ตอกย้ำจุดยืนการเป็นผู้นำของกรุงศรีในอาเซียน

กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) โดยกลุ่มธุรกิจธนกิจพาณิชย์เกี่ยวกับญี่ปุ่นและบรรษัทข้ามชาติ (JPC/MNC Banking) ภายใต้การนำของแม่ทัพคนใหม่ นายบุนเซอิ โอคุโบะ ประกาศกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในปี 2566  รุกขยายศักยภาพเชื่อมต่ออาเซียน ผุดบริการใหม่ “ASEAN LINK” ที่ปรึกษาด้านธุรกิจสำหรับลูกค้าที่ต้องการขยายธุรกิจสู่อาเซียน โดยประสานพลังเครือข่าย MUFG เพื่อเชื่อมทุกความต้องการทำธุรกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมเดินหน้าต่อยอดธุรกิจเพื่อความยั่งยืน (ESG Finance) และสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจสตาร์ทอัพในเวทีนานาชาติ ตอกย้ำความเป็นผู้นำธนาคารพันธมิตรที่กลุ่มธุรกิจญี่ปุ่นไว้วางใจ

นายบุนเซอิ โอคุโบะ ประธานกลุ่มธุรกิจธนกิจพาณิชย์เกี่ยวกับญี่ปุ่นและบรรษัทข้ามชาติ (JPC/MNC Banking) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “กรุงศรี ครองความเป็นผู้นำในตลาดลูกค้าธุรกิจญี่ปุ่นมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยเครือข่ายที่แข็งแกร่งของ MUFG ทั้งในประเทศญี่ปุ่นและต่างประเทศทั่วโลก อีกทั้งความรู้ ความเชี่ยวชาญระดับโลกทำให้กรุงศรีสามารถต่อยอดและได้รับความไว้วางใจจากกลุ่มลูกค้าธุรกิจญี่ปุ่นและบรรษัทข้ามชาติ โดยในปีที่ผ่านมา เราได้ให้บริการทั้งกลุ่มลูกค้าญี่ปุ่นและบรรษัทข้ามชาติจากหลากหลายอุตสาหกรรมในการขยายธุรกิจสู่อาเซียนจนประสบความสำเร็จมากมาย อาทิ การสนับสนุนการตั้งโรงงานผลิตเลนส์ในประเทศลาว การให้คำปรึกษาด้านข้อมูลตลาดและข้อบังคับทางกฎหมายในการตั้งสำนักงานของบริษัทวัสดุก่อสร้างในประเทศเวียดนาม การช่วยสำรวจและแนะนำพื้นที่ในการตั้งโรงงานแปรรูปอาหารในประเทศเวียดนาม รวมทั้งให้คำปรึกษาในการตั้งสำนักงานใหญ่ในประเทศไทยของบริษัทด้านยานยนต์จากประเทศญี่ปุ่น เป็นต้น”

ในปี 2566 นี้ เราจึงให้ความสำคัญกับการเชื่อมต่ออาเซียน ซึ่งถือเป็นหนึ่งในพันธกิจสำคัญของกรุงศรี โดยได้ยกระดับบริการที่ปรึกษาทางธุรกิจเพื่อเชื่อมต่อทั้งภูมิภาคอาเซียนด้วยบริการใหม่ ‘ASEAN LINK’ ที่พร้อมตอบโจทย์ทุกความต้องการในการทำธุรกิจ เพื่อช่วยให้ลูกค้าของเราเติบโตใน 9 ประเทศทั่วทั้งอาเซียน และต่อยอดได้ในอีกกว่า 50 ประเทศทั่วโลกผ่านเครือข่ายที่แข็งแกร่งของ MUFG

สำหรับบริการ Krungsri ASEAN LINK นับเป็นศูนย์กลางบริการด้านการทำธุรกิจในระดับภูมิภาคอาเซียนผ่านเครือข่ายที่แข็งแกร่งของกรุงศรี และ MUFG มีความรู้ความเข้าใจในอุตสาหกรรมที่แตกต่างและหลากหลาย พร้อมนำเสนอ โซลูชันทางการเงินให้กับลูกค้าแบบ Tailor-made โดยเริ่มตั้งแต่การให้คำปรึกษา วิเคราะห์ และสนับสนุนข้อมูลด้านการตลาด รวมถึงแนวโน้มทางเศรษฐกิจเพื่อการควบรวมกิจการและการขยายการลงทุนในต่างประเทศ การพัฒนาและจัดตั้งสำนักงานธุรกิจในระดับภูมิภาค การให้บริการที่ปรึกษาทางกฎหมายและภาษีอากร และการจับคู่ทางธุรกิจ เป็นต้น

 

นอกจากนี้ กรุงศรียังคงเดินหน้ากลยุทธ์ในการต่อยอดการสนับสนุนด้านการเงินเพื่อความยั่งยืน และร่วมเป็นส่วนช่วยผลักดันสตาร์ทอัพสู่เวทีอาเซียนผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ดังนี้

  • การสนับสนุนธุรกิจที่ดำเนินการตามกรอบความยั่งยืน (ESG) ด้วยการถ่ายทอดองค์ความรู้ผ่านเครือข่ายพันธมิตร พร้อมต่อยอดความร่วมมือกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (EGAT) และ Zeroboard Inc. สตาร์ทอัพสัญชาติญี่ปุ่นที่เชี่ยวชาญด้านคลาวด์เทคโนโลยีเกี่ยวกับการคำนวณและการแสดงผลลัพธ์การปล่อยก๊าซเรือนกระจกของธุรกิจและ Supply chain เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจ สีเขียวอย่างเป็นรูปธรรม
  • การสร้างเครือข่ายและสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจสตาร์ทอัพผ่านความร่วมมือกับพันธมิตร ได้แก่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) และ Techo Startup Center หน่วยงานภายใต้รัฐบาลกัมพูชาซึ่งส่งเสริมการเติบโตของสตาร์ทอัพ เพื่อสร้างโอกาสทั้งในเวทีระดับประเทศและระดับอาเซียน โดยในปีนี้กรุงศรีได้ร่วมจัดงาน Japan-ASEAN Start-up Business Matching Fair 2023 ร่วมกับกระทรวงเศรษฐกิจประเทศญี่ปุ่น (METI) depa และ Techo ซึ่งเป็นงานจับคู่ธุรกิจสำหรับกลุ่มสตาร์ทอัพที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลญี่ปุ่นที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งมีสตาร์ทอัพเข้าร่วมงานมากกว่า 60 บริษัท จาก 9 ประเทศ และจากหลากหลายอุตสาหกรรม โดยมีนักลงทุนเข้าร่วมถึง 160 บริษัท จาก 6 ประเทศ นับเป็นการผนึกกำลังภายใต้เครือข่าย MUFG ในการสร้างโอกาสครั้งสำคัญให้กับสตาร์ทอัพ

“เราเชื่อมั่นว่าด้วยความเชี่ยวชาญของกรุงศรี และเครือข่ายที่แข็งเกร่งของ MUFG จะช่วยขยายโอกาสและขับเคลื่อนการเติบโตของทั้งธุรกิจญี่ปุ่นและบรรษัทข้ามชาติ รวมทั้งช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจไทยให้เติบโตไปพร้อมๆ กัน”  นายโอคุโบะ กล่าวทิ้งท้าย

ทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงอัตราดอกเบี้ย เชื่อมโยงคาร์บอนเครดิต ครั้งแรกในไทย

กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า เงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 34.50-35.20 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดอ่อนค่าที่ 34.69 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในช่วง 34.26-34.78 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 2 เดือน ขณะที่ค่าเงินหยวนร่วงลงต่อเนื่อง เงินดอลลาร์เดินหน้าแข็งค่าเทียบทุกสกุลเงินสำคัญในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินแตะจุดสูงสุดรอบ 2 เดือนขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตร(บอนด์ยิลด์)สหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้นหลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯยังคงแข็งแกร่งเกินคาดแม้ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างแข็งกร้าวในช่วงที่ผ่านมา ทางด้านเจ้าหน้าที่เฟดแสดงความเห็นแตกต่างกันไปในช่วงนี้ต่อประเด็นที่ว่าเฟดควรจะปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อไปหรือไม่ ทั้งนี้ ตลาดสัญญาล่วงหน้าบ่งชี้ความน่าจะเป็นราว 34% ที่เฟดจะคงดอกเบี้ยไว้ที่ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 13-14 มิ.ย. และมีโอกาส 66% ที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 25bp สู่ 5.25-5.50% นอกจากนี้ ระหว่างสัปดาห์ดอลลาร์ได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมในฐานะสกุลเงินปลอดภัยจากความกังวลเรื่องเพดานหนี้สหรัฐฯและแนวโน้มเศรษฐกิจจีน  ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นและพันธบัตรไทยสุทธิ 12,189 ล้านบาท และ 21,523 ล้านบาท ตามลำดับ

สำหรับภาพรวมในสัปดาห์นี้ กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี ระบุว่า บรรยากาศการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอาจได้แรงส่งเชิงบวกในช่วงแรกหลังทางการสหรัฐฯได้ข้อตกลงเรื่องงบประมาณเพื่อระงับข้อจำกัดเกี่ยวกับเพดานหนี้รัฐบาลไปจนถึงต้นปี 68 และจะมีการลงคะแนนข้อตกลงดังกล่าวในสภาคองเกรส ก่อนจะมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการต่อไป อย่างไรก็ตาม เงินเฟ้อสหรัฐฯที่ยังลดลงช้าเกินคาดทำให้ผู้ร่วมตลาดมองว่าดอกเบี้ยเฟดจะอยู่ในระดับสูงนานกว่าที่เคยประเมินไว้เดิม โดยปัจจัยชี้นำหลักสำหรับตลาดอัตราแลกเปลี่ยนกลับมาอยู่ที่การคาดการณ์ทิศทางนโยบายเฟด หากข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ค.ของสหรัฐฯต่ำเกินคาด เงินดอลลาร์จะเผชิญแรงขายทำกำไรได้เช่นกัน ทั้งนี้ บอนด์ยิลด์ระยะ 2 ปีของสหรัฐฯพุ่งขึ้นมาแล้ว 86bp ในเวลาเพียง 3 สัปดาห์

สำหรับปัจจัยในประเทศ คาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) จะมีมติขึ้นดอกเบี้ย 25bp เป็น 2.00% ในการประชุมวันที่ 31 พ.ค. แม้เงินเฟ้อกำลังเป็นขาลงแต่การสื่อสารจากผู้ดำเนินนโยบายบ่งชี้ว่าต้องการNormalize อีกสักระยะหนึ่ง นอกจากนี้ ตลาดจะให้ความสนใจกับรายงานภาวะเศรษฐกิจเดือนเม.ย. ขณะที่ฝั่งการเมืองยังมีความเสี่ยงที่การจัดทำงบประมาณรายจ่ายปี 67 จะล่าช้า

กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) คัดกองทุนตัวเด็ดที่ลงทุนในสินทรัพย์คุณภาพทั่วโลกจากหลาย บลจ. ชั้นนำ

X

Right Click

No right click