อย่างไรก็ตามบริเวณรอบตาของทุกคนย่อมมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ทุกชั่วขณะเวลา อาจเกิดริ้วรอยจากความชรา เกิดรอยหมองคล้ำใต้ตา มีความหย่อนคล้อยของถุงใต้ตา หรือแววตาอาจมีการเปลี่ยนไปจากเดิม ซึ่งในหลาย ๆ คนก็สามารถเกิดริ้วรอยความหมองคล้ำใต้ตาได้ทั้งที่อายุยังไม่ได้เข้าสู่วัยชรา อาจด้วยปัจจัยหลายๆ อย่าง จนก่อให้เกิดความกังวลจนเกิดอารมณ์เชิงลบ ส่งผลเชิงลบต่อปัจจัยทางจิตสังคม และมีผลกระทบต่อความภาคภูมิใจในตนเองให้เสื่อมถอยลง และมีความสัมพันธ์กับคุณภาพชีวิตที่ไม่ดี ไม่ถูกใจเจ้าของใบหน้าและดวงตานั้นๆ อย่างแน่นอน
ปัจจุบันเราสามารถแก้ไขปัญหาเรื่องความชราบริเวณรอบดวงตา โดยหลากหลายวิธีที่เหมาสมและปลอดภัย เช่นการฟื้นฟูปรับสภาพผิวด้วยผลิตภัณฑ์ต่างๆ ซึ่งมีมากมายในท้องตลาด รวมถึงการฉีดสารเติมเต็มผิว (ฟิลเลอร์) ที่ได้มาตรฐาน และนวัตกรรมเทคนิคต่างๆ อีกมากมายด้านการศัลยกรรมตกแต่ง ที่สามารถช่วยแก้ปัญหาและเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในปัจจุบัน
ล่าสุดได้มีการศึกษาวิจัยเรื่อง “ความสัมพันธ์ระหว่างการฟื้นฟูปรับสภาพผิวบริเวณรอบตาด้วยสารเติมเต็มผิวแบบฉีดชนิดกรดไฮยาลูรอนิก กับความภาคภูมิใจในตนเอง คุณภาพชีวิต และพฤติกรรมสุขภาพ ของผู้หญิง” โดยความร่วมมือระหว่าง นพ.พีรพงศ์ เจียมจิรชาติ ผศ.นพ.มาศ ไม้ประเสริฐ วิทยาลัยการแพทย์บูรณาการ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ แพทย์เวชศาสตร์ป้องกัน เวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ เวชศาสตร์ความงาม และ ดร.พัชราภา ตันติชูเวช ภาควิชาครุศึกษา คณะศึกษาศาสตร์และพัฒนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน
ผู้เชี่ยวชาญทั้ง 3 ท่านได้หยิบยกประเด็นการศึกษาที่ “ทุกคนอาจรู้อยู่แล้วว่ามันน่าจะเป็นแบบนี้” แต่ถูกมองข้าม นำมาศึกษาในหลากหลายมุมมองและประเด็น ทำให้เห็นเป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยพบว่า ปัญหาสุนทรียศาสตร์บริเวณรอบตามีผลต่อคุณภาพชีวิตของผู้หญิง และการฟื้นฟูปรับสภาพผิวบริเวณรอบดวงตาด้วยสารเติมเต็มผิวแบบฉัดก็สามารถช่วยเพิ่มความภาคภูมิใจในตนเองและคุณภาพชีวิตของผู้หญิงให้ดีขึ้นได้ ในขณะเดียวกันการดูแลสร้างเสริมสุขภาพและการป้องกันโรคตามแนวทางเวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ จะส่งผลดีต่อความภาคภูมิใจในตนเอง และคุณภาพชีวิต ก็อาจมีความสัมพันธ์ต่อผลการฟื้นฟูปรับสภาพผิวได้อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ผู้เชียวชาญยังได้เน้นย้ำถึง การฟื้นฟูปรับสภาพผิวบริเวณรอบตาที่เหมาะสมและปลอดภัย ซึ่งควรประกอบด้วยการประเมินและคัดกรองผู้เข้ารับการรักษาที่เหมาะสม การเลือกผลิตภัณฑ์และเทศนิคให้เหมาะสมกับข้อบ่งชี้และบริเวณที่ต้องการรักษา รวมถึงความรู้ความเข้าใจประสบการณ์ และเทคนิคการรักษาที่ดีของแพทย์ผู้ให้การรักษา ย่อมเป็นสิ่งจำเป็นและควรคำนึงถึงอยู่เสมอเพื่อลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการฉีดสารเติมเต็มผิว โดยเฉพาะการอุดตันหรือการตีบตันของหลอดเลือดจากการฉีดสารเติมต็มผิว หรือผลของการศัลยกรรมที่ไม่เป็นไปตามความคาดหวัง อีกทั้งยังควรมีการติดตามผลการรักษาอย่างสม่ำเสมอร่วมด้วย
ภาพแสดงสัดส่วนของผู้เข้าร่วมวิจัยจำแนกตามระดับร่องใต้ตาตามระบบของบาร์ตันโดยรวม ก่อนการรักษาด้วยการฉีดฟิลเลอร์ บริเวณรอบตา และภายหลังการรักษาเป็นเวลา 1 เดือน 3 เดือน และ 6 เดือน แสดงผลเป็นจำนวน (ร้อยละ)
ภาพแสดง ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ของคะแนนความภาคภูมิใจในตนเอง (Revised Thai RSES) คะแนนคุณภาพชีวิต (WHOQOL–BREF–THAI) โดยรวม ด้านจิตใจ ด้านสัมพันธภาพทางสังคม และคะแนนปัญหาสุนทรียศาสตร์บริเวณรอบตาต่อคุณภาพชีวิต (PALQI) ก่อนการรักษาด้วยการฉีดฟิลเลอร์ บริเวณรอบตา และภายหลังการรักษาเป็นเวลา 1 เดือน 3 เดือน และ 6 เดือน
อ้างอิง: งานวิจัย “ความสัมพันธ์ระหว่างการฟื้นฟูปรับสภาพผิวบริเวณรอบตาด้วยสารเติมเต็มผิวแบบฉีดชนิดกรดไฮยาลูรอนิก กับความภาคภูมิใจในตนเอง คุณภาพชีวิต และพฤติกรรมสุขภาพ ของผู้หญิง” โดย พีรพงศ์ เจียมจิรชาติ, มาศ ไม้ประเสริฐ, และพัชราภา ตันติชูเวช, 2564.
ผลการศึกษาวิจัยพบว่า การรักษาด้วยการฉีดฟิลเลอร์บริเวณรอบตา สามารถลดระดับปัญหาความชราบริเวณรอบตา สามารถเพิ่มความภาคภูมิใจในตนเอง เพิ่มคุณภาพชีวิต รวมถึงสามารถลดระดับปัญหาสุนทรียศาสตร์บริเวณรอบตาต่อคุณภาพชีวิตของผู้หญิงได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ