November 17, 2025

ชี้กระแสอาร์ตทอยดันอุตสาหกรรมคาแรกเตอร์ขยายตัว ส่วนเกม - แอนิเมชันยังน่าห่วง หดตัวต่อเนื่องเป็นปีที่สอง

ชู Digital Skill Roadmap มุ่งยกระดับความรู้ – ทักษะดิจิทัลคนไทยทั้งประเทศ

ชูแนวคิด Perform Better, Think Faster and Live Better ยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทยด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล

กระทรวงดีอี และ ดีป้า จัดงาน The Success Story: Smart School Bus ยกระดับผลิตภัณฑ์ - บริการดิจิทัลสัญชาติไทย ด้วยมาตรฐาน dSURE ชูโครงการ Smart School Bus รถโรงเรียนรุ่นใหม่เด็กปลอดภัย เป็นต้นแบบของการขับเคลื่อนกลไกการยกระดับผลิตภัณฑ์-บริการดิจิทัลที่พัฒนาโดยผู้ประกอบการไทย ก่อนกระตุ้นให้เกิดการประยุกต์ใช้ดิจิทัลตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานอย่างตรงจุด พร้อมเปิด depa Tech Showcase พื้นที่จัดแสดงผลิตภัณฑ์และบริการดิจิทัลจากผู้ประกอบการไทยบนพื้นที่ SCB NEXT TECH ชั้น 4 ศูนย์การค้าสยามพารากอน

นายสุทธิเกียรติ วีระกิจพานิช ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เป็นประธานเปิดงาน The Success Story: Smart School Bus ยกระดับผลิตภัณฑ์ - บริการดิจิทัลสัญชาติไทย ด้วยมาตรฐาน dSURE โดยมี ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า ผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษาร่วมภายในงานโดยพร้อมเพรียง ณ พารากอนซินีเพล็กซ์ โรงภาพยนตร์ที่ 13 ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน

นายสุทธิเกียรติ กล่าวในปาฐกถาพิเศษหัวข้อ ‘กลไกกระตุ้นเศรษฐกิจดิจิทัล’ ว่า รัฐบาลเล็งเห็นความสำคัญของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลของประเทศด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล โดยที่ผ่านมา กระทรวงดีอี โดย ดีป้า มุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนไทยทุกกลุ่มและทุกช่วงวัย โดยเฉพาะกลุ่มเด็กและเยาวชน ซึ่งถือเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศในอนาคต

โครงการ Smart School Bus รถโรงเรียนรุ่นใหม่เด็กปลอดภัย ที่ดำเนินการโดย ดีป้า จึงถือเป็นโครงการต้นแบบของการนำเทคโนโลยีดิจิทัลที่ได้มาตรฐาน dSURE มาประยุกต์ใช้ยกระดับด้านความปลอดภัยให้กับรถรับ-ส่งนักเรียน ลดความสูญเสียจากเหตุการณ์เด็กถูกลืม ถูกทิ้งให้อยู่ในรถตามลำพัง ซึ่งเทคโนโลยีดิจิทัลที่ถูกนำมาใช้ในโครงการได้รับการขึ้นทะเบียนบัญชีบริการดิจิทัลของ ดีป้า จึงช่วยช่วยคลายความกังวล และสร้างความเชื่อมั่นให้กับพ่อแม่ ผู้ปกครอง และโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี กล่าว

ด้าน ผศ.ดร.ณัฐพล กล่าวว่า เทคโนโลยีที่นำมาประยุกต์ใช้ในโครงการ Smart School Bus รถโรงเรียนรุ่นใหม่เด็กปลอดภัยนั้น ประกอบด้วย เซ็นเซอร์ที่มีหน้าที่แตกต่างกัน เช่น เซ็นเซอร์การตรวจตำแหน่งของรถ (GPS), เซ็นเซอร์การตรวจสอบความเคลื่อนไหว เซ็นเซอร์การตรวจจับอุณหภูมิ และ อุปกรณ์ส่งสัญญาณสื่อสาร 4G เป็นต้น รวมถึงการพัฒนาโซลูชันเพื่อแสดงข้อมูลที่เกี่ยวข้องอย่างเรียลไทม์ผ่านอุปกรณ์อัจฉริยะ ซึ่งทั้ง Hardware และ Software ที่ใช้ในโครงการนี้ ล้วนพัฒนาโดยผู้ประกอบการดิจิทัลไทย ที่ผ่านการคัดกรองมาตรฐานได้รับตราสัญลักษณ์ dSURE และ
ขึ้นทะเบียนบัญชีบริการดิจิทัล

บัญชีบริการดิจิทัล คือหนึ่งในกลไกยกระดับเศรษฐกิจดิจิทัลไทยที่มีการรวบรวมสินค้าและบริการดิจิทัลจากดิจิทัลสตาร์ทอัพและผู้ให้บริการดิจิทัลสัญชาติไทย เป็นตัวช่วยในการคัดกรองผลิตภัณฑ์และบริการดิจิทัลที่มีคุณสมบัติครบถ้วนและเป็นไปตามข้อกำหนดตามมาตรฐาน dSURE (ดีชัวร์) หรือ Digital Sure ที่ ดีป้า กำหนดขึ้นสำหรับซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน อาทิ มาตรฐานด้านความปลอดภัยในการใช้งาน และมาตรฐานด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ มั่นใจข้อมูลถูกจัดเก็บในประเทศ ไม่รั่วไหล อีกทั้งมีการระบุราคาที่ชัดเจน เชื่อถือได้ และเป็นไปตามข้อกำหนดของกรมบัญชีกลาง นอกจากนี้ยังอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการ รวมถึงประชาชนทั่วไปที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์หรือบริการดิจิทัล อีกทั้งสามารถนำค่าใช้จ่ายมาลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 200%” ผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า กล่าว

ผศ.ดร.ณัฐพล ระบุว่า ปัจจุบันมีอุปกรณ์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน dSURE แล้ว 10 อุปกรณ์ และมีอุปกรณ์ที่รอขึ้นทะเบียนอยู่เป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกันมีผู้ประกอบการนำผลิตภัณฑ์และบริการของตนเองมาขึ้นทะเบียนบัญชีบริการดิจิทัลแล้วกว่า 400 รายการ

นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการบรรยายในหัวข้อ มาตรฐานยกระดับผลิตภัณฑ์และบริการดิจิทัล “dSURE” โดย ดร.ศุภกร สิทธิไชย ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่อาวุโส ด้านโครงการพิเศษและศูนย์พัฒนาดิจิทัลและนวัตกรรมดีป้า และเสวนาในหัวข้อ ยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทยด้วยเทคโนโลยี โดย นายจุลนภ ศานติพงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมและธุรกิจ ดีป้า นางสาวทักษพร รักอยู่ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านพัฒนาระบบงานพัสดุ กรมบัญชีกลาง นายคงพันธ์ ฉมารัตน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อาร์ติคูลัส จำกัด นายอมฤต ฟรานเซน CBDO และ Co-Founder บริษัท แอพแมน จำกัด และ นายนิธิกร บุญยกุลเจริญ Product Manager บริษัท เมตามีเดีย เทคโนโลยี จำกัด

นอกจากนี้ ดีป้า ยังได้รับความอนุเคราะห์จาก กลุ่มบริษัท สยามพิวรรธน์ เปิดพื้นที่จัดแสดงผลิตภัณฑ์และบริการดิจิทัลจากผู้ประกอบการไทยในชื่อ depa Tech Showcase ณ SCB NEXT TECH ชั้น 4 ศูนย์การค้าสยามพารากอน เพื่อให้ประชาชนสามารถเลือกซื้อผลิตภัณฑ์หรือบริการดิจิทัลที่ได้มาตรฐาน เชื่อถือได้ ขณะเดียวกันยังเป็นพื้นที่ให้คำปรึกษาด้านการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลแก่ทุกภาคส่วน

สำหรับผู้ประกอบไทยที่สนใจนำผลิตภัณฑ์หรือบริการด้านซอฟต์แวร์หรือแพลตฟอร์มมาขึ้นทะเบียนบัญชีบริการดิจิทัล หรือหน่วยงานที่สนใจจัดซื้อบริการที่ได้รับการขึ้นทะเบียนบัญชีบริการดิจิทัล สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.depa.or.th/th/thailanddigitalcatalog หรือติดตามข่าวสารกิจกรรมหรือโครงการต่าง ๆ ได้ทาง www.depa.or.th, Facebook Page: depa Thailand และ LINE OA: @depaThailand

กระทรวงดีอี และ ดีป้า ร่วมพูดคุยกับบรรดาผู้ประกอบการและดิจิทัลสตาร์ทอัพในพื้นที่ วางแผนหารือจังหวัด หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และภาคเอกชนเดินหน้าพัฒนา ‘Digital Khon Kaen Sandbox’ พื้นที่ส่งเสริมให้เกิดการยกระดับเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลภาคอีสาน อีกทั้งเน้นย้ำให้เกิดการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในภาคเกษตรกรรม โดยเฉพาะ Big Data จากผู้ประกอบการไทย เพื่อช่วยยกระดับภาคอุตสาหกรรม ก่อนเยี่ยมชมกิจกรรมอัปสกิลดิจิทัลผู้ประกอบการที่จำหน่ายสินค้าและให้บริการในพื้นที่ พร้อมแนะผู้ประกอบการชูจุดเด่นภาคอีสานดึงดูดความสนใจผู้บริโภค

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรม ‘Ignite Isan Digital Hub’ ภายใต้โครงการ DIGINEXT by SEED THAILAND พร้อมร่วมพูดคุยกับบรรดาผู้ประกอบการและดิจิทัลสตาร์ทอัพในพื้นที่เพื่อหารือแนวทาง แลกเปลี่ยนแนวคิดและประสบการณ์ สะท้อนข้อมูลที่เป็นประโยชน์เพื่อนำไปใช้ต่อยอดการดำเนินธุรกิจ และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนประเทศสู่เศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล โดยมี นายพันธ์เทพ เสาโกศล รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น พร้อมด้วย ดร.ชินาวุธ ชินะประยูร ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า และ ดร.วาริน รัชนานุสรณ์ ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมวิสาหกิจดิจิทัลเริ่มต้น ร่วมในกิจกรรม

“ภาคเอกชนของจังหวัดขอนแก่นถือว่ามีความเข้มแข็งและเป็นเอกภาพ อีกทั้งมีความพร้อมที่จะพัฒนาจังหวัดอย่างเป็นรูปธรรม ส่งผลให้ขอนแก่นเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพและโดดเด่นเป็นอย่างมากในพื้นที่ภาคอีสาน ด้วยเหตุนี้ กระทรวงดีอี และ ดีป้า จึงต้องการเชิญชวนจังหวัด หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และภาคเอกชน ร่วมหารือแนวทางการพัฒนา ‘Digital Khon Kaen Sandbox’ พื้นที่ส่งเสริมให้เกิดการยกระดับเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลภาคอีสาน โดยเบื้องต้นคาดว่าจะมีการนำมาตรการทางภาษีเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกลไกดึงดูดการลงทุน นอกจากนี้ ยังเน้นย้ำให้เกิดการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในภาคเกษตรกรรม โดยเฉพาะ Big Data จากผู้ประกอบการไทย เพื่อช่วยยกระดับภาคอุตสาหกรรม อีกทั้งเป็นการป้องกันการรั่วไหลของข้อมูล อย่างไรก็ตาม กระทรวงดีอี โดย ดีป้า ยังได้ดำเนินการส่งเสริมให้เกิดการนำเทคโนโลยีอื่น ๆ มาใช้ผ่านโครงการต่าง ๆ อาทิ โครงการ 1 ตำบล 1 ดิจิทัล (ชุมชนโดรนใจ) และ 1 ตำบล 1 ดิจิทัล (สมาร์ทลีฟวิ่ง)” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี กล่าว

พร้อมกันนี้ คณะได้เยี่ยมชมกิจกรรม ‘Digital Content-Driven E-Commerce Workshop: การอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อเพิ่มยอดขายด้วยดิจิทัลคอนเทนต์’ พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิจกรรมต่อยอดความสำเร็จของโครงการ CONNEXION ที่มุ่งพัฒนาศักยภาพและสร้างความเข้าใจในการใช้ดิจิทัลคอนเทนต์เพื่อสร้างยอดขายบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซอย่างมีประสิทธิภาพให้กับผู้ประกอบการที่จำหน่ายสินค้าและให้บริการในจังหวัดขอนแก่นและพื้นที่ใกล้เคียงผ่านการอบรมเชิงปฏิบัติการหัวข้อต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเทคนิคการถ่ายภาพสินค้า การสร้าง Storytelling การ Live ขายสินค้า การเปิดร้านค้าใน Social Commerce อย่าง TikTok และ Facebook การใช้ข้อมูลวิเคราะห์ช่องทางขายสินค้าออนไลน์ด้วยแพลตฟอร์ม eTailligence และการสร้าง Micro Influencer หน้าใหม่ให้กับท้องถิ่น

นายประเสริฐ กล่าวว่า ภายหลังจากการพูดคุยกับผู้ประกอบการในพื้นที่ รวมถึงอินฟลูเอนเซอร์ที่เข้าร่วมกิจกรรมพบว่า สินค้าและบริการของพี่น้องผู้ประกอบการในพื้นที่ภาคอีสานมีเอกลักษณ์และมีศักยภาพในการเป็นซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศ แต่ผู้ประกอบการกลับสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาในหลากหลายด้าน เช่น ผู้ประกอบการหลายรายยังขาดความรู้ ความเข้าใจ และทักษะในการใช้งานเทคโนโลยีและเครื่องมือดิจิทัลเพื่อเพิ่มยอดขายและวางแผนการตลาด ทำให้ไม่สามารถขยายตลาดและตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในยุคปัจจุบันได้อย่างตรงจุดและมีประสิทธิภาพ ดังนั้นกิจกรรมในวันนี้จะช่วยบรรเทาปัญหาที่เกิดขึ้น ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการเองจะต้องนำจุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ของภาคอีสานมาใช้เป็นจุดขายเพื่อดึงดูดใจผู้บริโภคอีกทางหนึ่ง

X

Right Click

No right click