ครั้งแรกในวงการอสังหาริมทรัพย์ไทย LPN จับมือ MAAI BY KTC (มาย บาย เคทีซี) เปิดประสบการณ์ใหม่ผ่านระบบดิจิตอล ลอยัลตี้ แพลทฟอร์ม ด้วยการมอบสิทธิพิเศษผ่านคะแนน MAAI สำหรับลูกค้า และพนักงานเพื่อใช้แลกสินค้าและบริการได้ตามความต้องการ ตอบรับทุกไลฟ์สไตล์ความ ‘น่าอยู่’
นางสาวมนพัทธ์ ศุภกิจจานุสันติ์ ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาแบรนด์ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาที่พักอาศัยคุณภาพที่มาพร้อมกับความน่าอยู่ในทุกมิติ เพื่อยกระดับรูปแบบการใช้ชีวิตที่ดีที่สุดมามากกว่า 34 ปี กล่าวว่า ปัจจุบัน LPN พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย ทั้งสิ้นกว่า 140 โครงการ และมีจำนวนลูกบ้านประมาณ 125,000 ครอบครัว โดยในปี 2566 มีกำหนดเปิดโครงการใหม่อีก 17 โครงการทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด แบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียม 4 โครงการ โครงการบ้านพักอาศัย 13 โครงการ มูลค่ารวม 14,000 ล้านบาท ขณะเดียวกัน LPN ยังมุ่งมั่นที่จะส่งมอบประสบการณ์การใช้ชีวิตที่น่าอยู่ (Livable Living Experience) และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า ด้วยการมอบสิทธิพิเศษที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่แตกต่างกัน จึงร่วมมือกับ MAAI BY KTC ผู้นำเรื่องคะแนนและสิทธิพิเศษที่ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์มากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย ผ่านระบบการใช้คะแนน MAAI ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการสร้างประสบการณ์ให้กับลูกค้าได้สะดวกสบายมากขึ้น และสามารถเลือกใช้บริการที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการ กิน ช้อป เที่ยว หรือความพิเศษต่างๆ
นางสาวอุษณีย์ เลาหะวรนันท์ ผู้บริหารสูงสุดสายงานสื่อสารการตลาดและธุรกิจ MAAI BY KTC “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า MAAI BY KTC (มาย บาย เคทีซี) คือผู้ให้บริการด้านดิจิตอล ลอยัลตี้ แพลทฟอร์ม (Digital Loyalty Platform) แบบครบวงจรในการบริหารจัดการคะแนนสะสม และสิทธิประโยชน์ด้านไลฟ์สไตล์ ทำให้ MAAI BY KTC สามารถตอบโจทย์ทุกธุรกิจที่มีความต้องการที่แตกต่างกัน ด้วยจุดแข็งของการแลกคะแนนที่มีครอบคลุมกว่า 1,800,000 ร้านค้าทั่วประเทศ สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญของ LPN ที่จะต่อยอดและพัฒนาการทำ CRM ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ด้วยระบบดิจิตอล ลอยัลตี้ แพลทฟอร์ม โดยมีคะแนน MAAI เป็นเครื่องมือ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มีไลฟ์สไตล์แตกต่างกัน โดยการมอบคะแนนจะเริ่มต้นตั้งแต่การจอง ผ่อนดาวน์ โอน โครงการต่างๆ และการร่วมกิจกรรมต่างๆ ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย FB : LPN Connect
นอกจากนี้ สำหรับลูกค้าที่จอง และโอนคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่จาก LPN ในระหว่างวันที่ 15 พฤศจิกายน 2566 – วันที่ 20 ธันวาคม 2566 พบกับโปรโมชั่นพิเศษในแคมเปญ ‘จองปั๊ป...รับมาก MAAI’ รับทันทีคะแนน MAAI สูงสุดถึง 40,000 คะแนน (เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯกำหนด)
สำหรับวิธีการใช้คะเเนน MAAI ลูกค้าสามารถดาวน์โหลด และลงทะเบียนบนแอปพลิเคชัน MAAI BY KTC ซึ่งจะสามารถใช้คะเเนน MAAI ที่ได้รับ นำมาแลกสิทธิพิเศษได้ทุกสิทธิ์ที่มีอยู่บนแอปพลิเคชัน ครอบคลุมทั้งร้านอาหาร /เครื่องดื่ม ช้อปปิ้ง ท่องเที่ยว เติมน้ำมัน และดูหนัง โดยคะแนนที่ได้รับจะมีอายุการใช้งาน 2 ปี
ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ MAAI BY KTC โทรศัพท์ 02 123 5678 หรือ https://www.ktc.co.th/maai/crm
บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จํากัด (มหาชน) หรือ LPN จัดพิธีส่งมอบของแถม รถยนต์ไฟฟ้า Ora Good Cat 400 Pro ให้กับลูกบ้านที่โอนกรรมสิทธิ์บ้านพักอาศัยโครงการลุมพินี ทาวน์วิลล์ สายไหม 18 – พหลโยธิน ในแคมเปญ “ลดทุกวัน แจกทุกหลัง” ช่วงระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม - 30 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา โดยมี นางสาวเสาวณี อังกูรพิพัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท พรสันติ จำกัด เป็นตัวแทนส่งมอบรถ ณ โชว์รูมรถยนต์ GWM บางบัวทอง เมื่อวันวันที่ 28 ตุลาคม 2566
บริษัทฯขอแสดงความยินดีกับผู้ที่ได้รับของแถม และลูกบ้านทุกท่านที่ได้ให้ความไว้วางใจโครงการที่อยู่อาศัยคุณภาพที่มาพร้อมกับความ #น่าอยู่ ในทุกมิติ เพื่อยกระดับรูปแบบการใช้ชีวิตที่ดีที่สุดมามากกว่า 34 ปี LPN ยังคงยึดมั่นในการให้ความสำคัญเรื่องคุณภาพสินค้าและบริการ เพื่อส่งมอบประสบการณ์การอยู่อาศัยที่ตอบโจทย์ความต้องการของทุกไลฟ์สไตล์ในทุกเจเนอเรชัน ตลอดจนเพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้าทุกคนทั้งในวันนี้และอนาคต สำหรับผู้ที่สนใจโครงการสามารถ ติดตามข่าวสาร และอัพเดทแคมเปญโปรโมชั่นพิเศษต่างๆ ภายใต้แบรนด์ บ้านลุมพินี, เวนู 24, และเฮ้าส์ 24 ผ่านช่องทางออนไลน์ Facebook : Baan Lumpini l บ้านลุมพินี หรือ Line OA @baanlumpini ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
“แอล ดับเบิลยู เอส” คาดผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์เร่งเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ในไตรมาสสี่ ปี 2566 โดยคาดว่าจะมีการเปิดตัวโครงการใหม่มูลค่าประมาณ 140,000-150,000 ล้านบาท เป็นผลมาจากผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ชะลอแผนการเปิดตัวโครงการในช่วงไตรมาสสาม เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังไม่มีความชัดเจน
นายประพันธ์ศักดิ์ รักษ์ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล ดับเบิลยู เอส วิสดอม แอนด์ โซลูชั่น จำกัด บริษัทวิจัยและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเครือบริษัท แอล พี เอ็น ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด(มหาชน) กล่าวถึงแนวโน้มการเปิดตัวโครงการใหม่ของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในไตรมาสสี่ปี 2566 ว่า เนื่องจากสถานการณ์ความไม่แน่นอนทางการเมืองหลังการเลือกตั้งทำให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ชะลอแผนการเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยในไตรมาสสามของปี 2566 ทำให้จำนวนโครงการและจำนวนหน่วยเปิดตัวโครงการใหม่ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2566 ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปี 2565
โดยในเดือน มกราคม-กันยายน 2566 มีจำนวนโครงการเปิดตัวใหม่ในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ทั้งสิ้น 304 โครงการ จำนวน 67,772 หน่วย ลดลง 11% เมื่อเทียบกับจำนวนหน่วยเปิดตัว 76,346 หน่วย ในระยะเดียวกันของปี 2565 คิดเป็นมูลค่าเปิดตัวโครงการใหม่อยู่ที่ 338,655 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% จากมูลค่าเปิดตัวโครงการ 326,570 ล้านบาท ในระยะเดียวกันของปี 2565 จำนวนหน่วยเปิดตัวลดลงในขณะที่มูลค่าการเปิดตัวสูงขึ้นเนื่องจากผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ให้ความสำคัญกับการเปิดตัวที่อยู่อาศัยในระดับราคาเกิน 10 ล้านบาทต่อหน่วยเพิ่มขึ้นส่งผลให้มูลค่าการเปิดตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับจำนวนหน่วยเปิดตัวใหม่ที่ลดลง
การเปิดตัวโครงการใหม่ใน 9 เดือนแรกของปี 2566 จำนวน 304 โครงการ 67,772 หน่วย มูลค่า 338,655 ล้านบาท แบ่งเป็นส่วนของโครงการอาคารชุดพักอาศัย 61 โครงการ คิดเป็นจำนวนหน่วยเปิดตัวใหม่ 31,325 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 85,782 ล้านบาท ลดลง 21% และ 11% ตามลำดับเมื่อเทียบกับ จากจำนวนหน่วยเปิดตัว 39,421 หน่วย และมูลค่าเปิดตัว 96,836 ล้านบาท ในระยะเดียวกันของปี 2565 โดยมีอัตราการขาย ณ วันเปิดตัวที่ 27% ลดลงจากอัตราการขาย ณ วันเปิดตัวในระยะเดียวกันของปี 2565 ที่ 31% โดยที่ราคาขายเฉลี่ยของอาคารชุดพักอาศัย ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2566 อยู่ที่ 2.73 ล้านบาทต่อหน่วย เพิ่มขึ้นจากราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยที่ 2.45 ล้านบาท ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565
ในขณะที่การเปิดตัวโครงการใหม่ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2566 ส่วนที่เหลือเป็นส่วนของการเปิดตัวโครงการบ้านพักอาศัยราคาต่ำกว่า 10 ล้านบาทจำนวน 164 โครงการ จำนวน 31,345 หน่วย ลดลง 0.23% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปี 2565 คิดเป็นมูลค่า 130,847 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.18% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปี 2565 ที่มีจำนวนหน่วยเปิดตัว 31,418 หน่วย และมูลค่าเปิดตัว 128,047 ล้านบาท โดยมีอัตราการขาย ณ วันเปิดตัวโครงการที่ 8% ลดลงจากอัตราการขาย ณ วันเปิดตัวที่ 13% ของระยะเดียวกันของปี 2565 โดยมีราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยที่ 4.17 ล้านบาทต่อหน่วยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2566 เพิ่มขึ้นจากราคาขายเฉลี่ยที่ 4.07 บาทต่อหน่วย ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565 และเป็นการเปิดตัวโครงการบ้านพักอาศัยที่ระดับราคาเกิน 10 ล้านบาท จำนวน 79 โครงการ จำนวน 5,102 หน่วย ลดลง 7.18% เมื่อเทียบกับจำนวนหน่วยเปิดตัว 5,497 หน่วยในระยะเดียวกันของปี 2565 โดยมีมูลค่าการเปิดตัวโครงการใหม่ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2566 ของบ้านพักอาศัยระดับราคาเกิน 10 ล้านบาทที่ 122,025 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 20% จากมูลค่าการเปิดตัวโครงการที่ 101,687 ล้านบาท โดยมีอัตราการขาย ณ วันเปิดตัวเฉลี่ยที่ 12% ลดลงจากอัตราการขายเฉลี่ยที่ 19% ในระยะเดียวกันของปี 2565 โดยที่ระดับราคาขายเฉลี่ยของบ้านระดับราคาเกิน 10 ล้านบาทอยู่ที่ 24.1 ล้านบาทต่อหน่วย เพิ่มขึ้นจากราคาเฉลี่ยที่ 19.2 ล้านบาทต่อหน่วย ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565
“จากการที่ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ชะลอแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ในช่วงไตรมาสสามของปี 2566 ทำให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์มีแนวโน้มที่จะเร่งเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มขึ้นในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2566 โดยคาดว่าจะมีการเปิดตัวโครงการใหม่ จำนวนประมาณ 40,000-41,000 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 140,000-150,000 ล้านบาท เพื่อกระตุ้นยอดขายและรับรู้รายได้ในช่วงโค้งสุดท้ายของปี โดยคาดว่าจะเป็นการเปิดตัวโครงการบ้านพักอาศัยในสัดส่วนไม่น้อยกว่า 70% ของจำนวนหน่วยเปิดตัวใหม่ทั้งหมดในช่วงไตรมาสสี่ของปี 2566 โดยเฉพาะบ้านพักอาศัยที่ระดับราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท ในส่วนของอาคารชุดพักอาศัยคาดว่าจะเปิดตัวประมาณ 30% ของจำนวนหน่วยเปิดตัวใหม่ทั้งหมดที่ระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท” นายประพันธ์ศักดิ์ กล่าว
จากแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑลของผู้ประกอบการอสังหาฯ ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2566 นายประพันธ์ศักดิ์ คาดว่าจะทำให้ภาพรวมการเปิดตัวโครงการใหม่ของที่อยู่อาศัยในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลในปี 2566 จะใกล้เคียงกับปี 2565 หรือเติบโตไม่เกิน 5% โดยคาดว่าจะมีจำนวนหน่วยเปิดตัวใหม่ 105,000-108,000 หน่วย คิดเป็นมูลค่าประมาณ 474,000-488,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2565 ที่มีจำนวนการเปิดตัว 103,000 หน่วยคิดเป็นมูลค่า 457,000 ล้านบาท
บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จํากัด (มหาชน) หรือ LPN นำโดย นายประพันธ์ศักดิ์ รักษ์ไชยวรรณ ประธานคณะอนุกรรมการกำกับดูแลกิจการด้านความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม เป็นตัวแทนบริษัทฯ เข้าร่วมพิธีขอบคุณและมอบประกาศนียบัตรเครื่องหมายรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์ประจำปี 2566 ซึ่งจัดโดย องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. โดยประเมินผลจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินงานและกิจกรรมต่างๆของบริษัทตลอดทั้งปี มีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดแนวทางการบริหารจัดการลดการใช้พลังงานและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กร พร้อมทั้งเป็นการเปิดเผยข้อมูลและรายงานผลการดำเนินงานในมิติด้านสิ่งแวดล้อม ผ่านรายงาน 56-1 One Report อันเป็นประโยชน์ต่อนักลงทุนในการนำข้อมูลมาวิเคราะห์ เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุนได้อย่างรอบด้าน และสิ่งสำคัญที่สุดคือการเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนและสนับสนุนนโยบายจากภาครัฐเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และลดอุณหภูมิโลก ตามพันธกิจของบริษัทฯ ซึ่งมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน โดยมี นายเกียรติชาย ไมตรีวงษ์ ผู้อำนวยการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) เป็นผู้มอบประกาศนียบัตร ณ ห้องอบรม องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) เมื่อวันก่อน
นอกจากนี้ LPN ยังมีแผนการลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์อย่างจริงจังและต่อเนื่องในหลายมิติ อาทิ การติดตั้งแผง Solar Cell ที่สำนักงานขายทุกโครงการเพื่อลดการใช้พลังงานไฟฟ้า, ก่อตั้งโครงการ แยก แลก ตัง ร่วมกับ Wake Up Waste เพื่อบริหารจัดการขยะจากต้นทางถึงปลายทาง อีกทั้งยังช่วยสร้างรายได้ให้กับพนักงานจากการขายขยะรีไซเคิล และเข้าร่วมโครงการ Care The Bear และ Care The Whale ซึ่งสนับสนุนโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็นต้น