SCG HOME Online เปิดยอดขาย ‘โซลูชันปรับคุณภาพอากาศภายในบ้านจากเอสซีจี’ ได้แก่ SCG Active AirFlow System ระบบถ่ายเทและระบายอากาศ ช่วยให้บ้านเย็นลง 2-5 องศาเซลเซียส และ SCG Active Air Quality นวัตกรรมป้องกันมลพิษและเชื้อโรคไม่ให้เข้าบ้านตั้งแต่ต้น กรองฝุ่น PM 2.5 ได้ถึง 99% ซึ่งยอดขายเติบโตถึง 100% ในปีที่ผ่านมา เป็นผลมาจากสภาพอากาศที่ร้อนจัดจากวิกฤตโลกร้อน ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ทำให้การติดตั้งโซลูชันดังกล่าวเพื่อสร้างคุณภาพการอยู่อาศัยและสุขอนามัยที่ดีภายในบ้าน ได้รับความนิยมมากขึ้น มั่นใจว่ายอดขายทั้ง 2 โซลูชันผ่านช่องทาง SCG HOME Online ยังโตต่อเนื่องในปี 2567 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงการเข้าร่วมโครงการ Easy E-Receipt ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 15 กุมภาพันธ์ 2567 ซึ่งช่วยเพิ่มความคุ้มค่าในการจับจ่ายให้ลูกค้ามากยิ่งขึ้น สามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 50,000 บาท
SCG HOME Online ตอบโจทย์ทุกความต้องการเรื่องบ้าน ช้อปง่าย ๆ ผ่านช่องทางออนไลน์ ทั้งเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน โดยมียอดสั่งซื้อแล้วกว่า 250,000 รายการ มีสินค้าให้เลือกตั้งแต่วัสดุก่อสร้าง หลังคา ฝา ฝ้า พื้นกระเบื้อง พื้นไวนิล SPC เครื่องมือช่าง รวมไปถึงสินค้าที่ช่วยให้ชีวิตสะดวก สบาย และห่วงใยสิ่งแวดล้อม อาทิ เครื่องย่อยเศษอาหาร และเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV Charger) เสริมความครบครันด้วยเฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน อีกทั้งยังมีสินค้าพร้อมบริการติดตั้งคุณภาพดี มีรับประกัน อย่างชุดครัวสำเร็จรูป สำหรับสินค้าและบริการที่ขายดีนอกจากโซลูชันปรับคุณภาพอากาศภายในบ้านแล้ว ยังมี SCG Solar Roof Solutions ระบบหลังคาโซลาร์ ช่วยประหยัดค่าไฟได้สูงสุดถึง 60% ที่ให้บริการติดตั้งทั่วประเทศแล้วกว่า 1,500 หลังคาเรือน มียอดสั่งซื้อเพิ่มขึ้น 40% และ SCG Roof Renovations บริการติดตั้ง ซ่อมแซม ปรับปรุงหลังคา ซึ่งมียอดขายโตขึ้นกว่า 50%
ทั้งนี้ SCG HOME Online มีบริการตอบคำถามโดยทีม SCG HOME Contact Center ทุกวัน (8.30-20.00 น.) ทางโทรศัพท์ 02-586-1222 Line: @scghome และ Facebook Page: SCG Home
นายยูเซฟ อิล คัมริ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ที่ 2 จากซ้าย) และนางสาววรมน อิงคตานุวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการ และประธานเจ้าหน้าที่การเงิน (ที่ 1 จากซ้าย) บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้ลงทุนและพัฒนาธุรกิจโรงแรมในประเทศไทย ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น ประกอบธุรกิจโรงแรมด้วยมาตรฐานระดับสากลครอบคลุมตั้งแต่โรงแรมระดับ 5 ดาว จนถึงโรงแรมระดับบัดเจ็ท ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับ นายอรรถพงศ์ สถิตมโนธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ที่ 3 จากซ้าย) และนายอภิเชษฐ นุ้ยตูม รองประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ (ที่ 4 จากซ้าย) บริษัท เอสซีจี คลีนเนอร์ยี่ จำกัด ผู้ให้บริการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบครบวงจรกับกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม โรงแรม โรงพยาบาล และห้างสรรพสินค้า เพื่อนำเทคโนโลยีด้านพลังงานไฟฟ้าระบบ Smart Energy มาใช้ในโรงแรมและรีสอร์ตในเครือ “ดิ เอราวัณ กรุ๊ป” ยกระดับการใช้พลังงานหมุนเวียนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในธุรกิจการท่องเที่ยวและโรงแรม
ภายใต้ความร่วมมือนี้ ดิ เอราวัณ กรุ๊ป และเอสซีจี คลีนเนอร์ยี่ จะร่วมกันศึกษาและวางแผนการใช้พลังงานไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ด้วยเทคโนโลยีระบบเครือข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart Grid) ที่บริหารจัดการด้วย SCG Cleanergy Platform เพื่อนำมาใช้ภายในโรงแรมและรีสอร์ตในเครือ ดิ เอราวัณ กรุ๊ป ทั้งยังวางแผนเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) ตามเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ และสอดคล้องต่อเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero Emission ที่ประเทศไทยได้ให้คำมั่นไว้ว่าจะบรรลุเป้าหมายดังกล่าวภายในปี ค.ศ. 2065
ความร่วมมือด้านพลังงานสะอาดนี้ เป็นก้าวที่สำคัญของแผนการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของ ดิ เอราวัณ กรุ๊ป ในการเป็นผู้ลงทุนและพัฒนาธุรกิจโรงแรม ด้วยมาตรฐานการให้บริการระดับสากล ควบคู่ไปกับการบริหารจัดการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีอย่างมืออาชีพ และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
เอสซีจี มอบทุนการศึกษาในโครงการ Sharing the Dream ประจำปี 2566 ให้กับนักเรียนมัธยมตอนปลาย และนักศึกษาระดับปริญญาตรีกว่า 4,000 คน ในประเทศไทย เวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ กัมพูชา และสปป. ลาว มุ่งสนับสนุนเยาวชนที่ตั้งใจเรียน ความประพฤติดี และมีจิตอาสา เป็นทุนที่ไม่มีภาระผูกพัน ซึ่งเอสซีจีดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มโอกาสทางการศึกษา ลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ตามกลยุทธ์ ESG 4 Plus โดยมุ่งหวังให้เยาวชนใช้ความรู้ในการเลี้ยงดูตนเอง ครอบครัว และเป็นประโยชน์ต่อสังคม
เอสซีจี เชื่อว่าการสนับสนุนการศึกษา ช่วยลดความเหลื่อมล้ำ แก้ปัญหาสังคมได้ในระยะยาว ซึ่ง SCG ได้ร่วมกับหน่วยงานทางการศึกษาแต่ละประเทศ ดำเนินการมอบทุนการศึกษาในโครงการ Sharing the Dream ให้กับนักเรียนทั่วภูมิภาคอาเซียนมาแล้วกว่า 50 ปี ปัจจุบันมีเยาวชนที่จบการศึกษาแล้วประกอบอาชีพต่าง ๆ อาทิ แพทย์ วิศวกร ครู สถาปนิก นักวิทยาศาสตร์ นักวิชาการ นักโฆษณา และอื่น ๆ อีกมากมาย ถือเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาสังคม และประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้าต่อไปในอนาคต
สำหรับกลยุทธ์ ESG 4 Plus ของเอสซีจีเป็นแนวทางการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อมมาอย่างต่อเนื่อง ประกอบด้วย 1. มุ่ง Net Zero 2. GO Green 3. Lean เหลื่อมล้ำ และ 4. ย้ำร่วมมือ โดยยึดหลักความเชื่อมั่นและโปร่งใส เป็นหัวใจในการดำเนินธุรกิจ เพื่อส่งมอบโลกที่น่าอยู่และยั่งยืนให้คนรุ่นต่อไป