September 19, 2024
×

Warning

JUser: :_load: Unable to load user with ID: 802

สุขภาพดีนั้นต้องเริ่มต้นจากตัวเอง ซึ่งการดูแลสุขภาพด้วยการออกกำลังกายอย่างเพียงพอและสม่ำเสมอที่ช่วยเสริมสร้างสุขภาพที่ดี อีกทั้ง ยังจะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้นกัน ถือเป็นแรงกำลังที่ช่วยพัฒนาสังคมไทยให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน ด้วยแนวคิดดังกล่าว แกร็บ จึงได้เชิญชวนผู้ใช้ที่รักสุขภาพ ร่วมออกกำลังกายพร้อมทำประโยชน์เพื่อสังคม ภายในงาน “Grab Running – วิ่งตัวเบา” งานวิ่งที่เรื่องน้อยที่สุด สะดวกสบายเพียงแค่พกสมาร์ทโฟนมาวิ่ง ส่วนที่เหลือแกร็บจัดให้  ในวันอาทิตย์ที่ 16 กันยายน ที่ผ่านมา ณ สวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบ โดยกิจกรรมเพื่อสังคมในครั้งนี้ จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ในการสร้างเครือข่ายธารน้ำใจ เพื่อบริจาคสมทบทุนให้แก่มูลนิธิรามาธิบดีฯ ในการซื้อเครื่องมือแพทย์ให้สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ ซึ่งภายในงาน นอกจากจะได้สัมผัสกับประสบการณ์งานวิ่งที่เรื่องน้อยที่สุดแล้ว นักวิ่งและคนรักสุขภาพที่ให้ความสนใจเข้าร่วมงานกว่า 3,000 คน ยังได้ร่วมสนุกกับหลากหลายกิจกรรมจากบูทพาร์ทเนอร์คู่ค้าของแกร็บ ทั้ง KBank, ประกันภัย Sunday Insurance,  Shopee, JOOX และ Ari Running  อีกทั้งยังเพลิดเพลินกับเมนูร้านดังที่คัดสรรมาให้เพิ่มพลังจากแกร็บฟู้ด  และปิดท้ายวันดี ๆ ด้วยมินิคอนเสิร์ตจากนักร้องสาวเสียงใส แพรว คณิตกุล เนตรบุตร

นายธรินทร์ ธนียวัน กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า  “ปัจจุบัน ผู้คนหันมาให้ความสำคัญต่อการดูแลสุขภาพเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะการออกกำลังกายด้วยการเดิน โดยแกร็บรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับเสียงตอบรับจากกิจกรรมงานวิ่งครั้งแรกของเราเป็นอย่างดี โดยกิจกรรม ‘Grab Running - วิ่งตัวเบา’ ในวันนี้ นอกจากจะเป็นการร่วมสร้างสุขภาพดีร่วมกันแล้ว ยังเป็นการตอบแทนกลับคืนสู่สังคม โดย แกร็บ ร่วมบริจาค 10 บาทต่อทุกกิโลเมตรที่ผู้ร่วมงานทุกคนวิ่ง โดยเป็นจำนวนเงินรวมทั้งสิ้น 400,000 บาท เพื่อสมทบทุนมูลนิธิรามาธิบดีฯ เพื่อเป็นทุนในการซื้อครุภัณฑ์ทางการแพทย์และร่วมสร้างสถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งในอนาคตจะเป็นสถาบันทางการแพทย์ชั้นนำที่รองรับผู้ป่วยได้กว่า 1 ล้านคนต่อปี ทั้งนี้ ความสำเร็จของกิจกรรมในวันนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้หากปราศจากน้ำใจจากนักวิ่ง พาร์ทเนอร์ผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร พันธมิตรคู่ค้าทั้งหมดของเรา รวมถึงตัวแทนหน่วยงานทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง ที่ให้การสนับสนุนเราด้วยดีเสมอมา และเราจะเดินหน้าอย่างไม่หยุดยั้งในการร่วมมือกับทุกภาคส่วน เพื่อจัดกิจกรรมยกระดับคุณภาพชีวิตให้คนในสังคมต่อไปในอนาคต” 

กิจกรรม Grab Running - วิ่งตัวเบา เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานตามพันธกิจในการทำประโยชน์เพื่อสังคมมาในช่วงเพียงสองสามเดือนที่ผ่านมา แกร็บ ได้จัดกิจกรรมซีเอสอาร์เพื่อตอบแทนพาร์ทเนอร์ผู้ขับขี่และสังคมมาหลากหลายโครงการ อาทิ โครงการมอบทุนการศึกษารวมกว่าหนึ่งล้านบาทให้แก่บุตรพาร์ทเนอร์ผู้ขับขี่, โครงการ ‘GrabFood for Good – ทุกจานคือการให้’ เพื่อสมทบทุนมอบอาหารกลางวันให้มูลนิธิเด็กผู้ด้อยโอกาสนับหมื่นคน และโครงการบริจาคสิ่งของผ่านบริการแกร็บเอ็กเพรสให้แก่มูลนิธิผู้ด้อยโอกาส อาทิ มูลนิธิบ้านนกขมิ้น และมูลนิธิอื่น ๆ ในต่างจังหวัดรวม 7 แห่ง โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย โครงการทั้งหลายเหล่านี้ ถือสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของแกร็บ ในการผลักดันเพื่อร่วมสร้างสรรค์สังคมไทยให้มีความน่าอยู่มากยิ่งขึ้น

พลพรรคนักวิ่งทุกเพศทุกวัย พร้อมใจวิ่งเพื่อเปลี่ยนทุกกิโลเมตรให้เป็นเงินบริจาค สมทบทุนมูลนิธิรามาธิบดีฯ

 พลพรรคนักวิ่งทุกเพศทุกวัย พร้อมใจวิ่งเพื่อเปลี่ยนทุกกิโลเมตรให้เป็นเงินบริจาค สมทบทุนมูลนิธิรามาธิบดีฯ

มารีญา พูลเลิศลาภ สาวสวยสุขภาพดี ร่วมวิ่ง Fun Run ระยะ 5 กิโลเมตร

เหล่านักวิ่งกระโดดตัวเบา ฉลองเข้าเส้นชัยแบบยกทีม

สนุกสนานคึกคักไปกับกิจกรรมถ่ายภาพรอบ สวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบ  

เติมพลังหลังเข้าเส้นชัยด้วยเมนูอาหารและเครื่องดื่มร้านดัง จากแกร๊บฟู้ด

สีสันกิจกรรมสุดสนุก ณ​ บูทพันธมิตรคู่ค้าของแกร็บภายในงาน Grab Running - วิ่งตัวเบา

เอไอเอ ประเทศไทย ฉลองครบรอบ 80 ปี ที่อยู่เคียงข้างคนไทยมาด้วยความมุ่งมั่นที่จะส่งมอบสุขภาพและชีวิตที่ดีให้กับประชาชนทั่วประเทศ จัดกิจกรรมเดิน-วิ่งการกุศลครั้งยิ่งใหญ่ ภายใต้โครงการ “AIA Sharing A Life Charity Run” พร้อมกันใน 10 จุดทั่วประเทศ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร, เชียงใหม่, พิษณุโลก, อุดรธานี, ขอนแก่น, นครราชสีมา, นครปฐม, สุพรรณบุรี, ระยอง และสุราษฎร์ธานี โดยได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐบาล อาทิ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข, สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และหน่วยงานประจำจังหวัด ทั้ง 10 แห่ง  พร้อมใจกันมาร่วมเดิน-วิ่งการกุศล ทั้งสิ้นกว่า 50,000 พลังความดีจากทั่วประเทศ และได้ร่วมมอบเครื่องออกกำลังกายกลางแจ้ง ในโครงการ “AIA Vitality Workout” เพื่อส่งเสริมให้ผู้คนในชุมชนมีสุขภาพที่แข็งแรง สอดคล้องกับคำสัญญาของเอไอเอ ที่ต้องการสนับสนุนในคนไทยมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น (Healthier, Longer, Better Lives) 

มร. ตัน ฮาค เลห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวว่า “ในโอกาสที่ปีนี้ เอไอเอ ประเทศไทย ครบรอบ 80 ปี และเรามีคำมั่นสัญญาใหม่ที่มุ่งเน้นในการส่งเสริมและสนับสนุนให้คนไทยมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น (Healthier, Longer, Better Lives) จึงเป็นที่มาของโครงการ AIA Sharing A Life Charity Run ซึ่งถือเป็นกิจกรรมเพื่อตอบแทนสังคมในรูปแบบการเดิน-วิ่ง พร้อมร่วมแบ่งปันให้กับองค์กรการกุศลต่างๆทั่วประเทศ นอกจากนี้ ทุกท่านที่มาร่วมงานนี้ ยังมีส่วนร่วมในการบริจาคเครื่องออกกำลังกายกลางแจ้งผ่านโครงการ AIA Vitality Workout โดยผมขอเป็นตัวแทนเอไอเอ ประเทศไทย ขอบคุณพลังความดีทั้งหมดกว่า 50,000 คนทั่วประเทศ ที่ออกมาแสดงพลังร่วมกันในวันนี้”

สำหรับที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งกิจกรรมที่สวนจตุจักร กรุงเทพมหานคร เริ่มตั้งแต่ 6.00 น. โดยเริ่มด้วยกิจกรรมเดิน-วิ่งการกุศล ต่อจากนั้น เป็นพิธีมอบเงินบริจาคแก่องค์กรการกุศลต่างๆ ต่อด้วยการร่วมส่งมอบเครื่องออกกำลังกายกลางแจ้ง “AIA Vitality Workout” โดยมีผู้บริหารของสวนจตุจักรเป็นผู้รับมอบ และกิจกรรมปลูกต้นไม้ เพิ่มความร่มรื่นให้แก่สวนจตุจักร อีกด้วย

ทั้งนี้ เอไอเอ ประเทศไทย ยังคงยึดมั่นในการทำความดี ตอบแทนสู่สังคมไทย ผ่านกิจกรรมต่างๆอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอกย้ำการเป็นบริษัทประกันชีวิตอันดับ 1 ของประเทศไทย และเป็นการฉลองครบรอบ 80 ปี ในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ด้วยความมุ่งมั่นในการเป็นส่วนช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย พร้อมกันกับการพัฒนาสังคมไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน เพื่อสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้นของคนไทยทั่วประเทศ

บริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ พร้อมสนับสนุนรัฐบาลเดินหน้าโครงการโรงเรียนร่วมพัฒนา มุ่งส่งเสริมศักยภาพนักเรียนด้านทักษะการงานอาชีพและประสบการณ์เพื่อสร้างโอกาสการทำงานให้นักเรียนหลังจบการศึกษา รองรับความต้องการของท้องถิ่น

ในโอกาสที่ ศาสตราจารย์คลินิก นายแพทย์ อุดม  คชินทร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และนายมีชัย วีระไวทยะ คณะกรรมการพัฒนานวัตกรรมการบริหารจัดการสถานศึกษาในรูปแบบโรงเรียนร่วมพัฒนา หรือ Partnership School เยี่ยมชมและให้กำลังใจคณะผู้บริหารและนักเรียน ”โรงเรียนธงชัยเหนือวิทยา(โคกศิลา)” และ “โรงเรียนชุมชนบ้านวัด”  ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบและได้รับการสนับสนุนจาก บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ ในโครงการโรงเรียนร่วมพัฒนา มุ่งสร้างครูและนักเรียนเป็นทั้งคนดีและคนเก่ง ส่งเสริมสถานศึกษาเป็นแหล่งเรียนรู้ของชุมชน

นายทวีสิน  คุณากรพิทักษ์กุล รองกรรมการผู้จัดการ ซีพีเอฟ กล่าวว่า บริษัทมุ่งมั่นมีส่วนร่วมขับเคลื่อนนโยบายการศึกษาของไทย โดยให้การสนับสนุนโรงเรียนในจังหวัดนครราชสีมา ตามแนวทางการพัฒนาการศึกษาของประเทศไทย ซึ่งโรงเรียนร่วมพัฒนาเป็นอีกรูปแบบหนึ่งของการจัดการศึกษาที่เพิ่มบทบาทให้ภาคเอกชน ชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และสถานศึกษาระดับอุดมศึกษาในพื้นที่ เข้ามามีส่วนร่วมพัฒนาระบบบริหารการศึกษาให้มีประสิทธิภาพ ส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการศึกษาให้แก่ผู้เรียนอย่างทั่วถึง ลดความเหลื่อมล้ำ  รวมทั้งพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาให้มีความรู้ความสามารถ เพื่อที่จะพัฒนาเด็กนักเรียนให้เป็นคนดีและคนเก่ง พร้อมกันนี้ ส่งเสริมสถานศึกษาให้เป็นแหล่งเรียนรู้ของคนในชุมชน

ทั้งนี้ ซีพีเอฟ ได้ระดมสมองเพื่อทำแผน 5 ปี (2561-2566) เพื่อสนับสนุนโครงการฯทั้งด้านวิชาการและทักษะให้ตรงความต้องการและความถนัดของแต่ละคนเพื่อสร้างความเชี่ยวชาญ โดยเฉพาะการฝึกฝนจากการทดลองปฏิบัติจริงในโรงเรียนและการฝึกงานในโรงงาน เพื่อขับเคลื่อนโรงเรียนให้เป็นไปตามเป้าประสงค์

“ทั้ง 2 โรงเรียนมีศักยภาพในการพัฒนาให้เป็นโรงเรียนต้นแบบและศูนย์การเรียนรู้ของชุมชนและจังหวัด ซึ่งบริษัทเชื่อว่าการร่วมแรงร่วมใจกันระหว่างภาครัฐ เอกชน โรงเรียน ชุมชน และผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายจะช่วยสนับสนุนให้โรงเรียนเดินหน้าสู่เป้าหมาย ช่วยยกระดับการศึกษา ทักษะและความชำนาญ ของเด็กให้แข่งขันกับนานาประเทศได้เป็นอย่างดี และเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศไทยอย่างยั่งยืน” นายทวีสิน กล่าว   

นายเมธี คอบตะขบ   ผู้อำนวยการโรงเรียนธงชัยเหนือวิทยา(โคกศิลา) กล่าวว่า  คณะกรรมการของโรงเรียนร่วมพัฒนา จะร่วมกันกำหนดแผนพัฒนาโรงเรียนร่วมพัฒนา เป็นแผนระยะ 5 ปี มีเป้าหมายให้นักเรียนทุกคนต้องอ่านออกเขียนได้ สามารถใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารในชีวิตประจำวันได้ คุณครูนำเทคโนโลยีมาช่วยเพิ่มทักษะในการผลิตสื่อการเรียนการสอน นอกจากนี้ โรงเรียนต้องเป็นแหล่งเรียนรู้ของชุมชน และช่วยพัฒนาทักษะอาชีพให้นักเรียนมีอาชีพติดตัวหลังจากที่จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาปีที่ 3 ซึ่งโรงเรียนเปิดการเรียนการสอนตั้งแต่ ชั้นอนุบาล1 –  มัธยมศึกษาปีที่  3  มีจำนวนนักเรียน 240 คน

“โรงเรียนทำโครงการ 1 ห้องเรียน 1 ผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลจนถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ซึ่งแต่ละปีเด็กจะเรียนรู้ทักษะอาชีพ 2 ชิ้นงาน  อาทิ ระดับอนุบาล เรียนรู้วิธีการทำจ่อมเห็ด เพ้นท์สี ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ทำแซนวิชเห็ด ขยายพันธุ์กล้าไม้  ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ผลิตไม้ประดับแบบแขวน  ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ทำกระถางต้นไม้จากเศษผ้าขนหนู เป็นต้น นอกจากนี้ โรงเรียนจัดกิจกรรมโครงการศูนย์เศรษฐกิจพอเพียง การเพาะเห็ดนางฟ้าพัฒนาคุณภาพชีวิต เป็นโครงการที่สร้างกระบวนการเรียนรู้แบบครบวงจร เริ่มตั้งแต่ขั้นตอนการทำก้อนเชื้อเห็ด การเพาะเห็ดในโรงเรือน จำหน่ายผลผลิตเห็ดสด จนถึงการแปรรูปเห็ด  ซึ่งสามารถถ่ายทอดความรู้เให้แก่ชุมชนได้ด้วย” ผู้อำนวยการโรงเรียนธงชัยเหนือวิทยา กล่าว

ด้านนายธนยศ ปะเสทะกัง  ผู้อำนวยการโรงเรียนชุมชนบ้านวัด กล่าวว่า  โรงเรียนชุมชนบ้านวัดเป็นโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา เน้นพัฒนานักเรียนทั้งในด้านคุณธรรม จริยธรรม  ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง และฝึกทักษะอาชีพให้นักเรียนรู้จักพึ่งพาตัวเองตามสภาพพื้นที่ของโรงเรียนและสภาพพื้นที่ของชุมชนโดยรอบ  เช่น กิจกรรมค่ายพัฒนาภาษาอังกฤษ กิจกรรมเลี้ยงปลาดุกในบ่อดินและกระชังบก กิจกรรมปลูกถั่วดาวอินคาเพื่อพัฒนาการเรียนรู้และทักษะอาชีพ ปลูกกล้วยน้ำว้า ปลูกฟักข้าว การเลี้ยงจิ้งหรีด เป็นต้น  โรงเรียนคาดหวังว่าการเข้าร่วมโครงการโรงเรียนร่วมพัฒนา จะให้ความสำคัญไปที่การพัฒนานักเรียนทั้งด้านวิชาการ ทักษะอาชีพ  มีภาวะผู้นำ เป็นทั้งคนเก่งและคนดี

ปัจจุบัน โรงเรียนชุมชนบ้านวัด อำเภอคง จังหวัดนครราชสีมา  มีจำนวนนักเรียน  230 คน เปิดสอนระดับชั้นอนุบาล 2 ถึงระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่  3  โรงเรียนอยู่ในเขตพื้นที่เฝ้าระวังการกระจายของยาเสพติด จึงเน้นทำกิจกรรมรณรงค์ต่อต้านยาเสพติดกับนักเรียนและชุมชน  รวมทั้งสร้างการมีส่วนร่วมระหว่างโรงเรียน ผู้ปกครอง และชุมชนในพื้นที่ ให้มีส่วนร่วมในการบริหารจัดการศึกษาและทักษะอาชีพ 

เอสซีจีลงนามบันทึกความเข้าใจการอุทิศที่ดินบึงบางซื่อใน “โครงการสานพลังประชารัฐ-การพัฒนาพื้นที่บึงบางซื่อ” ร่วมกับกรมธนารักษ์ มุ่งพัฒนาพื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับสังคม และยกระดับคุณภาพชีวิตชุมชนกว่า 800 ชีวิต พร้อมผลักดันสู่ต้นแบบที่อยู่อาศัยชุมชนเมือง และแหล่งพักผ่อนของคนกรุงเทพฯ คาดบ้านใหม่โครงการแรกพร้อมเข้าอยู่ปี 2562 บึงน้ำสาธารณะต้องใช้เวลาพัฒนาร่วมกับกทม. โดยมีผู้บริหารจากกรุงเทพมหานคร และสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน พร้อมด้วยคณะกรรมการสหกรณ์เคหสถาน บ่อฝรั่งริมน้ำพัฒนา จำกัด ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ เอสซีจี สำนักงานใหญ่

นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เปิดเผยว่า “การดำเนินงานในโครงการฯ เป็นไปตามแนวทางที่ตั้งเป้าหมายไว้เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต และความเป็นอยู่ของชุมชนบึงบางซื่อกว่า 800 ชีวิต ทั้งด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนที่จะก่อสร้างที่พักอาศัยจำนวน 197 ยูนิต แบ่งเป็นบ้านทาวน์เฮ้าส์ 60 ยูนิต อาคารชุดพักอาศัย 4 ชั้น 3 อาคาร รวม 133 ยูนิต และบ้านกลางสำหรับผู้สูงอายุที่ไม่มีผู้ดูแลอีก 4 ยูนิต สำหรับงานก่อสร้างทาวน์เฮ้าส์และบ้านกลางได้รับใบอนุญาตก่อสร้างแล้ว และคาดว่าจะแล้วเสร็จตามแผนที่กำหนดไว้คือภายในปี 2562 จากนั้น จะเริ่มก่อสร้างอาคารชุดพักอาศัย ซึ่งอยู่ระหว่างการจัดทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA (Environmental Impact Assessment Report) คาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ปลายปี 2562 และจะแล้วเสร็จพร้อมเข้าอยู่ภายในปี 2563 สำหรับการพัฒนาบึงน้ำสาธารณะ จะเริ่มดำเนินการพัฒนาหลังจากชุมชนได้ย้ายเข้าที่อยู่อาศัยใหม่ครบหมดแล้ว ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาในการพัฒนาร่วมกับกรุงเทพมหานครไม่น้อยกว่า 1 ปี

ส่วนความคืบหน้าความร่วมมือกับหน่วยงานอื่นๆ นั้น สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) หรือ พอช. ได้พิจารณาอนุมัติวงเงินสินเชื่อเพื่อสร้างบ้านสำหรับชุมชนจำนวน 48 ล้านบาท การรถไฟแห่งประเทศไทยได้พิจารณาอนุญาตให้เช่าที่ดินเพื่อพัฒนาเป็นทางเข้า – ออก และที่จอดรถ และสำนักงานเขตจตุจักรได้พิจารณาออกใบอนุญาตก่อสร้างทาวน์เฮ้าส์ ระหว่างนี้ เอสซีจียังคงลงพื้นที่ทำกิจกรรมร่วมกับชุมชนเพื่อพัฒนาระบบโครงสร้างสหกรณ์ พัฒนาศักยภาพคณะกรรมการและคณะทำงาน รวมถึงจัดตั้งกลุ่มออมสัจจะสะสมทรัพย์ ดูแลเยาวชนและผู้สูงอายุ”

ด้านนายพชร  อนันตศิลป์  อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวว่า “หลังจากที่ได้รับมอบที่ดินจากเอสซีจีแล้ว สำหรับพื้นที่อยู่อาศัยชุมชนกรมธนารักษ์จะให้สหกรณ์เคหสถานบ่อฝรั่งริมน้ำพัฒนา จำกัด ซึ่งเป็น
นิติบุคคลที่เกิดจากการรวมกลุ่มก่อตั้งของชุมชนในพื้นที่บ่อฝรั่ง เช่าระยะยาว 30 ปี โดยกรรมสิทธิ์ของบ้านพัก

อาศัยจะเป็นของชุมชนผู้เข้าร่วมโครงการ และกรมธนารักษ์จะคิดค่าเช่าที่ดินในอัตราเดียวกับโครงการบ้านมั่นคงในที่ราชพัสดุ สำหรับพื้นที่สวนสาธารณะ กรมธนารักษ์มอบให้กรุงเทพมหานครร่วมกับเอสซีจี และภาคีเครือข่ายอื่นๆ ร่วมกันพัฒนาเป็นบึงน้ำสาธารณะ โดยกรมธนารักษ์จะพิจารณาให้สิทธิ์แก่องค์กร หรือนิติบุคคลอื่นๆ ทำหน้าที่บริหารจัดการ ดูแลรักษาพื้นที่ในส่วนนี้ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของบึงน้ำสาธารณะ โดยมีกรุงเทพมหานครทำหน้าที่ดูแลความเป็นระเบียบเรียบร้อยและความปลอดภัยแทนกรมธนารักษ์”

โครงการสานพลังประชารัฐ-การพัฒนาพื้นที่บึงบางซื่อ เป็นความร่วมมือของภาครัฐ เอกชน และชุมชน ได้แก่ เอสซีจี สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) การรถไฟแห่งประเทศไทย สำนักงานเขตจตุจักร สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร กรุงเทพมหานคร และกรมธนารักษ์ มุ่งเป็นต้นแบบการยกระดับคุณภาพชีวิตชุมชน 4 ด้าน ได้แก่ หนึ่งในต้นแบบโครงการสานพลังประชารัฐ ลดความเหลื่อมล้ำของสังคม ยกระดับคุณภาพชีวิตชุมชน ต้นแบบที่อยู่อาศัยชุมชนเมือง จัดสรรพื้นที่อย่างคุ้มค่า มีพื้นที่ส่วนกลางใช้ประโยชน์ร่วมกัน ต้นแบบการมีส่วนร่วมของชุมชน เปิดโอกาสร่วมกันออกแบบที่อยู่อาศัยที่ลงตัวกับทุกวิถีชีวิต กระตุ้นให้เกิดการออมในชุมชน และต้นแบบบึงน้ำสวนสาธารณะ เพื่อเป็นแก้มลิงและแหล่งพักผ่อนของคนกรุงเทพฯ

 

EIA Monitoring Awards เป็นรางวัลที่สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) มอบให้แก่สถานประกอบการที่ปฏิบัติตามมาตรการในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมีการจัดการสภาพแวดล้อมดีเด่น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างแรงจูงใจและให้กำลังใจแก่สถานประกอบการในการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันแก้ไข และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมหรือ EIA และส่งเสริมให้สถานประกอบการพัฒนากลไกการจัดการสิ่งแวดล้อมของตนเอง และเป็นแบบอย่างแก่สถานประกอบการอื่นๆ ได้ปฏิบัติตาม และเป็นการประชาสัมพันธ์ให้สาธารณชนทั่วไปได้รับทราบ และเห็นความสำคัญของการป้องกันและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง

กรมชลประทานเฝ้าติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมสิ่งแวดล้อม (EIA) ตลอดระยะเวลา 6 ปีที่ผ่านมา เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสูดแก่ทุกภาคส่วน ตั้งแต่ปี 2555 จนถึงปัจจุบัน ในการพัฒนาโครงการอ่างเก็บ น้ำ เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้สนใจทั่วไปที่ต้องการค้นคว้ารายละเอียดเกี่ยวกับการพัฒนาโครงการฯ และยังดำเนินงานการป้องกันแก้ไขหรือลดผลกระทบที่เกิดขึ้นให้อยู่ในระดับที่น้อยที่สุด เพื่อให้เกิดการพัฒนาสิ่งแวดล้อมและติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการฯ ได้เป็นอย่างดี

 

ประเภทรางวัลที่ได้รับ

ระดับ ยอดเยี่ยม โครงการที่มีคะแนนรวมผ่านเกณฑ์ที่กำหนดตั้งแต่ 90 ขึ้นไปและโครงการที่ได้รับรางวัล EIA Monitoring Awards ในระดับที่ไม่ต่ำกว่าระดับดีเด่นไม่น้อยกว่า 3 ครั้ง

ระดับ ดีเด่น โครงการที่มีคะแนนรวมผ่านเกณฑ์ที่กำหนด ตั้งแต่ 85 คะแนนขึ้นไป

ระดับ ชมเชย โครงการที่มีคะแนนรวมผ่านเกณฑ์ที่กำหนด ไม่ต่ำกว่า 75 คะแนน

  

EIA Monitoring Awards 2011

ปี พ.ศ. 2554 เป็นปีแรกที่กรมชลประทานได้ส่งโครงการพัฒนาแหล่งน้ำที่ผ่านการเห็นชอบในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมีการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการป้องกันแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและแผนติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมเข้าร่วมการประกวด จำนวน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการกิ่วคอหมา จังหวัดลำปาง และโครงการเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จังหวัดพิษณุโลก โดยโครงการกิ่วคอหมา จังหวัดลำปาง ได้รับรางวัล EIA Monitoring Awards 2011 ระดับ ชมเชย และโครงการเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จังหวัดพิษณุโลก ได้รับรางวัลระดับ ดีเด่น

โดยมี ดร.พิทยา พุกกะมาน ผู้ช่วย รมว. กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นผู้มอบรางวัล เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2555 ณ โรงแรมเซ็นทรา ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์
 

EIA Monitoring Awards 2014

ในปี พ.ศ. 2556 กรมชลประทานได้ส่งโครงการพัฒนาแหล่งน้ำเข้าร่วมการประกวด จำนวน 3 โครงการ ได้แก่ โครงการกิ่วคอหมา จังหวัดลำปาง โครงการเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จังหวัดพิษณุโลก และโครงการอ่างเก็บน้ำคลองหลวง รัชชโลทร จังหวัดชลบุรี และทั้ง 3 โครงการ ได้รับรางวัล EIA Monitoring Awards 2014 ระดับ ดีเด่น

โดยมี รมว. กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พลเอกดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณเป็นผู้มอบรางวัล เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2557 ณ โรงแรมเซ็นทารา ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์

  

EIA Monitoring Awards 2016

ในปี พ.ศ. 2559 กรมชลประทานได้ส่งโครงการพัฒนาแหล่งน้ำเข้าร่วมการประกวด จำนวน 3 โครงการ ได้แก่ โครงการเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จังหวัดพิษณุโลก โครงการอ่างเก็บน้ำคลองหลวง รัชชโลทร จังหวัดชลบุรี และโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำรีอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดอุตรดิตถ์ และทั้ง 3 โครงการ ได้รับรางวัล EIA Monitoring Awards 2016 ระดับ ดีเด่น

โดยมี รมว. กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พลเอกสุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ เป็นผู้มอบรางวัล เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2560 ณ โรงแรมรามา การ์เดนส์

X

Right Click

No right click