

สมาคมสถาปนิกสยามฯ ร่วมกับ ทีทีเอฟ ประกาศเดินหน้าจัดงานสถาปนิก’67 ภายใต้ธีม Collective Language: สัมผัส สถาปัตย์ นำเสนออัตลักษณ์ของการสื่อสารด้วยภาษาที่ไร้ขอบเขตของสถาปนิก และนักออกแบบ พร้อมผนึกกำลัง 4 องค์กรวิชาชีพสถาปนิกร่วมขับเคลื่อนงานให้สมบูรณ์แบบ ทั้งจัดแสดงนิทรรศการ จัดกิจกรรมสถาปนิก เปิดเวทีเสวนาให้ความรู้โดยกูรูทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงแสดงนวัตกรรมด้านการออกแบบ-ก่อสร้างครบวงจร บนพื้นที่รวมกว่า 75,000 ตร.ม. ให้ผู้สนใจเข้าร่วมงานตั้งแต่วันที่ 30 เมษายน – 5 พฤษภาคม 2567 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี คาดมีผู้แสดงสินค้าทั้งจากไทยและต่างประเทศกว่า 1,000 ราย และผู้เข้าชมงานกว่า 3.25 แสนคน

นายชนะ สัมพลัง นายกสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวถึงการจัดงานสถาปนิกว่า ปัจจุบันถือเป็นงานแสดงเทคโนโลยีสถาปัตยกรรม และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างยิ่งใหญ่ที่สุดในอาเซียน ซึ่งจัดมาอย่างต่อเนื่อง โดยงานสถาปนิก’67 นับเป็นครั้งที่ 36 มีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงศักยภาพและนำเสนอผลงานความก้าวหน้าทางด้านสถาปัตยกรรมในทุกสาขาวิชาชีพ รวมถึงการจัดแสดงนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ก่อสร้างที่เกี่ยวเนื่องกับงานสถาปัตยกรรม การออกแบบตกแต่งภายใน ภูมิสถาปัตยกรรม อีกทั้งนิทรรศการและกิจกรรมที่น่าสนใจ อาทิ การอบรมสัมมนาระดับนานาชาติ ตลอดจนบริการต่างๆ ที่เตรียมไว้ให้กับสมาชิกและประชาชนที่สนใจได้เข้าร่วมชมงานระหว่างวันที่ 30 เมษายน – 5 พฤษภาคม 2567 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี
ทั้งนี้ ในปี 2567 สมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ จะครบรอบ 90 ปี การจัดงานสถาปนิก’67 จึงจะเป็นโอกาสอันดี นอกจากวัตถุประสงค์ของการเป็นพื้นที่ที่เชื่อมโยงผู้คนทั่วโลกในแวดวงสถาปัตยกรรม และเป็นสื่อกลางในการจัดแสดงนิทรรศการวัสดุก่อสร้างและให้ความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เทคโนโลยี นวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับวงการสถาปัตยกรรมบนพื้นที่เดียวกันที่ใหญ่มากถึง 75,000 ตร.ม. แล้ว งานนี้ยังเป็นพื้นที่รวบรวมเรื่องราวการสื่อสารทางสถาปัตยกรรมตลอดระยะเวลา 90 ปี นับแต่ก่อตั้งสมาคมฯ ให้ผู้คนได้ร่วมเฉลิมฉลองและตระหนักถึงบทบาทการส่งเสริมวิชาชีพสถาปัตยกรรม การพัฒนาองค์ความรู้ด้านสถาปัตยกรรม มีส่วนสำคัญต่อคุณภาพความเป็นอยู่ของผู้คนในสังคม รวมถึงยังสามารถสะท้อนศิลปวัฒนธรรม และมีส่วนผลักดันด้านเศรษฐกิจของประเทศได้ด้วย

นางสาวกุลธิดา ทรงกิตติภักดี ประธานจัดงานสถาปนิก’67 กล่าวถึงที่มาของ ‘Collective Language : สัมผัส สถาปัตย์’ แนวคิดหลักในการจัดงานว่า มนุษย์ใช้ภาษาเป็นเครื่องมือในการสื่อสารเพื่อติดต่อกัน โดยปัจจุบันพบว่ามีภาษามากกว่า 7,000 ภาษาทั่วโลกที่ถูกใช้ในการสื่อสาร ขณะที่ศิลปวัฒนธรรมของแต่ละชาตินั้นถือเป็นเครื่องมือสื่อสารทรงพลังอีกเครื่องมือหนึ่งในการสร้างความเข้าใจเรื่องราวระหว่างผู้คนต่างชาติต่างภาษา งานสถาปนิก’67 ในปีนี้ เป็นการนำเสนอถึงอัตลักษณ์ของการสื่อสารด้วยภาษาที่ไร้ขอบเขตของสถาปนิกและนักออกแบบ เน้นย้ำถึงความสำคัญของงานสถาปัตยกรรมและการออกแบบที่สัมผัสได้โดยผู้คนจากทั่วทุกมุมโลก โดยสถาปนิกสามารถสร้างความรู้สึกทางรูปธรรมอันหลากหลายผ่านการใช้วัสดุและกระตุ้นความรู้สึกของผู้คนผ่านองค์ประกอบต่างๆ แบบนามธรรมในการรับรู้ถึงสถาปัตยกรรม ซึ่งการรับรู้ด้วยภาษาทางการออกแบบที่มีอยู่ร่วมกัน ก็เพื่อให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสและเข้าถึงผลงานสถาปัตยกรรมดีเด่นจากทั่วโลกที่เชื่อมโยงถึงกันด้วยภาษาสถาปัตยกรรมนั่นเอง

นายชุตยาเวศ สินธุพันธุ์ ประธานจัดงานสถาปนิก’67 กล่าวถึงความพิเศษของงานในปีนี้ ต่อยอดจากความร่วมมือระหว่าง 5 องค์กรวิชาชีพสถาปนิก ได้แก่ สมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์, สมาคมมัณฑนากร แห่งประเทศไทย, สมาคมภูมิสถาปนิกประเทศไทย, สมาคมสถาปนิกผังเมืองไทย และสภาสถาปนิก อีกทั้งยังมีการร่วมมือในระดับนานาชาติผ่านองค์กรวิชาชีพระหว่างประเทศ The Architects Regional Council Asia (ARCASIA) ที่มีประเทศสมาชิก 22 ประเทศทั่วเอเชียอีกด้วย นับเป็นการผนึกกำลังครั้งสำคัญในการร่วมจัดแสดงผลงานทางวิชาชีพสถาปัตยกรรม รวมถึงกิจกรรมสำคัญซึ่งจะเกิดขึ้นในงานครั้งนี้

ดร.พร้อม อุดมเดช ประธานจัดงานสถาปนิก’67 กล่าวในส่วนของนิทรรศการและกิจกรรมสำคัญ ประกอบด้วย 1.) นิทรรศการหลัก 2.) นิทรรศการวิชาการ 3.) นิทรรศการ สมาคม วิชาชีพ วิชาการ 4.) ส่วนพื้นที่กิจกรรมและบริการ 5.) งานสัมมนาวิชาการ โดยในส่วนของนิทรรศการหลัก ประกอบด้วย นิทรรศการธีมงาน Collective Language : สัมผัส สถาปัตย์ ที่จัดแสดงผลงานสถาปัตยกรรมจาก 12 สถาปนิกในเอเชีย ร่วมกับการจัดแสดงผลงานที่ได้รับการคัดเลือกจากสมาคมพันธมิตรใน ARCASIA, นิทรรศการ All Member จัดแสดงผลงานของสมาชิกสมาคมสถาปนิกสยามฯ, สมาคมมัณฑนากรฯ, สมาคมภูมิสถาปนิกฯ และ สมาคมสถาปนิกผังเมืองไทย ภายใต้ธีม All Member : The Collective Practices, กิจกรรม Collective Experience, นิทรรศการ สมาคมมัณฑนากรแห่งประเทศไทย : TIDA, นิทรรศการ สมาคมภูมิสถาปนิกประเทศไทย : TALA และนิทรรศการ สมาคมสถาปนิกผังเมืองไทย : TUDA

ผศ.ดร.รัฐพงษ์ อังกสิทธิ์ ประธานจัดงานสถาปนิก’67 กล่าวเสริมถึงนิทรรศการอื่นๆ ในงาน ทั้ง นิทรรศการประกวดแบบเชิงแนวความคิด (ASA Experimental Design Competition), นิทรรศการสมาคมวิชาชีพ วิชาการ อาทิ นิทรรศการสถาปัตยกรรมดีเด่น, นิทรรศการรางวัลอนุรักษ์ศิลปะสถาปัตยกรรม ประจำปี 2567, นิทรรศการ VERNADOC, นิทรรศการผลงานนักศึกษา / สถาบันการศึกษา ส่วนงานพื้นที่กิจกรรมและบริการในงานที่ประกอบด้วย ASA Club พื้นที่พบปะ จุดพักผ่อนประจำของชาวอาษา, ASA Night 2024 กิจกรรมสังสรรค์พบปะตามประเพณีของเหล่าสมาชิกอาษา และมีส่วนบริการที่ร่วมมือกับสภาสถาปนิก (ACT) จัดพื้นที่สถาปนิกอาสา บริการให้คำปรึกษาเรื่องต่างๆ ในงานสถาปัตยกรรม และ ACT Shop พื้นที่จำหน่ายหนังสือและของที่ระลึก และส่วนงานสัมมนาวิชาการ ASA Forum 2024 และ ASA Seminar 2024 เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ในงานออกแบบและข้อมูลทางเทคนิคในการประกอบวิชาชีพ โดยนักออกแบบและผู้เชี่ยวชาญด้านสถาปัตยกรรมจากต่างประเทศ ซึ่งมีประเด็นหัวข้อในการเสวนาที่น่าสนใจ ภายใต้ธีมงาน Collective Language : สัมผัส สถาปัตย์ ซึ่งจะจัดในรูปแบบ Hybrid Forum ผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมฟังการสัมมนา แบบ on site และแบบ online ได้ในทุกพื้นที่ของประเทศ

ด้านนายศุภแมน มรรคา รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีทีเอฟ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า ในฐานะออแกไนเซอร์จัดงานสถาปนิก'67 เราตั้งเป้าจะขยายการจัดงานให้ยิ่งใหญ่กว่างานที่ผ่านมา โดยคาดว่าจะมีจำนวนผู้แสดงสินค้ากว่า 1,000 ราย เพิ่มขึ้น 9.4% โดยคาดว่าจะเป็นผู้แสดงสินค้าจากต่างประเทศ ประมาณ 30% ในด้านผู้เข้าชมงานคาดว่าจะมีจำนวนกว่า 325,000 คน เพิ่มขึ้น 6.25% โดยในขณะนี้มียอดจองพื้นที่ขายไปแล้วกว่า 15,838 ตารางเมตร คิดเป็น 52.79% จากพื้นที่ขายทั้งหมด ซึ่งสูงกว่าปีก่อนในช่วงเวลาเดียวกัน 33.8 %
สำหรับผู้แสดงสินค้าชั้นนำที่ยืนยันเข้าร่วมงานแล้ว อาทิ SCG, MAKITA, JORAKAY, TOSTEM, VG, TOA, PANTAMITR, CONNEXT, DOS, CRISTINA, TAK เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีผู้แสดงสินค้าที่มีการขยายพื้นที่เพิ่มขึ้นจากงานที่ผ่านมา อาทิ BLACK+DECKER, WILSONART, Q LIGHTING, ARITCO, LAMPTITUDE, PANEL PLUS, GLASTEN, FORMICA เป็นต้น และมีผู้แสดงสินค้ารายใหม่ที่เข้าร่วมงานเพิ่มขึ้นหลายราย อาทิ BOONTHAVORN, ROCOCO, NOVATI & CO, ROBERT BOSCH, BATHIC, DELTA, BLUE INTERNATIONAL, YUASA TRADING, LIGMAN, TRUE CONNECTION

นอกจากนี้ ไฮไลท์ภายในงานนอกจากพื้นที่ของสมาคมฯ แล้ว ยังมีพื้นที่ Thematic Pavilion ซึ่งเป็นพื้นที่จัดแสดงศักยภาพร่วมกันของแบรนด์ซัพพลายเออร์วัสดุก่อสร้างและสถาปนิก ซึ่งเป็นการผสานความสามารถในการพัฒนานวัตกรรมเข้ากับการตีความนวัตกรรมเหล่านั้นตามสไตล์ต่าง ๆ ออกมาเป็นแนวคิดเชิงสร้างสรรค์ การจัดประกวด Best Innovation Award 2024 สำหรับนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ก่อสร้างที่จะมาเปิดตัวครั้งแรกภายในงาน เพื่อตอกย้ำว่างานสถาปนิกเป็นเวทีรวบรวมนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ก่อสร้างจากแบรนด์ทั่วทุกมุมโลกที่จะให้ทุกท่านได้มาสัมผัสก่อนใคร และสุดท้ายทางผู้จัดงานยังได้ให้ความสำคัญกับประสบการณ์ที่ดีในการเดินทางมาชมงาน จึงได้มีการทำแคมเปญพิเศษร่วมกับพันธมิตร อาทิ Grab และ การบินไทย เพื่อมอบโปรโมชั่นส่วนลดสำหรับผู้ที่เดินทางมางานสถาปนิก’67 อีกด้วย
สำหรับงานสถาปนิก’67 ภายใต้ธีม Collective Language: สัมผัส สถาปัตย์ มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 เมษายน – 5 พฤษภาคม 2567 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี สำหรับผู้สนใจสามารถติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวและข้อมูลเพิ่มเติมได้ทาง www.ArchitectExpo.com และ Facebook Page : งานสถาปนิก : ASA EXPO
FAMZ ที่ปรึกษาธุรกิจครอบครัวชั้นนำของประเทศไทยแนะกลยุทธ์ 3Ps “Purpose – Principle – Planning” สร้าง “ดาวเหนือ” ของตนเอง เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจครอบครัว
รองศาสตราจารย์ ดร.เอกชัย อภิศักดิ์กุล คณบดี คณะวิทยพัฒน์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และผู้ก่อตั้ง FAMZ ที่ปรึกษาธุรกิจครอบครัวชั้นนำของประเทศไทย ได้แนะแนวทางกับธุรกิจครอบครัว เพื่อสร้าง “ดาวเหนือ” ว่า การเดินหน้าเพื่อมุ่งสู่ “ดาวเหนือ” หรือ “เป้าหมายสูงสุด” ของธุรกิจครอบครัวนั้นสามารถปลดล็อกได้ด้วยขั้นตอนง่ายๆ เพื่อสร้าง “ธรรมนูญครอบครัว” หรือ “เข็มทิศ” ต่อไปในอนาคตได้ ด้วยกลยุทธ์ 3Ps ซึ่งประกอบด้วย Purpose – Principle – Planning (เจตนารมณ์ – หลักการ – การวางแผน)

ทั้งนี้ รองศาสตราจารย์ ดร.เอกชัย ได้กล่าวถึง “เข็มทิศกลยุทธ์ 3Ps” เพิ่มเติมว่า
P ที่ 1 : Purpose ถือเป็นการประกาศ “เจตนารมณ์” ร่วมกันของธุรกิจครอบครัวนั้นๆ แม้การประกาศ“เจตนารมณ์” จะสกัดออกมาเหลือเพียง 2-3 บรรทัด เช่น ตัวอย่าง Purpose ของ “ตระกูลจิราธิวัฒน์” ซึ่งจะเรียกส่วนนี้ว่า “ปณิธานของคุณเตียง และคุณสัมฤทธิ์ จิราธิวัฒน์” ที่ต้องการสร้างธุรกิจครอบครัวให้เติบโตขึ้น เพื่อส่งต่อให้ทายาทรุ่นต่อๆ ไปในอนาคตได้
Purpose นี้มีส่วนที่เหนือกว่านั้น คือ การร่วมประชุมเช่นนี้ได้กลายเป็น “เวทีสำคัญ”ที่ทำให้สมาชิกครอบครัวได้พูดถึงความต้องการของตนเองออกมา เช่น
P ที่ 2 : Principle เมื่อได้ “เจตนารมณ์” แล้วก็นำ “เจตนารมณ์” มาแตกเป็นหมวด เพื่อวาง “หลักการ” เป็นข้อๆ เช่น
#FAMZ
#ที่ปรึกษาธุรกิจครอบครัว #ธุรกิจครอบครัว #กงสี
#ธรรมนูญครอบคร้ว
P ที่ 3 : Planning “การวางแผน” ที่จะทำให้การเดินหน้าสู่ “ดาวเหนือ” มีความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติ และถือเป็นขั้นตอนที่จะช่วยกำกับมิให้ออกนอกลู่นอกทาง หรือละเลย เนื่องจากมัวยุ่งกับภารกิจในชีวิตประจำวัน หรือโลกธุรกิจจนไม่มีเวลา ด้วยการวางแผนเป็นรายปีว่า ธุรกิจครอบครัวต้องการดำเนินการอะไรบ้าง เช่น
ที่สำคัญ เมื่อดำเนินการมาถึงขั้นตอนที่ 3 แล้ว สำหรับการประชุมของสมาชิกครอบครัวทุกครั้งก็จะต้องนำแผนรายปีดังกล่าวเข้าที่ประชุมด้วยทุกครั้ง
รองศาสตราจารย์ ดร.เอกชัย ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า “หากธุรกิจครอบครัวมีอาวุธ 3Ps ที่ว่าด้วย Purpose – Principle – Planning (เจตนารมณ์ – หลักการ – การวางแผน) อย่างน้อยก็จะเสมือนมี “เข็มทิศ” ที่จะทำให้การสร้างธรรมนูญครอบครัวของตนเองสำเร็จได้ง่ายกว่าเดิม และไม่คิดท้อถอยจนไปไม่ถึง “ดาวเหนือ” ไปเสียก่อน”
กรุงเทพประกันชีวิตและธนาคารทิสโก้ ปลื้ม! ลูกค้าสนใจวางแผนเกษียณ และวางแผนคุ้มครองค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ - โรคร้ายแรง เต็มแน่นทุกอีเว้นท์ เผยลูกค้าเรียกร้องจัดต่อปีหน้า เน้นสัมมนาสุขภาพโรคร้ายแบบเชิงลึก นวัตกรรมรักษา พร้อมประกาศเดินหน้านำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพ โรคร้ายแรง และเตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์บำนาญร่วมกัน หวังสร้างความคุ้มครองที่คุ้มค่าให้ลูกค้าทั้งสองฝ่าย
นางลัดดาวัลย์ สิทธิวรนันท์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สายช่องทางสถาบันการเงินและพันธมิตรทางธุรกิจ บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กรุงเทพประกันชีวิต ส่งเสริมให้คนไทยมีแผนการเงินที่ดี และสอดคล้องกับความเป้าหมายในแต่ละช่วงวัย ความร่วมมือกับธนาคารทิสโก้ นับเป็นการช่วยเติมเต็มความต้องการในการดูแลและวางแผนชีวิตหลังเกษียณได้อย่างรอบด้าน ทั้งความคุ้มครองชีวิต สุขภาพ และรายได้หลังเกษียณ โดยแผนการเงินที่ครอบคลุมและเหมาะสม ช่วยให้เราไม่ต้องเผชิญกับความเสี่ยงหรือความไม่แน่นอนต่าง ๆ เมื่ออายุมากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบกับสภาพทางการเงินหรือสภาพร่างกายตามมาได้ กรุงเทพประกันชีวิตจึงได้นำเสนอแผนความคุ้มครองที่ตอบโจทย์แนวคิด “Megatrends Retirement Planning” ไม่ว่าจะเป็น ประกันบำนาญ ที่ช่วยสร้างหลักประกันรายได้ตลอดช่วงวัยเกษียณ มีความเสี่ยงต่ำและการันตีเงินบำนาญตอนเกษียณอายุ รวมถึงแผนประกันสุขภาพและโรคร้ายแรงที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการรักษาในปัจจุบัน สามารถเข้าถึงนวัตกรรมการรักษาที่ทันสมัย มีประสิทธิภาพสูง และไม่กระทบกับเงินที่เตรียมไว้สำหรับการวางแผนเกษียณ และสามารถมีชีวิตหลังเกษียณที่มั่นคง สบายใจและมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้
นายพิชา รัตนธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังจากธนาคารทิสโก้และบริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ร่วมกันจัดสัมมนา 4 ภาค เดินสายให้ข้อมูลการวางแผนเกษียณที่เพียงพอต่อการใช้ชีวิตที่ยืนยาวมากขึ้นกว่าในอดีต ภายใต้แนวคิด “Megatrends Retirement Planning” แก่ลูกค้าและบุคคลทั่วไป พร้อมให้ความรู้ด้านการดูแลและรักษาโรคร้ายโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากโรงพยาบาลชั้นนำ โดยจัดที่จังหวัดเชียงใหม่ซึ่งเป็นตัวแทนภาคเหนือเป็นงานสุดท้ายของปี 2566 นั้น โดยสรุปแล้วการจัดงานสัมมนาทั้ง 4 ภาคลูกค้าให้การตอบรับที่ดีมาก โดยผลิตภัณฑ์ประกันที่ลูกค้าเวลธ์รายใหญ่สนใจซื้ออันดับหนึ่งคือ ประกันสุขภาพทุนสูง รองลงมาคือประกันโรคร้ายแรงครอบคลุม 108 โรคร้าย และประกันบำนาญที่เน้นผลประโยชน์ในขณะดำรงชีวิตสูง (Living Benefit) ตามลำดับ
นายพิชากล่าวอีกว่า จากกระแสตอบรับที่ดีของลูกค้าในปี 2566 ธนาคารทิสโก้และกรุงเทพประกันชีวิต จะเดินหน้าจัดงานสัมมนา 4 ภาคอย่างต่อเนื่องในปีหน้า โดยยังคงเน้นเรื่องการวางแผนเกษียณที่เพียงพอต่อสังคมอายุยืน พร้อมทั้งเชิญแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากโรงพยาบาลชั้นนำให้ความรู้ด้านสุขภาพ รวมถึงนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันทั้งประกันสุขภาพ โรคร้ายแรงที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายการรักษาด้วยนวัตกรรมการแพทย์ที่มีประสิทธิภาพ และเตรียมนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันบำนาญรูปแบบใหม่โดยมุ่งหวังสร้างความคุ้มครองที่คุ้มค่าต่อลูกค้าทั้งสองฝ่าย เพื่อให้ลูกค้าสามารถวางแผนการเงินได้อย่างมีศักยภาพ
ในวาระครบรอบ 43 ปี โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ยังคงเดินหน้าส่งเสริมกิจกรรมสาธารณกุศลและส่งเสริมสุขภาพที่ดีให้กับสาธารณชน จึงได้จัดโครงการ Bumrungrad Run for Health 2023” Presented by Bumrungrad Hospital Foundation ในวันอาทิตย์ที่ 17 ธันวาคม 2566 ณ สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ (จตุจักร) มี 2 ระยะวิ่งได้แก่ 2.5 และ 5 กิโลเมตร โดยมุ่งหวังการสร้างพลังแห่งความสามัคคีของ “ครอบครัวบำรุงราษฎร์” ไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วยและครอบครัว บุคลากร ตลอดจนพันธมิตรและประชาชนทุกคน เพื่อสร้างชุมชนแห่งความสร้างสรรค์และสุขภาวะที่มีคุณภาพ ตลอดจนยังได้ร่วมทำบุญและสนับสนุนกิจกรรมสาธารณะประโยชน์ต่างๆ ของมูลนิธิโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์อีกด้วย
โครงการรักษ์ใจไทย
โครงการผ่าตัดเด็กผู้ด้อยโอกาสที่มีภาวะหัวใจพิการแต่กำเนิด ภายใต้ชื่อโครงการ “รักษ์ใจไทย” ริเริ่มขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2546 โดยความร่วมมือระหว่างมูลนิธิเด็กโรคหัวใจในพระอุปถัมภ์ของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ซึ่งได้ช่วยเหลือผ่าตัด คืนหัวใจที่แข็งแรงให้แก่น้องๆ เหล่านี้ไปแล้วถึง 827 คน ผ่านงบประมาณกว่า 370 ล้านบาท
หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ “อาสาบำรุงราษฎร์” ในกรุงเทพและปริมณฑล
ซึ่งเป็นหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ “อาสาบำรุงราษฎร์” ร่วมกับ “กองทุนทอมสัน” ที่ได้ให้บริการ การรักษาพยาบาลแก่ประชาชนทั่วไปรวมทั้งมอบข้าวสาร และเวชภัณฑ์ แก่ชุมชนต่างๆ มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544 รวมแล้ว 42 ชุมชน ดูแลสุขภาพ และยกระดับคุณภาพชีวิตแก่ผู้ด้อยโอกาสไปกว่า 400,000 คน
โครงการส่งเสริมสุขภาพพระสงฆ์ มูลนิธิโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
โครงการส่งเสริมสุขภาพพระสงฆ์ ริเริ่มขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2565 เพื่อส่งเสริมและรักษาอาการอาการของพระสงฆ์ในประเทศไทย โดยได้ทำการรักษาไปแล้ว 24 รูป ผ่านงบประมาณกว่า 9.5 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังมีกองทุนการศึกษาแพทย์ เพื่อสนับสนุนแพทย์ให้ได้รับการศึกษา ต่อยอดองค์ความรู้ในด้านต่างๆอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนกิจกรรมฟื้นฟู และพัฒนาชุมชน รวมถึงกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพ ที่ทางมูลนิธิฯ ยังคงสานต่อมาจนถึงปัจจุบัน

ผู้ที่สนใจสามารถร่วมสนับสนุนกิจกรรมงานวิ่งการกุศล โครงการ “Bumrungrad Run for Health 2023” Presented by Bumrungrad Hospital Foundation ด้วยการสมัคร หรือ บริจาคผ่านการสแกน QR Code ซึ่งสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ ตามรายละเอียดแนบ
ผู้บริหาร บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด โดยนายยรรยง มุนีมงคลทร ผู้อำนวยการบริหาร และนายคณิน ธรรมภิบาลอุดม หัวหน้าฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์และการตลาด นำคณะผู้บริหาร พนักงาน คณะสื่อมวลชน และครอบครัว ร่วมกิจกรรม “เรื่องจริงของคนตีไฟ” เพื่อเรียนรู้ถึงภารกิจการควบคุมและดับไฟป่าจากเหล่าเจ้าหน้าที่ดับไฟป่าตัวจริง เพื่อสร้างความตระหนักรู้ให้กับสังคม ถึงเรื่องปัญหา ผลกระทบ และแนวทางป้องกันไฟป่า รวมถึงภารกิจของเจ้าหน้าที่ควบคุมไฟป่าที่ต้องประสบกับไฟป่า พร้อมกันนี้ได้มอบอุปกรณ์จำเป็นสำหรับภารกิจดับไฟป่าให้เจ้าหน้าที่ ณ สถานีควบคุมไฟป่าเขาใหญ่ เมื่อเร็วๆ นี้

กิจกรรม “เรื่องจริงของคนตีไฟ” เป็นกิจกรรมเพื่อสังคมของเอปสัน ประเทศไทย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ “33 x Trees” ในวาระครบรอบ 33 ปี การก่อตั้งบริษัทฯ โดยปีนี้มุ่งเน้นเกี่ยวกับการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าไม้ และเป็นการขานรับนโยบายที่ไซโก้ เอปสัน บริษัทแม่ของเอปสัน ประเทศไทยได้เข้าร่วมสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน หรือ SDG ขององค์การสหประชาชาติ

กิจกรรมในครั้งนี้ ผู้เข้าร่วมได้รับฟังเกี่ยวกับไฟป่า ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญที่สร้างความเสียหายอย่างมากกับพื้นที่ป่าไม้ของประเทศไทยในแต่ละปี จากนายพีรวัฒน์ คำล้ำเลิศ หัวหน้าสถานีควบคุมไฟป่าเขาใหญ่ รวมถึงภารกิจต่างๆ ของเจ้าหน้าที่ควบคุมไฟป่าเขาใหญ่ในการป้องกันและควบคุมไฟป่าในแต่ละปี ตลอดจนได้เรียนรู้อุปกรณ์ในการทำภารกิจของเจ้าหน้าที่ เช่น ครอบ ไม้ตีไฟ ถังฉีดน้ำ และเครื่องเป่าลม เป็นต้น นอกจากนี้ยังได้ลงมือทำแนวกันไฟบริเวณป่ารอบสถานี และได้ลงมือดับไฟจริงจากอุปกรณ์ที่ได้เรียน ปิดท้ายด้วยการรับใบประกาศนียบัตรผ่านการอบรมจากหัวหน้าสถานีอีกด้วย
‘กรุงศรี ออโต้’ ผู้นำธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ครบวงจร เครือธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) จับเทรนด์ตลาด มองขาดพฤติกรรมผู้ใช้รถ ที่มากกว่าเรื่องสินเชื่อยานยนต์ พร้อมกำหนดทิศทางตลาดในปี 2567 กับ G.A.M.E. ใหม่ ‘G – กระแส Go Green, A - เก่งด้วย AI, M - ก้าวใหม่ในการใช้รถ MaaS, และ E - ก่อ Ecosystem ที่ยั่งยืน’ เชื่อมั่นอีวีเป็นตัวขับเคลื่อนตลาด ดึง AI ช่วยเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจให้ชาญฉลาด เตรียมรองรับเทรนด์ MaaS และมุ่งแลกเปลี่ยนคุณค่าทางธุรกิจผ่านการสร้างโอกาสใหม่ในทุกมิติให้กับผู้ใช้รถ

นายคงสิน คงคา ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “กรุงศรี ออโต้ ในฐานะผู้นำตลาดสินเชื่อยานยนต์ที่มีข้อมูลและอินไซต์ผู้ใช้รถที่ครอบคลุมที่สุด เราได้มอง G.A.M.E. ใหม่นี้ที่สะท้อนทิศทางตลาดในปีที่กำลังจะมาถึง ซึ่งยังเต็มไปด้วยความท้าทาย ธุรกิจต่าง ๆ ต้องมีการปรับกลยุทธ์ให้ทันสถานการณ์ พัฒนาและนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์อินไซต์ผู้บริโภคอย่างแท้จริง เราจึงมุ่งสร้างสรรค์นวัตกรรมโซลูชันเพื่ออนาคต และแลกเปลี่ยนคุณค่ากับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholders) ของเรา ไม่ว่าจะเป็นพนักงาน ลูกค้า คู่ค้า ผู้ใช้รถ ผู้ถือหุ้น ตลอดจนสังคมไทย เพื่อให้เกิดการเติบโตอย่างยั่งยืน”

โดยการมอง G.A.M.E ใหม่ในตลาดสินเชื่อยานยนต์ ของ กรุงศรี ออโต้ ประกอบไปด้วย
“จากการมองเห็นโอกาสและการพัฒนานวัตกรรมโซลูชันด้านสินเชื่อยานยนต์ของ กรุงศรี ออโต้ ในปีนี้ เราเชื่อมั่นว่าจะสามารถรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดสินเชื่อยานยนต์และมอบบริการที่มากกว่าสินเชื่อยานยนต์ให้แก่ผู้ใช้รถ พร้อมบรรลุเป้าหมายการเติบโตด้านสินเชื่อใหม่ที่ตั้งไว้ที่ 192,000 ล้านบาท และยอดสินเชื่อคงค้างรวมที่ 426,000 ล้านบาท ได้อย่างแน่นอน ซึ่งในปีหน้าจะเป็นการเผยแผนธุรกิจระยะกลางฉบับใหม่ปี 2567-2569 โดยเรายังคงมุ่งมั่นในการทำให้พันธกิจในการสร้างสรรค์ชีวิตผู้ใช้รถให้ดีขึ้นสำเร็จมากยิ่งขึ้น และดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนต่อไป” นายคงสิน กล่าวปิดท้าย