มาลงทุนด้วยกัญ
อย่างที่บอกไปแล้วว่าโลกขณะนี้มีคลื่นใหญ่หลายคลื่นกำลังถาโถมอยู่ แต่มีอยู่สองคลื่นที่เรารู้ค่อนข้างแน่แล้วว่ามันจะต้องเป็นไปตามนั้น และไม่มีอะไรจะขวางไว้ได้ นั่นคือ “เงินดิจิทัล” และ “กัญชาเสรี”
เดี๋ยวนี้ถ้ามีนักการเมืองหรือเซเลบคนไหนไปบอกต่อสาธาณะว่า “กัญชา คือ ยาเสพติด” มีหวังต้องถูกโห่หาป่า หาว่าท่านไปอยู่หลังเขาที่ไหนกันมาเหรอ ถึงได้ไม่รู้ว่ามีงานวิจัยจำนวนมากมายมหาศาลที่บอกว่า กัญชามีคุณในทางการแพทย์ ช่วยรักษาบรรเทาได้ทั้งโรคทางจิต เช่น โรคกังวลหรือผวารุนแรง โรคซึมเศร้า หรือแม้กระทั่งโรคมะเร็ง และเสพแล้วไม่ได้ “ติด” อย่างที่เคยเข้าใจ
แฟชั่นกัญชามันเปลี่ยนไปแล้ว จากคนเจนเนอเรชั่นเก่าที่เคยมองกัญชาในแง่ร้าย กลายมาเป็นของที่พึงปรารถนาของคนรุ่นนี้
เมืองไทยเองก็กำลังแก้ไขกฎหมายให้ไปในทางนำเอากัญชามาใช้ในวงการแพทย์ได้ แม้จะยังไม่ได้อนุญาตให้นำมาใช้เพื่อการพักผ่อนหย่อนใจหรือบริโภคกันทั่วไปได้ (เช่นเดียวกับแอลกอฮอล์ คาเฟอีน และนิโคติน ซึ่งเป็นสารกระตุ้นที่นิยมบริโภคเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจหรือสันทนาการ ผ่านเครื่องดื่มอย่าง เหล้า เบียร์ ไวน์ กาแฟ ชา น้ำอัดลม และบุหรี่)
อีกไม่นาน เราคงจะได้เห็นกิจการขนาดใหญ่และบรรดา Start-Up ที่ทำงานทางด้านกัญชาเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก และแน่นอนว่าต้องมีนักลงทุนที่สนใจลงทุนทางด้านนี้ ทั้งในเชิงส่วนตัวและผ่านกองทุน Venture Capital Funds หรือ Private Equities ต่างๆ เหมือนกับในต่างประเทศ
ทีนี้ สำหรับคนทั่วไปที่เห็นแล้วว่าแนวโน้มอันนี้มันต้องมาแน่ และต้องการเอาประโยชน์กับกระแสนี้บ้าง อยากจะลงทุนกับกระแสนี้ หรือเก็งกำไรนิดๆ หน่อยๆ เผื่อว่าเมื่อถึงเวลาที่กัญชากลายเป็น Mainstream อย่างเต็มตัวเมื่อไหร่ ก็คิดว่าจะได้กำไรติดปลายนวมกับเขาบ้าง หรือแม้แต่ต้องการสนับสนุนผู้ประกอบการในสายนี้ ด้วยการช่วยลงทุนกับกิจการที่ดีและมีอนาคต...จะทำอะไรได้บ้าง
ไม่ยากค่ะ!!
ลองดูกองทุน ETF กองนี้ดู Horizons Marijuana Life Sciences Index ETF (HMLSF)
ที่แนะนำกองทุนเพราะคิดว่า การลงทุนกับกิจการกัญชาโดยตรงค่อนข้างเสี่ยง เพราะมันเป็นธุรกิจใหม่ และเป็นธรรมดาของหุ้นแนวใหม่ที่มักมีการเก็งกำไรกันแยะ และเนื่องจากอุตสาหกรรมนี้ยังใหม่มาก กฎหมายของแต่ละประเทศก็ยังไม่แน่นอน อีกทั้งแนวปฏิบัติของอุตสาหกรรมก็ยังไม่ลงตัว ราคาหุ้นเวลาขึ้นก็มักจะขึ้นตามข่าวดี และขึ้นเป็นฟองสบู่เกินพื้นฐานรายได้และศักยภาพในการทำกำไรของกิจการนั้นๆ ไปมาก เพราะคนเห่อกระแสกัญชา แต่พอราคาขึ้นไปมาก และคนเริ่มตระหนักว่ามันเป็นการเกินพื้นฐาน ก็มักมีการถล่มขาย ทำให้ราคาหวือหวามาก การลงทุนโดยตรงจึงค่อนข้างเสี่ยง
กองทุนนี้ลงทุนกับหุ้นกัญชาของสหรัฐฯ และแคนาดา เพราะแคนาดานั้นเป็นประเทศที่เปิดเสรีกัญชาเต็มที่แล้ว ทั้งทางการแพทย์และการบริโภคเพื่อหย่อนใจ ส่วนสหรัฐฯ นั้น แม้กัญชาจะยังผิดกฎหมายในระดับประเทศอยู่ (Federal) ทว่าในหลายๆ รัฐก็ได้ออกกฎหมายรองรับกัญชาเสรีแล้ว อ่อนแก่ต่างกันออกไป
ข้อดีของการลงกับกอง ETF กองนี้คือราคามันปรับตัวลงมาพอควรในช่วงก่อนหน้านี้ และมันยังมีแง่มุมให้เก็งกำไรต่ออีเว้นท์สำคัญในอนาคตได้อยู่
นั่นคือ การเปิดเสรีในระดับประเทศโดยรัฐบาลกลางของสหรัฐฯ ซึ่งนักลงทุนล้วนเก็งเรื่องนี้กันอยู่แยะ เพราะหากว่ามีการเปิดจริงๆ อุตสาหกรรมกัญชาจะเปลี่ยนหน้ามือเป็นหลังมือเลย เงินลงทุนคงจะทะลักเข้าอเมริกาอีกมากโข และ Start-Up ซึ่งจะทำเรื่องนี้ก็จะเติบโตได้มาก
New Frontier Data ประเมินว่าตลาดกัญชาโลก (ทั้งที่ถูกและผิดกฎหมาย) น่าจะมีมูลค่าถึง สามแสนสี่หมื่นกว่าล้านเหรียญฯ เป็นอย่างต่ำ หรือประมาณ 9 ล้านล้านบาทโดยประมาณ
Merrill Lynch วาณิชธนกิจรายใหญ่ของโลก ประเมินว่า “กัญชาเสรี” จะ Disrupt อุตสาหกรรมต่างๆ ที่มีอยู่ถึง 2.6 ล้านล้านเหรียญฯ ในรอบอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้ (เขาหมายรวมถึงอุตสาหกรรมแอลกอฮอล์และบุหรี่ รวมทั้งอาหารเสริมต่างๆ ที่จะถูกกระทบโดยกัญชา และสินค้าที่มีสารซึ่งสกัดจากกัญชาผสมอยู่)
อย่างว่า สหรัฐฯ เป็นผู้นำโลกโดยเฉพาะในเรื่องธุรกิจ การเงิน และการลงทุน ดังนั้น ถ้าสหรัฐฯ เคลื่อนไหวไปทางไหน โลกก็มักจะเคลื่อนตาม
แม้สหรัฐฯ จะยังไม่เปิดเสรีกัญชาในระดับประเทศก็ตาม ทว่าสถิติการขึ้นทะเบียนสิทธิบัตรทางปัญญาในเรื่องเกี่ยวกับกัญชาก็เพิ่มขึ้นมาก แสดงถึงแนวโน้มการเติบโต แม้จะยังมีกฎหมายระดับประเทศเหนี่ยวรั้งอยู่ก็ตาม (ในระหว่างปี ค.ศ. 2016-2018 มีการจดทะเบียน 800 สิทธิบัตร ถือว่าเพิ่มขึ้นจากช่วงปี ค.ศ. 2013-2015 ถึง 50% เพราะช่วงนั้นขึ้นทะเบียนเพียง 530 สิทธิบัตร)
เมื่อเร็วๆ นี้ Bernie Sanders ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีคนสำคัญคนหนึ่งของพรรคเดโมแครต ก็ได้ออกมาประกาศว่า หากเขาได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีในปีหน้านี้ เขาจะผลักดันการเปิดเสรีกัญชาในระดับประเทศอย่างเต็มที่
ตรงนี้คือจุดที่เราสามารถนำไปเก็งกำไรกับกองทุนกัญชาได้
เพราะถ้าการเมืองเปลี่ยน เดโมแครตขึ้นมาบริหารประเทศ หุ้นกัญชาอาจจะสวิงขึ้นอย่างมาก
ที่ผ่านมา แม้ประธานาธิบดีทรัมป์เอง ไม่ได้ประกาศสนับสนุนการแก้กฎหมายกัญชาในระดับประเทศก็ตาม แต่เขาก็ให้การสนับสนุนรัฐต่างๆ ในการแก้กฎหมายของตัวเอง
แต่นักการเมืองที่เก่ง ต้องอ่านใจประชาชนของตัวเองได้
และเราเชื่อว่า ถ้าลองทำโพลสำรวจความเห็นของคนทั่วโลกโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ รวมทั้งคนอเมริกันด้วยแล้ว ก็น่าจะเห็นด้วยกับกัญชาเสรีมากกว่าไม่เห็นด้วย
ลองเจียดเงินที่ท่านคิดว่าจะเสี่ยงได้โดยไม่กระทบ ไปลงทุนในแนวนี้บ้าง ก็น่าจะช่วยสร้างสีสันให้ชีวิตไม่น้อย