September 19, 2024

ไทยพาณิชย์จับจังหวะเทรนด์การซื้อขายตราสารหนี้ภาคเอกชนในตลาดรองฉายแววเด่น เพราะมีสภาพคล่องสูง เพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นตามเป้าหมายของผู้ลงทุน เปิดตัวบริการใหม่ “ซื้อ-ขายหุ้นกู้ตลาดรองผ่านบัญชีหุ้นกู้ EASY-D” คัดสรรหุ้นกู้คุณภาพดี (Investment Grade) ให้ผู้ลงทุนรายย่อยช้อปหุ้นกู้มากมาย บน SCB EASY เพียงมีบัญชีหุ้นกู้ EASY-D สามารถซื้อขายได้ตลอด 24 ชั่วโมง ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การลงทุนยุคดิจิทัลที่ต้องการความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย สอดคล้องกลยุทธ์ “Digital Bank with Human Touch” ดิจิทัลแบงก์อันดับหนึ่งด้านการบริหารความมั่งคั่ง พร้อมมอบประสบการณ์การให้บริการที่เชื่อมถึงกันอย่างไร้รอยต่อในทุกช่องทางให้กับลูกค้า

นายแพททริก ปูเลีย ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ปัจจุบัน นักลงทุนรายย่อยเริ่มให้ความสำคัญกับการลงทุนในหุ้นกู้ เนื่องจากเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ และยังได้รับผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝาก และพันธบัตรรัฐบาล โดยในปี 2566 ที่ผ่านมา ผู้ลงทุนรายย่อยเป็นผู้ถือหุ้นกู้เอกชนในสัดส่วนสูงที่สุดที่ประมาณ 39% ของตลาด ด้วยมูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 626,000 ล้านบาท

ปีที่ผ่านมา ธนาคารได้เปิดบริการบัญชีหุ้นกู้ EASY-D โดยผู้ลงทุนสามารถรวมหุ้นกู้ทั้งในรูปแบบใบหุ้นกู้และไร้ใบ และรับโอนหุ้นกู้จากที่อื่นมาฝากในบัญชีหุ้นกู้ EASY-D ไว้ในที่เดียว โดยได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มนักลงทุนรายย่อยในการลงทุนผ่าน SCB EASY เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกทางด้านซื้อ-ขาย หุ้นกู้ให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ธนาคารจึงได้เปิดตัวบริการใหม่ “ซื้อ-ขายหุ้นกู้ตลาดรองผ่านบัญชีหุ้นกู้ EASY-D” เพื่อเพิ่มทางเลือกการลงทุนให้แก่ผู้ลงทุนรายย่อยเปลี่ยนเงินออมมาเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้น โดยคัดสรรหุ้นกู้คุณภาพดี (Investment grade) ให้แก่ลูกค้า และเพิ่มสภาพคล่องในการลงทุนให้แก่ลูกค้าที่เป็นผู้ถือหุ้นกู้ อีกทั้งตอบรับผู้ลงทุนรายย่อยที่ให้ความสนใจซื้อขายหุ้นกู้เอกชนในตลาดรองมากขึ้นด้วยเช่นกัน เพราะซื้อขายเปลี่ยนมือได้ตลอดเวลา นอกจากนี้ ยังช่วยให้ผู้ลงทุนที่มีความต้องการหุ้นกู้ แต่ในเวลานั้นยังไม่มีเสนอขายในตลาดแรก สามารถเข้าถึงหุ้นกู้ได้อย่างง่ายดาย รวดเร็ว และปลอดภัย ซึ่งธนาคารคาดหวังว่าบริการ “ซื้อ-ขายหุ้นกู้ตลาดรองผ่านบัญชีหุ้นกู้ EASY-D” จะมีส่วนในการขยายจำนวนลูกค้าผู้ลงทุนรายย่อยใน SCB EASY ให้เติบโตต่อเนื่อง และสนับสนุนรายได้ดิจิทัลรวมของธนาคารตามเป้าหมายที่วางไว้ 25% ในปี 2568

ลูกค้าที่ต้องการซื้อขายหุ้นกู้ตลาดรองที่มีบัญชีหุ้นกู้ EASY-D สามารถทำรายการได้ทันทีผ่านทาง SCB EASY และสำหรับลูกค้าที่ยังไม่มีบัญชีหุ้นกู้ EASY-D สามารถลงทะเบียนเปิดบัญชีหุ้นกู้ EASY-D ทาง SCB EASY จากนั้นทำรายการซื้อขายได้ทันทีเช่นเดียวกัน โดยซื้อ-ขายได้ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งหลังจากที่ลูกค้าทำรายการซื้อหรือขายด้วยตัวเองบน SCB EASY ระบบจะตัดเงินจากบัญชีที่ลูกค้าเลือกเพื่อชำระค่าซื้อ หรือโอนเงินค่าขายเข้าบัญชีลูกค้า โดยลูกค้าจะได้รับอัพเดตหุ้นกู้ และได้รับแจ้งเตือนทางอีเมล ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์นักลงทุนในยุคดิจิทัล และสอดคล้องกลยุทธ์ “Digital Bank with Human Touch” ดิจิทัลแบงก์อันดับหนึ่งด้านการบริหารความมั่งคั่ง พร้อมมอบประสบการณ์การให้บริการที่เชื่อมถึงกันอย่างไร้รอยต่อในทุกช่องทางให้กับลูกค้า

ดั๊บเบิ้ล เอ ปิดการจำหน่ายหุ้นกู้มูลค่ารวม 2,500 ล้านบาทได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อความแข็งแกร่งและศักยภาพการเติบโตของ ดั๊บเบิ้ล เอ และที่มีต่อตลาดทุนของประเทศไทย

บริษัท ดั๊บเบิ้ล เอ (1991) จำกัด (มหาชน) ประสบความสำเร็จในการออกและเสนอขายหุ้นกู้ของบริษัทฯ ระหว่างวันที่ 1-4 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา มียอดจองซื้อหุ้นกู้เกินกว่าจำนวนที่เสนอขายที่ตั้งไว้ 2,500 ล้านบาท ส่งผลให้หุ้นกู้ทั้ง 2 ชุด ได้แก่ หุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 3 ปี 9 เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 4.95 ต่อปี และหุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 5.80 จำหน่ายหมดภายในเวลาอันรวดเร็ว
นายโยธิน ดำเนินชาญวนิชย์ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ดั๊บเบิ้ล เอ (1991) จำกัด (มหาชน)
กล่าวว่า การเสนอขายหุ้นกู้ครั้งนี้ ให้กับนักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบัน ได้รับความสนใจซื้อจากนักลงทุนทั้งจากรายเดิมและรายใหม่เกินจำนวนที่ออกจำหน่าย สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อความแข็งแกร่งของบริษัทฯ และศักยภาพในการเติบโตของธุรกิจ ดั๊บเบิ้ล เอ
“ในนามตัวแทนของ ดั๊บเบิ้ล เอ ขอขอบคุณนักลงทุนทุกท่านที่ได้รับการจัดสรร และผู้ที่แสดงความจำนงเป็นจำนวนมาก ที่เชื่อมั่นและให้ความไว้วางใจ เรายังคงมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจที่สอดคล้องกับแนวทาง ESG ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และหลักธรรมาภิบาล เพื่อให้ ดั๊บเบิ้ล เอ เป็นแบรนด์คุณภาพชั้นนำที่ครองใจผู้บริโภคทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง” นายโยธินกล่าว

นายณัฐพศิน เชฎฐ์อุดมลาภ (ที่ 2 จากขวา) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ นางบุษกร กอดำรงค์ (ขวาสุด) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารทางการเงิน บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด (WEH) พร้อมด้วย นายชัยพัชร์ นาคมณฑนาคุ้ม (กลาง) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม นายจิตวิสุทธิ์ พู่มนตรี (ที่ 2 จากซ้าย) ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายธุรกิจหลักทรัพย์ตราสารหนี้ และ นายเฉลิมพล เทพกมล (ซ้ายสุด) ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายธุรกิจหลักทรัพย์ตราสารหนี้ บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) ร่วมนำเสนอข้อมูลเสนอขายหุ้นกู้ของบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด ครั้งที่ 1/2567 โดยครบกำหนดไถ่ถอนปี 2569 อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 6.75 ต่อปี ชำระดอกเบี้ยทุก 3 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้แก่ผู้แนะนำการลงทุน และ นักลงทุนที่สนใจ ณ สำนักงานบริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) เมื่อเร็วๆนี้

TWZ ประกาศความพร้อม! เตรียมเงินไถ่ถอนหุ้นกู้แปลงสภาพฯ ที่จะครบกำหนดทั้งจำนวน ในวันที่ 21 มิ.ย.2567 วงเงิน 208.88 ล้านบาทเรียบร้อยแล้ว ตอกย้ำความมั่นใจผู้ลงทุน พร้อมเดินหน้าสร้างโอกาสในการเติบโตของธุรกิจ ด้วยการรุกขยายสู่โครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ รวมถึงธุรกิจคลังสินค้า ขนส่ง และโลจิสติกส์

หลังจากประสบความสำเร็จจากการจัดตั้งและบริหารศูนย์ทดสอบความรู้ ที่สร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง ขณะที่ธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม ยังคงได้รับความไว้วางใจจากผู้ให้บริการเครือข่ายอันดับหนึ่งอย่าง “เอไอเอส” ที่ให้การสนับสนุนอย่างเหนียวแน่น

นายพุทธชาติ รังคสิริ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ทีดับบลิวแซด คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TWZ เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทฯ ได้ออกและเสนอขายหุ้นกู้แปลงสภาพครั้งที่ 1/2564 โดยจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ ทั้งจำนวนตามสัดสัดส่วนการถือหุ้น (Right Offering) นั้น บริษัทฯ ขอแจ้งให้ทราบว่า หุ้นกู้แปลงสภาพชุดดังกล่าวจะครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ 21 มิถุนายน 2567 ซึ่งบริษัทฯ ได้เตรียมเงินสำหรับการไถ่ถอนทั้งจำนวนเป็นวงเงิน 208.88 ล้านบาทไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ผู้ลงทุนหุ้นกู้แปลงสภาพของ TWZ สามารถมั่นใจได้ว่า บริษัทฯ จะดำเนินการไถ่ถอนหุ้นกู้ที่ครบกำหนดทั้งจำนวนอย่างแน่นอน โดยบริษัทฯ ได้เตรียมวงเงินสำหรับการไถ่ถอนไว้เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ ที่ผ่านมา บริษัทฯ เดินหน้าขยายธุรกิจและมองหาโอกาสที่จะสร้างการเติบโต เพื่อความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ พร้อมๆ ไปกับความแข็งแกร่งทางการเงิน แม้ว่า จะมีปัจจัยท้าทายหลายประการ แต่ TWZ ยังคงรักษาความสามารถในการเติบโตทั้งในธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม รวมถึงธุรกิจอื่นๆ ที่เราเชื่อว่า มีศักยภาพในการเติบโตไว้ได้” นายพุทธชาติกล่าว

ก่อนหน้านี้ TWZ ได้ขยายธุรกิจไปสู่ธุรกิจจัดตั้งและบริหารจัดการศูนย์เรียนรู้และทดสอบด้วยระบบดิจิทัลและ AI เต็มรูปแบบ โดยร่วมกับ “ดิจิตอล เอ็ดดูเคชั่น” หรือ DE ผู้เชี่ยวชาญในการจัดการเรียนรู้ การจัดสอบรูปแบบดิจิทัลและระบบ AI จัดตั้งและบริหาร “ศูนย์การเรียนรู้และการทดสอบดิจิทัล สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร” หรือ PNRU DLEx Center ซึ่งเป็นศูนย์ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ด้านการเรียนรู้และการทดสอบที่ทันสมัยและใหญ่ที่สุดแห่งแรกในประเทศไทย ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากหน่วยงานรัฐและเอกชนในการใช้บริการศูนย์สอบ ที่สามารถสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง

ล่าสุด TWZ กำลังเตรียมขยายสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์กับการลงทุนพัฒนาโครงการ “เจ็ท วิลล่า เรสซิเด้นซ์” (Jet Villa Residence) ซึ่งเป็นโครงการเจ็ท วิลล่า ส่วนตัว (Private Jet) บนเนื้อที่ 1,000 ไร่ มูลค่าโครงการ 2,000-3,000 ล้านบาท โดยได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) กับผู้ร่วมทุนเรียบร้อยแล้ว พร้อมทั้งกำลังศึกษาการขยายสู่ธุรกิจคลังสินค้า ขนส่ง และโลจิสติกส์ ในอนาคต

ขณะที่ธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของ TWZ ยังคงสร้างการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นธุรกิจที่อยู่ในกระแส โดยที่บริษัทฯ ยังคงได้รับความไว้วางใจจากผู้ให้บริการเครือข่ายอันดับหนึ่งอย่างบริษัท แอดวานซ์ อินโฟ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ “เอไอเอส” ที่ให้การสนับสนุนในฐานะพันธมิตรที่สำคัญอย่างเหนียวแน่น

“สกาย กรุ๊ป”  ผ่านเข้า SET100  เผยผลงานเติบโตโดดเด่น  สะท้อนจุดยืนการเป็นผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยีเกี่ยวกับอุตสาหกรรมการบิน พร้อมการรักษาความปลอดภัยอัจฉริยะ และแพลตฟอร์มดิจิทัล โดยได้รับการคัดเลือกให้เป็นบริษัทจดทะเบียนในดัชนี SET100 ประจำปี 2567 ซึ่งเป็นดัชนีที่รวบรวมบริษัทที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดสูง 100 อันดับแรกของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

การเข้าสู่ดัชนี SET100 ถือเป็นเครื่องบ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งทางการเงินและศักยภาพในการเติบโตของบริษัท โดยเกณฑ์การคัดเลือกบริษัทเข้าสู่ดัชนี SET100 นั้นประกอบด้วย มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยรายวัน (Average Daily Trading Value) สภาพคล่องของหุ้น (Free Float) การติดดัชนี SET100 ของ SKY เป็นการตอกย้ำถึงความแข็งแกร่งของสกายกรุ๊ป ในฐานะผู้ให้บริการโซลูชันด้านไอซีทีชั้นนำของประเทศ และเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตของบริษัทอย่างมั่นคงในอนาคต

นายสิทธิเดช มัยลาภ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือ สกาย กรุ๊ป (SKY Group) กล่าวว่า การที่ SKY ได้รับคัดเลือกให้เป็นบริษัทจดทะเบียนในดัชนี SET100 นับเป็นความสำเร็จที่สำคัญอีกครั้งหนึ่งของบริษัท ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่องของรายได้และกำไรของสกาย กรุ๊ป โดยบริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืนและสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นในระยะยาว และการเข้าสู่ดัชนี SET100 จะช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศมากขึ้น บริษัทฯ ขอขอบคุณตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่คัดเลือกหลักทรัพย์ SKY เป็น 1 ใน 9 บริษัทที่เข้าคำนวณดัชนี SET 100 ในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 (1 กรกฎาคม-31 ธันวาคม 2567) นับเป็นความภูมิใจและอีกหนึ่งก้าวสำคัญของ SKY และขอขอบคุณผู้ถือหุ้นทุกคนที่เชื่อมั่นในบริษัทฯ

บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังจะได้ตามเป้าหมาย เนื่องจากการเติบโตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และการเดินทางเข้า-ออกของผู้โดยสาร โดยสถิติของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยใน 5 เดือนแรกของปี 2567 มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสมประมาณ 14.7 ล้านคน โตจากช่วงเดียวกันของปี 2566 ถึง 38% ส่งผลให้รายได้ของ SKY เติบโต นอกจากนี้ บริษัทลูกก็มีแผนที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นบริษัท โปร อินไซด์ จำกัด (มหาชน) ที่พร้อมระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ในปีนี้ และประมูลงานภาครัฐ หรือบริษัท เมทเธียร์ จำกัด ที่เป็นกำลังหลักในการบุกภาคเอกชนด้วยธุรกิจให้บริการการบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์อัจฉริยะ พร้อมขยายฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่องด้วยบุคลากรมืออาชีพและเทคโนโลยีระดับโลก

X

Right Click

No right click