จากพนักงานบริษัทที่ดูแลรับผิดชอบด้านงาน Shipping นำเข้า ส่งออก สินค้า กระทั่งตัดสินใจเปลี่ยน field มาเป็นเจ้าหน้าที่ Warehouse คลังสินค้าของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ทำให้ ธนกมล ฉิมบ้านไร่ ได้ค้นพบความสนใจในวิชาชีพของตัวเองว่า เขามีความรักในการทำงานด้าน Warehouse มากกว่า
เพราะงานนี้ส่งเสริมให้ได้ใช้ความรู้ความสามารถในเชิงการบริหารจัดการพื้นที่จัดเก็บใน warehouse ให้ได้อย่างคุ้มค่าและเป็นหมวดหมู่แถมยังได้เรียนรู้วิธีการเก็บสินค้าหลากหลายรูปแบบ จนกระทั่งประสบการณ์การทำงานที่สั่งสมมาหลายปีได้จุดประกายให้เขามองเห็นลู่ทางในการต่อยอดธุรกิจ Warehouse และยกระดับตัวเองขึ้นไปเป็นผู้ประกอบการได้ในที่สุด
โดยในเส้นทางสู่ความสำเร็จในฐานะ กรรมการผู้จัดการบริษัท SSKP Logistics จำกัด วันนี้ ธนกมล ย้ำว่าจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าเขาไม่ได้เรียนหลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการโลจิสติกส์ ที่วิทยาลัยเซาธ์อีสท์บางกอก
“ช่วงปี 2553 ที่ผมเข้ามาเรียนใน วิทยาลัยเซาธ์อีสท์บางกอกนี้ ผมจับงานด้านโลจิสติกส์จริงจังแล้ว และอยากรู้ว่าสิ่งที่เราทำมาที่เรียกว่าโลจิสติกส์นี้ จริงๆ แล้วมีทฤษฎี มีองค์ความรู้มาอย่างไร ที่ผ่านมาเรารู้แต่หลักปฏิบัติและได้ลงมือทำจริง แต่สิ่งที่ไม่รู้คือ คำศัพท์ วิธีการอธิบายตามหลักวิชาการ ของการทำโลจิสติกส์ว่าเป็นอย่างไร ซึ่งผมมองว่าความรู้เหล่านี้สำคัญกับธุรกิจของผมมาก โดยเฉพาะเมื่อเราต้องไปนำเสนอวิธีการบริหารจัดการด้านโลจิสติกส์ให้ลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าตัดสินใจเลือกใช้บริการของเรา ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อนะครับ พอได้เข้ามาเรียนที่นี่แค่ 1 ปี มันทำให้ผมกล้าตัดสินใจเปิดบริษัท SSKP Logistics เลย เพราะผมมองเห็นลู่ทางในการทำธุรกิจนี้ และผมเชื่อมั่นว่าความรู้ที่ได้เรียนจากการเรียนในหลักสูตร MBA สาขาวิชาการจัดการโลจิสติกส์สามารถนำมาปรับใช้เพื่อพัฒนาธุรกิจให้ประสบความสำเร็จได้จริง”
ธนกมลขยายความเพิ่มว่าองค์ความรู้ที่ได้จากการเรียนหลักสูตรนี้เขาได้นำไปใช้เมื่อต้องเจรจากับลูกค้าถึง 90% อย่างระบบการไหลเวียนของโลจิสติกส์ และวิธีการจัดเก็บสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นหมวดหมู่ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้เมื่อผนวกเข้ากับความรู้ด้าน shipping ที่เขาได้ผ่านงานด้านนี้ยิ่งกลายมาเป็นมูลค่าเพิ่มทำให้ธุรกิจของธนกมลเติบโตได้อย่างรวดเร็ว
ส่วนกลวิธีในการทำวิจัย ธนกมล ยังได้นำมาประยุกต์ใช้ในการประเมินความพึงพอใจของลูกค้ากับการให้บริการ ของบริษัทฯ ด้วย โดยเขาจัดให้มีแบบสอบถามเพื่อประเมินความพอใจทั้งของลูกค้าและผู้ที่มาติดต่อประสานงานกับทางบริษัทฯ ซึ่งผลการประเมินจะได้ถูกนำมาใช้ปรับปรุงการบริการตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าต่อไป
ที่สุดแล้ว ธนกมลได้ชี้ให้เห็นถึงความแตกต่างของหลักสูตรนี้จากสถาบันการศึกษาอื่น นั่นคือ การเรียนการสอนที่นี่เน้นเสริมสร้างและจุดประกายให้ผู้เรียนเป็นผู้นำ เป็นผู้ประกอบการ สอนให้กล้าคิด กล้าทำ ไม่ได้สอนให้ผู้เรียนเป็นแค่ลูกจ้างในธุรกิจโลจิสติกส์เท่านั้น นอกจากนั้น บรรยากาศการเรียนรู้ที่นี่ยังอบอุ่น เป็นกันเอง ทำให้ผู้เรียนทุกคนกล้าซักถามและแสดงความคิดเห็นและการเรียนที่นี่ยังทำให้เขาได้รู้จักเพื่อนร่วมชั้นเรียนที่มาจากองค์กรหลากหลายในวงการโลจิสติกส์ ทั้งที่เป็นพนักงานบริษัท และเป็นเจ้าของกิจการ ซึ่งที่สุดแล้วทุกคนได้กลายมาเป็นเครือข่ายธุรกิจที่ต่อยอดให้ธุรกิจโลจิสติกส์ของเขายั่งยืนต่อไปได้อีกนาน