ฟินโนเวนเจอร์ ฟันด์ I (Finnoventure Fund I) บริหารโดย กรุงศรี ฟินโนเวต ประกาศเข้าลงทุนใน MFast สตาร์ทอัพชั้นนำผู้พัฒนาแพลตฟอร์มด้านเครือข่ายการขายในประเทศเวียดนาม ในรอบ Series A ร่วมกับผู้ลงทุนต่างชาติอีก 5 ราย โดยมีมูลค่าการลงทุนรวมอยู่ที่ 6 ล้านเหรียญสหรัฐ

MFast เป็นสตาร์ทอัพแถวหน้าและเป็นที่รู้จักทั้งจากผู้บริโภคและองค์กรชั้นนำในประเทศเวียดนาม โดยมีเครือข่ายตัวแทนขายที่แข็งแกร่งกว่า 160,000 ราย กระจายอยู่ทั่วประเทศ ทำให้สามารถเข้าถึงลูกค้าผู้บริโภคในกลุ่มเมืองรองในเวียดนามได้เป็นอย่างดี และสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินให้กับผู้บริโภคได้อย่างครอบคลุม

นายแซม ตันสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงศรี ฟินโนเวต จำกัด กล่าวว่า “เวียดนามมีการจัดกลุ่มเมืองต่างๆ ออกเป็น tier ในแต่ละภูมิภาค ซึ่งกลุ่มเมืองรองในหลายพื้นที่อาจจะเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินได้ยากกว่าเมื่อเทียบกับกลุ่มหัวเมืองใหญ่ MFast เห็นโอกาสในส่วนนี้และได้เข้าไปพัฒนาแพลตฟอร์ม วางโครงสร้างในเรื่องเทคโนโลยี รวมทั้งเข้าไปให้ความรู้และฝึกอบรมตัวแทนในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อให้ทำหน้าที่เป็นตัวแทนในการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินให้กับลูกค้าที่ความต้องการและกระจายอยู่ในพื้นที่เมืองรองต่างๆ”

นายหลง พัน ธาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ MFast กล่าวว่า “ท่ามกลางโลกที่เงินลงทุนในสตาร์ทอัพลดลง เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับการสนับสนุนจากนักลงทุนรายใหม่อย่างกองทุนฟินโนเวนเจอร์ ฟันด์ ซึ่งบริหารโดย กรุงศรี ฟินโนเวต ทำให้การระดมครั้งนี้ประสบผลสำเร็จและผ่านไปด้วยดี ก้าวต่อไปนับเป็นก้าวที่สำคัญของ MFast อีกครั้ง เพื่อสร้างความร่วมมือในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินให้เหมาะสมและสอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าในแต่ละกลุ่มมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันจะเป็นการเดินหน้าตามแผนในการขยายธุรกิจของเราไปยังประเทศฟิลิปปินส์ในปี 2567 นี้ด้วย”

MFast เป็นสตาร์ทอัพจากต่างประเทศรายแรกที่ ฟินโนเวนเจอร์ ฟันด์ I เข้าไปลงทุน การลงทุนครั้งนี้สอดคล้องกับกลยุทธ์ในการบริหารกองทุน โดยเราเห็นศักยภาพและโอกาสเติบโตที่สูง ทั้งนี้ด้วยเครือข่ายที่แข็งแกร่งและความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับพันธมิตร ซึ่งเป็นสถาบันการเงินชั้นนำในประเทศเวียดนาม ในจำนวนดังกล่าวยังรวมถึง SHB Finance บริษัทสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคในเครือกรุงศรีด้วย ทำให้ MFast สามารถปลดล็อคข้อกำจัดในเรื่องของการเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินให้กับผู้บริโภคชาวเวียดนามได้ และ MFast กำลังขยายไปสู่ตลาดในประเทศฟิลิปปินส์อีกด้วย ทั้งนี้ เราเชื่อมั่นว่า การสร้างโอกาสให้ผู้บริโภคเข้าถึงบริการทางการเงินอย่างเหมาะสมนั้น ไม่เพียงเป็นการส่งเสริมศักยภาพของคน แต่ยังเป็นช่วยส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืนทางเศรษฐกิจด้วย”

ปัจจุบัน ฟินโนเวนเจอร์ ฟันด์ I ลงทุนในสตาร์ทอัพทั้งสิ้นแล้ว 10 ราย มูลค่ารวมกว่า 600 ล้านบาท และมีแผนที่จะลงทุนในสตาร์ทอัพอีก 5-6 รายในปีนี้

นายเคนอิจิ ยามาโตะ (ที่ 3 จากซ้าย) รองประธานกรรมการและเหรัญญิกมูลนิธิกรุงศรี มอบเงิน 2 ล้านบาท แก่สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) 1669 โดยมี เรืออากาศเอก นายแพทย์อัจฉริยะ แพงมา (ที่ 4 จากซ้าย) เลขาธิการ สพฉ. รับมอบเงินสนับสนุนปฏิบัติการด้านการแพทย์เพื่อให้การช่วยเหลือในเบื้องต้นแก่ผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันท่วงที ณ อาคารสำนักงาน สพฉ. เมื่อเร็วๆ นี้

นางสาวดวงดาว วงค์พนิตกฤต ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านการเงิน พร้อมด้วยนายพูนสิทธิ์ ว่องธวัชชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานการพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลสู่ความยั่งยืน ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) รับ 6 รางวัลจากงาน Asian Excellence Award 2023 ครั้งที่ 13  จัดโดยนิตยสาร Corporate Governance Asia เมื่อเร็วๆ นี้

ในงานดังกล่าวนางสาวดวงดาว ได้รับรางวัล Asia’s Best CFO (Investor Relations) ติดต่อกันเป็นปีที่ 9 และ นายพูนสิทธิ์ ได้รับรางวัล Best Investor Relations Professional (Thailand) ติดต่อกันเป็นปีที่ 5 นอกจากนี้ กรุงศรียังโชว์ศักยภาพที่โดดเด่นด้วยการคว้ารางวัลอื่นๆ ประกอบด้วย รางวัล Asia’s Best CEO (Investor Relations) รางวัล Asia’s Best CSR รางวัล Best Investor Relations Company (Thailand) และรางวัล Best Environmental Responsibility (Thailand) สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จอย่างต่อเนื่องของกรุงศรี ในฐานะธนาคารพาณิชย์ชั้นนำของประเทศไทยที่มุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน สู่เป้าหมายในการเป็นธนาคารพาณิชย์ที่ยั่งยืนที่สุดในไทย

กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ) เดินหน้าต่อยอดธุรกิจสินเชื่อรถ และสินเชื่อบุคคลผ่านสองเครือข่ายธุรกิจที่แข็งแกร่งในประเทศฟิลิปปินส์ ได้แก่ SB Finance, Inc. ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างกรุงศรี และซีเคียวริตี้ แบงก์ คอร์ปอเรชั่น สถาบันการเงินชั้นนำในประเทศฟิลิปปินส์ รวมถึง HC Consumer Finance Philippines, Inc. หรือ Home Credit ในประเทศฟิลิปปินส์ มุ่งตอบสนองความต้องการด้านสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคที่หลากหลายได้อย่างครบวงจร นับเป็นอีกหนึ่งฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนตามแผนธุรกิจของกรุงศรีที่ต้องการขยายและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจในอาเซียน

นายวันชัยระบิน จิตวัฒนาธรรม ผู้บริหารสายงานธุรกิจระดับภูมิภาค ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ด้วยศักยภาพทางธุรกิจของประเทศฟิลิปปินส์ อันประกอบไปด้วยจำนวนประชากรกว่า 113 ล้านคน ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในวัยทำงาน อายุเฉลี่ยประมาณ 25-26 ปี รวมถึงสภาวะเศรษฐกิจที่กำลังเติบโต เรามีความเชื่อมั่นในการขยายธุรกิจที่นี่ จากเดิมที่กรุงศรีได้ต่อยอดความเชี่ยวชาญด้านสินเชื่อรายย่อยในประเทศฟิลิปปินส์ผ่าน SB Finance โดยส่งต่อความเชี่ยวชาญและนำผลิตภัณฑ์เรือธงอย่าง สินเชื่อคาร์ ฟอร์ แคช (Car4Cash) และสินเชื่อรถมอเตอร์ไซค์เข้าไปเปิดตัวในตลาด ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี พร้อมทั้งเร่งขยายการเติบโตของผลิตภัณฑ์สินเชื่อเงินเดือนล่วงหน้า (Salary Advance Loan) ซึ่งทำให้ SB Finance เป็นหนึ่งในผู้นำในตลาดนี้ และนับตั้งแต่กรุงศรีเข้าถือหุ้นในช่วงปลายปี 2563 SB Finance มีอัตราการเติบโตของยอดสินเชื่อกว่า 40% และมีฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า”

“ปัจจุบันกรุงศรีขยายตลาดเพิ่มในฟิลิปปินส์ด้วยความสำเร็จในการเข้าซื้อกิจการครั้งล่าสุด ได้แก่ Home Credit ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญที่มาช่วยเติมเต็มการส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคในประเทศฟิลิปปินส์ได้อย่างครอบคลุมมากยิ่งขึ้น โดยอาศัยจุดแข็งจากการเป็นผู้นำตลาดสินเชื่อ ณ จุดขาย (Point-of-sale Loan) ที่มีเครือข่ายมากกว่า 15,400 จุด นอกจากนี้ Home Credit ยังให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อหมุนเวียนส่วนบุคคลดิจิทัล และบัตรเครดิต โดยมียอดสินเชื่อรวมอยู่ที่ 46.5 พันล้านเปโซฟิลิปปินส์ หรือคิดเป็น 29 พันล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566) และมีฐานลูกค้ากว่า 2.5 ล้านราย ทั้งยังครองตำแหน่งแบรนด์ที่เป็นที่จดจำสูงสุดในกลุ่มตลาดสินเชื่อ ณ จุดขายในประเทศฟิลิปปินส์ (จากผลสำรวจความคิดเห็นของผู้บริโภคในประเทศฟิลิปปินส์ของ IPSOS ในเดือนตุลาคม 2565) ท่ามกลางบรรยากาศการแข่งขันสูง กลยุทธ์สำคัญหลังจากนี้คือการมุ่งรักษาความเป็นผู้นำในตลาดผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ขณะเดียวกัน กรุงศรีมุ่งเน้นให้การสนับสนุน Home Credit ในการขยายการเติบโตในตลาดสินเชื่อรายย่อย รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ในอนาคต”

ทั้งนี้ นายวันชัยระบิน กล่าวปิดท้ายว่า ทั้งสองธุรกิจของกรุงศรีต่างมีจุดแข็งและกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ส่งเสริมกัน โดยกรุงศรีพร้อมใช้ความเชี่ยวชาญในธุรกิจสินเชื่อรายย่อย เพื่อส่งมอบโซลูชันทางการเงินที่ครอบคลุมได้อย่างมีคุณภาพ ครบวงจร เข้าถึงได้ง่าย สะดวก และรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยคาดหวังว่าธุรกิจทั้งสองจะเป็นแรงผลักดันสำคัญที่ช่วยให้กรุงศรีรักษาความเป็นผู้นำ และพัฒนาตลาดสินเชื่อรายย่อยในฟิลิปปินส์อย่างยั่งยืนต่อไป 

X

Right Click

No right click