Airbnb เผยข้อมูลล่าสุดการเดินทางท่องเที่ยวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ฟื้นตัวแรง พร้อมสร้างโอกาสใหม่ๆ

นางสาวปริม ปัญญาเสรีพร ผู้บริหารสูงสุดสูงสุดฝ่ายการตลาดบัตรเครดิต “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “เคทีซีเล็งเห็นถึงยอดรวมการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในหมวดห้องพักโรงแรมในประเทศในปีนี้ที่ปรับตัวสูงขึ้น 56% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยเทรนด์การจองห้องพักที่มีความเป็นส่วนตัวในโรงแรมลักซ์ชัวรี่ทั่วประเทศเติบโตอย่างเห็นได้ชัด เคทีซีจึงได้เข้าร่วมงาน “Siam Paragon World Class Vacation Fair 2023” มหกรรมท่องเที่ยวที่ตอบโจทย์การท่องเที่ยวและพักผ่อนอย่างเหนือระดับ กับแพ็คเกจโรงแรม รีสอร์ท และเวลเนสเดสติเนชั่นระดับเวิลด์คลาส ระหว่างวันที่ 1 - วันที่ 12 มีนาคม 2566 ณ แฟชั่น แกลเลอรี่ ชั้น 1 ศูนย์การค้าสยามพารากอน

สมาชิกบัตรเครดิตเคทีซีเพียงใช้จ่ายผ่านบัตรฯ ภายในงานและลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์ภายในวันที่ใช้จ่าย รับสิทธิพิเศษ 2 ต่อที่บูธเคทีซี ชั้น 1 บริเวณแฟชั่น แกลอรี่ 1 - 5 ดังนี้

ต่อที่ 1: รับของสมนาคุณมูลค่าสูงสุด 6,690 บาท*

· ใช้จ่ายครบทุก 4,000 บาท รับทันทีบัตร Starbucks มูลค่า 100 บาท 1 ใบ (รับสูงสุด 1,000 บาท / ท่าน / วัน)

· ใช้จ่ายครบทุก 13,500 บาท รับทันที Angel Bear มูลค่า 520 บาท 1 ตัว

(รับสูงสุด 6 ตัว / ท่าน / วัน) จำกัด 370 ตัวตลอดงาน

· ใช้จ่ายครบ 150,000 บาทขึ้นไป รับกระเป๋าเดินทาง Baggage Luggage ขนาด 29 นิ้ว มูลค่า 6,690 บาท 1 ใบ (จำกัด 1 ใบ / ท่าน / วัน) จำกัด 20 ใบตลอดงาน

*สามารถรวมใบเสร็จภายในงานฯ เพื่อแลกรับของสมนาคุณได้ / จำกัดการแลกรับของสมนาคุณ / การ แลกรับเครดิตเงินคืน 1 ครั้งต่อ 1 ใบเสร็จ / จัดส่งกระเป๋าทางไปรษณีย์ภายใน 30 วันหลังจบแคมเปญ ตามที่อยู่ที่ได้ลงทะเบียนภายในงาน

ต่อที่ 2: แลกคะแนนตามใจ รับเครดิตเงินคืน 13%*

· ใช้จ่ายภายในงานฯ รับสิทธิ์ใช้คะแนนเท่ายอดหรือน้อยกว่า แลกรับเครดิตเงินคืน 13% *ไม่จำกัดยอดใช้จ่ายขั้นต่ำ และไม่จำกัดการแลกเครดิตเงินคืนสูงสุด

 ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ KTC PHONE 02 123 5000 หรือเว็บไซต์ https://www.ktc.co.th/promotion/hotel-resort/domestic-hotel/event-siamparagon สมัครบัตรเครดิตได้ที่ศูนย์บริการสมาชิก “เคทีซี ทัช” ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือคลิกลิงค์ได้ที่นี่ : https://bit.ly/apply-ktc

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ ttb analytics ประเมินภาคการท่องเที่ยวของไทยฟื้นตัวได้ดีกว่าที่คาดจากการเปิดประเทศที่ทำให้การเดินทางเข้าออกประเทศสะดวกมากขึ้น รวมถึงความต้องการท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นเพื่อชดเชยจากการที่ถูกจำกัดไว้ก่อนหน้า (Pent Up Demand) ซึ่งส่งผลดีต่อฤดูกาลท่องเที่ยวสำคัญของไทยช่วงครึ่งหลัง 2565 โดยคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2565 จะอยู่ที่ 9.5 ล้านคน จากอานิสงส์ตลาดนักท่องเที่ยวระยะใกล้ โดยเฉพาะกลุ่มอาเซียน อินเดีย และตะวันออกกลาง สำหรับปี 2566 ประเมินว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะอยู่ที่ 18.5 ล้านคน หรือคิดเป็น 46% ของยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2562 ซึ่งเป็นช่วงก่อนเกิดการระบาดโควิด-19 และจะเป็นอีกหนึ่งฟันเฟืองสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจไทยปี 2566 ขยายตัวได้ 3.7%

ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติ 8 เดือนแรกของปีเฉียด 4.4 ล้านคน นำโดยตลาดท่องเที่ยวระยะใกล้

ภาพรวมการท่องเที่ยวทั่วโลกในปี 2565 มีสัญญาณฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง จากการผ่อนคลายความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รวมถึงอัตราการฉีดวัคซีนที่สูงและครอบคลุมขึ้น ทำให้หลายประเทศรวมทั้งไทยทยอยผ่อนคลายมาตรการการเดินทางระหว่างประเทศมาตั้งแต่ช่วงกลางปี ส่งผลให้ความต้องการท่องเที่ยวเพื่อชดเชยที่ถูกจำกัดไว้ก่อนหน้าจากนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศมีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สะท้อนได้จากตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ไปเยือนยังประเทศต่าง ๆ ปรับตัวดีขึ้นตามลำดับ เช่นเดียวกับประเทศไทยที่ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสมตั้งแต่เดือนมกราคม - สิงหาคม สูงถึง 4.4 ล้านคน หรือคิดเป็นเกือบ 20% ของจำนวนนักท่องเที่ยวช่วงก่อนสถานการณ์โควิด-19

เป็นที่สังเกตว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติเยือนไทยในช่วงที่ผ่านมา ส่วนใหญ่มาจากประเทศที่ไม่ห่างไกลจากไทยมากนัก เห็นได้จากยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสม 8 เดือนแรก กว่า 1 ใน 3 เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีพรมแดนติดหรือใกล้กับไทย (เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม และลาว) แน่นอนว่าส่วนหนึ่งมาจากการผ่อนคลายมาตรการเดินทางข้ามพรมแดนและการลดค่าธรรมเนียมเดินทางเข้าประเทศ ซึ่งส่งผลดีต่อการเดินทางเข้าออกผ่านด่านพรมแดนไทยทำได้สะดวกขึ้น นอกจากนี้ การรุกตลาดอินเดียผ่านเวที Roadshow เมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมาเพื่อชดเชยความไม่แน่นอนในการเปิดประเทศของตลาดจีน รวมถึงการเปิดเส้นทางบินตรงครอบคลุมเมืองรองของอินเดีย ยังหนุนให้นักท่องเที่ยวอินเดียเข้าไทยเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดจากเฉลี่ยเดือนละ 1-2 หมื่นคนช่วงต้นปี เป็น 1.1 แสนคน ส่งผลให้นักท่องเที่ยวอินเดียกลายเป็นกลุ่มที่ครองส่วนแบ่งตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติสูงเป็นอันดับ 2 รองจากมาเลเซีย อีกทั้งตลาดตะวันออกกลางซึ่งเป็นกลุ่มมีกำลังซื้อสูงก็เติบโตได้อย่างโดดเด่น อาทิ ซาอุดิอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และอิสราเอล หนุนการเติบโตในแง่ของรายรับจากการท่องเที่ยวอีกด้วย

ทั้งนี้ หากพิจารณาร่วมกับจำนวนเที่ยวบินพาณิชย์ขาเข้าระหว่างประเทศมายังท่าอากาศยานหลัก (สุวรรณภูมิและดอนเมือง) ก็พบว่า เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวจาก 3,774 เที่ยวบินในเดือนมกราคม เป็น 7,659 เที่ยวบินในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา หรือราว 46.5% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนสถานการณ์โควิด-19 และคาดว่ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามความต้องการเดินทางช่วงเทศกาลท่องเที่ยวปลายปี จึงเป็นไปได้ว่าจำนวนเที่ยวบินพาณิชย์ขาเข้าระหว่างประเทศจะแตะ 60% ได้ในช่วงสิ้นปีนี้

ttb analytics ประเมินนักท่องเที่ยวต่างชาติปีนี้ดีกว่าคาดที่ 9.5 ล้านคน มองปี 2566 อาจสูงถึง 18.5 ล้านคน

นับตั้งแต่ประกาศปลดล็อกเงื่อนไขให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยผ่านการยกเลิกระบบ Thailand Pass กลายเป็นแรงหนุนสำคัญให้ชาวต่างชาติสามารถเดินทางท่องเที่ยวในไทยสะดวกขึ้น โดยเฉพาะในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวครึ่งหลังปี 2565 ซึ่งแม้ว่าประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะส่งสัญญาณเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเช่นกัน แต่คาดว่าจะไม่กระทบตัวเลขนักท่องเที่ยวของไทยช่วงปลายปี เนื่องจากพฤติกรรมเที่ยวนอกประเทศภายหลังการเปิดประเทศส่วนใหญ่จะเริ่มต้นจากจุดหมายปลายทางระยะใกล้ (Short Haul Destination) ก่อนในปีนี้ และไทยก็ได้อานิสงส์จากกลุ่มที่มีแนวพรมแดนติดกัน รวมถึงอินเดีย และตะวันออกกลาง เช่นเดียวกับการเปิดประเทศของกลุ่มเอเชียแปซิฟิกที่โดยมากจะเป็นนักท่องเที่ยวจากประเทศใกล้เคียงอย่างญี่ปุ่น เกาหลีใต้ จีน ไต้หวัน และฮ่องกง

ดังนั้น ttb analytics จึงประเมินว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยช่วงครึ่งหลังปี 2565 จะอยู่ที่ 7.3 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากครึ่งปีแรกถึง 2.5 เท่า ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติตลอดทั้งปี 2565 อยู่ที่ 9.5 ล้านคน (จากประมาณการเดิมที่ 7 ล้านคน) สร้างรายได้ราว 4.6 แสนล้านบาท สำหรับปี 2566 คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะอยู่ที่ 18.5 ล้านคน หรือคิดเป็น 46% ของตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2562

อย่างไรก็ดี แม้กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่สะท้อนผ่านข้อมูลการเคลื่อนที่ (Google Mobility Data) ในหมวดที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวได้เริ่มกลับมาเป็นปกติแล้วตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ แต่ระดับการฟื้นตัวในภาพรวมยังคงต่ำกว่าก่อนสถานการณ์โควิด-19 อยู่มาก สะท้อนผ่านดัชนีผลผลิตภาคบริการ (Service Production Index) ในหมวดที่พักแรมและบริการด้านอาหารที่ยังอยู่ในระดับต่ำกว่าก่อนวิกฤตราวครึ่งหนึ่ง เนื่องจากสถานการณ์การท่องเที่ยวในประเทศที่กลับมาคึกคักได้ในระยะหลังมีแรงหนุนสำคัญจากไทยเที่ยวไทยเป็นหลัก ทำให้ภาพรวมจังหวัดที่พึ่งพารายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติสูงฟื้นตัวได้จำกัด สอดคล้องกับอัตราการเข้าพักแรม (Occupancy Rate) ของภาคใต้ที่เฉลี่ยอยู่ที่เพียง 40% เมื่อเทียบกับอัตราการเข้าพักแรมของภาคเหนือซึ่งพึ่งพารายได้จากนักท่องเที่ยวชาวไทยเป็นหลักที่ 50%

ชี้ธุรกิจโรงแรมปี 2566 ยังเจอความท้าทายอีกมาก แนะปรับตัวเพื่อลดต้นทุน

แม้ธุรกิจโรงแรมที่พึ่งพารายได้จากนักท่องเที่ยวไทยเป็นหลักมีแนวโน้มฟื้นตัวได้เร็วจากโมเมนตัมการท่องเที่ยวภายในประเทศ แต่ ttb analytics มองว่า ภาคการท่องเที่ยวของไทยจะสามารถกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้ในช่วงปลายปี 2567 ทำให้ธุรกิจโรงแรมยังต้องเผชิญความท้าทายอีกมากในปี 2566 จากการที่นักท่องเที่ยวไทยที่มีกำลังซื้อสูงบางส่วนจะเริ่มออกเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศมากขึ้น ขณะที่รายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติจะกลับมาใกล้เคียงกับก่อนสถานการณ์โควิด-19 ก็อาจต้องรอแรงส่งจากกลุ่มหลักอย่างนักท่องเที่ยวจีนที่คาดว่าจะกลับมาเยือนไทยได้เต็มที่ในช่วงครึ่งหลังของปี 2566

นอกจากนี้ อุปทาน (Supply) ห้องพักโดยรวมก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จากอุปทานเดิมที่โรงแรมบางส่วนซึ่งประสบภาวะขาดทุนก่อนหน้านี้จะกลับมาดำเนินกิจการเต็มรูปแบบหลังท่องเที่ยวเริ่มฟื้น ทำให้ห้องพักใหม่ที่จะเข้ามาเพิ่มเติมจากการเปิดตัวโรงแรมของผู้ประกอบการขนาดใหญ่มากกว่า 20 แห่งในปี 2566 หลังจากที่ชะลอการเปิดออกไปในช่วงปิดประเทศ ท่ามกลางการแข่งขันด้านราคาของธุรกิจโรงแรมที่รุนแรงขึ้น เห็นได้จากราคาห้องพักเฉลี่ยทั้งประเทศในปัจจุบันที่ยังต่ำกว่าระดับก่อนสถานการณ์โควิด-19 ถึงกว่า 30% สวนทางกับต้นทุนค่าแรงและการดำเนินงานที่ปรับสูงขึ้นเป็นเงาตามตัว

ฉะนั้น กลยุทธ์สำคัญของธุรกิจโรงแรมจึงหนีไม่พ้นเทรนด์การปรับตัวเพื่อตอบสนองพฤติกรรมนักท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไป การนำเทคโนโลยีมาใช้และการหันมาเพิ่มช่องทางการขายออนไลน์มากขึ้น ตลอดจนการมุ่งเน้นเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินการ เพื่อลดต้นทุนทั้งในส่วนของต้นทุนคงที่และต้นทุนแปรผันให้มีความคล่องตัวรับมือกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

“เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ร่วมกับการท่องเที่ยวฮ่องกง จัดเอ็กซ์คลูซีฟ Virtual Event เฉพาะสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซีที่เป็นฮ่องกง “Real Fan” ที่มีความคิดถึงและชื่นชอบการเดินทางท่องเที่ยวฮ่องกงจำนวน 50 ท่าน ร่วมสนุกกับ “Taste Around Town Online Tour” หนึ่งในกิจกรรมจากเทศกาล Wine & Dine Festival 2021 ที่มีกำหนดจัดขึ้นในรูปแบบ Virtual Event พร้อมกันทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในวันอังคารที่ 2 พฤศจิกายน 2564 เวลา 14.00 น.- 14.40 น. (เวลาในประเทศไทย) โดยเป็นการถ่ายทอดสดจากเคนเนดี้ทาวน์ ฮ่องกง แหล่งไดน์นิ่งสุดเทรนดี้ของฮ่องกง ผู้เข้าร่วมกิจกรรมสามารถร่วมสำรวจความสวยงามของเคนเนดี้ทาวน์แบบ Virtual สนุกกับการผสมเครื่องดื่มค็อกเทลในรูปแบบ Interactive โดยทางการท่องเที่ยวฮ่องกงจะส่งเซ็ทค็อกเทล ลิมิเต็ด อิดิชันและส่วนผสมต่างๆ มาให้ผู้ร่วมงานทั้ง 50 ท่านถึงบ้าน จะเป็น 40 นาทีที่ผู้เข้าร่วมงานจะได้สัมผัสฮ่องกงและได้รับประสบการณ์แบบเรียลไทม์ โดยสมาชิกบัตรฯ ที่สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมงาน “Wine & Dine Festival 2021” โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ได้ที่ FACEBOOK: KTC WORLD ตั้งแต่ 6 ตุลาคม 2564 – 17 ตุลาคม 2564 เท่านั้น หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ KTC WORLD โทร 02 123 5050

สำหรับงาน “Wine & Dine Festival” ได้จัดเป็นประจำทุกปีที่ฮ่องกง เซ็นทรัล ฮาร์เบอร์ ฟร้อนท์ โดยภายในงานมีการออกบูธร้านอาหารและเครื่องดื่มชั้นนำกว่า 400 ร้าน ที่ทำให้คนที่เข้าร่วมงานได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศ พร้อมชิมอาหาร ไวน์ และเครื่องดื่มรสเลิศ โดยได้มีการปรับเปลี่ยนเป็นการจัดงานในรูปแบบ Virtual Event ครั้งแรกเมื่อปี 2563 เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี และการจัดงานครั้งที่ 2 ในปีนี้ ได้เพิ่มสีสันที่ทำให้ผู้ร่วมงานได้สัมผัสบรรยากาศที่แปลกใหม่ได้ถึงที่บ้าน โดยไม่ต้องเดินทางไปไหน

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ KTC PHONE หมายเลขโทรศัพท์ 02 123 5000 และเว็บไซต์ www.ktc.co.th

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 การท่องเที่ยวฮ่องกง (Hong Kong Tourism Board: HKTB) ได้ลงนามข้อตกลงสามปีกับ บริษัท ซีเจ อีเอ็นเอ็ม (CJ ENM) หนึ่งในบริษัทผู้นำด้านอุตสาหกรรมบันเทิงแห่งเอเชีย ลงนามข้อตกลงสามปี ตั้งแต่ปี 2565 ถึง 2567 เพื่อสร้างมุมมองใหม่ต่อฮ่องกงในฐานะสถานที่น่าท่องเที่ยวผ่านซีรีส์ และรายการวาไรตี้เกาหลี และยังเป็นครั้งแรกที่องค์กรด้านการท่องเที่ยวได้ร่วมวางแผนกลยุทธ์ควบคู่กับบริษัทด้านความบันเทิงอย่างซีเจ อีเอ็นเอ็ม ซึ่งมีประสบการณ์ในการผลิตซีรีส์และวาไรตี้ที่ได้รับกระแสตอบรับล้นหลามในระดับโลกอย่าง ซีรีส์ปักหมุดรักฉุกเฉิน (Crash Landing On You), ก็อบลิน คำสาปรักผู้พิทักษ์วิญญาณ (Goblin: The Lonely and Great God)เพลย์ลิสต์ชุดกาวน์ (Hospital Playlist), วินเชนโซ่ ทนายมาเฟีย (Vincenzo) รวมทั้งรายการวาไรตี้อย่าง Youn's Kitchen และ New Journey to the West การร่วมมือในครั้งนี้ จะเป็นการกระตุ้นให้ผู้ชมได้นึกถึงฉากที่ชื่นชอบจากซีรีส์เกาลี และรายการวาไรตี้ต่างๆ ในบรรยากาศของสถานที่ท่องเที่ยวท้องถิ่นในฮ่องกง และยังเป็นการสนับสนุนการท่องเที่ยวเมื่อสามารถเดินทางข้ามพรมแดนได้อีกครั้งด้วย

การท่องเที่ยวฮ่องกง และบริษัทสัญชาติเกาหลีอย่าง ซีเจ อีเอ็นเอ็ม ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ซึ่งจะทำให้ฮ่องกงได้เป็นส่วนหนึ่งของเนื้อหารายการมากมายที่ผลิตโดย ซีเจ อีเอ็นเอ็ม ตั้งแต่ปี 2565 ถึง 2567 โดยจะนำเสนอภาพของไลฟ์สไตล์และวัฒนธรรมฮ่องกงอันเป็นเอกลักษณ์ สู่สายตาผู้ชมทั่วโลก ในปัจจุบัน คอนเทนต์อันโด่งดังที่ทางซีเจ อีเอ็นเอ็มผลิตขึ้นนั้น ถ่ายทอดไปแล้วกว่า 200 ประเทศ และมีการรับชมทั่วโลกผ่านแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งชื่อดังระดับโลกที่เป็นพันธมิตรกับซีเจ อีเอ็นเอ็มอีกด้วย

เมื่อการจำกัดการเดินทางสิ้นสุดลง ภาพบรรยากาศของฮ่องกงก็จะได้รับการถ่ายทอดออกไปในฐานะฉากหลังของละครและรายการวาไรตี้หลายประเภทที่ผลิตโดยบริษัท ซีเจ อีเอ็นเอ็ม ที่เคยฝากผลงานการผลิตซีรีส์สุดฮิตและได้รับกระแสตอบรับที่ดีทั่วโลก อย่าง ซีรีส์ปักหมุดรักฉุกเฉิน (Crash Landing On You), ก็อบลิน คำสาปรักผู้พิทักษ์วิญญาณ (Goblin: The Lonely and Great God)เพลย์ลิสต์ชุดกาวน์ (Hospital Playlist), วินเชนโซ่ ทนายมาเฟีย (Vincenzo) รวมทั้งรายการวาไรตี้อย่าง Youn's Kitchen และ New Journey to the West

หุ้นส่วนทั้งสองจะทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อก่อให้เกิดความกลมกลืนของผลงาน ซึ่งรวมถึงการให้คำแนะนำด้านสถานที่และมุมมองทางวัฒนธรรมของฮ่องกงที่จะปรากฏในแต่ละรายการ ซึ่งจะทำให้ฮ่องกงติดอันดับลิสต์สถานที่น่าท่องเที่ยวของคอซีรีส์เกาหลีอย่างแน่นอน

ดร. วายเค แปง ประธานการท่องเที่ยวฮ่องกง ผู้ร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามบันทึกความเข้าใจออนไลน์ ระหว่าง นายเดน เฉิง ผู้อำนวยการบริหารการท่องเที่ยวฮ่องกง และ นายลี ซังมู รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายขายโฆษณา และพันธมิตรทางธุรกิจ บริษัท ซีเจ อีเอ็นเอ็ม กล่าวว่า “การท่องเที่ยวฮ่องกงรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่ได้เป็นองค์กรด้านการท่องเที่ยวแรกที่มีการร่วมมือเชิงกลยุทธ์ลักษณะนี้กับบริษัท ซีเจ อีเอ็นเอ็ม เป้าหมายของเราคือการสอดแทรกฮ่องกงในเนื้อหาซีรีส์และรายการวาไรตี้เกาหลีชื่อดัง ซึ่งจะช่วยเสริมสถานะให้ฮ่องกงเป็นจุดหมายการท่องเที่ยวที่น่าตื่นเต้นและน่าสนใจที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เมื่อสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้อีกครั้ง เราคาดการณ์ว่าการแข่งขันในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจะทวีความเข้มข้นขึ้นเมื่อโรคระบาดนี้สิ้นสุดลง ดังนั้น การท่องเที่ยวฮ่องกงจึงออกตัวก่อนด้วยการร่วมมือกับพันธมิตรที่ทรงอิทธิพลในด้านสื่อ เพื่อให้ฮ่องกงยังคงอยู่ในสายตาและความสนใจของผู้ชมทั่วโลกอยู่เสมอ”

นายลี ซังมู รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายขายโฆษณาและพันธมิตรทางธุรกิจ บริษัท ซีเจ อีเอ็นเอ็ม กล่าวปิดท้ายว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่จะได้เป็นพันธมิตรกับการท่องเที่ยวฮ่องกง และหยิบยกเสน่ห์ และความน่าตื่นตาตื่นใจของฮ่องกง ออกสู่สายตาของผู้ชมผ่านซีรีส์และรายการวาไรตี้ที่เป็นที่นิยมของเรา และด้วยคอนเทนต์ระดับพรี
เมียมของซีเจ อีเอ็นเอ็ม ที่ผ่านการพิสูจน์ทั้งยอดการรับชมและอิทธิพลในระดับโลก เรายังคงมุ่งมั่นที่จะขยายผลงานสู่ตลาดนานาชาติผ่านกลยุทธ์การร่วมมือจากทั่วโลก”

###

Page 3 of 4
X

Right Click

No right click