คณะการบริหารและจัดการ (FAM) สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบัง ร่วมกับ สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (องค์การมหาชน) หรือ สทป. จัดโครงการ Smart Supervisor 4.0 รุ่นที่ 1 หรือหลักสูตรอบรมผู้บริหารรุ่นใหม่ของ สทป. เพื่อเพิ่มศักยภาพ สร้างความตื่นตัวและเตรียมความพร้อมต่อการมาถึงของ Digital Disruption ได้อย่างเท่าทันและมีประสิทธิภาพ

โดยโครงการ Smart Supervisor 4.0 ครั้งนี้เกิดจากการที่คณะผู้บริหารของ สทป. ได้ตระหนักถึงโลกปัจจุบันที่เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว รวมถึงการเกิดขึ้นขององค์ความรู้ใหม่ๆ ในยุคดิจิตอล ที่มาพร้อมข้อเรียกร้องให้หน่วยงานต่างๆ ต้องปรับเปลี่ยนวิธีคิด การทำงานและทัศนคติให้ร่วมสมัยขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับองค์กรที่ทำงานกับวิทยาการด้านความมั่นคงของประเทศอย่าง สทป. ซึ่งมีผลงานในการวิจัย พัฒนาและผลิตยุทโธปกรณ์สำหรับกองทัพมานับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 ไม่ว่าจะเป็นอากาศยานไร้คนขับ จรวดหลายลำกล้องนำวิถี หรือ Simulator จำลองยุทธ์ เป็นต้น

พลอากาศเอก ดร. ปรีชา ประดับมุข ผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (สทป.) ได้เล่าถึงความคาดหวังของ Smart Supervisor 4.0 ในงานแถลงข่าวของโครงการ ณ สำนักหอสมุดกลาง สจล. ว่า “ปัจจุบัน วิทยาการทางการทหารนั้นเติบโตเร็วมาก ผู้บริหารของ สทป. รุ่นต่อๆ ไป หรือผู้ที่จะได้รับการเลื่อนขั้นจาก ผู้ปฏิบัติการมาเป็นผู้บริหาร จะใช้เพียงประสบการณ์เป็นเกณฑ์วัดไม่ได้อีกแล้ว หากแต่จะต้องมีองค์ความรู้ที่ทันสมัย การจัดโครงการ Smart Supervisor 4.0 นี้ขึ้นมา ก็เพื่อหาความรู้เพิ่มเติมจากผู้มีความรู้ก็คือ สจล. ซึ่งก็ถือเป็นการร่วมแรงร่วมใจของทั้งสองหน่วยงานในการออกแบบหลักสูตร เพื่อพัฒนา สทป.ในอนาคต”

ทางด้าน ศ.ดร. สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อธิการบดี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ก็ได้แสดงทัศนะต่อการเป็นผู้บริหารยุคใหม่ไว้ว่า “ปัจจุบันเทคโนโลยีต่างๆ ไม่ได้สร้างจากมือของศาสตราจารย์หรือด็อกเตอร์อีกต่อไป มันอาจถูกสร้างโดยเด็กอายุ 11 หรือ 15 ยุคนี้คนเพียงคนเดียวอาจชัตดาวน์ทั้งกองทัพ หรือทั้งประเทศได้ เป็นยุคที่คนต้องแข่งขันกันทุกวินาที ฉนั้นแล้ว ผู้นำในยุคนี้จึงต้องมีความรู้ความสามารถในการบริหารจัดการคน บริหารเด็ก บริหารคนที่เก่งที่สุด ให้ทำงานบรรลุเป้าหมาย ในเวลาที่จำกัด นั่นคือความท้าทายที่ สทป. ต้องเผชิญในยุค disruption ซึ่งก็เรื่องที่ดีที่ทางผู้บริหารได้เห็นถึงความสำคัญในด้านนี้”

สำหรับคณะการบริหารและจัดการ หรือ FAM คือผู้ได้รับมอบหมายให้ดูแลหลักสูตรและจัดการเรียนการสอนในโครงการ Smart Supervisor 4.0 นี้ โดยมีลักษณะการอบรมแบ่งออกเป็นทักษะที่สำคัญ 8 ทักษะ 28 วิชา 90 ชั่วโมง ดังนี้

- ทักษะการสอนงาน การแก้ปัญหา และการตัดสินใจ

- ทักษะด้านการวางแผนเชิงกลยุทธ์ และการบริหารความเสี่ยง

- ทักษะการใช้เครื่องมือบริหารจัดการต่างๆ และพัฒนาวิสัยทัศน์

- ทักษะการทำงานเป็นทีม และทักษะการสร้างสรรค์สิ่งใหม่

- การบริหารโครงการและการบริหารการเปลี่ยนแปลง

- การพัฒนาบุคลิกภาพ การสื่อสาร และการประสานงาน

- การพัฒนาความซื่อสัตย์ ความภัคดี และหลักธรรมาภิบาลสำหรับผู้บริหาร

- Smart Coaching Supervisors 4.0

ซึ่งหลักสูตรดังกล่าวได้รับการออกแบบและดูแลอย่างใกล้ชิดจาก ดร. สุดาพร สาวม่วง คณบดี คณะการบริหารและจัดการ สจล. ที่ได้ตั้งมุดหมายของโครงการ ตามอักษรย่อภาษาอังกฤษของ สทป. ไว้ว่า D : Disruption, T : Technology, I : Innovation (หมายเหตุ: DTI คืออักษรย่อของ สทป. Defence Technology Institute)

“เราอยากให้ผู้เรียน กลายเป็น supervisor ที่ smart ดังนั้นหลักสูตรจะเน้นในการสร้างบุคลิกภาพ จิตวิทยาในการสื่อสาร ภาวะผู้นำ และรู้จักเครื่องมือในการบริหาร ให้ทำงานในองค์การอย่างมีความสุข ลักษณะการเรียนการสอนจะเป็นการนำปัญหาขององค์กรของผู้เรียน มาเป็นโจทย์ในการศึกษา หรือเวิร์คช็อป แล้วหลังจากนั้นจะร่วมคิดโปรเจ็กต์ที่นำไปใช้จริงเมื่อสำเร็จการศึกษา ซึ่งเราอยากให้มันเป็นตัวอย่างที่ดีกับองค์กรอื่นๆ ด้วย เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของคณะอย่าง FAM to FAMOUS ที่เราไม่ได้คิดเฉพาะในคณะ หรือ สจล. แต่อยากให้การพัฒนามันเกิดขึ้นกับทุกองค์กรที่พร้อมจะให้เราช่วย ทั้งในประเทศในระดับอาเซียนด้วย” ดร. สุดาพร กล่าวในช่วงท้าย

dwp|design worldwide partnership จัดงานเปิดตัว dwp|signature ซึ่งเป็นความร่วมมือของสถาปนิกและมัณฑนากรผู้มีชื่อเสียงจากทั่วโลก อาทิ จอร์ดี้ ฟู (dwp|jordy fu), แอนน์ คาร์สัน (dwp|anne carson), แมทธิว แคมป์เบล ลอเรนซา (dwp|matthew campbell laurenza) และ แกรี่ ซิลลิค (dwp|gary szillich) พร้อมเปิดตัวสตูดิโอแห่งใหม่ dwp เอ็ม อินทีเรียร์ (dwp|minteriors) ในประเทศเมียนมาร์  ในโอกาสเดียวกัน ณ ห้อง โคลอนเนด โรงแรมสุโขทัย กรุงเทพฯ โดยมีแขกผู้มีเกียรติระดับแนวหน้าในวงการอสังหาริมทรัพย์ ทั้งในและต่างประเทศ ผู้บริหารธุรกิจโรงแรม บุคคลผู้มีชื่อเสียงในสังคม และสื่อมวลชน เข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง

เอ็ดเวิร์ด เอ็นสโก, แกรี่ ซีลิส, แอน คาร์สัน, เบร็นตัน มอเรลโล, สก๊อตต์ วิทเทเคอร์, มียา มิตสึ, จอร์ดี้ ฟู, แมทธิว แคมป์เบล ลอเรนซา และศรินรัตน์ กมลรัตนพิบูล

ทีม THE THREE MUSKETEERS จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คว้ารางวัลชนะเลิศการแข่งขัน “ลอรีอัล แบรนด์สตอร์ม 2019” ครั้งที่ 16 ในประเทศไทย นำเสนอกลยุทธ์และพัฒนาแผนการตลาดดิจิทัล ภายใต้โจทย์ “INVENT THE FUTURE SKINCARE EXPERIENCE FOR HEALTH-CONSCIOUS CONSUMERS” หรือ “การสร้างสรรค์ประสบการณ์ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวแห่งอนาคต เพื่อผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญเรื่องสุขภาพ” ให้กับแผนกผลิตภัณฑ์เวชสำอาง เน้นการเข้าถึงและสื่อสารโดยตรงกับผู้บริโภคที่รักสุขภาพ ผ่านการใช้นวัตกรรมด้านเทคโนโลยีและดิจิทัล เป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมการแข่งขัน “ลอรีอัล แบรนด์สตอร์ม 2019” ระดับโลก ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในเดือน พฤษภาคม 2562 ลุ้นชิงรางวัลประสบการณ์การทำงานที่ฝรั่งเศส ณ Station F ฮับสตาร์ทอัพที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นระยะเวลา 3 เดือน โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

ทีม THE THREE MUSKETEERS จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ชนะเลิศ “ลอรีอัล แบรนด์สตอร์ม 2019” ของประเทศไทย ประกอบด้วย นายนพรุจ กรุงไกรเพชร นางสาววราลี ธนะนิวิฐ และ นางสาวพิมพ์พัชร จันเทรมะ นักศึกษาคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ชั้นปีที่ 4  เปิดเผยว่า “สำหรับผลงานอุปกรณ์ดูแลรักษาผิว SkinActiv นั้น มาจากการค้นคว้าของเรา และพบว่า 87% ของผู้หญิงไทยยังเลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวได้ไม่ถูกต้อง ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์เหล่านั้นไม่ตอบโจทย์กับสภาพผิวของพวกเขา ซึ่งอุปกรณ์ดูแลรักษาผิว SkinActiv นี้ มาพร้อมกับวิธีการใช้ 2 โหมด คือโหมด Diagnosis ซึ่งมีเซนเซอร์วินิจฉัยสภาพผิวของผู้ใช้ และโหมด Treatment ที่จะช่วยผ่อนคลาย ฟื้นฟูผิวหน้า และสามารถรักษาสิว ลดริ้วรอย และเปิดรูขุมขนเพื่อการเปิดรับผลิตภัณฑ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันบนมือถือ เราคาดหวังว่าอุปกรณ์ SkinActiv จะทำหน้าที่เป็นตัวช่วยในการดูแลผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสะดวกสบายยิ่งขึ้น ด้วยการวิเคราะห์สภาพผิว ให้คำแนะนำผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและวิธีการรักษาที่เหมาะกับสภาพผิวของผู้ใช้มากที่สุด”

“พวกเรารู้สึกดีใจมากที่ชนะการแข่งขัน “ลอรีอัล แบรนด์สตอร์ม 2019” ขอขอบคุณบริษัทลอรีอัล ที่เปิดโอกาสให้พวกเราได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์อย่างอิสระ และใช้ทักษะรอบด้านในการออกแบบแผนการตลาดและนำเทคโนโลยีใหม่ๆมาประยุกต์ใช้ และขอขอบคุณสำหรับการผลักดันให้พวกเราก้าวข้ามขีดจำกัด และกรอบการนำเสนอเดิมๆ เพื่อที่จะเอาชนะใจกรรมการให้ได้ภายในเวลาเพียงแค่ 5 นาทีอีกด้วย นี่คือความท้าทายที่คนเจนเนอเรชั่นเรามองหา” ทีม THE THREE MUSKETEERS กล่าว

นายธนยศ ครุฑระเบียบ ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคล บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “โครงการ ลอรีอัล แบรนด์สตอร์ม เป็นโครงการสำหรับคนรุ่นใหม่ที่มองหาความท้าทาย ที่ต้องการพัฒนาทักษะความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ในการนำเทคโนโลยีและดิจิทัลโซลูชั่นส์ใหม่ๆ มาตอบโจทย์ทางธุรกิจ และตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทีม THE THREE MUSTKETEERS เป็นผู้ตอบโจทย์ได้สมบูรณ์แบบที่สุด
และจะเป็นตัวแทนประเทศไทย ไปแข่งต่อที่เวทีโลกเพื่อชิงรางวัลชนะเลิศที่ใหญ่ที่สุดที่เคยมี เป็นครั้งแรก คือ ประสบการณ์การทำงานที่ฝรั่งเศส ณ Station F ฮับสตาร์ทอัพที่ใหญ่ที่สุดในโลก พาร์ทเนอร์ของลอรีอัล เป็นระยะเวลา 3 เดือน โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งเป็นการตอบโจทย์ความตั้งใจของโครงการในการสร้างสรรค์นวัตกรรม และส่งเสริมแนวคิดการทำงานแบบผู้ประกอบการอย่างแท้จริง”

รูปแบบการแข่งขันลอรีอัล แบรนด์สตอร์มจะกำหนดให้นักศึกษานำเสนอผลงานทุกรอบ ในสไตล์ “Pitching” หรือ การขายไอเดียแบบธุรกิจสตาร์ทอัพ โดย 5 ทีมที่มีผลงานโดดเด่น จะได้นำเสนอผลงานบนเวทีในรอบสุดท้าย เพื่อชิงรางวัลชนะเลิศต่อหน้าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ อันประกอบไปด้วย คุณอินเนส คาลไดรา กรรมการผู้จัดการ และ คุณวิภาวี ทับสกุล ผู้จัดการทั่วไป แผนกผลิตภัณฑ์เวชสำอาง บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด ดร.รัฐศาสตร์ กรสูต รองผู้อำนวยการสำนักงาน สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล และ พญ.ขวัญจิรา วงศ์เกียรติขจร แพทย์เฉพาะทางผิวหนัง

ผลการตัดสินการแข่งขันโครงการ “ลอรีอัล แบรนด์สตอร์ม 2019” ประเทศไทย คือ ทีม THE THREE MUSTKETEERS จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กับผลงานนำเสนอภายใต้คอนเซ็ปต์ “ผลงานอุปกรณ์ดูแลรักษาผิว SkinActiv” รับรางวัลเงินสดจำนวน 100,000 บาท และเป็นตัวแทนประเทศไทยแข่งขันกับตัวแทนจาก 65 ประเทศทั่วโลก ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในเดือนพฤษภาคม 2562 ทีม BART HEART จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชนะรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 รับรางวัลเงินสด 50,000 บาท และทีม S’OREAL จากวิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยศิลปากร ชนะรางวัล CSR Award รับเงินสด 30,000 บาท

นางอินเนส คาลไดรา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวสรุปว่า “วัตถุประสงค์ของโครงการฯ คือการเป็นมากกว่าการแข่งขันแผนการตลาด แต่เป็น “Project and Talent Incubator” ซึ่งตอกย้ำวิสัยทัศน์การเป็นผู้บุกเบิกด้าน Beauty Tech ของบริษัท ทุกๆ ปีความคิดสร้างสรรค์ และไอเดียในการรังสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ จากนักศึกษาผู้เข้าร่วมโครงการฯ จะแปลกใหม่ มีความน่าสนใจเสมอ เรามีความภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการมอบประสบการณ์ที่มีค่าให้แก่นักศึกษาไทย เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้พัฒนาศักยภาพที่เป็นพื้นฐานสำคัญในการทำงานจริง เพื่อการพัฒนาประเทศต่อไปในอนาคต”

“พฤกษา เรียลเอสเตท” บริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ของประเทศไทย ล้ำหน้าด้วยความสำเร็จด้านการพัฒนาสินค้าและบริการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านนวัตกรรม จนได้รับรางวัล International Quality Management Award รางวัลระดับอินเตอร์ที่มอบให้กับองค์กรที่ทุ่มเทและพัฒนาด้านนวัตกรรมเป็นเลิศ โดยในปีนี้ได้วางกลยุทธ์ขับเคลื่อนองค์กรผ่าน Digital Transformation เดินหน้าด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยี INNO–TECH เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของคนไทย ก้าวเป็นอันดับหนึ่งในใจผู้บริโภค

นางสุพัตรา เป้าเปี่ยมทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “รางวัล International Quality Management Award เป็นรางวัลจากเวทีระดับโลก มอบให้องค์กรที่ทุ่มเทและพัฒนาด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง พร้อมให้ความสำคัญในการส่งเสริมวัฒนธรรมในองค์กรในการมุ่งเน้นด้านคุณภาพเพื่อความเป็นเลิศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งพฤกษา เรียลเอสเตท ได้รับรางวัลนี้เพราะให้ความสำคัญในเรื่องของ Quality, Innovation, Product และ Brand รางวัลนี้จึงเป็นความภูมิใจของพฤกษา เรียลเอสเตท ซึ่งเป็นบริษัทเดียวในประเทศไทยที่ได้ไปสร้างชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับในเวทีระดับนานาชาติ และเป็นกำลังใจที่จะทำให้เราเดินหน้าพัฒนาสินค้าและการบริการ รวมถึงนวัตกรรมต่างๆ ให้ก้าวล้ำเพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้บริโภค พร้อมทั้งรักษามาตรฐานความเป็นอันดับหนึ่งของกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มุ่งหวังให้สินค้าและการบริการดีเลิศควบคู่ไปพร้อมกับการใช้เทคโนโลยี”

“ในปีที่ผ่านมา พฤกษา เรียลเอสเตท ใส่ใจและให้ความสำคัญกับเรื่องคุณภาพมาอย่างต่อเนื่อง เน้นสร้าง Excellent Quality ด้วยการยึดหลักแบรนด์ไอเดีย PRUKSA ใส่ใจ...เพื่อทั้งชีวิตโดยวางโรดเมพ ไว้ 5 ด้าน คือ Construction ใส่ใจในเทคโนโลยีการก่อสร้างและการผลิต, Innovation ใส่ใจในนวัตกรรมที่ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น มุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ ไม่หยุดยั้ง, Product Design ใส่ใจการออกแบบฟังก์ชั่นใช้สอยเพื่อให้ตรงตามความต้องการของลูกค้า รวมไปถึงการออกแบบบ้านเพื่อการอยู่อาศัยสำหรับทุกเพศทุกวัย, Community ใส่ใจสร้างสรรค์สังคมน่าอยู่ เพื่อให้ลูกค้ามีสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ดี และ Service ใส่ใจด้านบริการที่มีมาตรฐานทั้งก่อนและหลังการขายด้วยเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญ โดยในปีนี้ได้มีการเปิดตัว The Living Application ที่ทำให้ทุกเรื่องบ้าน ครบ จบ ในแอปเดียว ตั้งแต่เริ่มค้นหาบ้าน ข่าวสารและโปรโมชั่น ไปจนถึงการตรวจรับบ้านและเข้าอยู่อาศัย” นางสุพัตรา กล่าว

สำหรับในปี 2562 นี้ พฤกษา เรียลเอสเตท ได้ประกาศชูแผนกลยุทธ์รักษาความเป็นผู้นำอันดับ 1 ด้วยการขับเคลื่อนองค์กรผ่าน Digital Transformation พร้อมเดินหน้าด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยี INNO–TECH เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของคนไทย และยังมุ่งมั่นในการสร้างวัฒนธรรมในองค์กรเรื่องของคุณภาพ ลงมือทำจริงเพื่อส่งมอบบ้านที่มีคุณภาพให้ลูกค้า โดยทุกวันศุกร์ทีมผู้บริหารจะออกตรวจไซต์งาน ดูแลใกล้ชิดตั้งแต่คนงานก่อสร้าง ลูกค้า และพนักงาน พร้อมปรับปรุงทุกกระบวนการทำงานให้มีคุณภาพ ขณะเดียวกัน ยังคงให้ความสำคัญกับโรดเมพทั้ง 5 ด้าน คือ Construction, Innovation, Product Design, Community และ Service อย่างต่อเนื่อง

จากการดำเนินงานตาม Roadmap ที่ตอกย้ำด้วยการลงมือทำจริง ความมุ่งมั่นในการพัฒนาองค์กร พัฒนาสินค้า และการบริการ นอกจากจะทำให้ พฤกษา เรียลเอสเตท ได้รับรางวัล International Quality Management Award ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสแล้ว ในด้านความพึงพอใจจากลูกค้าของพฤกษายังเพิ่มสูงขึ้น รายการข้อร้องเรียนต่างๆ ลดลงถึง 18% แบรนด์พฤกษาได้รับการชื่นชมในโลกโซเชียลเพิ่มมากขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นแรงขับเคลื่อนที่ทำให้เรายังคงเดินหน้าพัฒนาต่อเนื่องอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อตอบโจทย์ Brand Propose ของพฤกษาที่จะช่วยยกระดับมาตรฐานคุณภาพความสุขที่แท้จริงของการใช้ชีวิตของคนไทย” นางสุพัตรา กล่าวทิ้งท้าย

บมจ.ไทยสมุทรประกันชีวิต รักคือพลังของชีวิต โดยคุณนุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ กรรมการผู้จัดการ จับมือคุณสมชัย อาภรณ์ศิริพงษ์ รองกรรมการผู้จัดการ แม่ทัพใหญ่ฝ่ายขายช่องทางตัวแทน จัดโครงการ “OCEAN SUPER STAR KICK OFF” เพื่อผลักดันตัวแทน OCEAN LIFE ไทยสมุทร ยกระดับสู่มาตรฐานคุณวุฒิระดับโลก MDRT (The Million Dollar Round Table) ซึ่งผู้ที่จะพิชิตคุณวุฒิ MDRT ได้จะต้องมีผลงานยอดเยี่ยม สร้างความมั่นใจให้ลูกค้าว่าจะได้รับการบริการที่เป็นเลิศ และการวางแผนการเงินที่มีประสิทธิภาพ ปันจุบัน OCEAN LIFE ไทยสมุทร มีตัวแทนคุณภาพติดคุณวุฒิ COT (Court of the Table) และ MDRT (Million Dollar Round Table) จำนวน 51 คน ซึ่งบริษัทมุ่งมั่นเดินหน้าพัฒนาศักยภาพตัวแทนประกันชีวิตให้มีความพร้อมในการก้าวสู่การเป็น “ตัวแทนยุค 4.0” เพื่อให้ทุกคนสามารถให้บริการลูกค้าอย่างเหนือความคาดหมายในโลกยุคดิจิทัล ที่เทคโนโลยีและนวัตกรรมมีบทบาทต่อการขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน

X

Right Click

No right click