×

Warning

JUser: :_load: Unable to load user with ID: 813

แสนสิริถอดรหัสเทรนด์บ้านในอนาคต

December 13, 2017 3455

เทรนด์อนาคตของที่อยู่อาศัยทั้งบ้านและคอนโดมิเนียม  ในยุคอนาคตแบบ The Connected Home ที่สื่อสารกันได้โดยการผ่านสมาร์ตโฟน และ Internet of Things (IoT)

ซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ เกิดขึ้นจากของพฤติกรรมรูปแบบการใช้ชีวิตของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปในปัจจุบัน เมื่อมีเทคโนโลยีเข้ามามากขึ้น มีความสะดวกสบายมากขึ้น รวมทั้งพฤติกรรมที่เป็นออนดีมานด์  มีความสะดวกสบาย และความรวดเร็ว เพราะเพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัสก็สามารถหาข้อมูลทุกอย่างได้ตามที่คาดหวัง

จากแนวโน้มดังกล่าว เป็นที่มาให้ธุรกิจก็ต้องมีการปรับตัวให้ทันสถานการณ์ เช่นเดียวกับกลยุทธ์ Sansiri Transformation  ซึ่งนับว่าเป็น Technology Transformation ที่สำคัญของบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ดร. ทวิชา ตระกูลยิ่งยง ประธานผู้บริหารสายงานเทคโนโลยีและวิเคราะห์ข้อมูล กล่าวกับ “MBA Magazine” ถึงแผนในการบริหารด้านเทคโนโลยีเพื่อก้าวสู่การเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำด้านเทคโนโลยีที่ครอบคลุมอสังหาริมทรัพย์และการอยู่อาศัยอย่างเต็มรูปแบบว่า

“เรามองเห็นโอกาสตรงนี้  ในการนำเทคโนโลยีมาใช้ เพื่อให้ลูกบ้านของแสนสิริ ได้รับความสะดวกสบายและความรวดเร็ว ด้วยเทคโนโลยีหลายรูปแบบ ตั้งแต่ความก้าวหน้าของ  Internet of Things (IoT)  ที่เป็นหนึ่งเทคโนโลยีที่น่าสนใจ เพราะทำให้อุปกรณ์ฉลาดขึ้น รู้จักโต้ตอบ รู้ว่าความต้องการของลูกบ้าน”

นอกจากนี้ภาพรวมเทคโนโลยีที่อยู่อาศัย ยังไม่จำกัดขอบเขตอยู่ที่ IoT เท่านั้น ทั้งนี้ยังครอบคลุมไปถึงความสะดวกรวดเร็วในการเดินทาง ที่อาจไม่จำเป็นต้องอยู่แต่ในทำเลที่ใกล้ แต่ต้องมีความเป็นคอมมูนิตี้มากขึ้น  นั่นคือ เทคโนโลยีที่ทำให้การเดินทางสะดวกขึ้น การสื่อสารง่ายขึ้น ทำให้เกิดการกระจายตัวสูงขึ้นของที่อยู่อาศัย เพราะในอนาคตสังคมจะเริ่มแออัด การกระจายตัว และเทคโนโลยีจะทำให้การเดินทางสะดวกสบายยิ่งขึ้น

 

 

ดร. ทวิชา ตระกูลยิ่งยง  ประธานผู้บริหารสายงานเทคโนโลยีและวิเคราะห์ข้อมูล บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)  

 

ทั้งหมดนี้คืออนาคตอันใกล้ ที่จะเกิดขึ้นใน 5 -10 ปีข้างหน้า เพราะประเทศเรากำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการทำอินฟราสตรัคเจอร์ อยู่ระหว่างเริ่มวางระบบรถไฟฟ้าที่มีเครือข่ายรอบเมือง ซึ่งโดยรวมแล้ว ใน 4-5 ปีข้างหน้าจะมีรถไฟฟ้าถึง 11 สาย ตรงนี้จะทำให้เกิดการกระจายตัวของที่อยู่อาศัย ขยายออกนอกเมืองเป็นจำนวนมาก เช่น สายสีม่วง คนที่อาศัยอยู่แถบนนทบุรี เดินทางเข้ามาทำงานในย่านใจกลางเมืองของกรุงเทพฯได้ เห็นได้จากการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เกิดขึ้นอย่างมากมาย เป็นการสร้างโอกาสใหม่ๆ

เมื่อถามแสนสิริในฐานะเป็นเจ้าแรกของกลุ่มธุรกิจอสังหาฯ ที่เข้ามาปฎิวัติตลาดด้วยเทคโนโลยีว่ามีการขับเคลื่อนในส่วนนี้อย่างไร ดร. ทวิชา บอกว่าอันที่จริงต้องแยกก่อนว่า มีเทคโนโลยีที่อยู่ในบ้าน กับเทคโนโลยีการเชื่อมต่อที่อยู่ข้างนอก ซึ่งเรามองว่า ไม่ใช่แค่ในบ้านหรือนอกบ้าน  แต่เป็นวิถีชีวิตตั้งแต่เริ่มต้นวันว่าได้รับความสะดวกจากเทคโนโลยีในบ้านอย่างไรบ้าง หรือการใช้ชีวิตนอกบ้าน ทั้งอยู่ในรถ หรือที่ทำงานนั้นมีการคอนเนคกันหมด จึงต้องหาเทคโนโลยที่สามารถเชื่อมต่อให้ การใช้ชีวิตที่บ้านได้รับความสะดวกสบายจากเทคโนโลยี เช้าตื่นขึ้นมามีเรื่องการรับข่าวสาร  มีเรื่องของอุปกรณ์ที่ช่วยอำนวยความสะดวก  เมื่อออกนอกบ้านไปทำงานรถติด หรือการไปช้อปปิ้ง เราต้องมองในด้านของวิถีชีวิต ปัญหาการจราจร ทำให้ไม่มีเวลาไปซื้อของ การมีเทคโนโลยีที่สามารถรองรับคนที่ไม่มีเวลาจับจ่ายของ อำนวยความสะดวก เมื่อถึงบ้านแล้วมีของไปรออยู่ที่บ้าน นั่นคือเรามองเรื่อง Connected Home

 

การนำร่องเทคโนโลยีที่อยู่อาศัย

ที่ผ่านมา แสนสิริมีการนำร่องเรื่องเทคโนโลยีในบ้าน ซึ่งมีการพัฒนามาประมาณ 5-6  ปี เป็นการพัฒนาซอฟต์แวร์ เป็นโมบายแอพพลิเคชั่นและเปิดใช้ระบบโฮม แคร์ เซอร์วิส ที่ดูแลงานด้านการซ่อมต่างๆ ให้ลูกค้าภายในโครงการ ซึ่งปัจจุบันมีผู้ใช้แอพพลิเคชั่นกว่า  2 หมื่นราย

รวมถึง  Sansiri Home Automation Control ลูกบ้านของแสนสิริสามารถ เชื่อมต่อกับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ใด ก็สามารถสั่งงานได้ด้วยการใช้เสียง ทั้งการเปิด-ปิดไฟแสงสว่าง เครื่องปรับอากาศ ม่านไฟฟ้า หรือเปิด-ปิดเปลี่ยนช่องโทรทัศน์  และการควบคุมอุปกรณ์ในบ้าน เช่น กลับถึงบ้าน สามารถเปิดปิดไฟ เปิดปิดแอร์ 

รวมไปถึงการเช็คสถานะ กรณีเดินทางออกจากบ้านไปแล้ว สามารถตรวจสอบว่าลืมปิดแอร์หรือไม่ โดยใช้โมบายแอพพลิเคชั่นควบคุมอุปกรณ์ได้  หรือลูกบ้านต้องการแจ้งปัญหากับนิติฯ เช่น มีอุปกรณ์ที่ชำรุดเสียหาย ต้องการให้นิติฯ เข้ามาช่วย แต่มีปัญหาเรื่องเวลาไม่ตรงกัน กลับมาบ้านนิติฯ ปิดทำการแล้ว กรณีต่างๆเหล่านี้ จะมีโมบายแอพฯ เป็นช่องทางการติดต่อสื่อสารกับลูกบ้านได้เป็นอย่างดี ซึ่งแสนสิริมีการนำโมบายแอพฯ มาใช้แล้วในโครงการใหม่ๆ และมีนโยบายที่จะพัฒนาความสามารถของแอพฯ ขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง

กรณีที่ลูกบ้านอยู่คอนโด และไม่สะดวกติดต่อกับนิติฯ ในเวลาทำการ เมื่อเร็วๆนี้ ที่โครงการ เดอะ โมนูเมนต์ สนามเป้า ที่เป็นโครงการนำร่องเพิ่งมีการเปิดตัว น้องแสนดี เดลิเวอรี่ โรบอท ส่งของถึงหน้าประตูลูกบ้าน โดยในการทำงานจริง หากนิติฯ ต้องการส่งเอกสารหรือพัสดุ  จะสามารถนำไปห้องได้ โดย Sign in และใส่ Password ลูกบ้านห้องนั้น เดินขึ้นลิฟท์ไปส่งของเอง ตรวจสอบได้ว่าลิฟท์ตัวไหนแน่นเข้าได้หรือไม่ได้ เมื่อเข้าไปแล้วสามารถคุยกับลิฟท์โดยใช้บลูทูธระบุชั้น  และนำเอกสารไปส่งได้ถึงหน้า และหลังจากส่งเสร็จก็ลงลิฟต์กลับมาที่นิติได้ด้วยตัวเอง  หรือแม้แต่ลูกบ้านก็สามารถเรียกน้องแสนดีจากโมบายแอพได้  และในเร็วๆนี้เรากำลังพัฒนาหุ่นยนต์อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการเพิ่มความสามารถในการส่งสิ่งของและอาหาร

 

 

รวมทั้งการเพิ่มเทคโนโลยี  แสนสิริ เอไอ บ็อกซ์  ซึ่งเป็นการต่อยอดจากการเปิดตัว น้องแสนดี เดลิเวอรี่ ให้ลูกบ้านใช้งานได้หลากหลายมากขึ้น ทั้งให้ข้อมูลพื้นฐาน ด้านพยากรณ์อากาศ เช็กสภาพการจราจร สรุปข่าวรายวัน การฟังเพลงไทย หรือรับคลื่นวิทยุในประเทศ ฯลฯ ซึ่งผู้ใช้สามารถสั่งการทำงานไม่ว่าจะอยู่ในมุมไหนของห้องก็ตาม สำหรับแสนสิริ เอไอ บ็อกซ์ ถือเป็นการต่อยอดจากการเปิดตัว น้องแสนดี เดลิเวอรี่ โรบอท หุ่นยนต์ส่งอาหารและส่งของถึงหน้าประตูลูกบ้านโครงการ เดอะ โมนูเมนต์ สนามเป้า ซึ่งเป็นโครงการนำร่อง

นี่คือการนำเทคโนโลยี Big Data  มาใช้ โดยมีเทคโนโลยีเป็น Smart Device  เชื่อมต่ออย่างชาญฉลาดมากขึ้น และไม่ได้เป็นการทำงานแบบคิดเองคนเดียว เรามองว่าอุปกรณ์ที่ฉลาดนั้นจะต้องฉลาดอยู่ด้วยกัน คือ แนวโน้มนับจากวันนี้ ไม่ใช่เพียงแค่การรับคำสั่งจาก “คน” แต่อุปกรณ์ในบ้านจะต้องเลือกทำอะไรบ้าง จะต้องเลือกเปิดแอร์หรือเปิดทีวีอย่างไร หรือเปิดน้ำอุ่นเตรียมไว้ก่อนเจ้าของบ้านจะกลับมา ซึ่งอุปกรณ์จะสื่อสารกันเองและประมวลผลว่าจะต้องทำอะไรบ้าง นี่คือสิ่งที่แสนสิริเริ่มนำมาใช้ในบางโครงการแล้ว

 “ความเป็นไปตรงนี้ ไม่ได้คิดเองเออเอง เรามีการศึกษาเทคโนโลยีอนาคตในต่างประเทศ เช่น ร่วมมือกับเทคโนโลยีจากบริษัทระดับโลก “Amazon Web Services” ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มด้านไอทีผ่านอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Amazon.com เพื่อนำแพลตฟอร์มปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence หรือ AI) มาใช้เพื่อให้อุปกรณ์ฯต่างๆที่มีบริการหลากหลาย ให้มีความฉลาดมากขึ้น

อีกทั้งเทคโนโลยี Big Data โดยมีการนำข้อมูลมาช่วยประมวลผลอนาคตที่กำลังจะเกิดขึ้น ตอบโจทย์ลูกค้าในด้านความต้องการที่อยู่อาศัย ที่มีความสะดวกสบาย เพราะเมื่อเข้ามาอยู่ในบ้านที่มีการนำเทคโนโลยีมาใช้แล้ว จะทำให้การใช้ชีวิตในบ้านมีความสะดวกและมีความสุขยิ่งขึ้น ซึ่งตรงนี้ ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของบ้านหลังเดียวที่มีคุณภาพ แต่หมายถึงในด้านของสังคมที่มีคุณภาพด้วย เพราะสิ่งที่ได้รับจากเทคโนโลยีนอกจากความสะดวกสบาย ยังมีผลต่อการลดความเสี่ยงและอันตรายจากภายนอก เช่น ภัยที่เกิดจากการโจรกรรมอีก ซึ่งขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีที่นำมาใช้ในรูปแบบต่างๆด้วยเช่นกัน

X

Right Click

No right click