กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) ร่วมกับ คุณเบล เศรษฐพร ก่อวาณิชกุล หรือที่รู้จักกันในนามของ Painterbell ศิลปินนักวาดการ์ตูนที่กำลังมีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับด้วยผลงานที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว สร้างสรรค์ Krungsri LINE Sticker Limited Edition สุดคิวท์ ภายใต้แนวคิด “ชีวิตง่าย ได้ทุกวัน” โดยเป็นการพบกันครั้งแรกของคาแรคเตอร์ตัวการ์ตูน John และ Lulu กับทีมบิลลี่ เบลล่า และน้องกล้วยกรุงศรี สะท้อนถึงความสุข สดใส และเข้าถึงง่าย ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ในการส่งต่อความสุขง่าย ๆ ได้ทุกวัน

ปัจจุบัน  LINE Official Account Krungsri Simple มีผู้ติดตามมากกว่า 35 ล้านคน ซึ่งเป็นหนึ่งในช่องทาง Social Media หลักในการสื่อสารของธนาคาร โดยได้มีการพัฒนาและเพิ่มการให้บริการมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการยกระดับบริการแชตบอทน้องเบลล่า (Bella Chatbot) ที่สามารถให้รายละเอียดผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ ได้อย่างครบถ้วน โปรแกรมช่วยวางแผนการออมให้ถึงเป้าหมายหรือวางแผนเกษียณสบาย รวมถึงการค้นหาสาขา ATM และจุด Krungsri i-CONFIRM ใกล้ ๆ เป็นต้น

เพียงกดเพิ่มเพื่อน @krungsrisimple ในไลน์ ตั้งแต่ 27 มิถุนายน – 24 กันยายน 2566 หรือคลิก  https://bit.ly/krungsrilinesticker2023 เพื่อดาวน์โหลดสติกเกอร์ไว้ใช้งานได้ฟรี

กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) นำโดย นางสาวดวงกมล ลิมป์พวงทิพย์ (ที่ 5 จากขวา) ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจ SME ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) จัดสัมมนา Krungsri Business Talk Series ภายใต้หัวข้อ “Shift & Change for The Future” ยกระดับ ขับเคลื่อนธุรกิจสู่อนาคต สำหรับกลุ่มลูกค้าผู้ประกอบการ SME โดยได้รับเกียรติจากผู้เชี่ยวชาญและผู้บริหารจากหลากหลายองค์กรมาร่วมแบ่งปันองค์ความรู้เกี่ยวกับแนวทางในการขับเคลื่อนธุรกิจบนแนวคิดเรื่องความยั่งยืน (ESG) วิธีการบริหารธุรกิจตามแนวคิดแบบ Startup รวมถึงการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในการดำเนินธุรกิจในยุคดิจิทัล เพื่อช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันภายใต้สภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว พร้อมยกระดับผู้ประกอบการไทยสู่การเป็น Smart SME เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจสู่อนาคตอย่างยั่งยืน โดยงานสัมมนานี้จัดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ ที่อาคารทรู ดิจิทัล พาร์ค และจะจัดขึ้นอีกครั้งในวันที่ 13 กรกฎาคมนี้ สำหรับกลุ่มลูกค้าผู้ประกอบการในพื้นที่ภาคตะวันออก ที่โรงแรม เมอเวนพิค สยาม นาจอมเทียน พัทยา

กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) คัดกองทุนตัวเด็ดที่ลงทุนในสินทรัพย์คุณภาพทั่วโลกจากหลาย บลจ. ชั้นนำ เพื่อโอกาสผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว พร้อมจัดแคมเปญพิเศษให้กับลูกค้าใหม่ รับเงินคืน (Cash Back) 0.2% ของยอดเงินลงทุนสะสม (สูงสุด 1,000 บาทต่อคน) เมื่อเปิดบัญชีกองทุนรวม ผ่าน KMA krungsri app และมียอดเงินลงทุนสะสมในกองทุนรวมที่ร่วมรายการ ผ่านธนาคารกรุงศรีอยุธยา ในระหว่างวันที่ 1 มิ.ย. 66 – 29 ธ.ค. 66 ตั้งแต่ 1,000 บาทขึ้นไป โดยจะต้องคงสถานะบัญชีเงินฝากของธนาคารกรุงศรีอยุธยาที่เป็นบัญชีรับเงินค่าขายคืนที่ผูกไว้กับบัญชีกองทุน บัญชีกองทุน และ KMA krungsri app เป็นปกติ ณ วันที่ธนาคารโอนเงินคืน

ผู้ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดและเงื่อนไขเพิ่มเติมได้ที่ https://www.krungsri.com/th/promotions/personal/fif-open-account-via-kma-get-cash-back 


*ศึกษารายละเอียดและเงื่อนไขเพิ่มเติมได้จากสื่อต่าง ๆ ของธนาคาร

กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) พัฒนาโมบายแอปพลิเคชัน CBDC Krungsri เพื่อเป็นแอปพลิเคชันสำหรับทดสอบการใช้งานสกุลเงินดิจิทัลสำหรับภาคประชาชน (Pilot test Retail CBDC) ที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำหรับใช้ซื้อสินค้าและบริการต่าง ๆ จากร้านค้าที่เข้าร่วมทดสอบโครงการ Retail CBDC ซึ่งทางกรุงศรีได้มีการพัฒนาขึ้นตั้งแต่ปีที่ผ่านมา และปัจจุบันอยู่ในช่วงลงสนามทดลองใช้จริงในวงจำกัด

นายสยาม ประสิทธิศิริกุล ประธานกลุ่มสนับสนุนธุรกิจด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและดิจิทัล ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “การทดสอบครั้งนี้เป็นการทดสอบการใช้งานพื้นฐาน ได้แก่ การเติม / จ่าย / โอน / แลกคืน CBDC โดยมีผู้เข้าร่วมทดสอบ (Whitelist) ประกอบด้วยผู้ใช้บริการและร้านค้า โดยได้เริ่มทดสอบการใช้งานที่บริเวณธนาคารแห่งประเทศไทยตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาและเริ่มขยายบริเวณทดสอบมายังสำนักงานธนาคารกรุงศรีฯ และร้านค้าโดยรอบ ณ สำนักงานใหญ่ พระราม 3 และ สำนักงานเพลินจิต ตั้งแต่ปลายพฤษภาคม จนถึงประมาณไตรมาส 3 ปีนี้ โดยมีร้านค้าในตลาดครูหวีและร้านอาหารในศูนย์อาหารร่วมทดสอบ รวมทั้งสิ้นกว่า 100 ร้านค้ามีพนักงานธนาคารกรุงศรีฯ ที่เข้าร่วมทดสอบกว่า 2,000 คน”

กลุ่มผู้ใช้งานที่ร่วมทดสอบ จะดาวน์โหลดแอป CBDC Krungsri ได้จาก App Store หรือ Play Store และลงทะเบียนเพื่อใช้งาน โดยในระบบทดสอบนี้ ผู้ใช้งานสามารถเติม CBDC ผ่านบัญชีธนาคารกรุงศรีที่ได้ทำการผูกไว้ และแลก CBDC กลับคืนเป็นเงินในบัญชีดังกล่าวได้ตลอดระยะเวลาทดสอบ โดย 1 CBDC มีมูลค่า เท่ากับ 1 บาทเสมอ

CBDC Krungsri มี 4 Features หลักคือ เติม จ่าย โอน และ แลกคืน CBDC และ สามารถแยกการใช้งานของ ผู้ใช้งานทั่วไป และ ร้านค้าได้

อีกทั้ง ธนาคารกรุงศรีฯ ได้ทดลองพัฒนา Feature สำหรับร้านค้าต่อยอดจากระบบ CBDC เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งาน ดังนี้

  • มี Feature พิเศษแยก wallet ออกเป็น 2 wallet คือ สำหรับร้านค้า และ ส่วนตัว แต่ละ wallet สามารถแยกใช้ตามวัตถุประสงค์การใช้งาน เพื่อให้ง่ายต่อการบริหารจัดการเงินในร้านค้าไม่ให้ปะปนกับเงินใช้ส่วนตัว
  • เจ้าของร้านค้าสามารถแชร์ wallet ให้แก่พนักงานขายหน้าร้านได้มากถึง 5 คน เพื่อรองรับร้านค้าที่มีหลายสาขา
  • การแจ้งเตือนเงินเข้าเพื่อความสะดวกในการตรวจสอบว่ายอดเงินเข้าถูกต้องหรือไม่ทั้งในรูปแบบข้อความ (In-app Notification) และ รูปแบบเสียง (Text to speech)
  • การแลกคืน ร้านค้าสามารถแลกคืน CBDC ด้วยตนเองระหว่างวันได้ หรือจะกำหนดให้ระบบทำการแลกคืนให้ทั้งหมดโดยอัตโนมัติเมื่อสิ้นวัน

ในช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2566 นี้ กรุงศรีจะขยายการทดสอบจากการใช้จ่ายกับร้านค้ารายย่อยไปยังกลุ่มร้านค้าที่เป็นลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ (Corporate customers) ที่อยู่ใน Whitelist เพื่อศึกษาการทดสอบใช้งาน CBDC กับระบบการทำงานของร้านค้าขนาดใหญ่ต่อไป

นอกจากนี้ ธนาคารกรุงศรีฯ ยังร่วมกับ ธปท. และผู้ให้บริการ CBDC รายอื่น ทดลองพัฒนานวัตกรรมต่อยอดบนระบบ CBDC เพื่อศึกษาแนวทางการรองรับโจทย์ในภาคธุรกิจ (Innovation Track) โดย Innovation Track นี้เป็นเพียงการทดสอบในระบบปิดเท่านั้น และจะไม่มีการนำไปใช้งานกับผู้เข้าร่วมโครงการและร้านค้า

ปัจจุบัน Retail CBDC เป็นโครงการเพื่อศึกษา ตามที่ ธปท. ย้ำเสมอว่า “Pilot to Learn, Not Pilot to Launch” ซึ่งการทดสอบในครั้งนี้เป็นการทดสอบในวงจำกัดโดยมีผู้ใช้งานและร้านค้ารวมทั้งโครงการและทุกผู้ให้บริการประมาณ 10,000 คนเท่านั้น ยังไม่มีแผนที่จะออกใช้งานจริง ทั้งนี้ กรุงศรีมีความพร้อมที่จะให้การสนับสนุน ธปท. ในเรื่อง CBDC อย่างเต็มที่ เพื่อร่วมเรียนรู้และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเงินบาทดิจิทัลของประเทศอย่างต่อเนื่องต่อไป

นายไพโรจน์ ชื่นครุฑ (ที่ 2 จากซ้าย) ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านกลยุทธ์และวางแผนธุรกิจองค์กร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้แทนมูลนิธิกรุงศรี มอบเงินสนับสนุนแก่มูลนิธิสร้างรอยยิ้ม จำนวน 200,000 บาท เพื่อสนับสนุนโครงการผ่าตัดแบบต่อเนื่อง สำหรับเด็กด้อยโอกาสที่มีภาวะปากแหว่งเพดานโหว่ ณ โรงพยาบาลชลบุรี จังหวัดชลบุรี โดยมี ทันตแพทย์หญิงยุพเรศ นิมกาญจน์ (ที่ 2 จากขวา) ประธานกรรมการมูลนิธิสร้างรอยยิ้ม เป็นผู้รับมอบ โดยตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา มูลนิธิกรุงศรีได้ให้การช่วยเหลือแก่เยาวชนที่มีภาวะปากแหว่งเพดานโหว่ รวมจำนวนทั้งสิ้น 20 คน  

X

Right Click

No right click