กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ) ส่ง “น้องกล้วยกรุงศรี” เซเลบแห่งโลกโซเชียล เป็นตัวแทนของความสุขที่สะท้อนคำมั่นสัญญาของแบรนด์กรุงศรีที่จะทำให้ลูกค้ามี “ชีวิตง่าย ได้ทุกวัน” พร้อมพบกับกิจกรรมและเซอร์ไพร์สสนุกๆ จากน้องกล้วยกรุงศรีในเทศกาลงานดนตรีและศิลปะต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นต่อเนื่องตลอดทั้งปี

นางสาวมิ่งขวัญ พัฒนวงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานบริหารแบรนด์และการตลาดองค์กร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในทุกๆ ครั้งที่น้องกล้วยกรุงศรีปรากฏตัว เราจะได้เห็นรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และความสนุกสนานเกิดขึ้นกับผู้คนที่อยู่รอบๆ น้องกล้วยกรุงศรีเสมอ และความสุขนั้นก็ได้รับการกระจายส่งต่อไปในโลกโซเชียล กลายเป็นไวรัลที่ช่วยสร้างรอยยิ้มและโมเมนต์ดีๆ ให้กับคนจำนวนมากต่อไปอีก จนทำให้น้องกล้วยกรุงศรีได้รับการพูดถึงอย่างต่อเนื่องและเป็นที่รู้จักอย่างดีทั้งในโลกออฟไลน์และโลกออนไลน์ มาถึงวันนี้ นอกจากน้องกล้วยกรุงศรีจะส่งมอบความสนุกและรอยยิ้มให้กับทุกคนแล้ว ยังจะเป็นอีกหนึ่งตัวแทนของกรุงศรีที่ช่วยส่งมอบความสุขที่เกิดขึ้นจากการมีชีวิตง่ายได้ทุกวันอีกด้วย ทุกครั้งที่พบกับน้องกล้วยกรุงศรี เราอยากให้ทุกคนได้สัมผัสกับประสบการณ์หรือเรื่องราวที่จะทำให้ชีวิตของทุกๆ คนง่ายขึ้น”

ก่อนหน้านี้ น้องกล้วยกรุงศรีได้ไปสร้างเซอร์ไพร์สในการเป็นส่วนหนึ่งของงานคอนเสิร์ต T-POP Concert Fest 2 ที่ผ่านมา ด้วยการจัดกิจกรรมแจกตั๋วโดยสาร MRT ฟรี ให้ลูกค้าที่ไปร่วมคอนเสิร์ตสามารถเดินทางได้สะดวกและง่ายขึ้น อีกทั้งยังมีการจัดสถานที่และบรรยากาศโซนที่นั่งสบายๆ ด้วยหมอนนุ่มๆ ให้ลูกค้าที่มาชมคอนเสิร์ตได้พักหรือใช้ในระหว่างรอ มีกิจกรรมสนุกๆ อย่างการถ่ายภาพเป็นที่ระลึกเก็บช่วงเวลาดีๆ กับแก๊งเพื่อน รวมถึงโชว์จากน้องกล้วยกรุงศรีพร้อมแจกของที่ระลึก ทำให้น้องกล้วยกรุงศรีได้รับการพูดถึง (Mention) ในแง่บวก (Positive Sentiment) แบบ Organic ในโซเชียลมีเดียเป็นจำนวนมาก ซึ่งถือว่าน้องกล้วยกรุงศรีเป็นหนึ่งในมาสคอตแถวหน้าของประเทศไทยที่ได้รับความสนใจมากและประสบความสำเร็จทุกครั้งที่ปรากฏตัวในอีเวนต์ต่างๆ และทำหน้าที่ของแบรนด์กรุงศรีในการส่งต่อความสุขให้กับทุกคนได้เป็นอย่างดี

 

“แบรนด์กรุงศรีจะเข้าไปอยู่ในไลฟ์สไตล์ชีวิตของทุกคนมากขึ้น เพื่อสะท้อนคำมั่นสัญญาของแบรนด์ที่จะทำให้ลูกค้ามี “ชีวิตง่าย ได้ทุกวัน” ไม่ว่าจะเป็นในช่วงเวลาที่กำลังเดินทางท่องเที่ยว เราก็มี Krungsri Boarding Card และบัตรเครดิตในเครือกรุงศรีเป็นตัวช่วยที่ดีของทุกคน เวลาที่อยากจะอัปเดตเทรนด์ใหม่ ร้านอาหารที่เที่ยว แหล่งช้อปมาแรง UCHOOSE app ก็จะเป็นตัวช่วยที่ดีเสมอ หรืออยากค้นหาสถานีชาร์จ EV ก็สามารถให้ GO by Krungsri Auto app ช่วยได้ และหลังจากนี้ทุกคนจะได้พบกับเซอร์ไพร์สและกิจกรรมสนุกๆ จากกรุงศรีและน้องกล้วยกรุงศรีในงานคอนเสิร์ต หรือเทศกาลศิลปะมากขึ้น นอกจากความสุขและความบันเทิงที่ทุกคนจะได้รับจากการเข้าร่วมกิจกรรมและงานต่างๆ แล้ว น้องกล้วยกรุงศรีจะเข้าไปส่งมอบความสุขที่เกิดขึ้นจากการมีชีวิตง่ายได้ทุกวันอีกด้วย” มิ่งขวัญ กล่าวทิ้งท้าย

ติดตามเรื่องราวดีๆ และกิจกรรมสนุกๆ จากน้องกล้วยกรุงศรีที่จะส่งมอบ “ความง่าย” ให้กับทุกๆ คนได้ที่ Krungsri Simple Facebook

กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ) เดินหน้าสู่บริบทใหม่ในปฏิบัติการ “Krungsri Race to Net Zero” เร่งขับเคลื่อนพลวัตเพื่อบรรลุพันธกิจแห่งความยั่งยืนที่ครอบคลุมมิติด้านชุมชน สังคม และเศรษฐกิจ ตลอดจนร่วมแก้ไขปัญหาที่เป็นวาระสำคัญเร่งด่วนของโลก เสริมทัพด้วยพลังศักยภาพของพนักงานกรุงศรี กรุ๊ปกว่า 20,000 คน ร่วมรับมือกับวิกฤตการณ์โลกเดือดและการเปลี่ยนแปลงของสภาวะภูมิอากาศที่ส่งผลให้เกิดมหันตภัยทางธรรมชาติที่รุนแรง

เมื่อเร็วๆ นี้ สหประชาชาติได้ออกคำเตือนถึงการเข้าสู่ "ยุคโลกเดือด" พร้อมเรียกร้องประชาคมโลกให้ตระหนักถึงภัยคุกคามด้านสภาวะภูมิอากาศ ซึ่งเป็นวาระเร่งด่วนที่ทุกคนต้องร่วมแก้ไขอย่างจริงจัง กรุงศรีในฐานะสถาบันการเงินชั้นนำของไทยและพลเมืองโลกที่มีความรับผิดชอบ ได้ร่วมรับมือวิกฤตนี้พร้อมเร่งดำเนินการตามวิสัยทัศน์สู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนของธนาคาร ที่มุ่งลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จากกระบวนการทางธุรกิจของธนาคารภายในปี 2573 และจากบริการทางการเงินทั้งหมดภายในปี 2593 

กรุงศรีตอกย้ำความเป็นผู้นำภาคการเงินไทยในการขับเคลื่อนพันธกิจแห่งความยั่งยืนให้เป็นที่ประจักษ์อีกครั้ง ผ่านปฏิบัติการ “Krungsri Race to Net Zero รวมพลัง หยุด!โลกเดือด” ระดมพลังความรู้ความร่วมแรงร่วมใจของพนักงานกรุงศรี กรุ๊ป กว่า 20,000 คน รับมือกับความท้าทายที่โลกกำลังเผชิญอยู่ พร้อมขับเคลื่อนให้พันธกิจแห่งความยั่งยืนเป็นความรับผิดชอบร่วมกัน

นายเคนอิจิ ยามาโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "โลกและเราทุกคนได้ก้าวเข้าสู่จุดเปลี่ยนสำคัญด้านสภาวะภูมิอากาศ กรุงศรีดำเนินการเพื่อรับมือกับความรุนแรงของวิกฤตการณ์โลกเดือด ด้วยการเร่งปลูกฝังแนวคิดและสร้างวัฒนธรรม Net Zero ในองค์กร  มุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์อย่างเร่งด่วน  ด้วยความร่วมมือร่วมใจของพนักงานกรุงศรี กรุ๊ป กว่า 20,000 คน เรามีศักยภาพที่แข็งแกร่งในการช่วยลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ผ่านวิถีการทำงานและการใช้ชีวิตประจำวันแบบคาร์บอนต่ำ พร้อมส่งต่อพลังแห่งแนวคิด Net Zero นี้ไปยังลูกค้าและผู้เกี่ยวข้องในภาคส่วนต่างๆ ยกระดับปฏิบัติการ Krungsri Race to Net Zero สู่สังคมในวงกว้าง พลวัตการเปลี่ยนแปลงที่มีความหมายนี้จะช่วยสนับสนุนประเทศไทยบรรลุเป้าหมาย Net Zero ที่ตั้งไว้”

“ปฏิบัติการ Krungsri Race to Net Zero เป็นบทพิสูจน์อีกวาระหนึ่งของกรุงศรีที่สะท้อนถึงจิตสำนึกรับผิดชอบในฐานะธนาคารพาณิชย์ที่มีจุดยืนเพื่อความยั่งยืน  และดำเนินการตามแนวทางสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนของ MUFG ผู้ถือหุ้นเชิงกลยุทธ์ของกรุงศรี” นายยามาโตะกล่าว

ปฏิบัติการ Krungsri Race to Net Zero ได้กำหนดเป้าหมายปี 2566-2567 ดังนี้

  • การเสริมสร้างศักยภาพของพนักงาน:  พัฒนาหลักสูตรอบรมอย่างเข้มข้นและครอบคลุม รวมทั้งสนับสนุนด้านทรัพยากรที่เกี่ยวข้องเพื่อเสริมสร้างความความรู้ ความเข้าใจด้านแนวคิด นโยบาย และเป้าหมาย Net Zero กลยุทธ์ด้านความเป็นกลางทางคาร์บอน ตลอดจนรณรงค์ให้ตระหนักถึงบทบาทส่วนบุคคลของพนักงานเพื่อสนับสนุนเป้าหมายดังกล่าว
  • กิจกรรมการเรียนรู้แบบผสมผสาน: ปฏิบัติการ “Krungsri Race to Net Zero” กำหนดกิจกรรมการเรียนรู้หลากหลาย ที่สนุกสนาน น่าสนใจและมีส่วนร่วมได้ง่าย โดยได้รับการพัฒนามาเพื่อสร้างความเข้าใจด้านการดำเนินงานเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ประกอบด้วยการอบรมเชิงปฏิบัติการด้วยการสื่อสารแบบสองทาง กิจกรรมที่สร้างการมีส่วนร่วม และเกมต่างๆ ที่ช่วยเสริมสร้างการเรียนรู้
  • พันธกิจแห่งความยั่งยืนเป็นความรับผิดชอบร่วมกัน: กรุงศรีมุ่งมั่นสร้างจิตสำนึกรับผิดชอบต่อพันธกิจแห่งความยั่งยืน และสนับสนุนให้พนักงานมีส่วนร่วมในการบรรลุเป้าหมายพันธกิจดังกล่าว ภายใต้ปฏิบัติการ “Krungsri Race to Net Zero” พนักงานสามารถมีส่วนร่วมในการลดคาร์บอนทั้งในที่ทำงานและชีวิตส่วนตัว

ความสำเร็จในด้านความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมผ่านกิจกรรมและโครงการต่างๆ ของกรุงศรี ตอกย้ำปณิธานของธนาคารในหลักการดำเนินธุรกิจอย่างรับผิดชอบ และเป็นแบบอย่างแก่ภาคการเงินไทย ซึ่งรวมถึงการประกาศวิสัยทัศน์แห่งความเป็นกลางทางคาร์บอน การเป็นธนาคารพาณิชย์แห่งแรกที่ได้รับรางวัลสำนักงานสีเขียว (ระดับดีเยี่ยม)  และเป็นสมาชิกตั้งต้นของเครือข่าย Carbon Markets Club ในปี 2564 ตลอดจนเป็นธนาคารที่มีบทบาทสำคัญในการจัดทำประกาศเจตนารมณ์ด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG Declaration) ของสมาคมธนาคารไทย และเป็นธนาคารพาณิชย์ไทยแห่งแรกที่ได้จัดทำคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กรครอบคลุมทุกอาคารสำนักงาน สาขาธนาคาร และบริษัทย่อยในปี 2565

กรุงศรี ไพรเวท แบงก์กิ้ง นำโดย นายวิน พรหมแพทย์ (กลาง) CFA ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานลูกค้าไฮเน็ตเวิร์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเวทีสัมมนาเพื่ออัปเดตสถานการณ์ภาพรวมของเศรษฐกิจโลก พร้อมชี้โอกาสในการต่อยอดความมั่งคั่งผ่านการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศให้กับกลุ่มลูกค้ากรุงศรี ไพรเวท แบงก์กิ้ง เมื่อเร็วๆ นี้ ณ โรงแรม เดอะ เซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ ในหัวข้อ Global Fixed Income Outlook - Bonds are Back? โดยได้รับเกียรติจาก Ms. Tina Adatia (ซ้าย) Executive Vice President, Fixed Income Strategist of PIMCO และ Ms. Clara Ng (ขวา) Vice President, Account Manager of PIMCO มาร่วมแบ่งปันมุมมองการลงทุน พร้อมเจาะลึกสถานการณ์และความเคลื่อนไหวของกองทุนรวมตราสารหนี้ที่ลงทุนในตราสารต่างประเทศทั่วโลก

โดยความเห็นส่วนหนึ่งของ Ms. Tina Adatia ระบุว่า เศรษฐกิจของสหรัฐฯ ยังคงชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง และอัตราเงินเฟ้อจะยังอยู่ในระดับปานกลาง อย่างไรก็ตามอาจมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดย PIMCO มองว่าเฟดน่าจะใกล้ยุติการขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย แต่จะยังคงตรึงไว้ในกรอบเดิมสักระยะหนึ่งเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ และคาดว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งหลังของปีหน้า สำหรับตลาดตราสารหนี้ มีการปรับขึ้น Yield ครั้งใหญ่ ซึ่งเป็นผลมาจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น โดยปัจจุบันตราสารหนี้สามารถให้อัตราผลตอบแทนที่เทียบเท่ากับตราสารทุนที่ 5-7% โดยไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงที่สูงจนเกินไป เราจึงมีมุมมองเชิงบวกต่อการเข้าสะสมตราสารหนี้ โดยเฉพาะตราสารหนี้ภาครัฐและเอกชนที่มีคุณภาพสูง และลงทุนในจังหวะช่วงที่เฟดใกล้จะยุติการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายแล้ว

กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) เดินหน้าติดเครื่องผู้ประกอบการ SME ไทยให้แกร่งเกินร้อย ด้วยผลิตภัณฑ์ใหม่ “สินเชื่อ SME เติมพลังเกินร้อย” ให้ SME ที่กำลังมีแผนลงทุนขยายกิจการ หรือต้องการเงินทุนหมุนเวียนเพิ่ม ได้เดินหน้าธุรกิจอย่างคล่องตัวมากขึ้น โดยเฉพาะ SME ขนาดเล็กที่เป็นบุคคลธรรมดา ได้มีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุน ด้วยวงเงินอนุมัติสินเชื่อสูงสุดถึง 2 เท่าของมูลค่าหลักประกัน ผ่อนได้สบายๆ สูงสุด 10 ปี และฟรีค่าธรรมเนียมค้ำประกันวงเงินสินเชื่อตลอดอายุการกู้ ให้ธุรกิจพร้อมเดินหน้าด้วยความแข็งแกร่งเกินร้อย

นางสาวดวงกมล ลิมป์พวงทิพย์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจ SME ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ลูกค้าแต่ละกลุ่มมีโจทย์ความต้องการทางการเงินที่แตกต่างกัน กรุงศรีจึงออกแบบผลิตภัณฑ์รวมถึงบริการที่ตอบสนองความต้องการลูกค้า SME แต่ละกลุ่มแตกต่างกัน  สำหรับในช่วงปัจจุบันที่แนวโน้มเศรษฐกิจอยู่ในภาวะค่อยๆ ฟื้นตัว ผู้ประกอบการ SME ส่วนมากจะมองหาเงินทุนหมุนเวียนเพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงิน เตรียมพร้อมรับกับโอกาสธุรกิจที่เข้ามา โดยหากพิจารณาพฤติกรรมความต้องการของลูกค้าอย่างลึกซึ้งจะพบว่า กลุ่ม SME ขนาดเล็ก ที่เป็นบุคคลธรรมดา มักมีข้อจำกัดในเรื่องหลักประกันที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการสินเชื่อ กรุงศรีจึงได้ออกผลิตภัณฑ์ “สินเชื่อ SME เติมพลังเกินร้อย” ซึ่งออกแบบมาเพื่อรองรับกับความต้องการของ SME รายเล็ก ที่ต้องการวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 10 ล้านบาท โดยธนาคารสามารถพิจารณาอนุมัติวงเงินให้สูงสุดถึง 2 เท่า ของมูลค่าหลักประกัน หรือเกินร้อยเปอร์เซ็นต์จากหลักประกันที่มี ผ่อนนานสูงสุด 10 ปี อนุมัติทั้งวงเงินเบิกเกินบัญชีและเงินกู้ระยะยาวในคราวเดียวกัน อีกทั้งฟรีค่าธรรมเนียมค้ำประกัน โดยมีบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ร่วมค้ำประกันวงเงินสินเชื่อ ซึ่งผู้ประกอบสามารถเลือกใช้วงเงินสินเชื่อได้ตามความต้องการ ช่วยเพิ่มความคล่องตัว และเพิ่มโอกาสการเติบโตของธุรกิจระยะยาว”

สำหรับ “สินเชื่อ SME เติมพลังเกินร้อย” เป็นสินเชื่อเพื่อธุรกิจที่อนุมัติวงเงินกู้เริ่มตั้งแต่ 3 แสน - 10 ล้านบาท ผ่อนชำระได้สบายๆ สูงสุด 10 ปี ด้วยอัตราดอกเบี้ยสูงสุดไม่เกิน MRR + 3.0% โดยสามารถใช้หลักประกันเป็นเงินฝาก หรือหลักทรัพย์  ได้แก่ อาคารพาณิชย์ โรงงาน อาคารสำนักงาน บ้านพักอาศัย (บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ คอนโดมิเนียม) ไม่รวมที่ดินว่างเปล่า และมีบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ร่วมค้ำประกันวงเงินสินเชื่อ ไม่มีค่าธรรมเนียมค้ำประกันสินเชื่อตลอดอายุการกู้ โดยสามารถยื่นเอกสารสมัครขอสินเชื่อได้ตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม 2566 ทั้งนี้ ระยะเวลาในการสมัครขอสินเชื่อขึ้นอยู่กับวงเงินค้ำประกันสินเชื่อคงเหลือของ บสย. หรือการเปิดรับการค้ำประกันตามระยะเวลาที่ บสย. กำหนด

“กรุงศรีคาดว่า “สินเชื่อ SME เติมพลังเกินร้อย” จะเป็นกำลังสนับสนุนให้ลูกค้า SME สามารถเดินหน้าและหาโอกาสใหม่ๆ ในธุรกิจได้อย่างที่ตั้งใจไว้ โดยธนาคารตั้งเป้ายอดการขอสินเชื่อนี้อยู่ที่ 1,000 ล้านบาท นอกจากนี้กรุงศรีพร้อมสนับสนุนธุรกิจของลูกค้าด้วยผลิตภัณฑ์และบริการตลอดจนความรู้และสร้างโอกาสทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ตอกย้ำการเป็นพันธมิตรที่ลูกค้าธุรกิจให้ความไว้วางใจอย่างแท้จริง” นางสาวดวงกมล กล่าวสรุป

สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจ สามารถสอบถามข้อมูลได้ที่สาขาของธนาคาร หรือติดต่อกลุ่มบริหารความสัมพันธ์ลูกค้าธุรกิจรายย่อย โทร. 02-296-6262 โดยเงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด

กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) ประกาศความสำเร็จในการเข้าซื้อกิจการและถือหุ้นในสัดส่วน 75% ของ PT. Home Credit Indonesia (Home Credit Indonesia) ซึ่งเป็นผู้เล่นรายสำคัญในธุรกิจสินเชื่อผู้บริโภคในอินโดนีเซีย มีเครือข่ายครอบคลุมทั่วประเทศ ขณะเดียวกัน PT Adira Dinamika Multi Finance, Tbk (Adira Finance) บริษัทในเครือ Bank Danamon หนึ่งในสมาชิกของ MUFG ได้เข้าถือหุ้นในสัดส่วน 9.83% ของ Home Credit Indonesia ด้วย ความสำเร็จในครั้งนี้ทำให้กรุงศรีเติบโตอย่างแข็งแกร่งในฐานะธนาคารแห่งภูมิภาค (Regional Bank) และมีเครือข่ายธุรกิจครอบคลุม 5 ประเทศในอาเซียน สอดคล้องกับกลยุทธ์ตามแผนธุรกิจระยะกลางของกรุงศรีที่ต้องการขยายและสร้างความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจเพื่อเชื่อมโยงความต้องการของลูกค้าทั่วทั้งอาเซียน

นายเคนอิจิ ยามาโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จํากัด (มหาชน) กล่าวว่า “กรุงศรียังคงขยายธุรกิจไปยังประเทศต่าง ๆ เพื่อเชื่อมโยงความต้องการของลูกค้าในอาเซียน ซึ่งจากความสำเร็จในการเข้าซื้อกิจการ Home Credit Indonesia ครั้งนี้ ทำให้มีธุรกิจครอบคลุม 5 ประเทศในอาเซียน ประกอบด้วย สปป. ลาว กัมพูชา ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และอินโดนีเซียเป็นประเทศล่าสุด และยังมีสำนักงานตัวแทนซึ่งตั้งอยู่ในเมียนมาด้วย นอกจากนี้ ความสำเร็จในครั้งนี้ยังช่วยสร้างความแข็งแกร่งของกรุงศรีในฐานะธนาคารแห่งภูมิภาคอาเซียนให้ชัดเจนขึ้น”

“อินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ซึ่งคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่ที่ 5.0% ต่อปีในช่วง 5 ปีนับจากนี้ อีกทั้งยังมีอัตราการบริโภคภาคเอกชนที่แข็งแกร่ง ขณะที่ Home Credit Indonesia นับเป็นหนึ่งในผู้เล่นสำคัญในตลาดและประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจในอินโดนีเซียมาเป็นเวลาราว 10 ปี ปัจจุบันนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลาย ด้วยจำนวนผู้ลงทะเบียนใช้งานแอปพลิเคชันกว่า 17 ล้านรายและฐานลูกค้ากว่า 6 ล้านราย โดยหลังจากนี้ เรามุ่งมั่นที่จะร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดและกรุงศรีจะใช้ความเชี่ยวชาญในด้านสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคและการบริหารจัดการความเสี่ยงในการขยายเครือข่ายพันธมิตรใหม่ ๆ สร้างความเติบโตให้กับฐานลูกค้า รวมทั้งพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ ๆ ให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในอินโดนีเซียมากยิ่งขึ้น” นายยามาโตะ กล่าวเพิ่มเติม

“เรายินดีเป็นอย่างยิ่งกับความสำเร็จในการเข้าซื้อกิจการ Home Credit Indonesia ในครั้งนี้ สำหรับ Adira Finance  นี่คือก้าวสำคัญที่จะนำไปสู่ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์เพื่อให้เราสามารถเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น และเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ นอกจากนี้ ความสำเร็จในครั้งนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงการผสานความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรมระหว่าง Adira Finance และบริษัทในเครือ MUFG ในการนำเสนอบริการที่เหมาะสมให้กับลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจ” Dewa Made Susila, President Director, Adira Finance กล่าว

“สิ่งนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นถึงความสำเร็จและความแข็งแกร่งของ Home Credit Indonesia นับตั้งแต่ดำเนินธุรกิจในประเทศอินโดนีเซีย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2556 Home Credit ได้นำเสนอบริการทางการเงินที่เข้าถึงง่ายและหลากหลายอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและยกระดับความเป็นอยู่ของผู้คนกว่า 6 ล้านคนทั่วประเทศ และความมุ่งมั่นของเราในการสร้างสัมพันธ์ระหว่างผู้ประกอบการรายย่อย ผู้ให้บริการรายหลัก และลูกค้านั้นได้ส่งผลให้เกิดอิโคซิสเต็มส์ที่ทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินที่มีความรับผิดชอบ น่าเชื่อถือ และมีราคาที่เหมาะสม” Animesh Narang, Chief Executive Officer, Home Credit Indonesia กล่าว

X

Right Click

No right click