September 19, 2024

“KCG” บริษัท เคซีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้นำผลิตภัณฑ์อาหารตะวันตกเพื่อโมเดิร์นไลฟ์สไตล์ คว้ารางวัล InvestorsChoice Award ครั้งที่ 5 ประจำปี 2567 ด้วยคะแนนประเมินคุณภาพการจัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี (AGM) 100 คะแนนเต็ม ตั้งแต่ปีแรกที่เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ จากสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย (Thai Investors Association) ที่สะท้อนให้เห็นถึงการเป็นบริษัทที่โปร่งใส และปฏิบัติต่อผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้เสียอย่างเท่าเทียม รวมถึงการสื่อสารข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วน ซึ่งสอดคล้องกับหลักธรรมาภิบาลที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล 

นายดำรงชัย วิภาวัฒนกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เคซีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KCG กล่าวในโอกาสที่เป็นตัวแทนผู้บริหาร และพนักงาน 

บริษัทฯ รับรางวัล Investors’ Choice Award ครั้งที่ 5 ประจำปี 2567 ว่า 

“ปีนี้เป็นปีแห่งความภาคภูมิใจของ KCG ทั้งในเชิงผลประกอบการที่เติบโตสวนกระแส และการได้รับรางวัลอย่างต่อเนื่อง การได้รับรางวัล Investors’ Choice Award ด้วยคะแนน 100 เต็ม สำหรับการจัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี ตั้งแต่ปีแรกที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และเป็นเพียง 1 ใน 3 บริษัทเท่านั้นที่ผ่านการประเมินคุณภาพและสามารถได้รับรางวัลในปีนี้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ KCG ในการสร้างความโปร่งใสในการดำเนินงาน การปฏิบัติต่อผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้เสียอย่างเท่าเทียม และเป็นผลมาจากการที่บริษัทดำเนินการตามยุทธศาสตร์ทางธุรกิจ (7 Business Pillars) ที่ให้ความสำคัญทั้งเรื่องของคนและการเติบโตอย่างยั่งยืน ส่งผลให้ทั้งองค์กรเดินหน้าไปสู่เป้าหมายพร้อมกันทั้งในเชิงผลประกอบการและความเชื่อมั่นของนักลงทุน ซึ่งบริษัทจะตั้งใจดำเนินการตามยุทธศาสตร์ทางธุรกิจเช่นนี้ต่อไป”  

นายดำรงชัย กล่าว รางวัล Investors’ Choice Award เป็นอีกหนึ่งรางวัลที่สะท้อนถึงความสำเร็จอย่างต่อเนื่องของ KCG หลังจากได้รับเลือกให้เป็น 1 ในหลักทรัพย์ที่น่าลงทุนกลุ่ม ESG Emerging  

ปี 2567 จากสถาบันไทยพัฒน์ และการได้รับคัดเลือกให้เป็นหุ้นที่อยู่ในทำเนียบ ESG 100 ตั้งแต่ปีแรกที่หุ้น KCG เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงสะท้อนให้เห็นว่า KCG เป็นบริษัทจดทะเบียนที่น่าลงทุนและมีศักยภาพในการเติบโตอย่างยั่งยืน 

คาดการณ์ธนาคารกลางสหรัฐฯ เริ่มลดดอกเบี้ยในการประชุมรอบนี้ ส่งผลบวกต่อทุกสินทรัพย์ในระยะยาว มองเดือนกันยายนเป็นจังหวะทยอยสะสม “หุ้นเทคโนโลยี – หุ้นไทย – บิทคอยน์” โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเอไอที่ผลประกอบการไตรมาสล่าสุดเติบโตแทบทุกราย ส่วนบิทคอยน์มีสัญญาณบวกจากสถิติเดิม ปีที่เกิด Halving ราคาจะสิ้นสุดการพักฐานในเดือนกันยายนก่อนจะสร้างผลตอบแทนเป็นบวกสามเดือนติดต่อกัน ขณะที่หุ้นไทยเริ่มมีปัจจัยบวกหนุน

นายณพวีร์ พุกกะมาน นักลงทุนและผู้ก่อตั้ง Creative Investment Space (CIS) สถาบันให้ความรู้ด้านนวัตกรรมการลงทุนรูปแบบใหม่ เปิดเผยว่า ปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนต้องจับตาในเดือนกันยายนนี้ คือการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาที่จะมีขึ้นในวันที่ 18 -19 กันยายนนี้ โดยประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้ส่งสัญญาณมาก่อนหน้านี้แล้วที่การประชุมแจ็คสันโฮลว่านโยบายการเงินมีโอกาสที่จะเปลี่ยนทิศทางมาเป็นการลดดอกเบี้ยถ้าหากตัวเลขเศรษฐกิจอ่อนแอลง

ทั้งนี้ การประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร (Non-Farm Payroll) สัปดาห์ที่ผ่านมาออกมาต่ำกว่าที่คาดค่อนข้างมาก ทำให้ตลาดมีความกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะถดถอยจนต้องลดดอกเบี้ยในอัตรา 0.5% ในการประชุมเดือนนี้ทันที จึงเกิดแรงเทขายในตลาดหุ้นและสินทรัพย์อื่น ๆ

อย่างไรก็ตามคาดว่าตลาดได้ซึมซับกับข่าวและความน่าจะเป็นที่จะใช้ยาแรงด้วยการลดดอกเบี้ย 0.5% ไปแล้ว ถ้าหากการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อ หรือ CPI Index ในสัปดาห์นี้ออกมาต่ำกว่าที่คาดมากก็ไม่น่าจะสร้างความตกใจให้กับตลาดได้มากกว่านี้

“ในระยะกลาง การที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ เริ่มที่จะลดดอกเบี้ยลงจะเป็นผลดีต่อตลาดการลงทุนทั้งหมด แต่ในระยะสั้นอาจยังมีความผันผวน ถึงอย่างไรการที่ตลาดหุ้นและสินทรัพย์การลงทุนอื่นปรับฐานลงมาในช่วงเดือนกันยายน ถือเป็นโอกาสในการทยอยเข้าสะสม เพราะจากสถิติทุกปี เดือนกันยายนตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะให้ผลตอบแทนต่ำที่สุด แต่หลังจากนั้นในไตรมาสที่สี่จะสามารถสร้างผลตอบแทนได้เป็นอย่างดี”

โดยเฉพาะดัชนี Nasdaq หากมีการปรับฐานลงมา มองเป็นโอกาสในการเข้าลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีไม่ว่าจะเป็นกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ทั้ง 7 ตัว รวมถึงหุ้นที่เกี่ยวข้องกับเอไออื่น ๆ เพราะภาพรวมของการประกาศผลประกอบการของหุ้นที่เกี่ยวข้อง

กับเอไอ ยังคงทำได้ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดทั้งหมด รวมทั้งยังมองการเติบโตต่อในไตรมาสต่อไป แต่ราคาหุ้นปรับตัวลงมาเป็นไปตามภาวะตลาด

อาทิ หุ้น Nvidia ที่มีรายได้เพิ่มขึ้น 122% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของไตรมาสที่ผ่านมา กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่า และรายได้จากธุรกิจศูนย์ข้อมูลของ Nvidia ซึ่งรวมถึงโปรเซสเซอร์ AI เพิ่มขึ้น 154% จากปีที่ผ่านมา เป็นแรงหนุนสำคัญให้กับหุ้นเทคโนโลยีอื่น ๆ

ขณะที่หุ้น Tesla นักลงทุนกำลังมองข้ามยอดขายของรถยนต์ไฟฟ้าที่เติบโตลดลง และให้ความสำคัญกับการเปิดตัวธุรกิจใหม่ คือ Robotaxi หรือ แท็กซี่แบบไร้คนขับ ซึ่งถูกคาดหมายว่าจะเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้และทำกำไรให้กับ Tesla ในยุคต่อไป

ด้านสินทรัพย์อื่น ๆ ที่จะได้ประโยชน์จากการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะเริ่มลดดอกเบี้ยในช่วงเดือนกันยายนสามารถที่จะทยอยเข้าลงทุนได้ เช่น ทองคำ และบิทคอยน์ จากสถิติที่ผ่านมา ปีที่เกิดการ Halving และมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ราคาบิทคอยน์จะจบการปรับฐานในเดือนกันยายนและจะให้ผลตอบแทนเป็นบวกตลอดสามดือนสุดท้ายของปี และยังมีโอกาสที่จะเป็นขาขึ้นต่อเนื่องในปี 2025 จึงสามารถทยอยเข้าสะสมได้ โดยมีแนวรับไม่ต่ำกว่า 49,000 ดอลลาร์

ทางด้านตลาดหุ้นไทย เริ่มมีปัจจัยบวกเข้ามาไม่ว่าจะเป็นการได้รัฐบาลใหม่ การตั้งกองทุนวายุภักษ์ จนทำให้ดัชนี SET Index ปรับตัวขึ้นค่อนข้างแรงในสัปดาห์ที่ผ่านมา ในแง่ทางเทคนิคมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นแตะ 1,500 จุด ในปีนี้ เพราะมีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นขนาดใหญ่เป็นหลัก มองว่าเป็นโอกาสในการเข้าลงทุนในรูปแบบของการเก็งกำไรไปจนถึงสิ้นปีนี้ได้ แต่หลังจากนั้นต้องจับตาการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจใหม่ว่าจะทำให้จีดีพีสามารถเติบโตได้ต่อเนื่อง หรือไม่

“คาดว่าช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ตลาดการลงทุนมีโมเมนตัมที่ดีจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ มีโอกาสสูงที่จะเริ่มต้นลดดอกเบี้ย หลังจากนั้นต้องมาติดตามผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ว่าจะมีผลต่อสินทรัพย์ใดต่อไป”

บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารร้านเซเว่น อีเลฟเว่น เซเว่น เดลิเวอรี่ และผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) ขอบคุณนักลงทุนที่เข้ามาร่วมจองซื้อหุ้นกู้ชุดใหม่เต็มจำนวน 13,000 ล้านบาท ท่ามกลางสถานการณ์ความผันผวนของตลาดตราสารหนี้ไทย ตอกย้ำความเป็นผู้นำในธุรกิจค้าปลีกของประเทศที่มีสาขากระจายอยู่ทั่วประเทศกว่า 14,854 สาขา และความเชื่อมั่นจากนักลงทุน

บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการออกหุ้นกู้ทั้ง 4 ชุด โดยเสนอขายให้กับประชาชนเป็นการทั่วไป ได้แก่ หุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 4 ปี 4 วัน อัตราดอกเบี้ย 3.05% ต่อปี หุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.20% ต่อปี หุ้นกู้ชุดที่ 3 อายุ 8 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.55% ต่อปี หุ้นกู้ชุดที่ 4 อายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.75% ต่อปี โดยบริษัทฯ จะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ครั้งนี้ไปชำระคืนหุ้นกู้ของบริษัทฯ ที่จะครบกำหนดในเดือนสิงหาคม 2567 นี้

“บริษัทฯ ขอขอบคุณนักลงทุนทุกท่าน ที่ให้ความไว้วางใจเข้ามาร่วมลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัทฯ จนทำให้ยอดจองซื้อเต็มวงเงินที่เสนอขาย 13,000 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นถึงความมั่นใจของนักลงทุนที่มีต่อบริษัทฯ ที่เป็นผู้นำในธุรกิจค้าปลีกของประเทศภายใต้แบรนด์ “เซเว่น อีเลฟเว่น” และมีบริษัทย่อยที่เป็นผู้นำในธุรกิจค้าส่งของประเทศอีกด้วย โดยในการแสดงความจำนงจองซื้อหุ้นกู้ของนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนสหกรณ์ได้แสดงความสนใจเข้ามาเป็นจำนวนมากกว่า 5.6 เท่าของยอดที่จัดสรรให้ นอกจากนี้ บริษัทฯ ขอขอบคุณผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ทั้ง 4 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารไทยพาณิชย์ ที่ให้การสนับสนุนบริษัทฯ ด้วยดีเสมอมา โดยหลังจากนี้ บริษัทฯ จะยังคงเดินหน้าสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อสร้างความสะดวกกับทุกชุมชน ตามวิสัยทัศน์ของบริษัทฯ ต่อไป”

ผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้กล่าวเพิ่มเติมว่า “ทางผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ขอขอบคุณนักลงทุนทุกท่านที่ให้การตอบรับหุ้นกู้ของซีพี ออลล์ ในครั้งนี้เป็นอย่างดี ทำให้มียอดจองซื้อครบเต็มจำนวน 13,000 ล้านบาทตามที่บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายไว้ อีกทั้งหุ้นกู้ซีพี ออลล์ ในครั้งนี้ได้รับการปรับอันดับความน่าเชื่อถือเพิ่มมาอยู่ที่ระดับ “AA-” และมีแนวโน้มเป็น “คงที่” (Stable) เป็นทางเลือกในการลงทุนที่น่าสนใจโดยเฉพาะในช่วงที่สถานการณ์ตลาดตราสารหนี้มีความผันผวนสูง ซึ่งเหมาะสมเป็นอย่างยิ่งสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในหุ้นกู้ที่มีความมั่นคงสูง และขอเน้นย้ำเพิ่มเติมสำหรับนักลงทุนที่พลาดโอกาสการจองซื้อหุ้นกู้ซีพี ออลล์ ในครั้งนี้ ขอให้ผู้ลงทุนโปรดระวังมิจฉาชีพที่แอบอ้างชื่อ “ซีพี ออลล์” หลอกลงทุน โดยนำเสนอผลตอบแทนที่สูงเกินจริงผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ เช่น Facebook และแอปพลิเคชั่น LINE เป็นต้น ทั้งนี้ ช่องทาง CP ALL ของจริง ต้องมีสัญลักษณ์ติ๊กถูกสีฟ้า (Verified Account) เท่านั้น”

 บมจ.ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (UNIQ) บริษัทรับเหมาก่อสร้างชั้นนำของไทย ประกาศอัตราดอกเบี้ยสำหรับหุ้นกู้อายุ 3 ปี ที่จะเสนอขายแก่ผู้ลงทุนทั่วไปในระหว่างวันที่ 2-4 กันยายน 2567 ที่ 5.50% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน โดยสามารถจองซื้อผ่านสถาบันการเงิน 5 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง บล.บลูเบลล์ บล.เอเซีย พลัส และบล.หยวนต้า อันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้ที่ระดับ BBB- เป็น “ระดับลงทุน” ซึ่งสะท้อนขีดความสามารถในการแข่งขันของบริษัทฯ ในการรับงานก่อสร้างโครงการโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐขนาดใหญ่ มั่นใจตอบโจทย์ผู้ลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนที่ดี ในบริษัทที่มีความมั่นคง ด้วยมูลค่างานในมือ (Backlog) เกือบ 5 หมื่นล้านบาท ที่สามารถทยอยรับรู้รายได้จนถึงปี 2571   

นายเติมพงษ์  เหมาะสุวรรณ  รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส กลุ่มงานบัญชีและการเงิน บริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ UNIQ บริษัทรับเหมาก่อสร้างชั้นนำของไทย เปิดเผยว่า บริษัทฯ กำหนดอัตราดอกเบี้ยสำหรับหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ อายุ 3 ปี ในอัตรา 5.50% ต่อปี โดยจะเสนอขายแก่ผู้ลงทุนทั่วไป ในระหว่างวันที่ 2-4 กันยายน 2567 ผู้สนใจสามารถจองซื้อผ่านสถาบันการเงินที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ 5 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ บลูเบลล์ จำกัด  บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด และ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด  

“นอกเหนือจากอัตราผลตอบแทนที่จูงใจผู้ลงทุนแล้ว ที่ผ่านมาผู้ที่เคยลงทุนในหุ้นกู้ UNIQ มีความพึงพอใจที่ได้รับดอกเบี้ยอย่างสม่ำเสมอทุกๆ 3 เดือน ไม่เคยมีประวัติผิดนัดหรือเลื่อนชำระดอกเบี้ย ซึ่งทำให้มั่นใจว่า หุ้นกู้ชุดใหม่นี้จะได้รับความสนใจและการตอบรับจากผู้ลงทุนเป็นอย่างดีเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา อีกทั้งอายุหุ้นกู้ 3 ปี เป็นรุ่นที่ตรงกับความต้องการของผู้ลงทุนส่วนใหญ่ด้วย” นายเติมพงษ์กล่าว 

 

ทั้งนี้ หุ้นกู้ UNIQ ชุดนี้ ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ BBB- จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2567 ซึ่งเป็น “ระดับลงทุน” (Investment grade) ขณะที่อันดับความน่าเชื่อถือองค์กรอยู่ที่ BBB ซึ่งสะท้อนขีดความสามารถในการแข่งขันของบริษัทฯ ในการรับงานก่อสร้างโครงการโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐขนาดใหญ่และมีมูลค่างานในมือ (Backlog) จำนวนมาก โดย ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567 มีมูลค่างานคงเหลือที่รอการส่งมอบและรับรู้รายได้จำนวน 49,574.45 ล้านบาท ซึ่งสามารถทยอยรับรู้รายได้จนถึงปี 2571 ขณะที่ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในไตรมาสแรก (ม.ค.-มี.ค.) ปี 2567 มีกำไรสุทธิ 34.09 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2566 ถึง 133.41% โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการที่บริษัทฯ มีโครงการที่มีลักษณะการทำงานคล้ายๆ กัน ทำให้การบริหารรวมถึงการใช้เครื่องจักรเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และการซื้อวัสดุก่อสร้างในปริมาณมากๆ ทำให้บริษัทฯ มีขีดความสามารถในการจัดซื้อวัสดุก่อสร้างในราคาที่ลดลงได้ 

นอกจากนี้ การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐจะส่งผลดีกับบริษัทฯ ในระยะต่อไปอีกด้วย โดยบริษัทฯ ได้เข้าร่วมประมูลงานต่างๆ ของภาคราชการและรัฐวิสาหกิจอย่างต่อเนื่อง และมั่นใจว่าจะได้รับงานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยความเชี่ยวชาญของ UNIQ ที่เป็นผู้ประกอบการธุรกิจรับเหมาก่อสร้างชั้นนำของไทย ที่มีความสามารถดำเนินโครงการขนาดใหญ่ มูลค่าโครงการสูง หรือเป็นโครงการที่ต้องอาศัยความชำนาญหรือเทคโนโลยีเฉพาะด้าน  เช่น สถานีกลางบางซื่อ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย และยังเป็นผู้เชี่ยวชาญงานก่อสร้างสะพานโครงสร้างเหล็กและสะพานโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก งานก่อสร้างอุโมงค์รถยนต์ลอดใต้ทางแยก งานก่อสร้างทางพื้นคอนกรีตเสริมเหล็กและแอลฟัลท์ติกคอนกรีต งานระบบสาธารณูปโภคใต้ดิน ทั้งไฟฟ้า ประปา และโทรศัพท์  

ผู้ลงทุนที่สนใจหุ้นกู้ UNIQ สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.sec.or.th หรือติดต่อสถาบันการเงินที่ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ ดังนี้ 

สำหรับผู้ลงทุนทุกประเภท (ผู้ลงทุนทั่วไปและผู้ลงทุนสถาบัน) 

ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือโทร 0-2111-1111 โดยบุคคลธรรมดาสามารถจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน Money Connect by Krungthai บนแอปพลิเคชัน Krungthai Next 

ซีพี ออลล์” ผู้บริหารร้านเซเว่น อีเลฟเว่น  เซเว่น เดลิเวอรี่ และผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) เตรียมออกหุ้นกู้เสนอขายแก่ประชาชนเป็นการทั่วไป จำนวน 4 ชุด อายุหุ้นกู้ตั้งแต่ 4 ปี 4 วัน ถึง 10 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ระหว่าง 3.05 – 3.75% ต่อปี โดยหุ้นกู้ที่เสนอขายครั้งนี้ได้รับการปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ที่ระดับ “AA-” แนวโน้ม “คงที่” (Stable) จากทริสเรทติ้ง สะท้อนถึงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้นของบริษัท ทั้งจากระดับกำไรที่ปรับตัวดีขึ้นและอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินที่ลดลง เตรียมเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 19 - 21 สิงหาคม 2567 ผ่านสถาบันการเงินชั้นนำ 4 แห่ง รวมถึงขายผ่านแอปพลิเคชั่น TrueMoney Wallet พร้อมเตือนนักลงทุนให้ระมัดระวังมิจฉาชีพหลอกลงทุน 

นายเกรียงชัย บุญโพธิ์อภิชาติ Chief Financial Officer บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ซีพี ออลล์” กำหนดอัตราดอกเบี้ยสำหรับหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ จำนวน 4 ชุด ประกอบด้วย หุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 4 ปี 4 วัน อัตราดอกเบี้ย 3.05% ต่อปี หุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.20% ต่อปี หุ้นกู้ชุดที่ 3 อายุ 8 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.55% ต่อปี และหุ้นกู้ชุดที่ 4 อายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.75% ชำระดอกเบี้ยทุก ๆ 6 เดือน โดย“ซีพี ออลล์” จะเสนอขายหุ้นกู้ดังกล่าวให้แก่ประชาชนเป็นการทั่วไป ระหว่างวันที่ 19-21 สิงหาคม 2567 ผ่านสถาบันการเงินชั้นนำ 4 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารไทยพาณิชย์ รวมทั้งเสนอขายผ่านแอปพลิเคชั่น TrueMoney Wallet 

หุ้นกู้ “ซีพี ออลล์” ที่จะเสนอขายในครั้งนี้ ได้รับการปรับเพิ่มอันดับเครดิต จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2567 มาอยู่ที่ระดับ “AA-” แนวโน้มอันดับเครดิตเป็น “คงที่” (Stable) จากระดับ “A+” สะท้อนถึงสถานะการเงินที่แข็งแกร่งขึ้น มีระดับกำไรที่ปรับตัวดีขึ้น และอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินที่ลดลง และยังแสดงให้เห็นถึงการเติบโตของธุรกิจอย่างต่อเนื่อง จากการมีสาขาที่ครอบคลุมทั่วประเทศ และมีธุรกิจสนับสนุนที่เข้มแข็ง รวมถึงแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ประสบความสำเร็จ 

ด้านสถาบันการเงินผู้จัดจำหน่ายหุ้นกู้ เชื่อมั่นว่าหุ้นกู้ “ซีพี ออลล์” จะได้รับการตอบรับจากผู้ลงทุนเป็นอย่างดี เนื่องจากธุรกิจของ “ซีพี ออลล์” ซึ่งเป็นที่รู้จักในแบรนด์ “เซเว่น อีเลฟเว่น” เป็นแบรนด์ที่ประชาชนทั่วไปคุ้นเคย เข้าถึงสินค้าและบริการได้สะดวกในทุกช่องทาง ขณะเดียวกัน ผู้ลงทุนยังมั่นใจในโอกาสและศักยภาพการเติบโตของ“ซีพี ออลล์” ซึ่งการออกและเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้ มั่นใจว่า ด้วยอัตราดอกเบี้ยของหุ้นกู้ “ซีพี ออลล์” ภายใต้อันดับความน่าเชื่อถือใหม่ที่ปรับเพิ่มมาอยู่ระดับ “AA-” แนวโน้มเป็น “คงที่” (Stable) จะเพิ่มความน่าสนใจมากยิ่งขึ้นอีกสำหรับผู้ลงทุนที่มองหาการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจ ภายใต้ความเสี่ยงที่ยอมรับได้ พร้อมขอเน้นย้ำเพิ่มเติมให้ผู้ลงทุนโปรดระวังมิจฉาชีพที่แอบอ้างชื่อ “ซีพี ออลล์” หลอกลงทุน โดยนำเสนอผลตอบแทนที่สูงเกินจริงผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ เช่น Facebook และแอปพลิเคชั่น LINE เป็นต้น ทั้งนี้ ช่องทาง CP ALL ของจริง ต้องมีสัญลักษณ์ติ๊กถูกสีฟ้า (Verified Account) เท่านั้น  

ผู้ลงทุนที่สนใจลงทุนในหุ้นกู้ “ซีพี ออลล์” ที่ต้องการความมั่นใจว่าจะไม่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ สามารถสอบถามผ่านสถาบันการเงินทั้ง 4 แห่งที่เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ในครั้งนี้

Page 1 of 13
X

Right Click

No right click