เผยแนวทางรับมือธุรกิจประกันภัย “นิว นอร์มัล” รับตลาดประกันชีวิตและประกันสุขภาพมีดีมานด์ขาขึ้น พร้อมยันฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง ทั้ง “เจนเนอราลี่กรุ๊ป” และ “เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์” โดยมีผลการดำเนินงานไตรมาสแรกเพิ่มขึ้น 1,448 ล้านยูโร หรือกว่า 51,000 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น 7.6 % ขณะที่ในไทยมีแนวโน้มเป็นบวกตามการปรับตัวของตลาดที่มีความต้องการในหลักประกันชีวิตและสุขภาพมากขึ้น
นายบัณฑิต เจียมอนุกูลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทเจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ เปิดเผยว่า การระบาดใหญ่ของไวรัสโควิด-19 มีผลกระทบอย่างมากต่อสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจมหภาคในปัจจุบัน รวมถึงภาคการเงินอย่างรุนแรง ทั่วโลกและคาดว่าจะส่งผลต่อเนื่องไปอีกในระยะ 1-2 ปี นั้น
สำหรับเจนเนอราลี่ไทยแลนด์ ในแง่ของการปรับนโยบายการดำเนินธุรกิจ เพื่อรับมือ “นิว นอร์มัล” (New normal) ของภาคธุรกิจการเงินและการประกันภัย ซึ่งบริษัทฯ ได้มีการเตรียมแนวทางที่อยู่ในแผนงานแต่ละด้าน ดังนี้ การสร้างแพลตฟอร์มดิจิทัล ในการซัพพอร์ตฟังก์ชั่นต่างๆ เครื่องมือด้านดิจิทัลต่างๆ เช่น ระบบไอที การใช้ระบบเทรนนิ่งตัวแทน พนักงานช่องทางออนไลน์ การสนับสนุนและพัฒนาศักยภาพตัวแทน ให้สามารถเข้าถึงลูกค้าผ่านช่องทางดิจิทัล รวมถึงเครื่องมือที่ช่วยตัวแทนในการวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้าและสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการได้อย่างเหมาะสม หรือแม้แต่การ Work From Home ของพนักงานก็อยู่ในแผนงานเดิมอยู่แล้ว เมื่อเกิดสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 นี้เข้ามา จึงเปรียบเสมือนการเร่ง ให้แผนงานที่ถูกกำหนดไว้ได้ถูกดำเนินการรวดเร็วยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ดี สถานการณ์การเฝ้าระวังเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในไทย ประกอบกับความตื่นตัวของประชาชนที่สูงขึ้นตามการรับรู้ข้อมูลข่าวสารจำนวนมาก เป็นตัวช่วยที่สร้างสถิติใหม่ในด้านจำนวนลูกค้าที่เข้าดูและซื้อผลิตภัณฑ์ประกันภัยโควิด-19 ผ่านทางแอปพลิเคชันและเว็บไซต์ของทั้งบริษัท ซึ่งอาจมองได้ว่า เป็นปัจจัยบวกใหม่สำหรับอุตสาหกรรมประกันภัย โดยเฉพาะความต้องการ (demand) ของกรมธรรม์ประกันชีวิตและประกันสุขภาพที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ประชาชนมีความเข้าใจและเห็นถึงความสำคัญของการมีประกันภัยมากขึ้น เพราะนอกจากจะเป็นหลักประกันสุขภาพและชีวิตแล้ว คนที่ทำประกันจะคิดและมีการวางแผนทางการเงินที่ค่อนข้างดี เปรียบเสมือนการมีแผนสำรองยามฉุกเฉิน
นายบัณทิต กล่าวต่อว่า จากสถานการณ์ดังกล่าว เจนเนอราลี่ กรุ๊ป มีการรายงานถึงความแข็งแกร่งด้านการเงิน ทั้งเจนเนอราลี่กรุ๊ป และเจนเนอราลี่ไทยแลนด์ คงความสามารถสร้างกำไรได้ต่อเนื่อง ยืนยันจากผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกของปี 2563 ที่เพิ่มขึ้น 1,448 ล้านยูโร หรือ กว่า 51,000 ล้านบาท มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น 7.6% โดยมีสถานะเงินทุนที่ยังคงแข็งแกร่ง ซึ่งเป็นผลจากผลประกอบการที่เพิ่มขึ้นจากส่วนงานธุรกิจด้านประกันภัยทรัพย์สินและเบ็ดเตล็ด (Property and Casualty : P&C) โดยมีอัตราส่วนรวมค่าสินไหมทดแทนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน(Combined ratio) ที่ 89.5% ในขณะที่ฝั่งประกันชีวิตยังรักษาระดับผลประกอบการ โดยอัตราความสามารถในการทำกำไรจากส่วนงานธุรกิจประกันชีวิตใหม่ ยังคงสูงที่ระดับ 4.04% และส่วนงานธุรกิจบริหารสินทรัพย์ รวมถึงการเข้าซื้อกิจการล่าสุด ตลอดจนธุรกิจโฮลดิ้งและอื่นๆ มีความสามารถในการทำกำไรเชิงเทคนิคจากส่วนงานธุรกิจประกันภัยเพิ่มขึ้น และรายได้จากการบริหารสินทรัพย์ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผลกำไรสุทธิของเจนเนอราลี่กรุ๊ปอยู่ที่ 113 ล้านยูโร หรือ 4,017 ล้านบาท โดยลดลงจากปีก่อนตามการปรับปรุงข้อมูลตามมาตรฐานบัญชีในเรื่องการด้อยค่าของการลงทุนจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 ที่เกิดขึ้นกับตลาดการเงิน รวมถึงการจัดสรรเงินจำนวน 100 ล้านยูโร ให้แก่กองทุน Extraordinary International Fund เพื่อใช้สำหรับรับมือวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 ขณะที่เจนเนอราลี่ไทยแลนด์ มีผลประกอบการเติบโตทั้งประกันชีวิต ประกันภัยและประกันสุขภาพ ซึ่งขยายตัวตามตลาดที่มีความต้องการหลักประกันสุขภาพและการวางแผนทางการเงินในระยะยาวมากขึ้น
“เจนเนอราลี่กรุ๊ป ได้ทำการวิเคราะห์ผลกระทบทางเศรษฐกิจมหภาคที่เกิดจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่จะส่งผลต่อการเติบโตรายได้ของกลุ่มฯ โดยเฉพาะในส่วนธุรกิจการประกันการเดินทาง นอกจากนี้ ในส่วนรายได้ที่เกิดขึ้นประจำ อาทิ เงินปันผล ค่าเช่าและค่าธรรมเนียม คาดว่าจะได้รับผลกระทบเช่นกัน ทั้งนี้ในด้านค่าสินไหมทดแทนจากผลกระทบจากการระบาดของไวรัส Covid-19 ยังเป็นการยากที่จะให้คาดการณ์ในขณะนี้ สำหรับเจนเนอราลี่กรุ๊ปโดยรวมแล้วยังคงเชื่อมั่นในการผสมผสานทางธุรกิจที่ดี ได้มีการผสมผสานทางธุรกิจและการกระจายความเสี่ยง รวมถึงกำลังพยายามลดต้นทุน เพื่อลดผลกระทบจากการคาดการณ์รายได้ที่ลดลง คาดว่าผลการดำเนินงานในปี 2563 จะยังคงแข็งแกร่ง” นายบัณทิต กล่าว
ด้วยความมุ่งมั่นที่จะอยู่เคียงข้างลูกค้าในทุกช่วงเวลาของชีวิต รวมถึงความมุ่งมั่นสู่ความยั่งยืน ทางกลุ่มฯ ได้นำมาตรการต่างๆ มาใช้เพื่อให้การสนับสนุนพนักงาน ลูกค้า ตัวแทนและชุมชนด้วย แม้ว่ามาตรการเหล่านี้ จะส่งผลกระทบต่อต้นทุนและผลดำเนินการในระยะสั้น แต่เพื่อความเป็นอยู่อันดี และความปลอดภัยของผู้มีส่วนได้เสียของเรานั้นก็ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับอนาคต และในขณะที่ยังรอความชัดเจนของสถานการณ์เศรษฐกิจโลก เจนเนอราลี่กรุ๊ปได้คาดการณ์ว่าความอ่อนแรงของตลาดการเงิน และผลพวงจากการแพร่ระบาดของ Covid-19 จะส่งผลกระทบต่อผลประกอบการในปี 2563 ซึ่งสาเหตุหลักเกิดจากการด้อยค่า (Impairments) เป็นส่วนใหญ่
เจนเนอราลี่กรุ๊ป เป็นหนึ่งในบริษัทประกันภัยและผู้ให้บริการด้านบริหารสินทรัพย์ระดับโลก ก่อตั้งขึ้นเมื่อปีค.ศ. 1831 และมีสำนักงานใน 50 ประเทศทั่วโลก โดยมีรายได้จากเบี้ยประกันภัยกว่า 69,700 ล้านยูโรในปี 2019 และด้วยจำนวนพนักงานกว่า 72,000 คนที่ให้บริการลูกค้า 61 ล้านคน เจนเนอราลี่กรุ๊ป จึงเป็นบริษัทชั้นนำในยุโรปและยังมีการเติบโตในเอเชียและลาตินอเมริกา