December 23, 2025

ความก้าวหน้าทางการแพทย์ ทำให้คนมีอายุยืนยาวขึ้น ในหนึ่งครอบครัวจึงประกอบไปด้วยสมาชิกครอบครัวตั้งแต่ 3 รุ่นขึ้นไป ‘Sandwich Generation’ คือกลุ่มคนรุ่นตรงกลาง ที่ต้องแบกรับหน้าที่จัดการดูแลสมาชิกต่างรุ่นในครอบครัวที่มีความต้องการแตกต่างกัน สร้างความซับซ้อนเรื่องการบริหารจัดการทรัพย์สิน  KBank Private Banking เผยคำแนะนำในการจัดการเพื่อให้การเก็บรักษาและส่งต่อทรัพย์สินของครอบครัวประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน และตรงตามความต้องการของคนทุกรุ่น

จากที่คนทั่วโลกมีอายุขัยเฉลี่ยที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งสิ่งนี้ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงในเชิงโครงสร้างทางสังคม ปัจจุบัน ประเทศไทยเองก็อยู่ในช่วงสังคมสูงวัยโดยสมบูรณ์ (Complete Aged Society) และกำลังเดินทางเข้าสู่สังคมสูงวัยระดับสุดยอด (Super Aged Society) กล่าวคือเป็นสังคมที่มีประชากรสูงวัยที่มีอายุมากกว่า 65 ปี มากกว่าร้อยละ 20 ของประชากรทั้งหมด ด้วยอายุขัยเฉลี่ยที่สูงขึ้นทำให้มีภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นตามมา บางครอบครัวประกอบไปด้วยรุ่นพ่อแม่ที่สูงอายุ รุ่นตรงกลาง และรุ่นทายาท โดยภาระในด้านการดูแลครอบครัวทั้ง 3 รุ่นตกอยู่ที่รุ่นตรงกลางหรือที่เรียกว่าแซนวิช เจเนอเรชั่น (Sandwich Generation) ที่เปรียบเสมือนแซนวิชที่ถูกประกบด้านบนด้วยพ่อแม่ ตรงกลางเป็นตัวเองและถูกประกบด้วยลูกอีกชั้นหนึ่ง กลุ่มคนเหล่านี้ต้องพบกับปัญหาความกดดันในการรับผิดชอบครอบครัวทั้ง 3 รุ่น ทั้งในด้านการใช้จ่ายประจำวัน การวางแผนการเงินของครอบครัวและการส่งต่อทรัพย์สินของครอบครัว   

นอกจากต้องรับบทหลักในการดูแลครอบครัวแล้ว แซนวิช เจเนอเรชั่นยังเป็นตัวกลางที่ต้องคอยไกล่เกลี่ยความต้องการที่แตกต่างในด้านมุมมองของทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะในเรื่องการดูแลทรัพย์สินและการลงทุนที่ดูเหมือนว่าจะมีมุมมองและวิธีการที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ในรุ่นพ่อแม่สูงอายุที่มักจะออมเงินในรูปแบบของเงินฝาก และเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น พันธบัตรรัฐบาล หรือการลงทุนด้วยการซื้อที่ดินโดยเชื่อว่าเป็นทรัพย์สินที่สามารถส่งต่อให้แก่ทายาทรุ่นหลังได้ แต่ในขณะเดียวกัน รุ่นทายาทกลับมองว่าการฝากเงินหรือการลงทุนดังกล่าวทำให้ได้ผลตอบแทนน้อยและทำให้ทรัพย์สินเติบโตไม่ทันสภาวะเงินเฟ้อจนท้ายที่สุดทำให้ทรัพย์สินมีมูลค่าลดลง คนรุ่นนี้จึงสนใจที่จะลงทุนในการลงทุนอื่นๆ ที่เป็นเมกะเทรนด์ของโลก เช่น การลงทุนใน Sustainability Business เป็นต้น ในด้านการลงทุนในที่ดินคนรุ่นทายาทมองว่าเป็นทรัพย์สินที่จัดการยาก ต้องเฝ้าระวัง มีภาระค่าใช้จ่าย ขาดสภาพคล่อง ใช้ประโยชน์ได้ยาก และที่ดินบางผืนมีการปรับราคาขายไม่เท่าอัตราเงินเฟ้อ

นอกจากหน้าที่การดูแลทรัพย์สินของครอบครัวให้ปลอดภัยและมูลค่าไม่ลดลงแล้ว แซนวิชเจเนอเรชั่นยังต้องเตรียมพร้อมเพื่อการส่งต่อทรัพย์สินให้แก่รุ่นทายาท โดยต้องมีการปรับเปลี่ยนจากขนบแบบดั้งเดิมที่เคยสืบทอดกันมา จากการศึกษาร่วมกันระหว่าง KBank Private Banking กับ Lombard Odier ได้พบว่าหลัง Covid-19 ครอบครัวส่วนใหญ่ที่ทำธุรกิจหันมาให้ความสำคัญกับการวางแผนการส่งต่อมากขึ้น ครอบครัวที่มีความมั่งคั่งสูง เริ่มให้ความสำคัญกับความต้องการของทายาทที่จะเข้ามารับธุรกิจต่อ โดยพบว่าทายาทส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิตที่มีอิสระ บางส่วนมีแนวโน้มอยากทำธุรกิจของตัวเอง และเนื่องจากคนรุ่นพ่อแม่มีอายุที่ยืนยาว สามารถทำงานจนถึงวัยที่มากขึ้น ทำให้รุ่นที่มารับช่วงต่อมีเวลาในการเรียนรู้การบริหารจัดการน้อยมาก หรือไม่สามารถมีส่วนร่วมในการพัฒนา และตัดสินใจเกี่ยวกับธุรกิจ ทั้งหมดนี้ เป็นสิ่งที่แซนวิช เจเนเรอชั่นต้องเตรียมพร้อมเพื่อให้ธุรกิจครอบครัวสามารถดำเนินต่อไปได้

KBank Private Banking ในฐานะผู้ให้บริการด้านการบริหารจัดการทรัพย์สินครอบครัวให้คำแนะนำว่าการเตรียมตัวเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสื่อสารภายในครอบครัว เพื่อให้มีความเข้าใจที่ตรงกัน โดยมีข้อมูลว่า  30% ของการวางแผนการส่งต่อทรัพย์สินที่ไม่ประสบความสำเร็จเกิดขึ้นจากทายาทที่จะรับช่วงต่อไม่ทราบว่าจะได้รับการส่งต่อในด้านใด จึงไม่ได้มีการเตรียมพร้อมล่วงหน้า อย่างไรก็ดี เมื่อกำหนดแนวทางการจัดการทรัพย์สินของครอบครัวได้แล้ว จำเป็นต้องวางแผน และเลือกใช้เครื่องมือหลากหลายที่เหมาะสมสำหรับความต้องการของครอบครัว เช่น การใช้ที่ปรึกษาด้านธุรกิจเข้ามาช่วยจัดโครงสร้างให้ก้าวข้ามผ่านความเป็นธุรกิจครอบครัว และการให้มืออาชีพเข้ามาช่วยบริหารธุรกิจ หรือการใช้เครื่องมือทางการเงินอื่นๆ เช่น ผลิตภัณฑ์ประกันที่มีการพัฒนาหลากหลายและเป็นเครื่องมือที่ถูกใช้มากในกลุ่ม HNWIs ในหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งอาจจะตอบโจทย์ปัญหาของแต่ละครอบครัวที่แตกต่างกัน ซึ่งจะทำให้การจัดการทรัพย์สินของครอบครัวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

ยูโอบี ประเทศไทย ธนาคารชั้นนำในภูมิภาคอาเซียนที่ให้ความสำคัญกับบุคคลากรกับแนวคิดที่เน้นพนักงานเป็นศูนย์กลาง

ต่อยอดความสำเร็จการสร้างเครือข่ายจัดการขยะ สู่โมเดลหนุนรายได้โรงเรียน-ชุมชนยั่งยืน

รองศาสตราจารย์ นพ. ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดีมหาวิยาลัยขอนแก่น พร้อมด้วย ศ.ดร.ธิดารัตน์ บุญมาศ รองอธิการบดีฝ่ายนวัตกรรมและวิสาหกิจ และผู้บริหารและคณาจารย์จากคณะเภสัชศาสตร์ คณะแพทยศาสต์ คณะเทคนิคการแพทย์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ คณะสาธารณสุขศาสตร์ คณะทันตแพทยศาสตร์ คณะพยาบาลศาสตร์ และสถานบริหารจัดการงานวิจัยคลินิก หรือ Academic Clinical Research Office (ACRO) ร่วมต้อนรับ Dr.Chung Myung Hoon, Vice-Chairman, Strategy & Planning Bureau และคณะผู้บริหารจาก K-MEDI Hub ประเทศเกาหลีใต้ เนื่องในโอกาสเยี่ยมเยือนคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยขอนแก่นและหารือความร่วมมือด้านการวิจัย การพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์ รวมไปถึงกิจกรรมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มสาขาวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ วิจัยและนวัตกรรม ณ  ห้องประชุมอธิการบดี ชั้น 6 อาคารสิริคุณากร มหาวิทยาลัยขอนแก่น

รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดี มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า มหาวิทยาลัยขอนแก่นเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ Medical hub และมีนวัตกรรมทางการแพทย์ชั้นเลิศ มหาวิทยาลัยขอนแก่นมีความยินดีอย่างยิ่งในการพัฒนาความร่วมมือร่วมกับ K-MEDI Hub ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งในช่วงวันที่ 30 มิถุนายน-2 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา ได้มีการจัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงทางวิชาการ (MOU) ระหว่างมหาวิทยาลัยขอนแก่น และ K-MEDI Hub ณ เมืองเดกู ประเทศเกาหลีใต้ โดยมีวัตุประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนนวัตกรรมทางการแพทย์และวิจัย โครงการแลกเปลี่ยนนักศึกษา อาจารย์และนักวิจัย และการหารือในครั้งนี้จะช่วยพัฒนาความร่วมมือดังกล่าในอนาคต

Dr.Chung Myung Hoon, Vice-Chairman, Strategy & Planning Bureau กล่าวว่า กระผมรู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสพบผู้บริหารมหาวิทยาลัยขอนแก่น การหารือในวันนี้นับเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการสานต่อความร่วมมือด้านนวัตกรรมทางการแพทย์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และ K-MEDI Hub มีนโยบายทางการแพทย์ที่คล้ายคลึงกัน โดยมุ่งเน่นการพัฒนาด้านวิจัยเพื่อตอบโจทย์ Global Health Care และในนาม K-MEDI- Hub กระผมขอขอบคุณผู้บริหารมหาวิทยาลัยขอนแก่น ตลอดจนผู้เกี่ยวข้องที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น

นอกจากนี้ คณะผู้บริหาร K-MEDI Hub ได้เยี่ยมชมคณะส่วนงานและหารือร่วมกับผู้บริหารจาก 1. คณะเทคนิคการแพทย์ 2. คณะเภสัชศาสตร์ 3. คณะวิศวกรรมศาสตร์ และ 4. สถานบริหารจัดการงานวิจัยคลินิก หรือ Academic Clinical Research Office (ACRO) เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับนวัตกรรมทางการแพทย์และหารือถึงแนวทางการพัฒนายกระดับนวัตกรรมสู่ชุมชน

ในระหว่างการประชุม คณะผู้บริหาร มข. และ ผู้บริหาร K-MEDI Hub ได้ร่วมหารือประเด็นด้านการแพทย์ที่สำคัญ อาทิ ด้านสายทันแพทยศาสตร์ เภสัชศาสตร์ แพทย์ศาสตร์ และสาธารสุขศาสตร์ โดยมีการระดม แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และนำเสนอโครงการอันเป็นประโยชน์ และมีแนวโน้มในการต่อยอดสู่การวิจัยและสร้างและนวัตกรรมร่วมกัน ตลอดจนสามารถพัฒนาสู่ผลิตภัณฑ์ได้ในอนาคต

ถ้าพูดถึงการทำประกัน ทั้งประกันชีวิต ประกันอุบัติเหตุ ประกันสุขภาพ เชื่อว่านาทีนี้คงไม่มีใครปฏิเสธเป็นแน่ เพราะด้วยปัจจัยต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงไปจากอดีตส่งผลให้คนไทยในปัจจุบันหันมาใส่ใจเรื่องคุณภาพชีวิตเพิ่มมากขึ้น แต่เชื่อหรือไม่ว่าวัยที่ควรรีบทำประกัน คือกลุ่ม Young Gen หรือวัยรุ่น และกลุ่ม First Jobber หรือวัยเริ่มทำงาน GEN HEALTHY LIFE บอก 5 เหตุผลว่าทำไมคนกลุ่มนี้ควรรีบทำประกัน  

เริ่มกันที่ประโยชน์ข้อแรก “ข้อได้เปรียบสูงกว่า” หลายๆ ครอบครัวอาจมองข้ามเรื่องการทำประกันให้บุตรหลาน เพราะคิดว่าไม่มีความจำเป็น แต่รู้หรือไม่ว่าการทำประกันในขณะที่อายุยังน้อยมีข้อได้เปรียบสูงมาก ทั้งค่าเบี้ยที่ถูกกว่าคนทำประกันในอายุที่มากขึ้น และช่วยให้มีเงินสำรองในการรักษาพยาบาลยามฉุกเฉินในอนาคตได้อีกด้วย ลำดับต่อมาคือ "วัยรุ่นมีความเสี่ยงน้อยกว่า" เพราะช่วงวัยนี้ถือว่าเป็นวัยที่สุขภาพยังดี ยังไม่มีปัญหาเรื่องของสุขภาพที่จะมีผลกับการทำประกัน เนื่องจากเมื่อสูงอายุขึ้นก็มักจะมีโรคประจำตัว เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน รวมถึงมีประวัติด้านการรักษาโรคอื่นๆ มาก่อน ทำให้เงื่อนไขการทำประกันชีวิตมีมากขึ้น และอาจไม่ครอบคลุมทุกโรคได้     

ประโยชน์ข้อที่ 3 คือ "ปกป้องคนที่คุณรัก" การทำประกันถือเป็นการวางแผนอนาคตให้ตัวเองและคนที่รักเพราะเหตุการณ์ไม่คาดฝันสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ดังนั้น การวางแผนเพื่อปกป้องความเสี่ยงย่อมส่งผลดีต่อตัวเองและคนใกล้ชิด ทั้งด้านความมั่นคงชีวิต การศึกษา การรักษาพยาบาล ประโยชน์ข้อถัดมา “สร้างเครดิต” เมื่ออนาคตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน ไม่มีอะไรมาการันตีได้ว่าการเงินของเราจะราบรื่นไปตลอด กรมธรรม์ประกันชีวิตสามารถช่วยดูแลเรื่องการเงินได้ด้วยนอกจากคุ้มครองชีวิตของเราแล้วยังมอบสิทธิประโยชน์ด้านการกู้ยืมเงินให้เรานำไปใช้ยามฉุกเฉิน โดยประกันชีวิตบางแบบมีอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าการกู้ยืมเงินแบบทั่วไป

ประโยชน์สุดท้ายซึ่งสำคัญมากและเหมาะกับเหล่า First Jobber “การวางแผนเสียภาษีสิ้นปี” การซื้อกรมธรรม์ประกันชีวิตนอกจากจะเป็นการช่วยวางแผนเรื่องการเงินในอนาคตแล้ว ยังสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย ซึ่งเบี้ยประกันจากกรมธรรม์ที่กรมสรรพากรยอมรับให้เราสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้มีอยู่ 2 แบบคือ เบี้ยประกันชีวิต และ เบี้ยประกันสุขภาพ แต่อย่างไรก็ตาม อย่าลืมศึกษารายละเอียดให้รัดกุมเพราะทุกอย่างจะต้องตรงตามเงื่อนไขที่กรมสรรพากรกำหนดไว้     

การวางแผนทำประกันตั้งแต่อายุยังน้อย มีความสำคัญและประโยชน์มากมาย สำหรับใครที่กำลังมองหาประกันดีๆ หรือต้องการศึกษาเรื่องประกัน Gen Healthy Life มีข้อมูลดีๆ มานำเสนอเพื่อไม่ให้พลาดเรื่องราวดีๆ ตลอด 24 ชั่วโมง   

บริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด นำโดย นายอำนวย อภิชัยนันท์ ผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคลและบริหาร เป็นผู้แทนมอบเงินบริจาคของพนักงาน ร้านค้าผู้แทนจำหน่ายสยามคูโบต้า ผู้ผลิตชิ้นส่วน บุคคลทั่วไป และบริษัทสยามคูโบต้า ให้แก่องค์กรการกุศลที่ต้องการช่วยเหลือผู้พิการและผู้ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ เนื่องในวาระโอกาสครบรอบ 45 ปี รวมมูลค่า 1,140,000 บาท โดยมี นายแพทย์ธนินทร์ เวชชาภินันท์ ประธานมูลนิธิสนับสนุนสถาบันประสาทวิทยา นางมลินี สนธิไชย กรรมการและเลขานุการมูลนิธิสถาบันมะเร็ง และนางปรีดา เชื้อรัตนพงษ์ ประธานคณะอนุกรรมการฝ่ายหาทุน/กรรมการมูลนิธิอนุเคราะห์คนพิการ พร้อมคณะเข้ารับมอบ ณ บริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด นวนคร เมื่อเร็วๆนี้

airasia MOVE หรือที่รู้จักกันภายใต้ชื่อเดิมว่า airasia Superapp ได้ประกาศความร่วมมือกับ SiteMinder ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ ที่ช่วยปลดล็อกศักยภาพในการสร้างรายได้ให้กับโรงแรมอย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงการนำเสนอตัวเลือกที่พัก และโรงแรมที่หลากหลายสำหรับผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์ม

การร่วมมือกันในครั้งนี้ ทำให้ airasia MOVE สามารถมอบบริการการจองที่พัก จากโรงแรมพาร์ทเนอร์หลายพันรายของ SiteMinder ในภูมิภาคเอเชีย และในขณะเดียวกัน พาร์ทเนอร์โรงแรมต่างๆ ของ SiteMinder ก็สามารถมอบข้อเสนอที่คุ้มค่ามากยิ่งขึ้น ผ่าน SNAP แพ็คเกจพิเศษที่รวมที่พักพร้อมเที่ยวบิน ให้แก่ผู้ใช้งานหลายล้านคนของ airasia MOVE ได้

ความร่วมมือดังกล่าว มีที่มาจากเป้าหมายของ airasia MOVE ในการเพิ่มตัวเลือกของโรงแรมในพอร์ตโฟลิโอ ควบคู่ไปกับการให้บริการจองเที่ยวบิน มุ่งหน้าสู่การเติบโตแบบก้าวกระโดดจากการตอบรับการกลับมาของการเดินทางทั่วทั้งภูมิภาคเอเชีย

แทน ไม ยิน (Tan Mai Yin) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพาณิชย์ของ airasia MOVE กล่าวว่า “เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นพันธมิตรกับผู้นำด้านเทคโนโลยีสำหรับธุรกิจโรงแรม ที่ดำเนินธุรกิจมาอย่างยาวนานทั้งในเอเชียและทั่วโลก เพื่อส่งเสริมการสร้างยอดขายห้องพัก ด้วยตัวช่วยการจัดการแบบรอบด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันที่นักท่องเที่ยวต่างให้ความสำคัญกับการหาดีลพิเศษเพิ่มมากขึ้น ซึ่งการจับมือกับ SiteMinder ที่มีความพร้อมของฐานลูกค้าที่เป็นธุรกิจโรงแรมทั่วทั้งเอเชีย และรอบโลก ก็จะยิ่งช่วยให้ธุรกิจโรงแรมเหล่านี้ สามารถตอบรับกับความต้องการของผู้บริโภคที่กำลังเติบโตได้มากขึ้น”

คุณแบรด ไฮนส์ รองประธานฝ่ายภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิค บริษัท SiteMinder กล่าวว่า “airasia MOVE นับเป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับไปทั่วภูมิภาคเอเชีย ซึ่งทำให้การเสนอความคุ้มค่าในครั้งนี้ ยิ่งมีความน่าดึงดูดต่อทั้งฝั่งของโรงแรมและนักท่องเที่ยว โดยแพลตฟอร์มดังกล่าว ไม่เพียงช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถจองเที่ยวบิน โรงแรม และบริการเรียกรถได้เท่านั้น แต่ยังสามารถซื้อสินค้าจากแบรนด์ต่างๆ รวมถึงค้นหาดีลที่ดีที่สุดได้อีกด้วย สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงการปรับตัวเพื่อตอบรับต่อความต้องการของผู้บริโภคของ airasia MOVE ได้เป็นอย่างดี ซึ่งสอดคล้องกับกลยุทธ์ของ SiteMinder ในการช่วยโรงแรมต่างๆ ในการสร้างประสบการณ์ที่น่าทึ่งให้กับผู้เข้าพักที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา”

บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต นำโดย คุณแซลลี่ โอฮาร่า ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (คนกลาง) เข้าร่วมเป็นหนึ่งในผู้บรรยายพิเศษ ภายใต้หัวข้อ “In an age where leadership hold significance” ในงาน AustCham Thailand Celebrating Leadership Gala Dinner ที่จัดขึ้นโดยหอการค้าออสเตรเลีย ณ แบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค

โดยคุณแซลลี่ โอฮาร่า ได้ให้มุมมองและแบ่งปันประสบการณ์เกี่ยวกับ 'Inclusive leadership' ผ่านการสร้างวัฒนธรรมองค์กรแห่งความเท่าเทียม ผ่าน 3 หัวข้อหลัก ได้แก่ 1. Walking the Talk 2. All Voices Matter และ 3. Game Changer โดยบริษัทฯ เน้นเรื่องของความเท่าเทียมและความหลากหลาย หรือ Inclusion & Diversity ไม่ว่าจะเป็นความแตกต่างทางด้านเชื้อชาติ ศาสนา เพศสภาพ หรือความแตกต่างทางด้านร่างกาย และสนับสนุนให้ทุกคน Be Yourself At Work รวมถึงการสนับสนุนการมีส่วนร่วมของพนักงาน ส่งเสริมความเท่าเทียม และส่งเสริมการสร้างสรรค์ รวมถึงการรับฟังเสียงของพนักงาน โดยบริษัทฯ พร้อมสนับสนุนทุกการแสดงออกอย่างสร้างสรรค์ เพื่อให้พนักงานสามารถดึงศักยภาพของตัวเองออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่ ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายสูงสุดของบริษัทฯ ที่จะอยู่เคียงข้างทุกความเชื่อมั่น ดูแลกันตลอดไป

X

Right Click

No right click