December 13, 2024

ผู้ช่วยศาสตราจารย์พิมล ศรีวิกรม์ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการพิจารณาจัดการสนับสนุนสมาคมกีฬาจากหน่วยงานรัฐวิสาหกิจและภาคเอกชน พร้อมด้วยนายปรีชา ลาลุน รองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ฝ่ายกีฬาอาชีพและกีฬามวย ร่วมพิธีมอบเงินสนับสนุนโครงการ “1 กีฬา 1 รัฐวิสาหกิจ” แก่สมาคมกีฬายิงปืนรณยุทธแห่งประเทศไทย และสมาคมกีฬาเอ็กซ์ตรีมแห่งประเทศไทย จำนวนเงิน 32 ล้านบาท เป็นระยะเวลา 4 ปี ของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) โดยมีนายธีรลักษ์ แสงสนิท ประธานกรรมการธนาคาร EXIM BANK นายบัณฑิต สะเพียรชัย ประธานกรรมการบริหาร EXIM BANK และ ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK ให้การต้อนรับ โดยมีพลเอกเพิ่มศักดิ์ พวงสาโรจน์ นายกสมาคมกีฬายิงปืนรณยุทธแห่งประเทศไทย และนายโรจน์ เมืองครุธ อุปนายกสมาคมกีฬาเอ็กซ์ตรีมแห่งประเทศไทย เป็นผู้รับมอบ นับเป็นอีกก้าวสำคัญของ EXIM BANK ในการสร้างบทบาทใหม่ในฐานะธนาคารที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมผ่านการส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาด้านกีฬาอย่างเป็นระบบ ต่อยอดการเป็น Soft Power และนักกีฬาไทยสู่การแข่งขันกีฬาในระดับนานาชาติ เป็นประโยชน์ต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพในวงการกีฬามืออาชีพและชื่อเสียงที่ดีของประเทศไทยในระดับสากล ณ EXIM BANK สำนักงานใหญ่ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา

กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK กล่าวว่า โครงการ “1 กีฬา 1 รัฐวิสาหกิจ” เปิดโอกาสให้ทั้งภาคเอกชนและหน่วยงานรัฐวิสาหกิจเข้ามามีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนกีฬาแต่ละประเภทอย่างเป็นระบบและยั่งยืนเพื่อส่งเสริมและพัฒนาทักษะของนักกีฬาไทยไปสู่การแข่งขันในระดับนานาชาติ การสนับสนุนของรัฐวิสาหกิจช่วยให้นักกีฬาเข้าถึงโอกาสในการฝึกฝนและพัฒนาทักษะได้มากขึ้น การสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจะสร้างประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการฝึกฝน นอกจากนี้ รัฐวิสาหกิจยังเป็นต้นแบบของการสนับสนุนและส่งเสริมให้คนไทยดูแลสุขภาพและให้ความสำคัญกับการออกกำลังกาย เพื่อสุขภาพกาย ใจ และสปิริตที่ดี การได้เห็นนักกีฬาประสบความสำเร็จยังสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับเยาวชนและประชาชนทั่วไปให้หันมาออกกำลังกายและเล่นกีฬาอย่างมีทักษะและเป็นมืออาชีพเป็นการขับเคลื่อนการพัฒนาวงการกีฬาของไทยอย่างเป็นระบบ ส่งเสริมให้เกิดวิชาชีพที่เกี่ยวข้องกับกีฬาเพิ่มขึ้น เช่น โค้ช ผู้ฝึกสอน ผู้ตัดสิน และวิชาชีพอื่น ๆ ในวงการกีฬา ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศได้อีกทางหนึ่งด้วย ไม่ว่าจะเป็นการสร้างรายได้จากธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร และการขนส่งอย่างครบวงจร นับเป็นโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ทั้งในด้านการพัฒนากีฬา การส่งเสริมสุขภาพ การเสริมสร้างเศรษฐกิจ การสร้างชื่อเสียง และการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน ซึ่งทั้งหมดนี้ช่วยส่งเสริมและต่อยอดการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน

โครงการ “1 กีฬา 1 รัฐวิสาหกิจ” เป็นโครงการที่มีเป้าหมายในการส่งเสริมและพัฒนากีฬาในทุกระดับ รวมถึงการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของเยาวชนไทยและประชาชนในชุมชน การสนับสนุนในครั้งนี้ ถือเป็นอีกบทบาทสำคัญของ EXIM BANK ในการร่วมขับเคลื่อนวงการกีฬาไทยไปสู่ความเป็นเลิศทั้งในและต่างประเทศ สอดคล้องกับภารกิจหลักของ EXIM BANK ในการสนับสนุนการได้มาซึ่งเงินตราต่างประเทศ ซึ่งคาดว่าจะมีเงินตราต่างประเทศไหลเข้าประเทศไม่น้อยกว่า 30 ล้านบาทต่อปี จากการจัดแข่งขันระดับนานาชาติของทั้ง 2 สมาคม นอกจากนี้ EXIM BANK ยังมุ่งมั่นสนับสนุนการพัฒนาวงการกีฬาอย่างยั่งยืน พัฒนาอาชีพนักกีฬา ผู้ฝึกสอน ผู้ตัดสิน และวิชาชีพที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นระบบ เพิ่มโอกาสและพัฒนาศักยภาพโดยเฉพาะแก่กลุ่มนักกีฬาช้างเผือกที่มีทักษะแต่ขาดกำลังทรัพย์ ขณะเดียวกัน EXIM BANK ยังขยายผลความร่วมมือสู่การเสริมสร้างสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีของพนักงาน EXIM BANK และครอบครัว โดยส่งเสริมการมีส่วนร่วมของบุคลากรในกิจกรรม CSR หรือกิจกรรมอื่น ๆ เพื่อสร้างความเป็นอยู่ที่ดี (Wellness) ของตนเองและสังคม ยกระดับความผูกพันของพนักงานในองค์กรอีกทางหนึ่ง การสนับสนุนในครั้งนี้ ไม่เพียงสนับสนุนด้านการเงินเท่านั้น แต่ยังช่วยยกระดับด้านคุณค่าและเพิ่มประสิทธิภาพ และประสิทธิผลในการฝึกฝนทักษะของนักกีฬาจากทั้งสองสมาคมให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมของวงการกีฬาและสร้างผลกระทบในเชิงบวกต่อสังคมรอบข้าง ขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืนในระดับท้องถิ่นสู่ประเทศชาติและโลกโดยรวม ดร.รักษ์ กล่าว

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) ร่วมเป็นวิทยากรบรรยายหัวข้อ “Transform to Innovate : Key Incentives for a Thriving Tech Economy” ร่วมกับนายเดช ฐิติวณิช ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายระบบข้อสนเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย และนายธีรนันท์ ศรีหงส์ ประธานกรรมการกำกับ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ดำเนินรายการโดยนายนภพัฒน์จักษ์ อัตตานนท์ บรรณาธิการบริหาร WorkpointToday ในงาน Techsauce Global Summit 2024 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เมื่อเร็วๆ นี้ ที่ผ่านมา

โอกาสนี้ กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK ได้ชี้ให้เห็นปัญหาเชิงโครงสร้างของผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SMEs ซึ่งยังมีบทบาทต่อระบบเศรษฐกิจไทยไม่มากนัก เนื่องจากมากกว่า 99% ยังค้าขายในประเทศเป็นหลัก และ 2 ใน 3 ของ SMEs ไทยยังขาดทักษะและความพร้อมที่จะพัฒนากระบวนการทำงานที่มุ่งเน้นการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลปรับปรุงกิจการให้แข่งขันได้ในระดับสากล จึงถึงเวลาแล้วที่ภาครัฐและภาคเอกชนต้องเร่งส่งเสริมให้ SMEs ไทยเข้าไปอยู่ในวงจรการค้าระหว่างประเทศ มุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนาสินค้าและบริการให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ โดยทางรอดคือ การ Go Green หรือ Go Digital เพื่อเพิ่มมูลค่าอุตสาหกรรมเดิม เช่น การท่องเที่ยวมูลค่าสูงและการเกษตรอัจฉริยะ หรือเปลี่ยนสู่อุตสาหกรรมใหม่ เช่น การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสู่เศรษฐกิจดิจิทัลและการพัฒนาสินค้าหรือบริการที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ทั้งนี้ EXIM BANK มีบริการครบวงจรเพื่อสนับสนุนการพัฒนาธุรกิจ โดยเฉพาะ SMEs ไทยในการยกระดับกระบวนการผลิตและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้แข่งขันได้อย่างยั่งยืนในเวทีการค้าโลก

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) และ ดร.ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงภายใต้โครงการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูล ESG เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนระบบนิเวศสำหรับการเงินเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Finance) ณ สำนักงานตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2567 รวมถึงข้อมูลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ผ่านระบบ ESG Data Platform และสนับสนุนระบบ SET Carbon สำหรับลูกค้าของธนาคารให้มีการดำเนินงานตามเป้าหมายความยั่งยืน โดย SET และ EXIM BANK จะร่วมกันพัฒนาสินเชื่อจากการใช้ข้อมูลด้าน ESG ประกอบการพิจารณาตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ปี 2567 และเริ่มให้บริการในปี 2568 ซึ่ง EXIM BANK ในฐานะ Green Development Bank ได้พัฒนานวัตกรรมทางการเงินสีเขียว พร้อมสิทธิประโยชน์ทางการเงินอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมอยู่ใน Green Export Supply Chain สามารถปฏิบัติตามมาตรฐานสากลด้านสิ่งแวดล้อมและบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์

นายอิทธิพล เลิศศักดิ์ธนกุล รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) และนายพิศิษฐ์ บูรณะกิจภิญโญ ผู้อำนวยการฝ่าย ผู้บริหารสาขาต่างประเทศ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาพนมเปญ ร่วมลงนามในสัญญาสนับสนุนทางการเงินของ EXIM BANK จำนวน 5.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการไทยในกัมพูชาและผู้ประกอบการกัมพูชาที่ดำเนินธุรกิจนำเข้าสินค้าหรือบริการจากประเทศไทย โดยมีนางวรางคณา วงศ์ข้าหลวง รองกรรมการผู้จัดการ EXIM BANK ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ กรุงพนมเปญ กัมพูชา เมื่อเร็ว ๆ นี้

ทั้งนี้ การส่งออกของไทยไปกัมพูชาในปี 2566 มีมูลค่าราว 6.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ กัมพูชาเป็นเป้าหมายสำคัญด้านการลงทุนของผู้ประกอบการไทยในหลายอุตสาหกรรม อาทิ อุตสาหกรรมเกษตร การผลิต การก่อสร้าง การให้บริการด้านสุขภาพ และภาคบริการ การสนับสนุนทางการเงินจาก EXIM BANK ในฐานะธนาคารเพื่อการพัฒนา จะช่วยยกระดับขีดความสามารถของผู้ประกอบการไทย-กัมพูชาให้แข่งขันได้มากขึ้นในเวทีการค้าการลงทุนระหว่างประเทศอย่างยั่งยืน

ระดมทุนสนับสนุนธุรกิจอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล และ Blue Economy พัฒนาระบบนิเวศที่ยั่งยืนและสังคมคาร์บอนต่ำ

X

Right Click

No right click