ตัวเลขการเติบโตของที. แมน ฟาร์มา ที่ไต่ระดับ ก้าวกระโดดขึ้นมาจากหลัก 100 ล้านบาท เข้าสู่หลักพันล้านบาทภายในเวลาอันรวดเร็วไม่กี่ปี ถือเป็นบทพิสูจน์ที่ชัดเจนถึงความสําเร็จของแนวคิดการขยายปีกธุรกิจ จากรุ่นหนึ่งที่บุกเบิกเข้ามาอยู่ในวงการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยา (Pharmaceutical) มานานด้วยระยะเวลากว่า 45 ปี และเมื่อมาถึงในยุคของเจเนอเรชั่นที่สอง ในวันนี้สามารถรุกเข้ามาสร้างตลาดใหม่ “อาณาจักร สินค้าส่งเสริมสุขภาพ (Healthcare Business) ได้อย่างมีศักยภาพและมีในอนาคต
จากการเปิดเผยของแม่ทัพใหญ่ผู้กุมแผน กำหนดทิศทางนโยบายธุรกิจของบริษัท ที. แมน ฟาร์มา จำกัด กล่าวถึงเหตุผลในการปรับทิศทางการวางแผนธุรกิจมาในตลาดเฮลท์แคร์ว่า เป็นเพราะภาพรวมตลาดนี้ถือว่าเป็นตลาด 1 ในปัจจัย 4 ที่มี เสถียรภาพและโอกาสในการเติบโตที่สูงมาก ขณะเดียวกันเม็ดเงินและมูลค่าตลาดนั้นมหาศาล
ภก. ประพล ฐานะโชติพันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด เล่าว่า มูลค่าของตลาดรวม Pharmaceutical อยู่ที่ระดับหมื่นล้านและแนวโน้มในอนาคตพบว่า การเติบโตจะมีอัตราลดลงเนื่องจากการขยายช่องทางการขายของภาครัฐมีข้อจำกัดที่มีการประมูลราคา ซึ่งเมื่อเทียบกับตลาดเฮลท์แคร์นั้น มูลค่าสูงกว่าเกิน 10 เท่า และตลาดเองก็มีอัตราการเติบโตถึง 10-20% ถือเป็นอัตราที่สูงที่มีความมั่นคง มีศักยภาพและอนาคตที่สดใส ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่ง ที. แมน ฟาร์มาจึงได้ขยาย ไลน์สินค้าทั้งในส่วนของ ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม รวมทั้งกลุ่มสินค้าสมุนไพร Cosmetic ที่มีไลน์สินค้ากว่า 100 Items
ในช่วงเวลาของการขยายเข้าสู่ตลาดเฮลท์แคร์อย่างจริงจัง ของเจเนอเรชั่นในรุ่นที่ 2 นั้น สร้างโอกาสด้วยการวางตำแหน่งของธุรกิจด้วยจุดแข็งที่ยั่งยืนว่าเป็นผู้นำในนวัตกรรมทางด้านสมุนไพร
จากจุดเริ่มเริ่มต้นเปิดตัวแบรนด์ยาแก้ไอไอยรา ซึ่งมอง เผินๆ อาจจะเห็นว่าเป็นยาแก้ไอสมุนไพรธรรมดา แต่อันที่จริงเป็นรายแรกที่นำสารสกัดสมุนไพรมาทำเป็นรูปแบบสินค้าสำเร็จรูป ที่มีสารสกัดการออกฤทธิ์ที่พิสูจน์และวัดผลได้จากมาตรฐานการผลิตยามาปรับใช้ พิสูจน์ได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยปัจจุบันเรามีมาร์เก็ตแชร์ที่อันดับ 1 ของตลาดยาแก้ไอสมุนไพรในตลาดระดับบน จากตลาดรวมของยาแก้ไอทุกเซกเมนท์ที่มูลค่ากว่า 1 พันล้านบาท
รวมไปถึงสินค้าอื่นที่ออกมาตอบสนองตลาดอย่างต่อเนื่อง ทั้งการเปิดตัวแบรนด์ Propoliz สเปรย์สำหรับช่องปากและลำคอ เข้ามาเป็นผลิตภัณฑ์ทางเลือกใหม่ที่ไม่ต้องใช้ยาปฏิชีวนะ ซึ่งวันนี้สามารถครองอันดับ 2 ของตลาด ได้ภายในระยะเวลา 3-4 ปี เรียกว่าประสบความสำเร็จ เป็นการจุดประกายทำให้เกิดผู้เล่นรายใหม่ตามมาอีก 10 กว่ารายภายในปีที่ผ่านมา
อีกผลิตภัณฑ์ไฮไลต์ที่ขยายไลน์เพิ่มเข้ามาในกลุ่ม เฮลท์แคร์ ที่อยู่ภายใต้แบรนด์ Polar Spray สเปรย์ปรับอากาศที่มีส่วนผสมของยูคาลิปตัส และผ้าเปียกทำความสะอาดและฆ่าเชื้อ ซึ่งเมื่อสำรวจในตลาดสเปรย์ปรับอากาศ มีเซ็กเมนต์หลากหลายและมูลค่าตลาดรวมหลายพันล้านบาท แต่ถ้าตีกรอบลงมาที่ส่วน ผสมสมุนไพรและการบรรเทาอาการหวัดคัดจมูกนั้น Polar Spray ได้การตอบรับที่ดีมาก จากกลุ่มเป้าหมายแม่และเด็ก เพียงระยะเวลาไม่ถึงปีนั้นมียอดขายประมาณ 30 ล้านบาท ซึ่งตรงนี้เป็นการตลาดที่ต่อยอดจากแผ่นแปะกันยุง Mossi Guard ที่เรานำมาวางตลาดเจาะกลุ่มแม่และเด็กอยู่แล้ว และเร็วๆนี้ยังวางแผนจะพัฒนาไลน์ผลิตภัณฑ์อื่นๆภายใต้แบรนด์นี้ออกไปอีกอย่างต่อเนื่อง
ยิ่งไปกว่านั้นยังมีแผนการวิจัยและพัฒนา เพื่อขยายผลิตภัณฑ์เข้าไปสู่นวัตกรรมด้านอาหารที่อยู่ระหว่างการวิจัยร่วมกับสถาบันที่มีความเชี่ยวชาญด้านอาหาร เช่น มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร โดยพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารที่มีจุดเด่นในด้านเฮลท์แคร์ ประเภท Healthy Snack เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของผู้บริโภค และอาหารระหว่างมื้ออื่นๆ เพื่อตอบโจทย์กลุ่ม Aging รวมถึง ขยายไลน์สินค้า ภายใต้แบรนด์ Propoliz จากสเปรย์ ยาอมแก้เจ็บคอ น้ำยาบ้วนปากฆ่าเชื้อ วางแผนจะเปิดกลุ่มลูกอมแก้เจ็บคอ ที่เป็นแนวแคนดี้เพื่อตอบกระแสตามความนิยมของผู้บริโภคในวันนี้
ภก. ประพล กล่าวว่า ทุกผลิตภัณฑ์ที่เราคิดมานั้นเกิดตามกระแสผู้บริโภคที่หันมาสนใจด้านสุขภาพ เน้นการป้องกันโรค หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นยาโดยตรง เชื่อว่ากระแสนี้จะ เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ในขณะเดียวกันก็จะเกิดการแข่งขันที่ดุเดือด เพราะตลาดเปิดกว้างด้วยดิจิทัล และการทำธุรกิจทำได้ง่ายผ่านออนไลน์ และนั่นจึงเป็นที่มาของภาพรวมการขยายช่องทางการจำหน่ายใหม่ๆ ที่สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้น
นอกจากนั้นในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาของที. แมน ฟาร์มา เน้นการสร้างทีมเพื่อรุกช่องทางขายใหม่ จากช่องทางเดิมที่เข้มแข็งในโรงพยาบาลและร้านขายยาเกือบหมื่นแห่ง ปัจจุบันมีแผนการขยายไปยังช่องทางตลาดคอนซูเมอร์อย่างเต็มตัว ทั้งโมเดิร์น เทรดกว่า 1 พันสาขา ร้านสะดวกซื้อ ร้านสินค้าแม่และเด็ก รวมไปถึงช่องทางออนไลน์ เพื่อการครอบคลุมพื้นที่ให้ทั่วในตลาดเฮลท์แคร์ นอกจากนี้ยังร่วมมือกับคู่ค้าที่มีความเข้มแข็งในธุรกิจจับตลาดกลุ่มแม่และเด็กอีกด้วย ซึ่งทั้งหมดยังมีการขยายอย่างต่อเนื่อง
การตลาดแบบดั้งเดิมที่มีเพียงการทำโปรโมชั่นกับคู่ค้าไม่สามารถครอบคลุมไปถึงผู้บริโภค วันนี้เราใช้งบประมาณการ ตลาดในแต่ละปีประมาณ 5-10% ของยอดขาย โดยใช้นวัตกรรม และคุณภาพนำและเนื่องจากสินค้าเป็นสินค้านวัตกรรม จึงต้องมีข้อมูลที่ถูกต้องให้กับช่องทางฯ ทั้งออนไลน์และออฟไลน์
สำหรับเป้าหมายธุรกิจในระยะสั้นนั้น ประพลทิ้งท้ายว่า ขอตั้งเป้าเป็น 1 ใน 10 ของ Healthcare Business ในประเทศไทย ซึ่งในปี 2017 ที่ผ่านมารายได้จาก Healthcare มีสัดส่วนที่ 20-25% มีความเติบโต จากเดิมที่มียอดขายจาก Pharmaceutical เพียงอย่างเดียว
- ปรับตัวรับดิจิตอล
การปรับตัวภายในองค์กรเพื่อรับมือกับเทคโนโลยีนั้น คุณประพลบอกว่า ได้ลงทุนในการสร้างแอพพลิเคชั่นให้ทีมขาย เพื่อรองรับการสั่งซื้อทางออนไลน์ให้กับตัวแทน สามารถอัพโหลดข้อมูลเข้าสำนักงานใหญ่ได้ทันที ตรวจสอบสต๊อค สถานะการส่งสินค้า ไปจนถึงข้อมูลสินค้าและข้อมูลการอบรม เพื่อเป็นคู่มือให้ผู้แทนด้วย รวมไปถึงแอพพลิเคชั่นเพื่อทำโปรโมชั่นให้ กับช่องทางสะสม Point แลกของรางวัล ทำ Survey เพื่อรับ Feedback สินค้าและบริการและรองรับ Complaint จากลูกค้า
สำหรับทีมการตลาด มีทั้งการส่งพนักงานออกไป Update Marketing Trend ใหม่ๆ มาเพื่อแชร์ความรู้ให้กับทีม รวมทั้ง Outsource บุคคลภายนอกให้ทำการตลาดออนไลน์ไปพร้อมกันด้วย มีการเชิญผู้เชี่ยวชาญและอาจารย์มาให้ความรู้กับพนักงานอย่างต่อเนื่อง “เพราะดิจิตอลวันนี้ไปเร็ว เราอยู่นิ่งเมื่อไรจะล้าหลังไปทันที”
อย่างไรก็ตาม ในการแข่งขันที่มีคู่แข่งจำนวนมากทั้งรายเล็กและรายใหญ่ ซึ่งคุณภาพของสินค้าเฮลท์แคร์นั้น ต้องขายตัวเองได้ และไม่เกิดผลเสียตามมาแก่ผู้บริโภค สำหรับ ที.แมน ฟาร์มา ยึดมั่นมาตลอดนับแต่ก่อตั้งบริษัทโดยได้รับ PICS GMP ซึ่งเป็นมาตรฐานการผลิตยาเทียบเท่ากับ European standard จึงมั่นใจได้ทั้งคุณภาพสินค้าและคุณภาพการผลิต