บริษัท เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด ร่วมกับ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการผังเมือง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ย้ำภาพผู้นำวัสดุก่อสร้าง ครองใจนักออกแบบ พร้อมต้อนรับพันธมิตรเยี่ยมชมงานสถาปนิกสยาม ‘66

นายนิธิ ภัทรโชค กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจซีเมนต์และวัสดุก่อสร้าง เอสซีจี และนายอบิจิต ดัดต้า กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนล คอร์ปอเรชั่น จำกัด ร่วมกับ ดร. เช ซุน ฮง ประธานที่ปรึกษาบริษัท แอลเอส อิเล็กทริก และ ดร. โช วุก ดง รองประธานอาวุโส หน่วยงาน อิเล็กทริกพาวเวอร์ ดีเอ็กซ์ บิซ บริษัท แอลเอส อิเล็กทริก ร่วมลงนามเซ็นสัญญา MOU บันทึกข้อตกลงในการติดตั้งระบบการจัดการพลังงาน (EMS) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบไมโครกริด ณ เอสซีจี สำนักงานใหญ่ บางซื่อ ในปี 2566

เอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนล คอร์ปอเรชั่น และ แอลเอส อิเล็กทริก ร่วมมือพัฒนาโซลูชันด้านพลังงานที่ยั่งยืน โดยนำระบบจัดการพลังงานอัจฉริยะ (EMS) ของ แอลเอส อิเล็กทริก มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบไมโครกริด บริเวณอาคารสำนักงาน ลานจอดรถพลังงานแสงอาทิตย์และสถานีชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า ณ เอสซีจี สำนักงานใหญ่ บางซื่อ โดยทั้งสองบริษัทจะผสานความร่วมมือในการจัดหาโซลูชันพัฒนาระบบไมโครกริดเพื่อลดต้นทุนด้านพลังงาน รวมถึงการบรรลุเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2593 (Net  Zero 2050)  

นายนิธิ ภัทรโชค กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจซีเมนต์และวัสดุก่อสร้าง เอสซีจี กล่าวว่า “เอสซีจี มุ่งมั่นและส่งเสริมการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในทุกมิติ ซึ่งปัจจุบันความต้องการโซลูชันด้านการจัดการพลังงานเพิ่มสูงขึ้น หลายธุรกิจต่างมองหาวิธีลดการใช้พลังงานในอาคารและโรงงาน ความร่วมมือนี้จะช่วยส่งเสริมการทำธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยมลพิษเป็นศูนย์และสร้างอนาคตที่ยั่งยืนมากขึ้น"

“ความร่วมมือครั้งนี้ เอสซีจี และ แอลเอส อิเล็กทริก จะนำความเชี่ยวชาญของทั้งสองฝ่ายในการพัฒนาตลาดไมโครกริดที่กำลังเติบโตเพื่อแก้ปัญหาต้นทุนด้านพลังงานที่เพิ่มขึ้น ระบบการจัดการพลังงานจึงเป็นส่วนสำคัญของระบบไมโครกริดในการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้าและมุ่งสู่เป้าหมายด้านความยั่งยืน” นายอบิจิต ดัดต้า กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนล คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าว

ดร. เช ซุน ฮง ประธานที่ปรึกษาบริษัท แอลเอส อิเล็กทริก กล่าวว่า "ระบบไมโครกริดจะปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ลดการปล่อยคาร์บอนและเพิ่มความยืดหยุ่นในกรณีที่ไฟฟ้าดับ ความร่วมมือในครั้งนี้จะนำไปสู่เป้าหมายความยั่งยืนในระยะยาวของเอสซีจีและอาจนำไปสู่การร่วมทุนในธุรกิจไมโครกริดในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผมมั่นใจและเชื่อมั่นในความสำเร็จของการทำงานร่วมกันระหว่างทั้งสองบริษัท”

ทีมชนะเลิศจากการแข่งขัน SCG Bangkok Business Challenge @ Sasin 2023 รอบประเทศไทย

เอสซีจี โดย นายถิรวัฒน์ พูนกาญจนะโรจน์ Distribution Director  บริษัท เอสซีจี ดิสทริบิวชั่น จำกัด ในธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เอสซีจี มอบโล่รางวัล  Sustainable Leader SCG Green Choice 2022 แก่ บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ SC ผู้นำการส่งมอบ Living Solutions คุณภาพมาตรฐานสูง โดยมี นายปภาณเดช พชรชานันท์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านสนับสนุนโครงการ มาเป็นผู้รับมอบ

นายถิรวัฒน์ พูนกาญจนะโรจน์ กล่าวว่า “ฉลาก SCG Green Choice คือฉลากรับรองสินค้า เพื่อแสดงให้เห็นถึงนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมให้ผู้อยู่อาศัยมีคุณภาพการอยู่อาศัยที่ดี ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญของเอสซีจีที่จะส่งเสริมให้ผู้บริโภคเลือกผลิตภัณฑ์รักษ์โลกได้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น สอดคล้องกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนตามแนวทาง ESG 4 Plus ของเอสซีจี ที่ส่งเสริมให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วม เพื่อสร้างความยั่งยืนต่อสิ่งแวดล้อม โดยในปี 2022 ยอดขายสินค้ากลุ่ม SCG Green Choice เติบโตถึงร้อยละ 34 เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ หรือมียอดขายรวม ร้อยละ 51 แสดงให้เห็นว่าปัจจุบันลูกค้าให้ความสำคัญกับการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น การมอบโล่ประกาศเกียรติคุณ Sustainable Leader SCG Green Choice 2022 แก่ SC Asset ในครั้งนี้เป็นเครื่องตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นร่วมกันในการส่งมอบที่อยู่อาศัยที่ดีและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม”

การประกาศเกียรติคุณ Sustainable Leader SCG Green Choice 2022 นี้ เพื่อเป็นเกียรติแก่ความมุ่งมั่นในการสร้างที่อยู่อาศัยที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของพันธมิตรและคู่ค้าผ่านการเลือกใช้สินค้าภายใต้ฉลาก SCG Green Choice ซึ่ง SC Asset ได้เลือกใช้นวัตกรรมวัสดุก่อสร้างที่ได้รับฉลาก SCG Green Choice ในทุกโครงการ โดยในปี 2022 ที่ผ่านมา SC Asset มีสัดส่วนการใช้ผลิตภัณฑ์ SCG Green Choice ร้อยละ 30 ของยอดซื้อทั้งหมด สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไปได้อย่างน้อย 878 ตัน หรือเทียบเท่าการปลูกต้นไม้ 73,204 ต้น ตลอดปี

นายปภาณเดช กล่าวว่า “SC Asset มุ่งพัฒนาสินค้าและบริการอย่างยั่งยืน เน้นการส่งมอบคุณค่าที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า การเลือกใช้วัสดุที่มีนวัตกรรมเป็นมิตรสิ่งแวดล้อม จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการสร้างคุณค่า เพราะไม่ได้เพียงแค่จะสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ แต่ลูกค้าได้รับประโยชน์จากบ้านที่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีฉลาก SCG Green Choice ยังส่งผลให้ลูกค้ามีคุณภาพชีวิตที่ดี ลดความร้อน ลดค่าน้ำ ค่าไฟได้อีกด้วย ซึ่งภายในปี 2025 บริษัทฯ ได้มีการตั้งเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ ร้อยละ 20 เป็นส่วนหนึ่งของภารกิจ SCero Mission”

ภารกิจ SCero Mission (ซี-โร่-มิช-ชั่น) คือการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ ก่อสร้าง การนำไปใช้ และการบริหารจัดการของเหลือใช้ ตั้งแต่ต้นน้ำจนปลายน้ำ โดยหนึ่งในกลุยทธ์สำคัญคือการเลือกคู่ค้าที่มีแนวคิดและเป้าหมายเดียวกัน ในการรักษาสิ่งแวดล้อม คือการเลือกใช้วัสดุก่อสร้าง ที่มีนวัตกรรมเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมภายใต้ฉลาก SCG Green Choice ในโครงการบ้านและคอนโดมิเนียมของเรา และตั้งเป้าสัดส่วนการใช้ให้ได้ ร้อยละ 40 ภายในปี 2024

การร่วมมืออย่างเต็มรูปแบบ จะเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจด้วยแนวคิดการพัฒนาทางสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม (ESG) ยกระดับคุณภาพของบ้านและคอนโด รวมถึงคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยขึ้นไปอย่างยั่งยืน

X

Right Click

No right click