ความยั่งยืน Mobile ID และรูปแบบการทำงานที่เปลี่ยนไป ยังคงเป็นประเด็นที่ต้องให้ความสำคัญในอันดับต้นๆ
HID ผู้นำระดับสากลในด้านโซลูชั่นการระบุตัวตนและความปลอดภัยทางกายภาพ (physical security) ได้เผยแพร่ผลรายงาน State of the Security Industry Report เกี่ยวกับอุตสาหกรรมด้านความปลอดภัย ที่รวบรวมความคิดเห็นจากพันธมิตร ผู้ใช้งาน และบุคลากรด้านความปลอดภัยและไอที ในตำแหน่งต่างๆ จำนวน 2,700 คน จากองค์กรหลากหลายขนาดกว่า 11 อุตสาหกรรม โดยการสำรวจได้จัดทำขึ้นเมื่อปลายปี 2565 โดยมีประเด็นที่ผู้ตอบแบบสำรวจเห็นตรงกัน 5 ประการ ดังนี้
1. เกือบ 90% มองว่าความยั่งยืนเป็นเรื่องสำคัญ
ผู้บริโภคต่างเรียกร้องให้ผู้จัดหาสินค้าและบริการแสดงความโปร่งใสเกี่ยวกับผลกระทบด้านต่างๆ ทั้งในขั้นตอนการจัดหาผลิตภัณฑ์ การวิจัยและพัฒนา โดย 87% ของผู้ตอบแบบสำรวจระบุว่า ความยั่งยืนจัดอยู่ในอันดับ “สำคัญถึงสำคัญที่สุด” และ 76% กล่าวว่า ลูกค้าให้ความสำคัญกับความยั่งยืนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งก็สะท้อนแนวโน้มดังกล่าว
เพื่อรองรับความต้องการดังกล่าว ทีมงานที่รับผิดชอบด้านความปลอดภัยจึงมีการใช้ระบบคลาวด์และ IoT (Internet of Things) มากยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการและลดการใช้ทรัพยากร นอกจากนี้ ก็กำลังมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นใหม่ๆ เพื่อให้สามารถใช้พลังงานได้อย่างเหมาะสม ลดขยะและของเสีย และใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด
2. องค์กรส่วนใหญ่จำเป็นต้องเปลี่ยนไปใช้ Identity-as-a-Service (IDaaS) อย่างเต็มรูปแบบเพื่อรองรับการทำงานแบบไฮบริด
ผู้ตอบแบบสำรวจส่วนใหญ่ จำนวน 81% เผยว่า ได้เสนอรูปแบบการทำงานแบบไฮบริด ตัวอย่างเช่น 67% ระบุว่า การยืนยันตัวตนแบบหลายขั้นตอน และแบบไม่ใช้รหัสผ่านมีความสำคัญที่สุดในการปรับตัวให้เข้ากับรูปแบบการทำงานแบบไฮบริด และการทำงานทางไกล ในขณะที่ 48% ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของ Mobile ID และการระบุตัวตนแบบดิจิทัล (Digital ID)
ที่น่าสนใจคือ การสำรวจยังเผยด้วยว่า เกือบครึ่งหนึ่งขององค์กรยังไม่พร้อมที่จะใช้กลยุทธ์ IDaaS อย่างครอบคลุม
3. การระบุตัวตนแบบดิจิทัล (Digital ID) และการยืนยันตัวตนผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ จะผลักดันให้มีการใช้โทรศัพท์มือถือในการเข้า-ออกอาคารมากยิ่งขึ้น
การระบุและยืนยันตัวตนมักจะดำเนินการผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ รวมถึงสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์สวมใส่ โดยความนิยมที่เพิ่มขึ้นของกระเป๋าเงินดิจิทัลจากผู้ให้บริการรายใหญ่ เช่น Google, Apple และ Amazon เป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญของแนวโน้มดังกล่าว การใช้งานที่หลากหลายมากขึ้น ยังช่วยให้ผู้ใช้สมาร์ทโฟนสามารถเพิ่มกุญแจ บัตรประจำตัว และเอกสารดิจิทัลได้ ในแอปพลิเคชันกระเป๋าเงิน ซึ่งรวมถึง แต่ไม่จำกัดเพียงใบขับขี่ในแปดมลรัฐ ข้อมูลการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่ตรวจสอบได้ บัตรประจำตัวพนักงาน บัตรประจำตัวนักศึกษา และกุญแจห้องพักโรงแรม
ผลสำรวจยังเผยอีกว่า บริษัทอสังหาริมทรัพย์ (40%) กำลังแซงหน้าธุรกิจประเภทอื่นๆ เนื่องจากบริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่กำลังใช้ระบบการเข้า-ออกอาคารด้วยโทรศัพท์มือถือ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแอปพลิเคชันสำหรับผู้เช่าของบริษัทเหล่านี้
4. เกือบ 60% ของผู้ตอบแบบสำรวจเห็นประโยชน์ของการยืนยันตัวตนด้วยไบโอเมตริกซ์แบบไร้สัมผัส
เทคโนโลยีไบโอเมตริกซ์นับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญจากวิธีการควบคุมการเข้า-ออกอาคารแบบเดิมๆ การใช้ข้อมูลไบโอเมตริกซ์ ที่เพิ่มความแน่นหนาในการรักษาความปลอดภัย (เช่น การสแกนไบโอเมตริกซ์เพื่อยืนยันตัวตนทางกายภาพของแต่ละบุคคล) จะช่วยให้องค์กรสามารถป้องกันการลักลอบเข้า-ออกอาคาร และการปลอมแปลงการยืนยันตัวตนได้
ผลสำรวจได้ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของแนวโน้มดังกล่าว โดย 59% ของผู้ตอบแบบสำรวจมีทั้งกำลังใช้เทคโนโลยีไบโอเมตริกซ์อยู่ วางแผนที่จะนำมาใช้ หรืออย่างน้อยก็จะทดลองใช้ในอนาคตอันใกล้นี้
5. ปัญหาด้านห่วงโซ่อุปทานยังคงเป็นปัจจัยที่น่ากังวล แต่ก็เริ่มมีมุมมองในเชิงบวกมากขึ้น
จากการสำรวจครั้งนี้ 74% ของผู้ตอบแบบสำรวจเผยว่าได้รับผลกระทบจากปัญหาห่วงโซ่อุปทานในปี 2565 ที่ผ่านมา แม้ว่า 50% จะมีมุมมองในเชิงบวกว่าสถานการณ์จะดีขึ้นในปี 2566 นี้ ส่วนผู้ที่ได้รับผลกระทบนั้น ส่วนใหญ่คือบริษัทอสังหาริมทรัพย์ โดย 78% ระบุว่า มีความกังวลกับปัญหาห่วงโซ่อุปทาน
กว่าสองในสามขององค์กรที่มีพนักงานน้อยกว่า 1,000 คน เผยว่าได้รับผลกระทบอย่างมากจากปัญหาห่วงโซ่อุปทานในปี 2565 แต่ในขณะเดียวกันก็มีมุมมองในเชิงบวกว่าปัญหาดังกล่าวจะได้รับการแก้ไขในปี 2566 นี้
การศึกษาทำความเข้าใจกับแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว จะช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานด้านความปลอดภัยสามารถเตรียมความพร้อมได้รวดเร็วยิ่งขึ้น และส่งมอบประสบการณ์ด้านความปลอดภัยที่ยอดเยี่ยมทั้งแบบดิจิทัลและทางกายภาพ รวมทั้งใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมที่ล้ำหน้า ทั้งโซลูชั่นและบริการต่างๆ ได้