลปลูกปี 2564 นี้ บริษัทฯ เดินหน้ารณรงค์ถ่ายทอดความรู้เกษตรกรปลูกด้วยวิธีการที่ยกเลิกการเผาตอซัง เปลี่ยนมาใช้ประโยชน์เศษวัสดุทางการเกษตร  โดยเลือกกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่ ต.บัลลังก์ อ.โนนไทย จ.นครราชสีมา และพื้นที่ อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี ในโครงการ “เกษตรกรพึ่งตน ข้าวโพดยั่งยืน” เป็นต้นแบบนำร่องปลูกข้าวโพดปลอดเผา (Zero Burn) โดยสมบูรณ์  
 
ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในโครงการ “เกษตรกรพึ่งตน ข้าวโพดยั่งยืน” มั่นใจในประโยชน์ของการนำหลักวิชาการมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ รวมถึงการสนับสนุนช่องทางการรับซื้อที่โปร่งใส และเป็นธรรม เป็นแรงจูงใจเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ หันมาใช้วิธีไถกลบตอซังแทนการเผาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง  
 
“ปีนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าที่จะสนับสนุนและผลักดันให้เกษตรกรที่ร่วมโครงการฯ ทั้งหมดยกเลิกการเผาเศษวัสดุทางการเกษตรภายหลังการเก็บเกี่ยว ไม่เพียงช่วยรักษาคุณภาพและธาตุอาหารในดินแล้ว ช่วยลดต้นทุนการผลิตจากการใช้ปุ๋ย ยังมีส่วนช่วยสภาพแวดล้อมชุมชนดีขึ้น บรรเทาปัญหาฝุ่นละอองและหมอกควัน  และร่วมจัดการปัญหาโลกร้อนได้อีกด้วย” นายวรพจน์กล่าว  
 
นอกจากระบบตรวจสอบย้อนกลับถึงแหล่งปลูกข้าวโพดที่บริษัทฯ ใช้ในกระบวนการจัดซื้อผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากเกษตรกร มาตั้งแต่ปี 2560  บริษัทฯ ยัง ได้ต่อยอดนำเทคโนโลยีภาพถ่ายดาวเทียมมาช่วยตรวจสอบย้อนกลับข้าวโพดที่มาจากพื้นที่ที่ยังใช้การเผาตอซัง  โดยบริษัทฯ จะมีทีมงานลงพื้นที่ให้ความรู้และเพิ่มความตระหนักในการทำการเกษตรแบบยั่งยืน เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต หยุดเผาเศษวัสดุทางการเกษตรหลังเก็บเกี่ยว ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีทั้งสิ่งแวดล้อม เกษตรกร และสังคม
 
การรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ผ่านระบบตรวจสอบย้อนกลับถึงแหล่งที่มาปราศจากบุกรุกพื้นที่ป่า หรือปลูกบนพื้นที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ และไม่เผาหลังการเก็บเกี่ยว เป็นการสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค ต่อผลิตภัณฑ์อาหารจากเนื้อสัตว์ทั้งเนื้อหมู เนื้อไก่ ของซีพีเอฟมาจากต้นทางที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกร ผ่านการดำเนิน โครงการ “เกษตรกรพึ่งตน ข้าวโพดยั่งยืน” มาตั้งแต่ปี 2558 ต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน โดยมีเป้าหมายที่ช่วยให้เกษตรกรเพิ่มผลผลิตทั้ง ในแง่ปริมาณและคุณภาพ ลดต้นทุนการผลิต ส่งเสริมให้เกษตรกรขายผลผลิตเข้าโรงงานโดยตรง เพื่อให้เกษตรกรขายผลผลิตได้รับราคาที่เป็นธรรม เป็นอีกกลไกที่จะจูงใจให้เกษตรกรร่วมขจัดปัญหาการทำลายพื้นที่ป่าและปัญหาฝุ่นละอองหมอกควันได้ในระยะยาว./

นายอุดมศักดิ์ แสงวณิช รองผู้อำนวยการ ภารกิจด้านอำนวยการ โรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ รับมอบผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมทานคุณภาพปลอดภัยจากซีพีเอฟ

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด(มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ประกาศเปิดตัว “MEAT ZER0” ผลิตภัณฑ์เนื้อจากพืช (Plant-based Meat) ที่ผลิตด้วยนวัตกรรม ‘PLANT-TEC’ ทำให้ได้เนื้อทางเลือกที่มีความเหมือนเนื้อสัตว์จริง ทั้งลักษณะชิ้นเนื้อ รสชาติ กลิ่นและเนื้อสัมผัส ตอบโจทย์เทร็นด์โลก เอาใจผู้บริโภคที่รักษ์สุขภาพ ในราคาที่จับต้องง่ายทั้งอาหารสำเร็จรูปพร้อมปรุง (Ready to cook) และอาหารสำเร็จรูปพร้อมรับประทาน (Ready to eat) เริ่มจำหน่ายแล้ววันนี้ที่เซเว่นอีเลฟเว่นและโมเดิร์นเทรดชั้นนำทั่วไทย ขณะเดียวกัน ยังใช้ศักยภาพของซีพีเอฟที่มีฐานลูกค้าอยู่ในกว่า 100 ประเทศทั่วโลก ส่ง “MEAT ZER0” บุกตลาดต่างประเทศ ทั้งเอเชีย ยุโรป และสหรัฐ มั่นใจคว้าผู้นำตลาดเนื้อทางเลือกอันดับ 1 ของเอเชียและจะขึ้นแท่น Top 3 ผู้นำเนื้อทางเลือกของโลกภายใน 3-5 ปี 

 

นวัตกรรมสุดล้ำ จุดเด่น “MEAT ZER0”

เนื้อจากพืช (Plant-based Meat) เป็นเทร็นด์อาหารของโลกที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นทุกปี ซีพีเอฟในฐานะผู้นำธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารของไทยและของโลก จึงทุ่มเทการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์เนื้อทางเลือกมาเป็นเวลากว่า 2 ปี โดยผสานความร่วมมือระหว่าง CPF RD Center กับผู้เชี่ยวชาญระดับโลกหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และไต้หวัน รวมถึงนักวิทยาศาสตร์ทางอาหารจาก จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง กระทั่งค้นพบนวัตกรรม ‘PLANT-TEC ที่สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ “MEAT ZER0” เนื้อทางเลือกที่สมบูรณ์แบบทั้งลักษณะ รสชาติ กลิ่น และเนื้อสัมผัส 

นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร  บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ เปิดเผยว่า บริษัทประสบความสำเร็จในการวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์จากพืช แบรนด์ “MEAT ZER0” โดยผลการสำรวจจากกลุ่มตัวอย่างพบว่าให้ความรู้สึกเสมือนรับประทานเนื้อสัตว์จริงๆ  

MEAT ZER0 เป็นพืชที่อร่อยอย่างเนื้อ ผู้บริโภคแทบจะแยกไม่ออกเลยว่ากำลังรับประทานพืชอยู่ ด้วยความโดดเด่นของทีมวิจัยพัฒนาอาหารจากซีพีเอฟที่ทำงานร่วมกับบริษัทวิจัยชั้นนำระดับโลก กระทั่งได้ผลิตภัณฑ์นี้ออกมา เราภูมิใจในนวัตกรรมชิ้นนี้อย่างมากและมั่นใจว่า จะเป็นที่ชื่นชอบของผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ

ตอบโจทย์ผู้บริโภคหลายกลุ่ม 

ผลิตภัณฑ์ MEAT ZER0 ประกอบด้วยสารอาหารอันเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ทั้งโปรตีนจากพืช ให้เส้นใยอาหารสูง ดีต่อลำไส้และกระเพาะอาหาร ทั้งยังไม่มีโคเลสเตอรอล ดีต่อระดับไขมันในเลือด ขณะเดียวกันยังดีต่อใจของผู้ที่ต้องการลดการบริโภคเนื้อสัตว์ ถูกใจผู้บริโภคทั้ง สายสุขภาพ-สาพฟิต-สายไดเอท และ สายบุญ

“ปัจจุบันผู้บริโภคให้ความสนใจดูแลรักษาสุขภาพกันมากขึ้น หลายคนควบคุมอาหารหรือลดน้ำหนักด้วยการเว้นเนื้อสัตว์เป็นครั้งคราว หลายคนมีความเชื่อและเลือกเว้นเนื้อสัตว์ในวันเกิด เดือนเกิด หรือเมื่อโอกาสอำนวย เป็นที่รู้จักกันในชื่อ Flexitarian หรือกลุ่มมังสวิรัติยืดหยุ่น จึงทำให้มีความต้องการอาหารทางเลือกที่ปราศจากเนื้อสัตว์มากขึ้น แต่ข้อจำกัดที่พบคือระดับราคาที่สูงของเนื้อเหล่านี้ ขณะเดียวกันก็ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ที่หาซื้อได้ง่ายนัก “MEAT ZER0” จึงเข้ามาตอบโจทย์ให้ผู้บริโภคเข้าถึงผลิตภัณฑ์ได้ง่ายขึ้นทั้งระดับราคาและจุดจำหน่าย เชื่อว่าจะสามารถสร้างรายได้แตะหนึ่งพันล้านบาทให้บริษัทได้ในเวลาไม่กี่ปี”  นายประสิทธิ์กล่าว  

ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์เนื้อจากพืช “MEAT ZERO” วางจำหน่ายในระดับราคาที่ใกล้เคียงกับอาหารจากเนื้อสัตว์ปกติ โดยมีรูปแบบอาหารพร้อมรับประทาน ที่ประกอบด้วยเมนูยอดนิยม เช่น โบโลน่าจากพืช เบอร์เกอร์หมูจากพืช ข้าวกระเพราเนื้อจากพืช สปาเก็ตตี้เนื้อสับ จำหน่ายในราคาเพียง 35-45 บาท และในรูปแบบอาหารพร้อมปรุง สำหรับนำไปปรุงเป็นอาหารรับประทานกันในบ้าน อาทิ นักเกตไก่จากพืช เนื้อบดจากพืช และหมูกรอบจากพืช โดยวางจำหน่ายในราคาเพียง 69 บาท ที่สำคัญคือ ผู้บริโภคสามารถหาซื้อได้ง่ายจาก เซเว่นอีเลฟเว่น แมคโคร โลตัส และห้างโมเดิร์นเทรดชั้นนำทั่วประเทศ  โดยมี “นาย ณภัทร เสียงสมบุญ” นักแสดงชื่อดังเป็นพรีเซ็นเตอร์คนแรกของ Meat Zero ที่จะมาพร้อมกับสโลแกน “แค่เริ่ม… โลกก็เปลี่ยน” 

บุกตลาดส่งออก เตรียมขึ้นแท่น Top 3 ของโลก 

ผู้บริโภคกลุ่มวีแกนและกลุ่มมังสวิรัติยิดหยุ่น (Flexitarian) มีจำนวนราว 29% ของประชากรโลก ขณะที่ซีพีเอฟมีฐานลูกค้าอยู่ในกว่า 100 ประเทศทั่วโลก จึงจะใช้ศักยภาพนี้ในการกระจาย “MEAT ZER0” ออกสู่ตลาดโลกทั้งเอเชีย ยุโรป และสหรัฐอเมริกา โดยในปี 2564 นี้ จะเริ่มส่งออกไปยังตลาดเอเชียก่อน และขยายสู่ยุโรป และอเมริกา โดยมั่นใจว่าจะก้าวสู่ผู้นำตลาดเนื้อทางเลือกอันดับ 1 ของเอเชีย จะขึ้นแท่น Top 3 ผู้นำเนื้อทางเลือกของโลกได้ภายในเวลา 3-5 ปี   

“MEAT ZER0 จะกลายเป็น 1 ใน 3 ผู้นำตลาดเนื้อทางเลือกของโลกได้ภายใน 3-5 ปี และซีพีเอฟจะยังคงพัฒนาต่อไปสู่การเป็นบริษัทอาหารแห่งอนาคตหรือ Food Tech Company อย่างเต็มรูปแบบตอบโจทย์ความต้องการอาหารของผู้บริโภคทุกกลุ่ม”  นายประสิทธิ์กล่าวทิ้งท้าย 

X

Right Click

No right click