งานสะสมยังเป็นหนึ่งในการบริหารจัดการสินทรัพย์และความมั่งคั่งในอีกแนวทาง โดยผู้มั่งคั่งมั่งมีจะสะสมสิ่งไหนมักเลือกโดยให้ตรงกับจริตและความชอบของตน ไม่เช่นนั้นก็มักเลือกที่สบกับช่องที่มองเห็นโอกาสในผลตอบแทนการลงทุน ซึ่งมีทั้งการสะสมตั้งแต่คฤหาสน์ ปราสาท ราชวัง ที่ดิน เกาะ ภูเขา ไล่เรียงไปถึงเพชรนิลจินดา นาฬิกา รถโบราณ พระเครื่อง และอีกมากมายหลายสิ่งหลายอย่าง และแน่นอนว่าหนึ่งในสิ่งอย่างที่ได้รับความนิยมชมชอบในหมู่เหล่านักสะสมระดับอิลีท หรือเศรษฐีทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ในโลกคือการสะสม งานศิลปะภาพวาด ที่ทุกวันนี้ไม่เพียงเป็นการสะสมงานศิลป์ที่งดงามหายาก แต่ยังหมายถึงการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความจำกัดและเป็นที่ต้องการ และแน่นอนว่าไม่พลาดในการมุ่งหวังการทวีมูลค่าของการลงทุน
โอกาส และ ความท้าทาย
โอกาสน้อยมาก หรือแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่คนทั่วไปจะได้ลงทุนกับผลงานภาพวาดระดับโมเนต์ ปิกัสโซ่ หรือผลงานระดับเรมแบรนต์ เพราะการซื้อขาย หรือเปลี่ยนมือโดยส่วนใหญ่แต่ไหนแต่ไร มักถูกกระทำโดยผ่านรูปแบบการประมูลโดยสถาบันการประมูลที่มีอยู่เพียง 2 เจ้าใหญ่ๆ ในโลกคือ คริสตีส์ และซัทเทบีส์ ซึ่งนอกเหนือไปจากราคาสินทรัพย์ภาพวาดที่ยากต่อการประเมินมูลค่าในแต่ละครั้งที่มีเคาะค้อนแล้ว ค่าธรรมเนียมการประมูลยังสูงลิ่ว จนเป็นการตัดตอนการลงทุนในงานวิจิตรศิลป์สำหรับคนทั่วไป และคนส่วนใหญ่โดยสิ้นเชิง
และแล้วสังคมก้าวสู่ยุคแห่งดิจิไตเซชั่น (Digitization) อย่างทุกวันนี้ เป็นยุคที่ความคิด และการกระทำ ถูกทยอยผูกยึดและผนวกเข้ากับเทคโนโลยีในแทบทุกเรื่อง บนสมมุติฐานเป้าหมายใหญ่ๆ 2 ประการคือ เพื่อขจัดปัดเป่าอุปสรรค หรือปัญหาที่เคยมีมาในอดีตให้หมดหรือลดน้อยถอยลงไป และอีกเป้าหมายก็เพื่อสร้างประสิทธิภาพ หรือผลลัพธ์ที่เหนือไปกว่าที่เคยมีมาในอดีต จนเป็นที่มาของการก่อเกิด ART Tech ในนามว่า ไมซีนนัส (Maecenas) หรือ หอศิลป์อิสระ บนเทคโนโลยีบล็อกเชน
ไมซีนนัส หอศิลป์อิสระ
ในเดือนกรกฎาคมปี ค.ศ. 2018 ไมซีนนัส (Maecenas) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่พัฒนาขึ้นมาบนเทคโนโลยีบล็อกเชน ได้ทำข้อตกลงกับแกลลอรี Dadiani Fine Art ในกรุงลอนดอนเพื่อเสนอขายส่วนการลงทุนใน งานศิลป์ของ แอนดี้ วอร์ฮอล (Andy Warhol) ในชุด ‘เก้าอี้ไฟฟ้า’ (14 Small Electric Chairs) ซึ่งเป็นผลงานในปี ค.ศ. 1980 ปรากฏว่า 31.5% ของผลงานของวอร์ฮอลมียอดขายเพิ่มขึ้นภายใต้สกุลเงินคริปโต ซึ่งใช้บิทคอยน์และอีเธอเรียมเป็นสกุลหลักในการลงทุน ซึ่งเมื่อพิจารณามูลค่าส่วนแบ่งของงานเทียบกับดอลลาร์เทียบได้เท่ากับ 5.6 ล้านเหรียญสหรัฐ และนั่นคือจุดเริ่มของการเปิดตลาดงานศิลป์ที่ถูกเปลี่ยนกระบวนทัศน์การตลาดใหม่ด้วย 'บล็อกเชน'
14 Small Electric Chairs (1980), Andy Warhol
นิเวศ และแนวคิดของไมซีนนัส
ไมซีนนัสเป็นเสมือนตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชนในการซื้อและขายงานศิลปะซึ่งทำได้อย่างง่ายดาย ภาพวาดที่มีชื่อเสียงและยากต่อการเข้าถึงในการลงทุนของคนทั่วไป ถูกนำมาจัดแบ่งเป็นหน่วยทางการเงินขนาดเล็กๆ ในรูปแบบดิจิทัลที่ถูกกำหนดราคาที่สามารถเข้าถึงได้อย่างไม่สูงลิ่วเหมือนการซื้อผลงานทั้งชิ้น กล่าวได้ว่ารูปแบบนี้เป็นการกระจายอำนาจในการเข้าถึงการลงทุนในตลาดงานศิลป์อย่างเสรีและมีความเป็นประชาธิปไตย
ภายใต้แพลตฟอร์มของไมซีนนัส ทำให้ใครๆ ก็สามารถเข้าถึงงานวิจิตรศิลป์โดยเท่าเทียมกันด้วย แพลตฟอร์มที่เปิดกว้าง เป็นพื้นที่ซื้อขายสินทรัพย์ที่กระทำได้อย่างรวดเร็ว และเป็นธรรมบนพื้นฐานของการแลกเปลี่ยน โดยการสร้างพอร์ตโฟลิโอ และสามารถลงทุนซื้อขายหุ้นของงานศิลป์ชิ้นต่างๆ อย่างเปิดกว้าง ภายในกลไกการแปลงมูลค่าสินทรัพย์งานศิลปะหลายล้านดอลลาร์เป็นหน่วยการเงินดิจิทัลที่มีขนาดเล็กลง ซื้อง่ายขายคล่องโดยมีต้นทุนน้อยมาก
และอีกประการสำคัญคือถือว่าเป็นครั้งแรกที่นักสะสมและเจ้าของงานศิลปะจะสามารถแลกเปลี่ยนหุ้นในภาพวาดและงานประติมากรรมได้โดยตรงและทันทีทันใด โดยมีเทคโนโลยีเป็นตัวช่วย คล้ายกับวิธีการซื้อขายหุ้นของบริษัทในปัจจุบัน นั่นหมายความว่านับจากนี้ต่อไปศิลปินดาวรุ่งจะได้มีที่ทางสำหรับแสดงผลงานของตนเองที่ปลอดจากการแทรกแซงของคนกลาง
เทคโนโลยีบล็อกเชนของไมซีนนัสเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายงานศิลปะภาพวาดบนฐานบล็อกเชนแห่งแรกของโลกบนเทคโนโลยีบล็อกเชนซึ่งมีความปลอดภัยสูง ภายใต้ระยะเวลาเพาะบ่มได้ทำการรวบรวมทีมงานผู้เชี่ยวชาญและเครือข่ายสำคัญและจำเป็นต่อระบบนิเวศน์ของหอศิลป์ นับตั้งแต่ ความสัมพันธ์อันดีกับหอศิลป์ นักสะสมและผู้ตรวจสอบความเป็นของแท้ และเมื่อทุกอย่างลงตัวไมซีนนัสจึงเริ่มเปิดตัวแพลตฟอร์ม ดูแลเครือข่ายการลงทุนใหม่นี้และพลิกโฉมหน้ากระแสหลักของอุตสาหกรรมที่เก่าแก่นับศตวรรษเพื่อให้ต่อการลงทุนในตลาดนี้จะเปิดกว้างสำหรับทุกผู้คน
โอกาสของตลาดศิลปะ
มีประมาณการกันว่ามีงานศิลปะที่ถูกเก็บสะสมไว้คิดเป็นมูลค่าถึงสามล้านล้านดอลลาร์ โดยมีส่วนที่ทำการซื้อขายผ่านสถาบันการประมูลและดีลเลอร์งานศิลปะตกปีละราว 65,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 2 ล้านล้านบาท
ศิลปะภาพเขียนคือการจัดเก็บคุณค่าที่เชื่อถือได้และมีความปลอดภัย ครอบครัวผู้มั่งคั่งเก็บงานศิลปะไว้ในพอร์ตโฟลิโอของตนนานหลายศตวรรษ และปริมาณการขายยังคงเติบโตสม่ำเสมอในช่วงสองสามทศวรรษที่ผ่านมา ความสนใจในภาพวาดในหมู่นักลงทุนและผู้จัดการความมั่งคั่งมีมากขึ้น และมีผู้ซื้อคนหนุ่มสาวที่กระตือรือร้นอยากจะครอบครองงานศิลป์เพื่อการลงทุนกันอย่างถ้วนหน้า
แต่อุตสาหกรรมภาพเขียนซึ่งมีมูลค่า 65,000 ล้านดอลลาร์ต่อปีต้องการตลาดที่เปิดกว้างและเป็นธรรม ที่ทำให้เกิดความโปร่งใสและสภาพคล่อง อุตสาหกรรมเก่าแก่นี้พยายามที่จะทำให้ปริมาณการซื้อขายบรรลุศักยภาพที่แท้จริงของมัน ปัญหาคือการเข้าถึงข้อมูลไม่ปะติดปะต่อ ส่วนงานศิลปะมีการซื้อขายกันในที่ ๆ ล้าสมัย การประมวลผลการขายเป็นแบบแมนนวล (กำหนดด้วยตัวเองไม่ใช่แบบอัตโนมัติ) และการจัดการใช้เวลานานหลายสัปดาห์ กระบวนการที่ไม่มีความชัดเจนและไร้ประสิทธิภาพนี้ทำให้นักลงทุนผู้มีศักยภาพหลายคนท้อใจ ซึ่งหมายความว่ามีการซื้อขายศิลปะไม่มากนัก และงานศิลปะในฐานะที่เป็นทรัพย์สินอย่างหนึ่งขาดสภาพคล่อง นอกจากนี้นักลงทุนหลายรายยังชอบใช้พาหะทางการเงินแทนการเป็นเจ้าของโดยตรง เพราะถึงแม้จะต้องการสัมผัสศิลปะแต่ก็ไม่ต้องการดูแลเอาใจชิ้นงานในทางกายภาพ
ดังนั้นที่ผ่านมางานวิจิตรศิลป์จึงยังคงเป็นหนึ่งในตลาดหายากแทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลยตลอดสามศตวรรษที่ผ่านมา เป็นสิ่งที่ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ตลาดทุนส่วนใหญ่นำไปใช้ เช่น หุ้นบริษัท พันธบัตร สินค้าโภคภัณฑ์และแม้แต่อสังหาริมทรัพย์ยังเจาะเข้าไปไม่ได้
ศักยภาพของบล็อกเชน (Smart Contract)
ไมซีนนัส ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเพื่อสร้างใบรับรองดิจิทัล (ใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์) ที่เชื่อมโยงถึงชิ้นงานศิลปะ โดยใบรับรองดังกล่าวมีความปลอดภัยอย่างสูงและไม่สามารถปลอมแปลงได้เลย ด้วยคุณสมบัติการเข้ารหัสของบล็อกเชน กล่าวคืองานศิลปะชิ้นหนึ่งจะถูกแบ่งแยกออกเป็นใบรับรองหลายพันใบ คล้ายกับการที่บริษัทมหาชนออกหุ้น จากนั้นนักลงทุนก็สามารถซื้อใบรับรองดังกล่าวเพื่อเป็นเจ้าของงานศิลปะชิ้นนี้หนึ่งส่วน และสามารถขายคืนแก่นักลงทุนคนอื่นได้ตลอดเวลาผ่านการแลกเปลี่ยนของ ไมซีนนัส
มีการป้อนงานศิลปะชิ้นใหม่ลงในรายการบนแพลตฟอร์มอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ชิ้นงานศิลป์ได้ผ่านกระบวนการสอบวิเคราะห์สถานะอย่างเคร่งครัดแล้ว ซึ่งได้แก่การตรวจสอบแหล่งที่มาของศิลปะ กรมธรรม์ประกันภัย การจัดเก็บอย่างปลอดภัย การประเมินมูลค่าทรัพย์สิน สภาพของงานศิลปะ และตรวจพิสูจน์กับทะเบียนงานศิลปะที่สูญหายและถูกโจรกรรม งานศิลปะคุณภาพสูงและมีประวัติดีงามเท่านั้นที่จะได้รับการลงรายการในบัญชีเพื่อทำการซื้อขายบนแพลตฟอร์ม
เมื่อถูกลงรายการในแพลตฟอร์มแล้ว งานศิลปะจะผ่านกระบวนการ เสนอราคาซื้อตามกระบวนการ Dutch Auction หรือการประมูลที่เปิดให้คนทั่วไปเข้าร่วมได้ในลักษณะที่จะมีการกำหนดราคาเสนอขายหลังจากได้รับราคาเสนอซื้อทั้งหมดแล้ว เพื่อให้ได้ราคาเสนอขายสูงสุดเท่าที่จะสามารถขายออกไปได้ การประมูลแบบนี้นักลงทุนจะเสนอราคาซื้อที่ตนพร้อมจ่ายสำหรับคุณภาพและราคาของงานชิ้นนั้นๆ ซึ่งนักลงทุนจะยื่นราคาเสนอซื้อเป็นการส่วนตัว ด้วยการระบุว่าตนต้องการซื้อกี่หุ้นและที่ราคาเท่าไร ซึ่งต้องทำเป็นความลับและต้องสร้างบัญชีที่มีความปลอดภัยด้วยการเข้ารหัสลับ กระบวนการนี้ไม่เพียงแต่ทำให้นักลงทุนมีอำนาจต่อรองเท่านั้น แต่ยังเป็นกลไกการกำหนดราคาที่เป็นธรรมและมีความโปร่งใสยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังยากที่จะเข้าไปวุ่นวายเมื่อเปรียบเทียบกับการประมูลแบบเก่าหรือการประกาศราคาเสนอซื้อแบบตายตัว
กระบวนการประมูลไม่ได้เกิดขึ้นแบบทันที หากแต่ต้องใช้เวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์เพื่อเปิดโอกาสให้ทุนคนได้มีส่วนร่วม ทั้งนี้สามารถประกาศราคาเสนอซื้อเป็นสกุลเงิน Fiat currency หรือสกุลเงินกระดาษที่ใช้กันทั่วไป (เช่น ดอลลาร์สหรัฐฯ , ยูโร) หรือ สกุลเงินคริปโต (สกุลเงินดิจิทัล เช่น บิตคอยน์, อีเธอเรียม) ในทางกลับกัน นักลงทุนอาจนิยมลงทุนในสกุลเงินกระดาษทั่วไปหรือสกุลเงินดิจิทัลก็ตาม เพื่อสร้างให้กระบวนการแปลงค่าสกุลเงินแบบหลายสกุลได้อย่างมีประสิทธิผล จึงมีการใช้โทเคน (เหรียญกษาปณ์) ของสกุลเงินอิสระเป็นตัวแทนการแปลงเงินตรา ซึ่งจะช่วยกำจัดความเสี่ยงของการแปลงสกุลเงินออกไปได้ ไมซีนนัสจึงใช้บล็อกเชนออกดิจิทัลโทเคนหรือเงินเหรียญดิจิทัลนี้ว่า ART
ART Token –Digital money ของเศรษฐกิจไมซีนนัส
ART คือ โทเคนหรือเงินเหรียญดิจิทัล ที่จำเป็นสำหรับการทำงานของไมซีนนัสในทุกอย่าง ที่เกี่ยวข้องกับบล็อกเชนผ่านทางสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract)
เพื่อให้ตลาดศิลปะอยู่ในภาวะที่โปร่งใสและมีความเป็นธรรมในระบบธุรกิจ ทุกธุรกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับเงินหรือสินทรัพย์จะต้องดำเนินการบนแพลตฟอร์มสาธารณะและบล็อกเชนที่เป็นอิสระ ซึ่งวิธีนี้จะสร้างความมั่นใจได้ว่าสามารถตรวจสอบโดยสาธารณะและเป็นที่รับรู้กันล่วงหน้า
หน้าที่หลักและสำคัญที่สุดของแพลตฟอร์มไมซีนนัสก็คือ Dutch auction คือกระบวนการที่รับการเสนอซื้อจากนักลงทุนและออกหุ้นดิจิทัลของภาพวาดต่างๆ บนกระบวนการดำเนินงานที่เปิดกว้างและโปร่งใส ทำให้ชุมชนทั้งหมดทั้งมวลสามารถตรวจสอบการดำเนินการได้ อีกทั้งยังเป็นการป้องกันไมซีนนัสจากการชักใยภายในหรือการซื้อขายโดยการใช้ข้อมูลภายในที่อาจเกิดขึ้นได้
สัญญาอัจฉริยะ หรือ Smart Contract ถูกสร้างขึ้น ดั่งเช่นสัญญา Dutch auction ต้องใช้ ART เพื่อดำเนินการ โดยยอดเงินของเงินกระดาษหรือเงินดิจิทัลที่ถูกลงทุนผ่านสัญญาอัจฉริยะ จะถูกแปลงเป็นเหรียญ ART ก่อน การมีเหรียญเงินของตัวเองทำให้ไมซีนนัสสามารถเก็บรายได้จากกิจกรรมของสัญญาอัจฉริยะดังกล่าว อรรถประโยชน์ของเหรียญเงินก็คือการที่ ART สามารถทำหน้าที่บนแพลตฟอร์มแตกต่างกันได้
ในการทำ Dutch auction นั้นเหรียญ ART จะทำหน้าที่เป็นกลไกในการเคลียริ่งและการชำระหนี้ โดยไมซีนนัสจะใช้มันเพื่อการออกหุ้นดิจิทัลภาพวาด หมายความว่ายิ่งมีการประมูลภาพวาดมากขึ้นเท่าไร สิ่งควรเป็นคือความต้องการใน ART ก็จะมากขึ้นทวีตามไป
แต่ ART มีอุปทาน หรือ Supply ที่ตายตัว ดังนั้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจของไมซีนนัสที่เพิ่มขึ้น จะมีผลอย่างมีนัยสำคัญต่อพลวัตทางตลาดของ ART ในการแลกเปลี่ยนเงินดิจิทัล หลักการก็คือเมื่อเศรษฐกิจไมซีนนัสมีการเติบโต มูลค่าทางตลาดของ ART หรือสกุลเงินของ ไมซีนนัส ก็ควรจะเติบโตตามไปด้วย และนั่นคือโอกาสหนึ่งของไมซีนนัส
อย่างไรก็ดีศักยภาพและความสามารถของเทคโนโลยีบล็อกเชนสามารถถูกดึงมาใช้ได้กว้างไกลกว่านั้นได้ภายใต้การออกแบบโมเดลธุรกิจเพื่อสร้างความเติบโตในช่องทางต่างๆ อย่างเศรษฐกิจของไมซีนนัสไม่ได้จำกัดเฉพาะเรื่องการประมูลเท่านั้น ตัวอย่างเช่นงานศิลปะในแพลตฟอร์มยังสามารถปล่อยเช่าแก่พิพิธภัณฑ์เพื่อการแสดงได้ โดยรายได้ที่เกิดจากกิจกรรมนี้จะถูกกระจายตามสัดส่วนให้แก่ผู้ถือครองหุ้นในภาพวาดหรือประติมากรรม การปล่อยเช่าและหน้าที่การเก็บรายได้นี้ ก็ดำเนินการโดยสัญญาอัจฉริยะ หรือ Smart Contract ด้วยเช่นกัน และแน่นอนว่าโดยผ่านเหรียญ ART Token
กล่าวได้ว่าหากระบบนิเวศน์ของไมซีนนัสเติบโตขึ้น จากกระบวนทัศน์ของที่มาแหล่งรายได้ ซึ่งถูกออกแบบการทำงานทั้งหมดส่วนใหญ่โดยอาศัย Smart Contract เพื่อดำเนินการ นั่นเท่ากับเป็นการเพิ่มความต้องการในอุปทานของ ART Token เพราะ ART Token มีบทบาทสำคัญในไมซีนนัส เพราะเป็นตัวทำให้แพลตฟอร์มดำเนินการได้อย่างโปร่งใสและเปิดกว้างบนพื้นที่ที่ไม่มีการรวบอำนาจและการควบคุม ขณะเดียวกันก็มีรายได้จากกิจกรรมทางธุรกิจที่เกิดขึ้นอีกด้วย
และนี่คือหนึ่งในยูสเคสของการนำบล็อกเชนเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการ Disrupt อุตสาหกรรมหนึ่งของโลก คือ “งานศิลป์”
กระบวนการ Dutch Auction ของ ไมซีนนัส
- เจ้าของงานศิลปะตัดสินใจขายชิ้นงานบนแพลตฟอร์ม ไมซีนนัส และเลือกสกุลเงินที่ต้องการรับในรูปของผลประโยชน์จากการขายดังกล่าว ซึ่งอาจเป็นสกุลเงิน ART, สกุลเงินดิจิทัล หรือสกุลเงินกระดาษทั่วไป
- นักลงทุนมีส่วนร่วมในการประมูลด้วยการยื่นสกุลเงิน ART กับสัญญาอัจฉริยะเพื่อการประมูล ส่วนนักลงทุนที่ต้องการเข้าร่วมด้วยการใช้สกุลเงินกระดาษหรือสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ จะมีการจัดเก็บเงินลงทุนหรือเงินฝากในบัญชีธนาคารเสมือนของนักลงทุนแต่ละคนที่แยกกันต่างหาก มี IBAN เฉพาะ หรือถูกจัดเก็บใน Cold Storage แบบ Multi-Sig ที่มีความปลอดภัย
- เมื่อมีการรับเงินเข้ามาแล้ว แพลตฟอร์ม ไมซีนนัส จะจัดสรรเงิน ART จำนวนเทียบเท่ากันแก่นักลงทุน และรับประกันเงินดังกล่าวในสัญญาอัจฉริยะในนามของนักลงทุน ไมซีนนัส ใช้ทุนสำรองเงินตรา ART ของตนเพื่อรับประกันสภาพคล่อง และแปลงเงินทุนที่รับเข้ามาเป็นเงิน ART แบบไร้รอยต่อเพื่อให้แน่ใจว่าผู้ใช้จะได้รับประสบการณ์ที่ดี
- เมื่อกระบวนการ Dutch Auction เสร็จสิ้นลง สัญญาอัจฉริยะจะทำการวิเคราะห์ข้อเสนอซื้อทั้งหมด เพื่อระบุราคาหุ้นขั้นสุดท้าย และจำนวนหุ้นที่นักลงทุนผู้ประสบความสำเร็จแต่ละคนจะได้รับจากการเสนอซื้อของตน
- สัญญาอัจฉริยะจะดำเนินธุรกรรมด้วยการออกหุ้นดิจิทัลของงานศิลปะแก่นักลงทุน ผู้ขายงานศิลปะจะได้รับเงิน ART หรือสกุลเงินอื่นที่เทียบเท่า ขึ้นอยู่กับที่พวกเขาเลือกเอาไว้ก่อนที่การประมูลจะเริ่มขึ้น
เรื่อง : ทัษศิริญญ์ พร้อมศรี