September 19, 2024

กระแสความตื่นตัวในด้านสิ่งแวดล้อม ภาวะโลกรวน ตลอดจนวิกฤตพลังงานโลก

ยกระดับประสบการณ์การเดินทาง – เสริมความมั่นใจให้ นทท.ไทย และต่างชาติ

แกร็บมาร์ท แอปพลิเคชันสั่งสินค้าควิกคอมเมิร์ซยอดนิยมอันดับหนึ่งในไทย เผย 5 สินค้าที่ผู้ใช้บริการนิยมสั่งซื้อมากที่สุดในช่วงเทศกาลสงกรานต์ พร้อมส่งแคมเปญ “GrabMart สงกรานต์สาดโปร” สร้างสีสันในช่วงหน้าร้อน ผนึกกำลังร้านค้าพันธมิตรทั่วประเทศคัดสรรสินค้าคุณภาพเอาใจสายช้อป ทั้งผลไม้ยอดฮิตอย่างทุเรียน มะยงชิด และไอเทมสุดฮอตอย่างปืนฉีดน้ำ เสื้อลายดอก และกางเกงช้าง จัดเต็มส่วนลด-ดีลเด็ดกระตุ้นตลาดตลอดเดือนเมษายน

นายพนมกร จิระเสถียรพงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า “สงกรานต์เป็นหนึ่งในเทศกาลใหญ่ที่คนไทยให้ความสำคัญและส่งผลต่อพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอย เนื่องจากเป็นช่วงวันหยุดยาวที่คนส่วนใหญ่ออกเดินทางเพื่อกลับภูมิลำเนาหรือไปท่องเที่ยวพักผ่อน โดยมักซื้อสินค้าเพื่อใช้ในการสังสรรค์หรือเลี้ยงฉลอง รวมถึงเป็นของฝากสำหรับญาติผู้ใหญ่และคนในครอบครัว ซึ่งรวมถึงการช้อปปิ้งผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ โดย 5 สินค้าที่คนไทยนิยมสั่งซื้อผ่านแกร็บมาร์ทมากที่สุดในช่วงสงกรานต์2 คือ พวงมาลัย กระเช้าเครื่องดื่มรังนก น้ำอบ-ดินสอพอง กระเช้าผลไม้ และ ผลิตภัณฑ์เครื่องหอมและอโรมา”

“เทศกาลสงกรานต์ในปีนี้น่าจะกลับมาคึกคักมากกว่าในช่วงสองปีที่ผ่านมา หลังผู้คนออกมาใช้ชีวิตกันตามปกติ รวมถึงการหลั่งไหลของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติหลังการเปิดประเทศ และเพื่อร่วมสร้างสีสันให้กับเทศกาลสงกรานต์ในปีนี้ แกร็บมาร์ทได้ร่วมกับพันธมิตรร้านค้าทั่วประเทศส่งแคมเปญ ‘GrabMart สงกรานต์สาดโปร’ โดยพาร์ทเนอร์ร้านค้าที่ร่วมแคมเปญพร้อมใจมอบส่วนลดสูงสุดถึง 20% และพิเศษ! สำหรับผู้ใช้บริการแกร็บมาร์ท

ที่ช้อปครบ 400 บาทขึ้นไป ยังได้รับส่วนลดเพิ่มอีก 15% (สูงสุดไม่เกิน 100 บาท) เพียงใส่โค้ด SK100 พร้อมสิทธิ์ส่งฟรีทุกออเดอร์สำหรับผู้ใช้บริการ GrabUnlimited ตั้งแต่วันที่ 3 - 30 เมษายนนี้”

นอกจากนี้ แกร็บมาร์ทยังได้เพิ่มสินค้าให้มีความหลากหลายเพื่อต้อนรับหน้าร้อน ทั้งผลไม้หน้าร้อนอย่างทุเรียน มะม่วง มะยงชิด รวมไปถึงไอเทมเด็ดที่ทุกคนมองหาในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ไม่ว่าจะเป็น ปืนฉีดน้ำ เสื้อลายดอก แว่นตาและซองกันน้ำ รวมถึงกางเกงช้างซึ่งถือเป็นไอเทมสุดฮอตที่กำลังได้รับความนิยมจากชาวต่างชาติ

ดร.สมพร สืบถวิลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮล ดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) และนายวรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย ร่วมเปิดตัว “ประกันภัยรถยนต์สำหรับรถรับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์” เพื่อเจาะกลุ่มคนขับรถที่ให้บริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชันเป็นครั้งแรกในไทย ถือเป็นการยกระดับมาตรฐานประกันภัยรถยนต์ สำหรับบริการขนส่งสาธารณะในยุคดิจิทัล โดยชูจุดเด่นด้านความยืดหยุ่นและราคาประหยัดผ่านโมเดล Pay-Per-Use ที่ให้ความคุ้มครองแบบรายวัน นับตั้งแต่พาร์ทเนอร์คนขับเข้าสู่ระบบเพื่อรับงานในแต่ละครั้ง ซึ่งมีระยะเวลาคุ้มครอง 24 ชั่วโมงและไม่ต้องจ่ายรายปี โดยจะคุ้มครองคนขับและผู้โดยสารในกรณีเกิดอุบัติเหตุ รวมถึงคุ้มครองชีวิตและทรัพย์สินของบุคคลภายนอก สูงสุด 5 แสนบาท นอกจากนี้ แกร็บยังได้พัฒนาแอปพลิเคชันของคนขับให้มีฟีเจอร์ในการตรวจสอบรายละเอียดและสิทธิความคุ้มครองด้านประกันภัยได้แบบเรียลไทม์ ทั้งประกันภัยอุบัติเหตุและประกันภัยรถยนต์ เพื่อให้ข้อมูลและอำนวยความสะดวกให้กับพาร์ทเนอร์คนขับทุกคน

ดร.สมพร สืบถวิลกุล กล่าวว่า “ความร่วมมือระหว่างทิพยประกันภัย และแกร็บในครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกของวงการประกันภัยรถยนต์ในประเทศไทยที่มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิต และพฤติกรรมของคนในยุคดิจิทัลที่หันมาใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและสินทรัพย์ที่มีอยู่เพื่อสร้างรายได้ โดยกรมธรรม์นี้ให้ความคุ้มครองเป็นแบบรายวัน และได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.)  อีกทั้งภายใต้ความร่วมมือนี้ ทิพยประกันภัยพร้อมให้บริการด้านสินไหมอย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงยังมี TIP Smart Assist คอยประสานงานและให้ความช่วยเหลือในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุอีกด้วย”

นายวรฉัตร ลักขณาโรจน์ กล่าวว่า “ภายหลังจากที่กระทรวงคมนาคมได้ออกกฎหมายรองรับการนำรถยนต์ส่วนบุคคลมาให้บริการรับส่งผู้โดยสารสาธารณะ แกร็บ ในฐานะผู้บุกเบิกแพลตฟอร์มให้บริการเรียกรถสาธารณะผ่านแอปพลิเคชัน และได้รับการรับรองจากกรมการขนส่งทางบกได้ส่งเสริมและสนับสนุนให้พาร์ทเนอร์คนขับปฏิบัติตามข้อบังคับต่างๆ ของกรมการขนส่งทางบกอย่างต่อเนื่อง อาทิ การทำใบขับขี่สาธารณะ การตรวจสภาพ และจดทะเบียนรถทั้งยังได้พยายามพัฒนาระบบงานและอำนวยความสะดวกในด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการ รวมถึงการทำประกันภัยของรถยนต์ที่ให้บริการ ซึ่งถือเป็นหนึ่ง ในข้อบังคับสำคัญของกรมการขนส่งทางบกที่มุ่งสร้างมาตรฐานในด้านความปลอดภัย และสร้างความอุ่นใจให้กับคนขับ ผู้โดยสารและคนในสังคม”

แกร็บ ประเทศไทย ตอกย้ำความเป็นผู้นำซูเปอร์แอป เผยภาพรวมความสำเร็จปี 2565 ตั้งเป้าเติบโตอย่างยั่งยืนภายใต้แนวคิด “Building Sustainable Growth through Innovation” ชู 2 กลยุทธ์หลักขับเคลื่อนธุรกิจในปี 2566 “Power of Superapp” และ “Operational Efficiency” มุ่งเชื่อมโยงและผสานการทำงานของทุกธุรกิจภายในอีโคซิสเต็มเพื่อสร้างซินเนอร์จีและเสริมแกร่งบริการ พร้อมใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาการให้บริการและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ ครอบคลุม 4 ธุรกิจหลัก อันได้แก่ บริการการเดินทาง (Mobility) บริการเดลิเวอรี (Deliveries) บริการทางการเงิน (Financial Services) และบริการสำหรับองค์กร (Enterprise)

นายวรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย เผยว่า “หลังสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลายลงในที่ผ่านมา เราได้เห็นสัญญาณบวกและแนวโน้มการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในทุกธุรกิจของแกร็บในประเทศไทย ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้* โดยเฉพาะในบริการขนส่งและบริการส่งอาหารออนไลน์ ที่ยังคงมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น บริการการเดินทาง ซึ่งในปีที่ผ่านมาแกร็บได้รับการรับรองแอปพลิเคชันจากกรมการขนส่งทางบก โดยปัจจุบันบริการการเดินทางของแกร็บกลับมามียอดใช้บริการมากกว่าช่วงก่อนโควิด และหลังจากที่มีการเปิดประเทศ ยอดใช้บริการในกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติพุ่งขึ้นถึง 152%** ”

 

“ขณะที่ บริการเดลิเวอรี ยังคงได้รับความนิยมและมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแม้สถานการณ์โควิดจะดีขึ้นตามลำดับ แต่พฤติกรรมของผู้บริโภคได้เปลี่ยนไปแล้ว โดยผู้ใช้บริการมีความคุ้นชินกับการสั่งอาหารรวมถึงสินค้าหรือของใช้แบบออนดีมานด์ ทั้งบริการแกร็บฟู้ดที่ยังคงเติบโต โดยเฉพาะในตลาดต่างจังหวัด ซึ่งในปีที่ผ่านมาเติบโตสูงกว่าในกรุงเทพฯ ถึง 3 เท่า*** และบริการแกร็บมาร์ท ซึ่งเทรนด์การสั่งสินค้าประเภทของสดยังคงเติบโต โดยมีสัดส่วนเป็น 1 ใน 3 ของสินค้าทั้งหมด ในส่วนของ บริการทางเงิน เราได้มีการออกผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ๆ ที่มุ่งให้ความสำคัญกับการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในอีโคซิสเต็ม อาทิ บริการสินเชื่อรถยนต์ไฟฟ้าสำหรับพาร์ทเนอร์คนขับ เพื่อเป็นช่องทางในการหารายได้ในแบบที่ช่วยรักษ์โลก และบริการ PayLater เพื่อเพิ่มทางเลือกในการบริหารจัดการด้านการเงินให้กับผู้ใช้บริการซึ่งได้เสียงตอบรับเป็นอย่างดี”

“ภายหลังดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมาเป็นเวลา 10 ปี แกร็บยังคงเดินหน้าสานต่อพันธกิจ GrabForGood เพื่อมุ่งสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยในปีนี้ เราจะมุ่งเน้นไปที่ 2 กลยุทธ์สำคัญ นั่นคือ “Power of Superapp” ที่มุ่งผสานความร่วมมือและการทำงานของทุกธุรกิจในอีโคซิสเต็มของแกร็บให้เกิด Synergy และเอื้อประโยชน์ต่อกัน และ “Operational Efficiency” ที่จะดึงนวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดในทุกกระบวนการทำงานของแกร็บ เพื่อขับเคลื่อน 4 กลุ่มธุรกิจหลัก อันได้แก่ บริการการเดินทาง บริการเดลิเวอรี (รับส่งอาหาร สินค้าและพัสดุ) บริการทางการเงิน และบริการสำหรับองค์กร”

 

สำหรับในปี 2566 แกร็บ ประเทศไทย มีแผนที่จะขับเคลื่อน 4 กลุ่มธุรกิจ ดังนี้

· บริการการเดินทาง (Mobility) : โดยมุ่งเน้นไปที่ 3 ประเด็นหลัก คือ

o ยกระดับมาตรฐานเสริมความเชื่อมั่น โดยยังคงให้ความสำคัญกับมาตรฐานด้านความปลอดภัย ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของแกร็บและเป็นปัจจัยหลักที่ผู้ใช้บริการให้ความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็น การพัฒนาหรืออัพเกรดเทคโนโลยีใหม่ๆ รวมไปถึงการกำหนดและควบคุมมาตรฐานการให้บริการของพาร์ทเนอร์คนขับอย่างเข้มงวด เป็นต้น

o รุกตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเน้นยกระดับบริการเพื่อรองรับการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่คาดว่าจะเดินทางเข้ามาประเทศไทยถึง 28 ล้านคน**** ด้วยการจับมือกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อสร้างประสบการณ์การเดินทางที่ดีอย่างไร้รอยต่อตั้งแต่สนามบิน รวมไปถึงการพัฒนาแอปพลิเคชันให้ตอบรับการใช้งานของชาวต่างชาติ

o เจาะตลาดพรีเมียม ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งเซ็กเมนต์ที่มีพฤติกรรมการใช้จ่ายสูง โดยเราเตรียมส่งแคมเปญพิเศษเจาะตลาดกลุ่มนี้ พร้อมเพิ่มจำนวนพาร์ทเนอร์คนขับที่ให้บริการเรียกรถด้วยรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อให้สามารถตอบรับความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น

· บริการเดลิเวอรี (Deliveries): โดยมี 3 ไฮไลท์สำคัญ คือ

o ตอกย้ำในด้านคุณภาพ (Quality) ของทั้งร้านอาหารบนแพลตฟอร์มและการให้บริการ โดยยังคงชูโรงซับแบรนด์ #GrabThumbsUp ที่คัดสรรและรวบรวมร้านอร่อยชื่อดังจากทั่วประเทศมาสร้างประสบการณ์ความอร่อยให้กับผู้ใช้บริการ พร้อมเตรียมเปิดตัวแคมเปญและกิจกรรมพิเศษเพื่อมัดใจผู้ใช้บริการในเร็วๆ นี้

o เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดส่งอาหารและสินค้า (Efficiency) ด้วยเทคโนโลยีและระบบบริหารจัดการต่างๆ เช่น การพัฒนาระบบแผนที่ และระบบคำนวณเวลารออาหาร เพื่อเพิ่มความแม่นยำ และลดเวลาในการจัดส่งสินค้า

o เน้นสร้างฐานสมาชิกและความภักดีของผู้ใช้บริการ (Loyalty) ผ่านแพ็คเกจสมาชิก GrabUnlimited ด้วยสิทธิประโยชน์ที่เพิ่มขึ้น พร้อมกับส่วนลดที่ครอบคลุมทุกบริการของแกร็บ

· บริการทางการเงิน (Financial Services): โดยยังคงมุ่งส่งเสริมการเข้าถึงโอกาสทางเงินให้กับพาร์ทเนอร์คนขับ-ร้านค้า ไม่ว่าจะเป็น การขยายวงเงินสินเชื่อสำหรับพาร์ทเนอร์ร้านค้าสูงสุดถึง 500,000 บาท เพื่อเป็นแหล่งเงินทุนให้กับผู้ประกอบการร้านอาหารในการขยายธุรกิจและเสริมสภาพคล่องหรือการขยายผลิตภัณฑ์ทางการเงินรูปแบบใหม่สำหรับพาร์ทเนอร์คนขับ อาทิ บริการสินเชื่อสำหรับผ่อนชำระสินค้าอื่นๆ เช่น ทองคำ เครื่องใช้ไฟฟ้า และรถจักรยานยนต์ รวมไปถึงการนำเสนอ

ผลิตภัณฑ์ประกันภัยสำหรับบริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน เพื่อสร้างความอุ่นใจให้กับทั้งพาร์ทเนอร์คนขับและผู้ใช้บริการ

· บริการสำหรับองค์กร (Enterprise): โดยผลักดันบริการซูเปอร์แอปสู่ภาคธุรกิจ ผ่าน Grab for Business โซลูชันที่จะช่วยบริหารจัดการทุกบริการของแกร็บสำหรับลูกค้าองค์กร ซึ่งทำให้ลูกค้าสามารถบริหารจัดการเวลา และค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมบุกตลาดโฆษณาเต็มรูปแบบ โดยชู GrabAds สื่อโฆษณามาแรงบนซูเปอร์แอปอย่าง Grab ที่จะช่วยให้นักการตลาดสามารถเจาะลึกพฤติกรรมผู้บริโภค และเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างตรงกลุ่มเป้าหมายและแม่นยำ

“สำหรับแผนกลยุทธ์ธุรกิจในระยะยาวนั้น แกร็บ ประเทศไทย มุ่งขับเคลื่อนองค์กรและสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยจะนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ มาใช้ภายใต้แนวคิด ‘Building Sustainable Growth through Innovation’ ซึ่งจะครอบคลุมการพัฒนาใน 3 ประเด็นหลัก อันได้แก่ 1) สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับทุกคนในอีโคซิสเต็ม ซึ่งไม่ใช่เพียงการสร้างผลกำไรของบริษัทฯ แต่จะต้องสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับทั้งพาร์ทเนอร์คนขับ พาร์ทเนอร์ร้านค้า ผู้ใช้บริการ รวมถึงสังคมโดยรวม 2) ร่วมผลักดันประเทศไทยให้ก้าวไปข้างหน้า โดยมุ่งส่งเสริมรูปแบบการทำงานของโลกยุคใหม่ การเข้าถึงและใช้ประโยชน์เทคโนโลยีดิจิทัล รวมถึงการสร้างความยั่งยืนให้กับสิ่งแวดล้อม และ 3) สร้างความเชื่อมั่นสู่การเป็นแบรนด์ที่อยู่ในใจทุกคน โดยเริ่มตั้งแต่การสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ดีให้กับพนักงาน การปลูกฝังเรื่องธรรมาภิบาล พร้อมปั้นทรัพยากรบุคคลให้กลายเป็นผู้นำที่มีคุณภาพเพื่อพัฒนาธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป” นายวรฉัตร ปิดท้าย

 

 

Page 6 of 8
X

Right Click

No right click