×

Warning

JUser: :_load: Unable to load user with ID: 7636

Telemedicine Era

April 20, 2020

ในเหล่า "ผู้รู้" หรือ "กูรู" สายทอร์คที่พูดกว้าง มองไกลและฉายภาพอนาคตชัด โดยเฉพาะ ในประเด็นที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีและดิสรัปชั่นที่กระหน่ำสร้างความเปลี่ยนแปลงในภาคส่วนๆ

มีคนขับแท็กซี่นับหลายหมื่นรายที่หันมาใช้แอปพลิเคชันเรียกรถเพื่อรับผู้โดยสารในปัจจุบัน เนื่องจากเห็นถึงประโยชน์ในด้านต่าง ๆ และพร้อมปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยีและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป หนึ่งในนั้นคือ จิรภัทร โสภาลัย ประธานเครือข่ายชมรมผู้ขับแท็กซี่ 4.0 และ กมลาสน์ กุลบันลือพิชญ์ ประธานชมรมแท็กซี่ไทยพัฒนา

1. เพิ่มช่องทางในการหารายได้

  

นายจิรภัทร โสภาลัย ประธานเครือข่ายชมรมผู้ขับแท็กซี่ 4.0 กล่าวว่า “แต่ก่อนเราต้องขับรถไปเรื่อย ๆ รอให้ผู้โดยสารเรียก ทำให้สิ้นเปลืองต้นทุนค่าแก๊ส ค่าน้ำ

มัน รายได้ในแต่ละวันก็ไม่แน่นอน แต่ปัจจุบันพอมีเทคโนโลยีเข้ามา การใช้แอปเรียกรถทำให้คนขับแท็กซี่อย่างเรามีช่องทางในการหารายได้เพิ่มมากขึ้น สามารถเลือกไปในพื้นที่ที่มีลูกค้าอยู่หนาแน่นได้ เพิ่มโอกาสที่ลูกค้าจะกดเรียก จากที่สอบถามเพื่อน ๆ สมาชิกในเครือข่ายที่ใช้แอปเรียกรถ 

 2. เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน

บริษัทผู้พัฒนาเทคโนโลยีหรือผู้ให้บริการแอปพลิเคชันต่างให้ความสำคัญกับการลงทุนและการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่องเพื่อยกระดับมาตรฐานการให้บริการและความปลอดภัย ซึ่งไม่เพียงจะช่วยตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการ แต่ยังทำให้คนขับทำงานได้สะดวกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น อาทิ การนำเอาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI: Artificial Intelligence) มาช่วยจับคู่ตำแหน่งของคนขับกับจุดหมายปลายทางของผู้โดยสาร ทำให้คนขับแท็กซี่ทราบจุดรับ-ส่งล่วงหน้า ซึ่งช่วยลดปัญหาการโบกแล้วไม่จอดรับหรือการปฏิเสธผู้โดยสารอย่างเป็นรูปธรรม หรือการนำระบบจีพีเอส (GPS) มาใช้ ซึ่งช่วยแนะนำเส้นทางที่รวดเร็วที่สุดให้กับคนขับ เพื่อหลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีการจราจรติดขัด 

 

3. เพิ่มความอุ่นใจด้านความปลอดภัย

  

ไม่ใช่แค่ผู้โดยสารเท่านั้นที่ต้องการความปลอดภัยในการเดินทาง คนขับแท็กซี่เองก็เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่ต้องขับรถไปส่งผู้โดยสารในเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย สถานที่เปลี่ยว หรือในเวลาค่ำคืน ซึ่งอาจทำให้เกิดความกังวลในด้านสวัสดิภาพความปลอดภัยหรือการก่ออาชญากรรม แต่ประเด็นเหล่านี้หมดไปเมื่อมีแอปเรียกรถซึ่งมีเทคโนโลยีและมาตรฐานด้านความปลอดภัยต่าง ๆ ที่ช่วยสร้างความอุ่นใจให้กับคนขับ เนื่องจากผู้ให้บริการแอปพลิเคชันมีเทคโนโลยีการยืนยันตัวตน (Biometric Authentication) ของทั้งคนขับและผู้โดยสาร จึงสามารถตรวจสอบข้อมูลได้ทันทีหากเกิดเหตุการณ์อันไม่พึงประสงค์ 

ในกรณีที่มีปัญหาหรือต้องการความช่วยเหลือ คนขับยังสามารถติดต่อ Call Center ได้ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง หรือในกรณีฉุกเฉินก็มีปุ่ม SOS ให้สามารถติดต่อไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อขอความช่วยเหลือได้ทันที นอกจากนี้ ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ แอปเรียกรถอย่างแกร็บยังได้ทำประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล

4. เพิ่มโอกาสเข้าถึงบริการทางการเงิน

         

ประโยชน์อีกประการที่หลายคนอาจไม่เคยทราบมาก่อน คือ แอปเรียกรถช่วยให้คนขับแท็กซี่ ซึ่งเป็นกลุ่ม Unbanked หรือผู้ที่เข้าไม่ถึงบริการทางการเงินพื้นฐานจากสถาบันการเงินในระบบ อย่างบริการโอนเงิน ชำระเงิน ฝากเงิน และกู้เงิน มีโอกาสเข้าถึงบริการดังกล่าวมากขึ้น เนื่องจากคนขับจะได้รับเอกสารรับรองทางการเงิน จากบริษัทผู้ให้บริการแอป ซึ่งได้รับการยอมรับจากสถาบันการเงิน ทำให้สามารถใช้เป็นหลักฐานในการสมัครบริการสินเชื่อเงินสด (Digital lending) ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าการกู้นอกระบบถึง 30 เท่า 

กมลาสน์ กุลบันลือพิชญ์ ประธานชมรมแท็กซี่ไทยพัฒนา กล่าวเสริมว่า "นอกจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากทั้งค่าโดยสาร โบนัส เงินจูงใจและสิทธิประโยชน์อื่น ๆ แล้ว การใช้แอปเรียกรถทำให้เรามี statement ที่ช่วยรับรองรายได้ของคนขับแท็กซี่ ซึ่งธนาคารหรือสถาบันการเงินต่าง ๆ เชื่อถือและให้การยอมรับ ทำให้คนขับหลายคนที่เคยเช่ารถและอยากมีรถเป็นของตัวเองสามารถกู้เงินเพื่อซื้อรถเป็นของตัวเองได้”

 

5. เพิ่มศักยภาพและมาตรฐานการให้บริการ

   

การเข้ามาของเทคโนโลยีสมัยใหม่ ๆ อย่างแอปเรียกรถทำให้คนขับแท็กซี่ต้องปรับตัวเพื่อพัฒนาความเข้าใจและศักยภาพเพื่อให้สามารถก้าวทันยุคดิจิทัลและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ถือเป็นโอกาสในการเรียนรู้และฝึกฝนพัฒนาตนเอง โดยแอปเรียกรถอย่างแกร็บยังมีการจัดอบรมต่าง ๆ ให้กับคนขับอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็น เทคนิคการให้บริการ การขับขี่ปลอดภัย การดูแลสภาพรถยนต์ หรือแม้แต่คอร์สภาษาอังกฤษ นอกจากนี้ ยังมีการกำหนดหลักปฏิบัติและจรรยาบรรณของคนขับ รวมทั้งมีระบบควบคุมคุณภาพการให้บริการของคนขับแบบเรียลไทม์

วันนี้ ทั้งบรรยากาศของไทยและของโลกตึงเครียดมาก

สถานการณ์ไวรัสยังน่ากลัวมาก จำนวนผู้ติดเชื้อมากถึง 40,554 คนแล้ว

"โลกอนาคตเป็นของ AI อนาคตของรัสเซีย และอนาคตของมวลมนุษยชาติ ประเทศที่เป็นผู้นำในศาสตร์นี้ จะกลายเป็นมหาอำนาจของโลกอย่างแท้จริง"  วลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย

ในเวทีการสัมมนาของงาน CEBIT ASEAN Thailand 2019 ที่จัดขึ้นที่อิมแพ็คฯ เมื่อเร็วๆ นี้ นายอภิชาติ เจิมประไพ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท ไซเซล (ไทยแลนด์) จำกัด ได้เข้าร่วมบรรยายให้แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ภายใต้หัวข้อ “Cloud Network Security Automation & AI” โดยเน้นถึงการที่ไซเซลใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์และระบบทำงานที่เป็นอัตโนมัติมาเป็นกลไกสร้างโซลูชั่นเนบูล่าคลาวด์ (Nebula Cloud) ให้เป็นระบบบริหารเครือข่ายผ่านคลาวด์ที่ทำงานเองได้อย่างอัตโนมัติเต็มประสิทธิภาพของฮาร์ดแวร์ มีความปลอดภัยสูง

ทั้งนี้ ไซเซลเป็นหนึ่งใน 7 แบรนด์ในโลกที่มีระบบเกตเวย์วีพีเอ็นที่ผ่านการตรวจสอบจาก Amazon Web Services และ Microsoft Azure

นอกจากนี้ โซลูชั่นจากไซเซลมีความยืดหยุนสูง สามารถขยายจำนวนผู้ใช้งานได้อย่างคล่องตัว และให้ลูกค้าจ่ายค่าบริการเท่าที่ใช้งาน ลูกค้าเอสเอ็มบีสามารถทดลองใช้งานจริงโซลูชั่นคลาวด์ NebulaFlex™Access Point ฟรี! โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ตามเงื่อนไข ได้ที่ http://bit.ly/NebulaFlex_TryNow

X

Right Click

No right click