เพราะได้ผ่านประสบการณ์การทำงานในตำแหน่งวิศวกรมา 3 ปี ทำให้ ณัฐ ตราฐิติพันธุ์ มองเห็น Career Path หรือเส้นทางบนอาชีพของเขาได้ชัดเจนขึ้น พร้อมกับการตระหนักว่าการมีความรู้ ความเชี่ยวชาญในด้านการควบคุมเครื่องจักรและการทำงานในสายวิศวกรแต่เพียงอย่างเดียว ย่อมไม่เพียงพออีกต่อไป
เนื่องจากเขาประสบปัญหาในการบริหารคน โดยเฉพาะเรื่องของการสื่อสารสิ่งที่เราเข้าใจไปยังผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาให้เข้าใจเหมือนอย่างเขาได้ จนทำให้การทำงานในบางช่วงบางตอนติดขัด นอกจากนั้น เมื่อเขาถูกส่งไปต่างประเทศเพื่อเรียนรู้และกลับมาทำงานในด้านการเคลมสินค้า ซึ่งต้องทำงานประสานกับฝ่าย Marketing นับเป็นสิ่งใหม่ที่ วิศวกร อย่างเขาอยากเรียนรู้อย่างจริงจังตั้งแต่ในขั้นพื้นฐาน
ขณะที่ในมุมการบริหารจัดการชีวิตตนเอง เขาก็เจออุปสรรคเช่นกัน เมื่อทำงานแล้วมีเงินเก็บ แต่เขากลับบริหารจัดการเงินเก็บเหล่านั้นไม่ได้ดีเท่าที่ควร ทั้งหมดนี้จึงกลายมาเป็นแรงผลักดันให้ ณัฐ ตัดสินใจลาออกจากงานประจำ เพื่อมาเรียนรู้ศาสตร์ในด้านบริหารธุรกิจอย่างจริงจัง กับหลักสูตร MBA ที่คณะบริหารธุรกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือ NIDA โดยเขาเลือกที่จะขอทุนการศึกษาในการเรียนปริญญาโทในครั้งนี้ด้วย
“ตอนที่ตัดสินใจเรียนที่นี่ ก็ตั้งใจว่าจะยื่นขอทุนการศึกษาและเรียนในสาขาที่คิดว่าอ่อนที่สุด คือ การเงิน และที่เลือกเรียนที่คณะบริหารธุรกิจ นิด้า ก็เพราะชื่อเสียงของสถาบันที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานรับรองมาตรฐานการศึกษานานาชาติอย่าง AACSB ซึ่งในไทยมีอยู่ไม่กี่แห่งที่ผ่านการรับรอง อีกสิ่งหนึ่งผมยังเชื่อมั่นว่าการเรียนที่นี่ผมจะได้เรียนรู้กับอาจารย์เก่งๆ ในแต่ละสาขาวิชาด้านบริหารธุรกิจด้วย”
ค้นหาสิ่งที่ชอบ เลือกเรียนสิ่งที่ใช่
เมื่อณัฐได้มาเรียนที่นี่ เขาได้เลือกเรียนในสาขา Financial หรือการเงิน อย่างที่เขาตั้งใจ และด้วยคณะบริหารธุรกิจ นิด้า ได้เปิดหลากหลายสาขาวิชาให้ผู้เรียนเลือกเรียน เช่น สาขา Operation Management, Financial, Accounting Management ไปจนถึง สาขายอดนิยมอย่าง International Business นักศึกษาที่นี่จึงมีสิทธิ์ที่จะเลือกเรียนเป็น Dual Major คือเรียน 2 สาขาวิชาเอก ได้ด้วย สำหรับณัฐ เขาได้เลือกเรียนในแบบ Dual Major กับอีกหนึ่งสาขาใหม่ที่อินเทรนด์อยู่ในขณะนี้ควบคู่ไปกับการเรียน Financial ด้วย คือ Management Information System หรือ MIS ซึ่งเรียนเกี่ยวกับการบริหารจัดการระบบการเงิน การตลาด ด้วยโปรแกรมสำเร็จรูปต่างๆ ที่หลากหลาย ซึ่งณัฐชี้ให้เห็นว่า องค์ความรู้ด้านนี้เป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับการจัดการในยุคเทคโนโลยีสารสนเทศในปัจจุบัน
เพิ่มโอกาสเรียนต่อ ด้วยทุนการศึกษา
ต้องยอมรับว่าสำหรับผู้เรียนบางราย แม้ไม่ใช่ผู้ที่มีฐานะยากจน แต่ในการเรียนพวกเขาก็ต้องใช้เงินเก็บของตนเองที่อาจมีไม่มากพอ ทำให้โอกาสที่จะศึกษาต่อเพื่อต่อยอดความก้าวหน้าบนเส้นทางอาชีพของตนต้องหยุดลงอย่างน่าเสียดาย แต่สำหรับการเรียนในหลักสูตร MBA ที่ NIDA Business School แห่งนี้ ปัญหานี้จะถูกแบ่งเบาลงเพราะทางสถาบันได้จัดให้มีทุนการศึกษาที่ช่วย Support ในส่วนของค่าหน่วยกิตที่นักศึกษาต้องจ่ายตลอดการศึกษาในหลักสูตร ซึ่ง ณัฐ ก็เป็นหนึ่งในนักศึกษาที่ได้รับทุนการศึกษา และสามารถทำผลการเรียนดีเด่นอยู่ในเกณฑ์ไม่ต่ำกว่า 3.30 ได้ตลอดการศึกษาในหลักสูตร MBA
“ตอนนี้ผมศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 2 อีก 3 เดือน ผมก็จะเรียนจบแล้วครับ ต้องบอกว่าการได้รับทุนการศึกษาตลอดการเรียนในหลักสูตร MBA ถือเป็นการสร้างโอกาสในการเรียนต่อให้ผมเลย เพราะก่อนที่จะตัดสินใจเรียน ผมมีเงินเก็บ แต่ก็คิดว่าไม่มากพอ เพราะผมเลือกเรียนในหลักสูตร regular ที่ต้องเรียนในช่วงเวลาปกติ วันจันทร์-ศุกร์ เท่ากับว่าตลอดการเรียนผมไม่มีรายได้จากการทำงานประจำเหมือนเดิม ตอนคิดว่าจะสมัครเรียนจึงยื่นขอทุนไปพร้อมกันเลย และผ่านการพิจารณาได้รับทุนการศึกษาช่วยในค่าหน่วยกิตตลอดหลักสูตร”
Let’s Study in the Right Atmosphere
เมื่อถามถึงความประทับใจและสิ่งดีๆ ที่ได้รับจากการเรียน MBA ที่นิด้า ณัฐเล่าว่า
“การเรียน MBA ที่นิด้า ช่วยเปิดโลกให้ผมได้เรียนรู้ความคิดจากผู้เรียนในหลากหลายสาขาอาชีพ จากเดิมที่ผมอยู่ในโลกของวิศวะเพียงอย่างเดียว ผมเจอเพื่อนที่เรียนจบจากทั้ง สถาปัตย์ ประวัติศาสตร์ ปรัชญา หรือแม้กระทั่ง หมอ แต่เพื่อนที่ผมมองว่ามาสอนแนวคิดแปลกใหม่ให้ผมได้ดี คือ เพื่อนจากสถาปัตย์ เช่น เวลาทำ Powerpoint พรีเซนต์งาน ถ้าได้ร่วมกลุ่มกับเพื่อนสถาปัตย์ Powerpoint พรีเซนต์ของทางกลุ่มจะออกมากระชับสร้างสรรค์และน่าสนใจมาก”
ขณะที่ การเรียน MBA ยังช่วยสร้างองค์ความรู้ใหม่ๆ ให้กับณัฐซึ่งสามารถนำไปใช้ในการทำงานได้จริง อย่างมุมมองในการบริหารคน จากเดิมที่เขาเคยคิดว่า ในฐานะหัวหน้า ควรมีจุดยืนหลักในการบริหารคน ต้องทำให้ลูกน้องเกรงขามจะได้ทำตามคำสั่ง จริงๆ แล้วไม่ใช่เลย ผู้นำที่ดีต้องวิเคราะห์ลูกน้องแต่ละคนว่าควรปฏิบัติกับเขาแบบไหน บางคนเราต้องเข้าไปสื่อสารกับเขาตัวต่อตัว ต้องกระตุ้นเขาด้วย เป็นต้น ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่เขาได้จากการเรียนวิชา Human Resource and Capital Management
และไม่ว่าจะเป็นนักศึกษาทุนหรือไม่ ณัฐย้ำว่า การเรียนในหลักสูตร MBA ต้องทุ่มเท ขยัน และมีวินัยมาก จึงจะเรียนจบได้ โดยสิ่งที่น่ากลัวและต้องทุ่มเทมากที่สุดในการเรียนหลักสูตร MBA ไม่ใช่การสอบ แต่เราควรทุ่มเทและตั้งใจกับทุกงานที่จะทำส่งมากกว่า เพราะในการทำงานส่งนี้เองที่คุณจะได้เรียนรู้การทำงานเป็นทีมซึ่งเป็นตัวชี้วัดความคิดสร้างสรรค์ได้มากกว่า รวมถึงยังช่วยให้ตกผลึกในความรู้ที่เรียนได้มากกว่าด้วย ยิ่งถ้าบวกกับการอ่านหนังสือได้อย่างสม่ำเสมอ ไม่ไปอ่านเฉพาะในเวลาใกล้สอบ ก็จะยิ่งทำให้การเรียน MBA ประสบความสำเร็จดีขึ้น
สุดท้าย ในฐานะรุ่นพี่ MBA ณัฐได้ฝากคำแนะนำดีๆ ด้วยว่า คนที่กำลังจะตัดสินใจมาเรียนในหลักสูตร MBA ควรมีประสบการณ์ทำงานมาก่อน อย่างน้อย 1 ปี ซึ่งจะทำให้คุณเห็นภาพกว้างว่าจะตัดสินใจเรียนในสาขาอะไรที่เหมาะสมกับตัวเองได้มากกว่าคนที่เรียนปริญญาตรีแล้วมาเรียนต่อ MBA เลย และก่อนมาเรียนรวมถึงขณะเรียนไม่ควรหยุดพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ สุดท้าย จริงอยู่ที่มีคนบอกว่าการมาเรียน MBA มาเรียนเพื่อหา Connection ดีๆ แต่สำหรับเขาแล้ว ถ้าคุณอยากเรียนเพื่อหา Connection อาจต้องเปลี่ยนไปเรียนในหลักสูตร Executive MBA จะดีกว่า เพราะสิ่งที่เขาได้จากการเรียน MBA ที่นี่ คือ
“การเรียนรู้ในความแตกต่างของบุคคล เวลาคุณไปทำงาน คุณจะรู้ว่าคุณจะใช้คนแบบไหน ติดต่อคนในกลุ่มไหน มีความเชี่ยวชาญแบบใด จึงจะช่วยเราได้ทันการณ์”