

บริษัท เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ FWD ประกันชีวิต นำ 3 สุดยอดตัวแทน FWD ประกันชีวิต ได้แก่ นางสาวประภาภรณ์ โพลดพลัด (ซ้าย) และนางภัทนี ศิริวารินทร์ (กลาง) และนางสาวณัฐชานันท์ นันทพงศ์โภคิน (ขวา) เข้ารับรางวัลตัวแทนประกันชีวิตคุณภาพดีเด่น ประจำปี 2565 ในพิธีมอบรางวัลประกันภัยดีเด่นครบวงจร Prime Minister's Insurance Awards 2023 จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) นับเป็นรางวัลแห่งเกียรติยศ เพื่อมอบให้ตัวแทนต้นแบบที่มีผลงานโดดเด่นเพียง 20 คนในแต่ละปี จากตัวแทนทุกบริษัท ทั่วประเทศ โดยพิจารณาผลงานด้านการขาย การพัฒนาตนเอง การบำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคม มีความเป็นมืออาชีพภายใต้มาตรฐานจรรยาบรรณ เพื่อยกย่องให้เป็นแบบอย่างที่ดีในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับธุรกิจประกันชีวิต
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ชวนโอนคะแนนเอสโซ่ สไมล์ส ไปเป็นคะแนนบางจากกรีนไมลส์
“เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ผนึก อากะ (AKA) ร้านอาหารปิ้งย่างสไตล์ยากินิคุ ภายใต้ บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) จัดกิจกรรมพบปะสมาชิกกลุ่มล่าโปรบัตรเครดิตกว่า 30 ท่าน

ร่วมสัมผัสประสบการณ์ “อิ่มอร่อยคุ้มค่ากับเคทีซี” กับแคมเปญกระตุ้นสายกิน ใช้คะแนนแลกส่วนลดบุฟเฟ่ต์ 50% โดยในงานได้รับเกียรติจากนางสาวณัฐภรณ์ เปล่งรัตน์ และนายนวินธร จันทร์เจริญ ผู้ก่อตั้งกลุ่มล่าโปรบัตรเครดิต และเจ้าของเพจเฟรชมันนี่ พร้อมด้วยนางสาวเจนจิต ลัดพลี ผู้บริหารสูงสุดฝ่ายสื่อสารและประชาสัมพันธ์องค์กร และนางสาวภัควรรณ ธรรมสุนทร ผู้จัดการลูกค้าสัมพันธ์ และคู่ค้าองค์กร ให้การต้อนรับ
ปัจจุบันเทคโนโลยีคลาวด์ กลายเป็นบริการขั้นพื้นฐานที่แทบทุกองค์กรในประเทศไทยหันมาปรับใช้ในกระบวนการทำงานของตนเองกันอย่างพร้อมเพรียงกัน เพราะคลาวด์ถือเป็นตัวแปรหลักที่สามารถช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการทำงาน พัฒนาประสิทธิภาพของการทำงานในองค์กร และที่สำคัญคือสามารถช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจจากการลดต้นทุนและส่งมอบสินค้าหรือบริการที่ดีขึ้นให้กับลูกค้า จุดแข็งที่กล่าวมาทั้งหมดทำให้องค์กรต่างๆ ในบ้านเรา ตั้งแต่ธุรกิจขนาดใหญ่มาจนถึงขนาดเล็กอย่างเอสเอ็มอี ต่างปรับตัวมาใช้งานคลาวด์กันอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ภาคอุตสาหกรรมที่ต่างกันก็มีความต้องการใช้งานเทคโนโลยีคลาวด์ในลักษณะที่แตกต่างกันออกไป และการเกิดขึ้นของรูปแบบธุรกิจหรือบริการใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง ก็ยิ่งทำให้ภาคองค์กรไทยมีความต้องการที่จะติดตั้งและใช้บริการคลาวด์ที่หลากหลายยิ่งขึ้นตามไปด้วย บริการของเทคโนโลยีคลาวด์ในอนาคตจึงจำเป็นต้องปรับตัวให้มีความยืดหยุ่น ไร้ขอบเขต รองรับฟีเจอร์ทุกรูปแบบที่องค์กรไทยทั้งในปัจจุบันและอนาคตต่างมองหา
นายสุรศักดิ์ วนิชเวทย์พิบูล หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี แผนกธุรกิจคลาวด์ ประเทศไทย บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับทิศทางของเทคโนโลยีคลาวด์สำหรับองค์กรในอนาคตว่า หัวเว่ยเชื่อว่าเสาหลักสำคัญของคลาวด์แห่งอนาคตคือการมีสถาปัตยกรรมที่สามารถพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว สามารถปรับแต่งให้เข้ากับรูปแบบการดำเนินธุรกิจได้หลากหลายรูปแบบ รองรับข้อจำกัดของการประกอบกิจการที่แตกต่างกันไป โดยหัวใจสำคัญคือเทคโนโลยีคลาวด์ในยุคใหม่ต้องสามารถปรับแต่งบริการสำหรับลูกค้าให้ตอบสนองเทรนด์ของการดำเนินธุรกิจได้ทั้งในปัจจุบันและในอนาคต โดยมีฟีเจอร์สำคัญ 3 ข้อ ดังต่อไปนี้:

ทั้งนี้ เทคโนโลยีคลาวด์ของหัวเว่ยยังสามารถนำไปใช้งานเป็นโครงส้รางพื้นฐานร่วมกับเทคโนโลยีที่กำลังมาแรงในปัจจุบันอย่างเทคโนโลยี AI ได้ด้วยเช่นกัน โดย ดร. กอบกฤตย์ วิริยะยุทธกร ตัวแทนจากสมาคมผู้ประกอบการปัญญาประดิษฐ์ของประเทศไทยได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า “ส่วนตัวผมใช้งานคลาวด์ของหัวเว่ยแล้วรู้สึกประทับใจมาก เนื่องจากมีประสิทธิภาพสูงจนเรียกได้ว่า Zero Downtime ตั้งแต่ผมใช้งานมายังไม่เคยมีช่วงไหนที่ระบบขัดข้องสักครั้ง นอกจากนี้ การรับส่งข้อมูลก็มีความรวดเร็ว มีค่าความหน่วง (Latency) ต่ำ ทำให้เราสามารถใช้ในการตรวจจับวัตถุด้วยเทคโนโลยี AI ผ่านการสตรีมภาพวิดีโอจากสถานที่จริง ช่วยให้พนักงานไม่ต้องเดินทางไปที่หน้าไซต์งาน โดยระหว่างการใช้บริการก็จะมีเจ้าหน้าที่จากหัวเว่ยคอยให้คำปรึกษาตลอด ทำให้เหมาะกับคนที่ต้องการใช้เทคโนโลยีคลาวด์ประสิทธิภาพสูง ที่มาพร้อมกับการบริการที่ดีในราคาที่ย่อมเยา”
หัวเว่ยยังได้ชูวิสัยทัศน์ที่ต้องการสร้างซุปเปอร์คลาวด์คอมพิวติ้ง (Super Cloud Computing) ให้เป็นเสมือนคลาวด์หนึ่งเดียวทั่วโลก เพื่อให้เกิดเป็นการใช้เทคโนโลยีคลาวด์เนทีฟแบบไร้ขอบเขตและไร้รอยต่อ (Regionless) อย่างแท้จริง ลดข้อจำกัดทางภูมิศาสตร์ที่เกิดจากการให้บริการคลาวด์ที่ยังคงยึดติดกับพื้นที่ในการให้บริการ ซึ่งอาจทำให้ผู้ใช้งานไม่สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลไปทั่วโลกได้อย่างเต็มประสิทธิภาพหรือใช้เวลายาวนานเกินความจำเป็น และอาจส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจที่ต้องอาศัยความรวดเร็วเป็นแต้มต่อในการแข่งขัน รวมทั้งองค์กรอาจต้องแบกรับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่การใช้คลาวด์เนทีฟแบบไร้ขอบเขตจะช่วยให้การเชื่อมต่อใช้งานระหว่างประเทศเป็นไปอย่างราบรื่น รวดเร็ว มีความเสี่ยงที่ข้อมูลจะเสียหายต่ำ เนื่องจากระบบอัจฉริยะจะช่วยเลือกเส้นทางที่ดีที่สุดในการส่งต่อข้อมูล โดยทั้งหมดนี้จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการใช้บริการคลาวด์ให้แก่องค์กรได้อีกด้วย

การก้าวข้ามขีดจำกัดเกี่ยวกับขอบเขตของการให้บริการคลาวด์ตามหลักของหัวเว่ยคือ การนำเสนอเทคโนโลยีคลาวด์ที่ใช้งานได้แบบไร้ขอบเขต ใช้ได้จากทุกที่ทั่วโลก ใช้งานง่าย และมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยตอบรับเทรนด์ของการดำเนินธุรกิจในอนาคต และยังสามารถช่วยให้อุตสาหกรรมต่าง ๆ ในประเทศไทยมีศักยภาพในการแข่งขันที่สูงขึ้น มีโอกาสขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศได้มากยิ่งขึ้น ตลอดจนตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้หลากหลายรูปแบบจากความยืดหยุ่นทางธุรกิจที่มากขึ้น ในขณะที่ผู้บริโภคก็จะได้ประโยชน์จากการได้รับการบริการที่รวดเร็วขึ้น ปลอดภัยขึ้น ไม่ว่าจะอยู่ในประเทศไหนก็สามารถได้รับการให้บริการที่ได้มาตรฐานระดับโลก
ทั้งนี้ หัวเว่ย คลาวด์ สนับสนุนการขับเคลื่อนกระบวนการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลให้กับอีโคซิสเต็มของประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ผ่านการสนับสนุนพาร์ทเนอร์สำคัญทั้งในส่วนของภาครัฐและภาคเอกชน ด้วยเทคโนโลยีคลาวด์ทั้งแบบคลาวด์ส่วนตัว คลาวด์สาธารณะ หรือไฮบริดคลาวด์ รวมถึงกลยุทธ์การให้บริการคลาวด์ในรูปแบบ Everything as a Service สอดคล้องกับพันธกิจของหัวเว่ยในการ “เติบโตในประเทศไทย ร่วมสนับสนุนประเทศไทย” และการผลักดันประเทศไทยในการก้าวขึ้นสู่การเป็นศูนย์กลางด้านดิจิทัลแห่งภูมิภาคอาเซียนในอนาคตอันใกล้
สมาคมที่ปรึกษาการเงินแห่งเอเชียแปซิฟิก (Asia Pacific Financial Services Association) หรือ APFinSA
นายฤทธิไกร เตชเมธากุล (ขวา) ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายขายลูกค้าองค์กรและภาครัฐ บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด เป็นตัวแทนบริษัทฯ รับมอบเกียรติบัตรจาก ดร.วิจารย์ สิมาฉายา ผู้อำนวยการสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย ในพิธีมอบเกียรติบัตรสำหรับผู้ได้รับการรับรองฉลากเขียว (Green Label) ประจำปี 2565-2566 โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องพิมพ์ของเอปสัน ได้รับรางวัลในครั้งนี้ ซึ่งสะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของเอปสันที่ยึดหลักความยั่งยืน ตั้งแต่ขั้นตอนกำหนดแนวคิด ออกแบบ ไปจนเสร็จสิ้นกระบวนการผลิต เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพควบคู่กับการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พิธีดังกล่าวจัดขึ้นภายใต้งาน “30 ปี TEI ก้าวไปกับภาคี สู่สิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน” ณ ห้องแกรนด์ ริชมอนด์ สไตลิซ คอนเวนชั่น โฮเทล จังหวัดนนทบุรี เมื่อเร็วๆ นี้
ttb reserve โดย ทีเอ็มบีธนชาต นำโดย นายฐากร ปิยะพันธ์ (กลาง) ผู้จัดการใหญ่ และรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้าบุคคล พร้อมด้วย นางสาวนันทพร ตั้งเจริญศิริ (ที่ 2 จากซ้าย) รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หัวหน้าบริหารความสัมพันธ์และประสบการณ์ลูกค้าบุคคล และ นางณัฐวรรณ อภิรัตนพิมลชัย (ที่ 3 จากขวา) รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หัวหน้ากลยุทธ์ลูกค้าบุคคลและประสบการณ์ลูกค้าช่องทางรวม จัดงาน “ttb reserve อีกขั้นของโซลูชันทางการเงิน สู่ความสำเร็จที่ไปได้ไกลกว่า” พร้อมนำเสนอโซลูชันทางการเงินที่มุ่งตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มมั่งคั่งสูง (Wealth) ผ่านแพลตฟอร์ม ttb reserve ที่ประสานโซลูชันทางการเงินระหว่างผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ และสิทธิประโยชน์ของการถือครองบัตรที่คุ้มค่าด้วยเอกสิทธิ์ขั้นสูงสุด ภายใต้คอนเซปต์ “Maximize your infinite wealth for generations” อีกขั้นของโซลูชันทางการเงินที่ตอบโจทย์ทั้งด้านการเงิน การลงทุน และไลฟ์สไตล์ พร้อมการดูแลอย่างใกล้ชิดผ่านผู้ดูแลส่วนบุคคล เพื่อต่อยอดความมั่งคั่งจากรุ่นสู่รุ่นได้ไม่มีที่สิ้นสุด พร้อมกันนี้ได้รับเกียรติจากคุณโสภิตนภา ชุ่มภาณี ร่วมแชร์ประสบการณ์การใช้ชีวิตเหนือระดับกับบัตร ttb reserve ในครั้งนี้ด้วย
บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด หนึ่งในผู้นำระดับโลก