×

Warning

JUser: :_load: Unable to load user with ID: 813

พร้อมพบปะหารือหน่วยงานภาครัฐและลูกค้าใน สปป.ลาว สนับสนุนการค้าการลงทุน และการพัฒนาอย่างยั่งยืน

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) และนายวรงค์ ตังประพฤทธิ์กุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อมตะซิตี้ ลาว จำกัด (AMATA City Lao) ร่วมลงนามในสัญญาสนับสนุนทางการเงินของ EXIM BANK จำนวน 150 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นเงินทุนสำหรับซื้อที่ดินและพัฒนาพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม อมตะ สมาร์ท แอนด์ อีโค ซิตี้ นาเตย ในแขวงหลวงน้ำทาทางตอนเหนือของ สปป.ลาว โดยมีนายอาสา สารสิน ประธานกรรมการ AMATA City Lao นายวิกรม กรมดิษฐ์ ประธานกรรมการ บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) (AMATA) และนายอิทธิพล เลิศศักดิ์ธนกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ EXIM BANK ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ อาคารกรมดิษฐ์ เมื่อเร็ว ๆ นี้

EXIM BANK สนับสนุน AMATA City Lao ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่ม AMATA ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมใน สปป.ลาว ด้วยความเล็งเห็นในศักยภาพของผู้ประกอบการไทยในการสร้างเมืองอัจฉริยะ (Smart City) และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วยนโยบายการปล่อยของเสียเป็นศูนย์ (Zero Waste Discharge) ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะ สมาร์ท แอนด์ อีโค ซิตี้ นาเตย มุ่งสู่การเป็นเมืองคาร์บอนต่ำ (Low Carbon City) ในระยะยาว บนพื้นฐานของการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามปรัชญา “ALL WIN” ของกลุ่ม AMATA สอดคล้องกับบทบาทของ EXIM BANK ในการทำหน้าที่ธนาคารเพื่อการพัฒนา มุ่งส่งเสริมการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมสู่อนาคตและความยั่งยืน ขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุล รวมถึงความกินดีอยู่ดีของประชาชนในชุมชนโดยรอบนิคมอุตสาหกรรม ทั้งนี้ AMATA City Lao ได้เข้าไปพัฒนานิคมอุตสาหกรรมใน สปป.ลาวแล้ว 2 แห่ง ประกอบด้วย นิคมอุตสาหกรรมอมตะ สมาร์ท แอนด์ อีโค ซิตี้ นาเตย ในแขวงหลวงน้ำทา และนิคมอุตสาหกรรมอมตะ สมาร์ท แอนด์ อีโค ซิตี้ นาหม้อ ในแขวงอุดมไซ

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) กล่าวว่า การสนับสนุนทางการเงินในครั้งนี้ เพื่อต่อยอดการพัฒนาอย่างยั่งยืนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง โดยส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยที่มีศักยภาพอย่าง AMATA City Lao ได้นำพาผู้ประกอบการ SMEs ของไทยและ สปป.ลาว เข้าไปอยู่ใน Supply Chain ที่สามารถสร้าง Ecosystem ที่ขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมสู่อนาคต ประกอบด้วยพื้นที่วิจัยและพัฒนา เทคโนโลยีแห่งโลกอนาคต ผสมผสานกับการดำรงอยู่ของสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ต่อเนื่องกับการสนับสนุนของ EXIM BANK ในปี 2561 ในโครงการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ของกลุ่ม AMATA จำนวนหลายโครงการด้วยมูลค่าวงเงินกว่า 5,670 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนการพัฒนาประเทศ โดยส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่เศรษฐกิจ สอดรับกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและกรอบยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี

 

“EXIM BANK ดำเนินธุรกิจโดยให้ความสำคัญกับในทุกมิติ ทั้งสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลที่ดี (Environmental, Social and Governance : ESG) ภายใต้เป้าหมายการเป็น ‘Green Development Bank’ จึงสานพลังกับภาครัฐและภาคเอกชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนการค้าและการลงทุนทั้งในและต่างประเทศที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศ รวมทั้งขยายผลการพัฒนาไปยังภูมิภาคอาเซียน รวมถึง CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม) เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตของภาคธุรกิจในทุกระดับ ตั้งแต่รายย่อยไปจนถึงรายกลางและรายใหญ่ตลอดทั้ง Supply Chain ให้มีความพร้อมที่จะยกระดับประสิทธิภาพการผลิตและพัฒนาธุรกิจการค้าและลงทุนของไทยและภูมิภาคอาเซียนให้มีความแข็งแกร่ง ต่อยอดการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมในระดับภูมิภาคและโลกโดยรวม” ดร.รักษ์ กล่าว

สปป.ลาวกำลังเผชิญวิกฤตเงินกีบอ่อนค่ารุนแรง พร้อมกับอัตราเงินเฟ้อที่เร่งสูงขึ้น ณ วันที่ 8 สิงหาคม 2022 ค่าเงินกีบอ่อนค่าทะลุระดับ 15,000 กีบต่อดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นการอ่อนค่าลงถึง 57% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ และ 44% เมื่อเทียบกับเงินบาท นับจากเดือนกันยายน 2021 เป็นต้นมา และอ่อนค่าสูงสุดเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น ๆ ในภูมิภาค การอ่อนค่าของเงินกีบตามภาวะการเงินโลกที่ตึงตัวขึ้น ประกอบกับการเร่งตัวของราคาน้ำมันและสินค้าต่าง ๆ จากสงครามรัสเซีย-ยูเครน และปัญหาอุปทานคอขวดโลกที่สปป.ลาวจำเป็นต้องพึ่งพาการนำเข้าในสัดส่วนสูง ได้ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อของสปป.ลาวเร่งตัวขึ้น เกิดปัญหาการขาดแคลนเงินดอลลาร์สหรัฐ และปัญหาการขาดแคลนสินค้าโดยเฉพาะน้ำมันเป็นวงกว้าง

 “DITP” ไทย ร่วมกับ “กรมส่งเสริมการค้าลาว” เตรียมจัดงานครั้งใหญ่ “Top Thai Brands 2018” งานแสดงสุดยอดแบรนด์ไทย สุดยอดเครือข่ายไทย-ลาว เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในด้านการค้าระหว่างกัน  โดยมีผู้ประกอบการไทย- ลาว กว่า 200 บูทชั้นนำ ร่วมกันสร้างความยิ่งใหญ่ให้กับเศรษฐกิจภูมิภาค AEC ระหว่างวันที่ 7-11 มีนาคม 2561 ณ LAO ITECC นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว

ยานี  ศรีมีชัย อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายพาณิชย์) สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เวียงจันทน์ สถานเอกอัครราชทูตแห่งราชอาณาจักรไทย เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ แห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งมีหน้าที่ในการแสดงศักยภาพสินค้าส่งออกชั้นนำของไทยให้แก่ผู้ประกอบการในภูมิภาคได้รู้จัก  ได้ร่วมมือกับกรมส่งเสริมการค้า กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า สปป.ลาว กำหนดจัดงานแสดงสินค้า Top Thai Brands 2018 สุดยอด แบรนด์ไทย สุดยอดเครือข่าย ไทย-ลาว ภายใต้ธีมงาน Modern SMEs Networking ระหว่างวันที่ 7-11 มีนาคม 2561 ณ Lao ITECC (ตึกเก่า) นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว

ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการจัดงานครั้งนี้เพื่อประชาสัมพันธ์สินค้า บริการแบรนด์ไทยให้เป็นที่รู้จัก และเชื่อมั่น ตลอดจนสร้างความต้องการในตลาด สปป.ลาว และสนับสนุนและส่งเสริมให้เกิดพลังความร่วมมือกันสูงสุดของผู้ประกอบการไทย และสปป.ลาว

ภายในงานเป็นการนำเสนอสินค้าไทย และการบริการที่มีคุณภาพและมาตรฐาน ส่งต่อสู่ ประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงนวัตกรรมสินค้า และการบริการรูปแบบใหม่ๆ ที่เป็นการสร้างความเชื่อมั่นในสินค้าไทยให้กับกลุ่มเพื่อนบ้าน และ กระตุ้นและเสริมสร้างโอกาสให้นักธุรกิจทั้งสองประเทศ เกิดความร่วมมือเพื่อก้าวสู่ตลาดสากลไปพร้อมๆ กัน ผู้เข้าชมจะได้พบกับการจัดแสดงและจำหน่ายสินค้า การเจรจาธุรกิจ และสัมมนา จำนวนคูหากว่า 200 คูหา (ผู้ผลิตจากไทยประมาณ 180 คูหา จากสปป.ลาว 20 คูหา) รวมทั้งสินค้าประเภท วัสดุก่อสร้าง ของใช้ภายในบ้าน ธุรกิจบริการ แฟชั่น เครื่องใช้ไฟฟ้า อาหารและเครื่องดื่ม สุขภาพและความงาม และพบกับกิจกรรมพิเศษร่วมสนทนากับผู้ประกอบการรุ่นใหม่ รวมถึงเหล่าเซเล็บริตี้ชื่อดังมากมายมาร่วมในงานด้วย

 

ยานี  ศรีมีชัย อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายพาณิชย์) สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เวียงจันทน์ สถานเอกอัครราชทูตแห่งราชอาณาจักรไทย 

 

คาดการณ์ว่าการจัดงานในครั้งนี้จะมี นักธุรกิจที่เข้าร่วมงาน ผู้เข้าชมงานทั่วไปประกอบด้วย หน่วยงานภาครัฐ และเอกชน ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนประชาชนทั่วไป กว่า 50,000 คน และจะมีเงินสะพัดภายในกว่า 200 ล้านบาท

ทั้งนี้กิจกรรมภายในงานได้มีส่วนไฮไลท์ความน่าสนใจที่พิเศษสุดด้วยกิจกรรม Business Matching ในวันที่ 7-8 มีนาคม 61 เวลา 10.00 –17.00 น. ซึ่งกลุ่มเป้าหมายของการจัด Business Matching คือนักธุรกิจไทย-ลาว ที่ดำเนินธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ โรงแรม สถานบันเทิง ธุรกิจ Wholesale ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง และธุรกิจอาหาร เข้าร่วมจับคู่เจรจาธุรกิจระหว่างกัน 

ที่น่าสนใจยังมีโซนก้าวล้ำของความคิด EXHIBITION SHOW CASE จัดแสดงนิทรรศการ ความก้าวล้ำของความคิด และแรงบัลดาลใจ ของผู้ประกอบการ TOP THAI BRANDS เพื่อเป็นการต่อยอดและเผยแพร่แก่ผู้ที่สนใจภายในงาน โดยในโซนนี้ จะจัดเป็น โซนแบบสบายๆ แบบ loft ที่วางแสดงทุกอย่าง เช่น โครงการในพระราชดาริ, โชว์ปลาสวยงาม และ แฟรน์ไชส์เป็นต้น พร้อมกับมีมุมสำหรับแขก VIP พร้อมโซนอาหารว่าง

ในส่วนของกิจกรรมสัมมนานั้น มีหัวข้อและวิทยากรที่น่าสนใจมากมายอาทิ หัวข้อ พฤติกรรมลูกค้ากับการตลาดยุคดิจิตอล โดย อาจารย์วีระยุทธ เชื้อไทย , หัวข้อ Nero Marketing กลยุทธ์การตลาด โดย สุภกฤษ กุลชาติวิจิตร, หัวข้อ เพิ่มลูกค้าใหม่ไร้พรมแดนด้วยตลาดออนไลน์ โดย กิตติกร อนุเธียร ผอ.ตลาดดิจิทัลเมืองไทยประกันภัย , หัวข้อ Branding & Packagingดึงดูดใจลูกค้า โดย ดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย และ หัวข้อ Facebook Marketing ตลาดไร้พรมแดน โดย อาจารย์วีระยุทธ เชื้อไทย ผู้เชี่ยวชาญการตลาด SMEs

ที่สำคัญในปีนี้นอกจากผู้เข้าร่วมงานจะได้ตื่นตาตื่นไปกับ สุดยอดสินค้าคุณภาพไทย-ลาว กิจกรรมสัมมนา กิจกรรมบันเทิงต่างๆ แล้ว ผู้จัดงานยังได้จัดกิจกรรมพิเศษ ด้วยการเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมงานได้ร่วมสนุกไปกับกิจกรรมส่งเสริมการขาย ด้วยกติกาง่ายๆ เพียงรับคูปองลงทะเบียนด้านหน้างาน กรอกชื่อ-ที่อยู่ รายละเอียดให้ครบถ้วน จากนั้นนำคูปองไปลุ้นรับของรางวัลมากมาย และลุ้นรางวัลใหญ่ตั๋วเครื่องบินจากการบินไทย ไป-กลับ นครเวียงจันทน์ สปป.ลาว-กรุงเทพฯ  จำนวน 2 ที่นั่ง ซึ่งจะมีการจับรางวัลในทุกๆวัน

นอกจากนี้ภายในงานยังมีกิจกรรมความบันเทิงมากมายมอบให้กับผู้เข้าชมงาน อาทิ Mini Concert จากศิลปินที่มีชื่อเสียงมากมาย และโปรโมชั่นรับฟรีคูปองเงินสด พร้อมลุ้นรับของรางวัลภายในงาน เพียงแค่ลงทะเบียนในงานอีกด้วย ทั้งนี้สามารถติดตามข้อมูลข่าวสาร และรับทราบรายละเอียดการจัดงานเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์ http://www.ditp.go.th หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Hotline 1169

 

 

X

Right Click

No right click