พฤกษา โฮลดิ้ง รายงานผลประกอบการช่วง 9 เดือนปี 2567 มีรายได้รวม 15,607 ล้านบาท กำไรสุทธิที่ 753 ล้านบาท ยังคงควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ จากการจัดการยอดหนี้และอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง ส่งผลให้ต้นทุนการเงินลดลง โดยมีอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุน (Net Gearing Ratio) อยู่ที่ 0.36 เท่า ยังคงอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรม สะท้อนถึงการบริหารจัดการทางการเงินที่มั่นคง ท่ามกลางเศรษฐกิจผันผวน ธุรกิจเฮลท์แคร์เติบโต 21% ประกาศรุกตลาดที่อยู่อาศัยแบบเวลเนส เรสซิเดนซ์เต็มรูปแบบ
นายอุเทน โลหชิตพิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSH กล่าวถึงการดำเนินงานของบริษัทฯ ว่า ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาบริษัทฯ มีรายได้รวม 15,607 ล้านบาท ลดลง 22% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจและการอนุมัติสินเชื่อที่เข้มงวดมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าที่มีความเปราะบาง อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ สามารถรักษากำไรขั้นต้นที่ 5,118 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้น 32.8% จากการใช้กลยุทธ์ด้านราคาที่ช่วยดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคในช่วงที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังซบเซา ในขณะเดียวกัน ธุรกิจเฮลท์แคร์ของพฤกษายังคงสร้างผลกำไรที่ดีอย่างต่อเนื่อง ช่วยเสริมฐานรายได้ของบริษัทฯ ในภาพรวม
สำหรับกำไรสุทธิในช่วง 9 เดือน อยู่ที่ 753 ล้านบาท เนื่องจากรายได้จากธุรกิจหลักลดลง แต่บริษัทฯ ยังคงควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ต้นทุนการเงินลดลงจากการจัดการยอดหนี้และอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง โดยมี อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุน (Net Gearing Ratio) อยู่ที่ 0.36 เท่า ยังคงอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรม สะท้อนถึงการบริหารจัดการทางการเงินที่มั่นคง
ด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บริษัทฯ มียอดโอนอสังหาริมทรัพย์รวม 12,930 ล้านบาท ลดลง 24% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีการโอนคอนโดมิเนียมใหม่ จากโครงการ แชปเตอร์ วัน ออล รามอินทรา และได้รับการตอบรับที่ดีจากการเปิดโครงการบ้านเดี่ยวใหม่อย่าง โครงการเดอะ ปาล์ม บางนา-วงแหวน 2 และ โครงการการระดับซูเปอร์ลักชัวรี อย่างเดอะ ปาล์ม เรสซิเดนเซส วัชรพล นอกจากนี้ บริษัทฯ มีรายได้จากการขายที่ดินมูลค่า 2,413 ล้านบาท เพื่อใช้ในการพัฒนาโครงการร่วมกับบริษัทพันธมิตรในอนาคต
ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา บริษัทฯ มีการเปิดโครงการใหม่รวม 8 โครงการ มูลค่า 10,085 ล้านบาท โดยเฉพาะโครงการ แชปเตอร์วัน มอร์ เกษตร ใกล้มหาวิทยาลัยและใกล้ BTS สายสีเขียว ที่เปิดในช่วงไตรมาส 3 ซึ่งได้รับความสนใจจากทั้งกลุ่มลูกค้าเรียลดีมานด์ (Real Demand) และกลุ่มนักลงทุน มีการจองแล้วกว่า 42% โดยคาดว่าทั้งปีจะเปิดโครงการใหม่รวมทั้งสิ้น 18 โครงการ มูลค่ารวม 20,000 ล้านบาท ซึ่งจะมีโครงการไฮไลท์ ได้แก่ เดอะปาล์ม เรสซิเดนเซส พัฒนาการ ซึ่งเป็นโครงการเวลเนส เรสซิเดนซ์เต็มรูปแบบ ในเซกเมนต์ซูเปอร์อัลตร้าลักชัวรี (Super Ultra luxury) โครงการแรกของพฤกษา ภายใต้แนวคิดผสานการดูแลสุขภาพ Well-Living Mastery อย่างลงตัวในทุกมิติ ซึ่งจะเริ่มเปิดพรีเซลล์ในช่วงปลายเดือน
พฤศจิกายนนี้ นับว่าในปีนี้พฤกษาได้รุกตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่เน้นเรื่องของสุขภาพอย่างเต็มตัว โดยเปิดโครงการเวลเนส เรสซิเดนซ์ รวมมูลค่า 10,000 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนมากถึง 50% จากมูลค่าโครงการเปิดใหม่ทั้งปี และในปีหน้า มีแผนจะพัฒนาโครงการที่เจาะกลุ่มเฉพาะผู้สูงวัยที่เกษียณอายุด้วย
พร้อมกันนี้บริษัทฯ มียอดขายรอโอน (Backlog) รวม 5,000 ล้านบาท โดยมีโครงการพร้อมอยู่ในมือรวมมูลค่ากว่า 8,369 ล้านบาท โดยเป็นโครงการที่มีมูลค่าน้อยกว่า 7 ล้านบาทกว่า 82% ซึ่งจะได้รับประโยชน์จากมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนลงเหลือ 0.01% และสามารถเร่งโอนรับรู้เป็นรายได้ในสิ้นปีนี้ พร้อมกับได้จัดแคมเปญโปรโมชัน "Last Chance โอกาสสุดท้าย" โดยการนำบ้านในสต็อกมาปรับราคาช่วยให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อง่ายขึ้น และเป็นโอกาสสุดท้ายสำหรับผู้ซื้อบ้านในราคาต้นทุนเดิม รวมถึงมอบเงื่อนไขดอกเบี้ย 0% นาน 12 เดือน ร่วมกับธนาคารพันธมิตรเพื่อส่งเสริมยอดจองในไตรมาสที่ 4 ด้วย
ด้านธุรกิจเฮลท์แคร์ของพฤกษาเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ด้วยรายได้รวม 9 เดือนแรกที่ 1,600 ล้านบาท เติบโต 21% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้จากการรักษาคนไข้นอกเพิ่มขึ้น 25% และคนไข้ในเพิ่มขึ้น 22% โดยมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี บวกกลับค่าเสื่อมราคาและจัดจำหน่าย (EBITDA) 197 ล้านบาท สะท้อนความพยายามของกลุ่ม ในการเร่งผลักดันการขยายบริการด้านสุขภาพให้เข้าถึงผู้ป่วย และลูกค้าที่ซื้อโครงการอสังหาริมทรัพย์ของพฤกษา ซึ่งในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ยังได้ขยายบริการด้านศัลยกรรมและระบบทางเดินปัสสาวะ รวมถึงยังเดินหน้าสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่จะยกระดับการรักษาและคุณภาพชีวิตของคนไทยด้วย
“พฤกษา โฮลดิ้ง มุ่งมั่นที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างเต็มที่และสร้างความเชื่อมั่นท่ามกลางความผันผวนทางเศรษฐกิจ ด้วยการบริหารจัดการที่ยืดหยุ่น และการปรับกลยุทธ์ให้ทันต่อความเปลี่ยนแปลงของตลาด เรามีความพร้อมที่จะพัฒนาและขยายธุรกิจเฮลท์แคร์ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเสาหลักที่สำคัญในการเติบโตของพฤกษา เพื่อยกระดับการดูแลสุขภาพของคนไทย และสร้างคุณค่าให้แก่ผู้ถือหุ้นในระยะยาวด้วย” นายอุเทนกล่าวทิ้งท้าย
“พฤกษา โฮลดิ้ง–แคปปิตอลแลนด์ อินเวสเม้นท์ กรุ๊ป–แอลลี่ โลจิสติกส์ พร็อพเพอร์ตี้” 3 พันธมิตรยักษ์ใหญ่พร้อมเดินหน้าเสริมแกร่งให้กองทุน “CapitaLand SEA Logistics Fund” ผนึกยักษ์ใหญ่ญี่ปุ่น ดึง “มิตซุย (Mitsui O.S.K. Lines)” เข้าถือกองทุนที่ 32.5% ด้วยเงินเพิ่มทุน 3,250 ล้าน ประเดิมด้วยการดันเมกะโปรเจกต์ “โอเมก้า บางนา โลจิสติกส์ แคมปัส” ให้เป็นศูนย์โลจิสติกส์ครบวงจรระดับภูมิภาค ตอบรับยุคอีคอมเมิร์ซบูม พร้อมเดินหน้าลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์ เพื่อสร้างเครือข่ายโลจิสติกส์ Infrastructure เชื่อมทั้งในไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม สร้างมาตรฐานใหม่ให้โลจิสติกส์ในอาเซียน
นายอุเทน โลหชิตพิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSH เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ พฤกษา โฮลดิ้ง ได้จับมือกับ แคปปิตอลแลนด์ อินเวสเม้นท์ กรุ๊ป (CapitaLand Investment Group หรือ CLI) ยักษ์ใหญ่กลุ่มธุรกิจจัดการการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ระดับโกลบอลสัญชาติสิงคโปร์ และ แอลลี่ โลจิสติกส์ พร็อพเพอร์ตี้ (Ally Logistic Property หรือ ALP) ผู้ให้บริการโซลูชันคลังสินค้าแบบครบวงจรในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ของประเทศไต้หวัน เพื่อจัดตั้งกองทุน CapitaLand SEA Logistics Fund ที่มุ่งลงทุนและพัฒนาทรัพย์สินด้านอสังหาริมทรัพย์สำหรับอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ในอาเซียน และเป็นการสร้างแพลตฟอร์มเพื่อให้บริการ Infrastructure as a service ครั้งสำคัญที่สุดครั้งหนึ่งในการยกระดับสำหรับนักลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์ ด้วยเงินกองทุนเริ่มต้นราว 6,750 ล้านบาท และมีทางเลือกเพิ่มการลงทุนได้สูงสุดราว 13,500 ล้านบาท และตั้งเป้ามูลค่าอสังหาริมทรัพย์ภายใต้การจัดการกว่า 25,000 ล้านบาท โดยในเดือนเมษายนปีนี้ CapitaLand SEA Logistics Fund ได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างโครงการ โอเมก้า บางนา โลจิสติกส์ แคมปัส คลังสินค้าครบวงจรด้วยเทคโนโลยีด้านโลจิสติกส์ที่ทันสมัยและบริการโซลูชันแบบองค์รวม มูลค่ารวม 8,430 ล้านบาท พื้นที่คลังสินค้ากว่า 200,000 ตารางเมตร ย่านบางนา จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อรองรับดีมานด์ลูกค้าไทยและต่างประเทศที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งนับเป็นเมกะโปรเจกต์แห่งแรกหลังการจัดตั้งกองทุน CapitaLand SEA Logistics Fund
ล่าสุด กองทุน CapitaLand SEA Logistics Fund ได้ขยายความร่วมมือดึง บริษัท มิตซุย โอเอสเค ไลน์ส (MOL) บริษัทขนส่งรายใหญ่ในญี่ปุ่น เข้าร่วมทุนกว่า 3,250 ล้านบาท สัดส่วนอยู่ที่ 32.5% และหลังการร่วมทุนในครั้งนี้แคปปิตอลแลนด์ ถือกองทุน 33.75% พฤกษา โฮลดิ้ง 27% และแอลลี่ โลจิสติกส์ 6.75% ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กองทุนมีศักยภาพและความร่วมมือในการเชื่อมต่อการขนส่ง การให้บริการและการขยายฐานลูกค้าที่ทาง MOL มีอยู่ เงินทุนเพิ่มนี้จะใช้ในการพัฒนาโครงการ สร้างเครือข่าย โอเมก้า โดยจะมีการนำนวัตกรรมเข้ามาใช้ และเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับบริการด้านโลจิสติกส์ในอาเซียน ทั้งนี้ คาดว่าการก่อสร้างแห่งแรกที่บางนาเฟสแรกจะแล้วเสร็จต้นปี 2569
“การขยายธุรกิจไปยังอุตสาหกรรมโลจิสติกส์จะช่วยเสริมกลยุทธ์ของพฤกษา โฮลดิ้ง ให้มีศักยภาพและเติบโตขึ้น โดยจะมีรายได้จากธุรกิจที่หลากหลาย ซึ่งปัจจุบัน อสังหาริมทรัพย์โลจิสติกส์ นับว่ามีการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากพฤติกรรมการซื้อขายทางออนไลน์ที่เพิ่มสูงขึ้น นอกจากโอเมก้า บางนา โลจิสติกส์ แคมปัส แล้ว พันธมิตรของ CapitaLand SEA Logistics Fund ทั้ง 4 ฝ่าย จะยังคงเดินหน้าลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์เพิ่ม ทั้งในไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดในแต่ละภูมิภาค” นายอุเทน กล่าว
สำหรับโครงการโอเมก้า บางนา โลจิสติกส์ แคมปัส ออกแบบโดย Ally Logistic Property หนึ่งในพันธมิตรของกองทุน CapitaLand SEA Logistics Fund โดยโครงการนี้นับเป็นคลังสินค้าอัตโนมัติขนาดใหญ่ที่รวมระบบคลังสินค้าไว้ที่ศูนย์กลาง ประกอบด้วยคลังสินค้าทั่วไป 2 แห่ง และคลังสินค้าแช่เย็นและแช่แข็ง 1 แห่ง ภายในโครงการแบ่งเป็นพื้นที่จัดการสำหรับคลังสินค้าและการจัดส่ง และพื้นที่ไร้คนขับอย่างสมบูรณ์สำหรับการจัดเก็บพาเลท และแท่นบรรทุกสินค้าที่ใช้สำหรับขนส่งและจัดเก็บสินค้า
นอกจากนี้ โอเมก้า บางนา โลจิสติกส์ แคมปัส ยังมีโครงสร้างอาคารแบบเพดานโค้ง เพื่อให้การใช้พื้นที่มีประสิทธิภาพสูงสุด สามารถจัดการสินค้าของลูกค้าหลายรายได้พร้อมกัน ทำให้สามารถขยายและทำสัญญาพื้นที่จัดเก็บและคิดค่าบริการในหน่วยพาเลทตามอุปสงค์และอุปทานสินค้าจริงของลูกค้าแต่ละราย และคลังสินค้าแห่งนี้ยังมีอุปกรณ์ขนถ่ายสินค้าอัตโนมัติที่ทันสมัย เช่น เครนไฟฟ้า ชั้นวางควบคุมอัตโนมัติ และรถนำทางอัตโนมัติ เป็นต้น
โอกาสทองกับความคุ้มค่าที่รอคอย! พฤกษา ผู้นำด้านอสังหาฯ จับมือ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ปล่อยแคมเปญสุดเร้าใจ กับดีลบ้านพร้อมอยู่ รับดอกเบี้ย 0% นานถึง 1 ปี เต็ม พร้อมส่วนลดหรือของแถม มูลค่ารวมสูงสุด 2 ล้านบาท ฟรีค่าโอน ฟรีเฟอร์นิเจอร์ และฟรีเครื่องใช้ไฟฟ้า! นำโดย นายธีระ ทองวิไล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) และ นางสาวจิตชญา ตู้จินดา รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาดองค์กรกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย นายสักวัฏ อิทธิสวัสดิ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Direct Sales Channels และ นายเอกภณ พฤฒิพลากร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Retail and Business Banking Segment and Lending Product 1 ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) มอบดอกเบี้ย 0% ต่อปี นาน 1 ปี* สำหรับโครงการบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมที่เข้าร่วม 27 โครงการ ได้แก่ แบรนด์ไพนน์ เวลเนส เรสซิเดนซ์ เดอะปาล์ม ภัสสร เดอะแพลนท์ พาทิโอ และเดอะคอนเนค ให้เป็นเจ้าของบ้านใหม่ในฝัน ในช่วงโค้งสุดท้ายของปีได้ง่ายขึ้น ลดภาระหนักเรื่องผ่อนชำระรายเดือนให้เบาลง
บ้านในฝันและดีลที่ดีรอคุณอยู่ สำหรับรายละเอียดโปรโมชันจะแตกต่างกันตามแต่ละโครงการ โดยผู้สนใจ สามารถดูรายละเอียดเกี่ยวกับแคมเปญและรายชื่อโครงการที่เข้าร่วมแคมเปญได้ที่ www.pruksa.com หรือโทร.1739 หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Sale Gallery เข้าชมบ้านตัวอย่างและรับสิทธิพิเศษตั้งแต่วันที่ 11 ตุลาคม 2567 ถึง 31 ธันวาคม 2567 เท่านั้น!
*กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว: อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงอยู่ระหว่าง 4.83% - 5.08% ต่อปี โดยอัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดี (Minimum Retail Rate: MRR) ปัจจุบันเท่ากับ 7.30% ต่อปี มีผลวันที่ 3 ตุลาคม 2566 ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยลอยตัว สามารถเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ตามประกาศของธนาคาร สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ SCB Call Center 02-777-7777
ดอกเบี้ยต่ำสุด 0% คงที่นาน 1 ปี เฉพาะลูกค้าที่ทำประกันชีวิต Credit Life ที่จองและทำสัญญาจะซื้อจะขาย ตั้งแต่วันที่ 11 ตุลาคม 2567 ถึง 31 ธันวาคม 2567 และจะต้องรับโอนกรรมสิทธิ์ภายใน 31 ธันวาคม 2567 หรือรับโอนกรรมสิทธิ์ภายในกำหนดในสัญญาจะซื้อจะขายเท่านั้น
“ธีระ ทองวิไล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) คว้าโล่ ประกาศเกียรติคุณเป็น “บุคคลตัวอย่างภาคธุรกิจแห่งปี 2024” ในภาคธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ จากโครงการ “บุคคลคุณภาพแห่งปี 2024” (Quality Persons of The Year 2024) ที่จัดขึ้นโดยมูลนิธิสภาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (มสวท.) ในฐานะบุคคลตัวอย่างภาคธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในการดำเนินชีวิต ทั้งการทำงาน ชีวิตส่วนตัว และการมุ่งมั่นทำคุณประโยชน์เพื่อสังคม
นายธีระ ทองวิไล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับคัดเลือกจาก มสวท. ให้เป็นบุคคลตัวอย่างแห่งปี ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความมุ่งมั่นในการทำงานเพื่อนำองค์กรไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยมีพันธกิจขององค์กรที่สำคัญ คือ การสร้างการอยู่อาศัยที่ “อยู่ดี มีสุข” ให้กับคนไทย โดยรางวัลนี้จะเป็นแรงบันดาลใจ เพื่อสร้างสิ่งดี ๆ และพัฒนาสิ่งใหม่ ๆ ในสายงาน เพื่อต่อยอดธุรกิจให้เติบโต ควบคู่กับการดำเนินงานตอบแทนสังคมและสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดียิ่งขึ้นให้สังคมไทยต่อไป”
นายธีระ ทองวิไล เป็นหนึ่งในแบบอย่างผู้นำในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่มีบทบาทสำคัญจากการต่อยอดพัฒนาแนวคิด “Better Home and Healthier Community” สร้างวิถีการอยู่อาศัยในสังคมแบ่งปัน โดยมีพื้นที่ส่วนกลางให้ทุกคนได้แบ่งสันปันส่วน เกิดวิถีชีวิตแบบเกื้อกูลในชุมชนสุขภาพดี พร้อมพัฒนาโครงการเพื่อตอบโจทย์ความต้องการ ด้วยการออกแบบที่อยู่อาศัยที่ใส่ใจเรื่องสุขภาพ ความสุข และคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้อยู่อาศัย โดยได้นำเทคโนโลยีระบบ Smart Home จากแอปพลิเคชัน MyHaus เข้ามาผนวกใช้ ในการออกแบบโครงการ เชื่อมโยงให้เป็นศูนย์กลางที่จะดูแลทั้งเรื่องความปลอดภัยภายในบ้าน และอำนวยความสะดวกสบายให้ลูกบ้านและนิติบุคคล สร้างมาตรฐานใหม่ของการอยู่อาศัย
ในส่วนของการอุทิศตนเพื่อสังคมนั้น นายธีระเป็นผู้นำในการจัดกิจกรรมที่เป็นประโยชน์มากมาย อาทิ โครงการสนามเด็กเล่นสร้างปัญญา ซึ่งเป็นต้นแบบสนามเด็กเล่นส่วนกลางตามรอย “เล่นตามพ่อ” โครงการพฤกษาใส่ใจสิ่งแวดล้อม โดยมอบโซลาร์เซลล์และกังหันน้ำโซลาร์เซลล์แก่ชุมชนตลอดแนวรังสิตคลองสาม โครงการพฤกษาใส่ใจ...คืนน้ำใสให้คูคลอง และคลองสวยน้ำใส ซึ่งได้ปรับทัศนียภาพหมู่บ้านกว่า 40 แห่งให้สวยงาม และโครงการพี่เหลือน้องขอ เพื่อรวบรวมสิ่งของเหลือใช้ส่งมอบให้มูลนิธิกระจกเงา เป็นต้น
สำหรับพิธีประกาศเกียรติคุณและมอบโล่เชิดชูเกียรติในโครงการ “บุคคลคุณภาพแห่งปี 2024” จัดโดยมูลนิธิสภาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (มสวท.) ซึ่งจัดมาตั้งแต่ปี 2553 จนถึงปัจจุบัน มีวัตถุประสงค์เพื่อประกาศเกียรติคุณและยกย่องบุคคลที่ประสบความสำเร็จในการดำเนินชีวิต ทั้งชีวิตส่วนตัว ชีวิตการทำงาน และการอุทิศตนทำกิจกรรมเพื่อประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติในด้านต่าง ๆ เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีต่ออนุชนรุ่นหลังให้เจริญรอยตามต่อไป