แถลงผ่านซูมว่า   ตนเองเตรียมยื่นคดีหลักต่อศาลในประเทศอังกฤษ ให้ดำเนินคดีข้อหาร่วมกันสมคบคิดฉ้อฉล (conspiracy)  กับ ณพ ณรงค์เดชและพวก รวมถึงบริษัท โกลเด้น มิวสิค ในประเทศสิงคโปร์ ซึ่งครอบครองหุ้นวินด์ฯ จำนวนกว่า 42 ล้านหุ้น   โดยจะเรียกค่าเสียหาย 2,000 ล้านปอนด์ และคาดว่าศาลจะเริ่มสืบพยานในเดือนตุลาคมปี 2565  และจะทราบผลของคดีประมาณต้นปี 2566    

ปัจจุบันหุ้นวินด์ฯ ทั้งหมดที่โกลเด้น มิวสิคถือก็ยังคงอยู่ภายใต้คำสั่งห้ามจำหน่าย จ่าย โอน โดยศาลสูงอังกฤษ ปัญหาในวินด์ฯ ทั้งหมดกว่า 5 ปี จะหมดไปหรือไม่ และวินด์ฯ จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับคำตัดสินของศาลสูงอังกฤษ ในครั้งนี้ 

นพพร ได้กล่าวตอบโต้คำแถลงของ ณพ ณรงค์เดช ที่ให้ข่าวต่อสื่อมวลชนว่า  ณพ ณรงค์เดช ไม่ผิดสัญญาซื้อหุ้นกลุ่ม WEH พ้นทุกข้อกล่าวหา ว่า ตนเองน้อมรับคำตัดสินของศาลสิงคโปร์ แต่คำตัดสินนี้มิได้ตัดสินว่า ณพ ณรงค์เดช ไม่ได้เป็นหนี้ค้างชำระค่าหุ้น จำนวน 525 ล้านเหรียญบวกดอกเบี้ย ตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศที่ออกมา    เพราะศาลอุทธรณ์สิงคโปร์มีอำนาจเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับ “กระบวนการพิจารณา” คดีของอนุญาโตตุลาการเท่านั้น แต่ไม่มีอำนาจในการวินิจฉัยในเนื้อหาของคดี   ทั้งนี้ นพพร กล่าวว่า “ณพ ณรงค์เดช  ยังคงต้องจ่ายเงินดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ย ซึ่งมีมูลค่ารวม 762.55  ล้านเหรียญสหรัฐ  ซึ่งรวมจากหนี้ 2 ก้อนที่ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้” 

ที่ผ่านมา คณะอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ มีคำชี้ขาดตัดสินให้  ณพ ณรงค์เดช ชำระค่าหุ้นให้ตนเอง แต่ นายณพ เพิกเฉยไม่ดำเนินการตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ อีกทั้ง ณพและพวก โดยเฉพาะทีมทนายส่วนตัวของนายณพ ยังวางแผนโอนหุ้นไปให้พรรคพวกตัวเองในราคาที่ต่ำ และหุ้นบางส่วนก็ขายไปให้คนนอกที่ไม่รู้เรื่องในราคาสูง มูลค่า 900 ล้านบาท  เช่น บริษัท AQ Estate ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ หลังจากนายณพได้เงินจากการขายหุ้นมา แต่ก็ไม่เคยนำเงินมาชำระหนี้เพิ่มเติมเลย  ซึ่งตนเชื่อว่า AQ Estate ซื้อหุ้นจากนอมินีของ ณพ ณรงค์เดช เพราะคนขายให้ AQ Estate  ชื่อจริยา บัวทรัพย์  นามสกุลเดียวกับคุณหญิงกอแก้ว บุญยะจินดา(บัวทรัพย์) และขณะนี้กำลังพิจารณาว่าอาจจะมีการฟ้องเพื่อดำเนินคดีดังกล่าว