ด้านวิชาการของ KMITL รวมถึง FAM ในเวทีการศึกษาระดับสากลว่า ด้วยวิสัยทัศน์ที่เราจะต้องก้าวเป็นอันดับ 1 ของอาเซียน ภายในปี 2020 ในเรื่องของเทคโนโลยีและการสร้างหลักสูตร การที่จะทำให้เกิด IMPACT ต่อการเรียนการสอน เช่น การวิจัย การบริการวิชาการต่อสังคม
เรามีความมุ่งมั่นอย่างมาก เห็นได้จากการจัดอันดับในด้านรีเสิร์ชของบริษัท อาทิ QS World University Rankings หรือ Times Higher Education World University Rankings ให้คะแนน KMITL ทางด้านงานวิจัย ติดต่อกันมาเป็นเวลา 5 ปี และเป็นอันดับ 1 ในปีนี้ แสดงให้เห็น ว่า งานวิชาการของเรา มี Impact ต่อสังคม ทั้งในระดับประเทศ ระดับอาเซียน และในอนาคต คือ ระดับโลก
ในบทบาทของ FAM ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะบริหารจัดการฯ จะมีส่วนในการขับเคลื่อนวิสัยทัศน์พันธกิจ ให้ขยับจากการเป็น TOP TEN อาเซียน ไปสู่เป้าหมายอันดับ 1 ได้นั้น ต้องเริ่มจากนโยบายที่เป็นเนื้อเดียวกัน KMILT มีจุดแข็งด้านวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ FAM จึงเป็นศาสตร์ที่จะต่อยอดเพื่อ Integrate วิศวกรรมศาสตร์ เกษตรศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ สร้างแนวคิดให้ออกมาเป็น Product ด้วยศาสตร์ด้านบริหารจัดการ หรือเรียกว่าจากหิ้งสู่ห้างนั่นเอง
การนำต้นแบบผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดนั้น หน้าที่ของ FAM คือจะต้องสร้างคน โดยขณะนี้เรามีหลักสูตร 4+1 คือ 4 ปีเรียนวิศวะฯ และอีก 2 ปีมาเรียนบริหารธุรกิจ หรือขณะอยู่ในปี 4 ปริญญาตรี ก็สามารถมาเรียนบริหารธุรกิจปริญญาโทชั้นปีที่ 1 ต่ออีก 1 ปี อีกทั้งยังสร้างหลักสูตร Integrate ที่ออกแบบร่วมกัน ระหว่างคณะวิศวกรรมศาสตร์ และคณะอื่นๆ เพื่อให้ศาสตร์นั้นมา Integrate กับคณะบริหารฯ เพื่อการเสริมสร้างคน ให้มีความคิดการพัฒนาสู่ภาคธุรกิจเชิงพาณิชย์ได้
จากจุดนี้เพื่อไปสู่อนาคต
การผลิตคนไปสู่อนาคตเพื่อที่จะมา Upskill และ Reskill หรือ Newskill เข้าสู่ท้องตลาด รองรับธุรกิจ และอุตสาหกรรมในประเทศ จนถึงระดับโลกนั้น KMITL จะเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อน โดยตั้งเป้าหมายภายใน 3-4 ปี จะเกิดหลักสูตรใหม่ ที่บูรณาการการเชื่อมโยงระหว่างศาสตร์ และภาคธุรกิจ ซึ่งเป็นส่วนเชื่อมโยงให้นักศึกษา โดยแนวคิดดังกล่าว สอดคล้องกับงานประชุมวิชาการในครั้งนี้
ความมุ่งหวังของการจัดงานในวันนี้ ในฐานะคณบดีของ FAM
ดร. สุดาพร กล่าวว่าเราต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างชาติ โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้เกิดผลกระทบในเชิงบวกต่อสังคม ด้วยภารกิจทางด้านการจัดการศึกษา ที่เราเป็นผู้นำ เพราะฉะนั้นปณิธานอันสูงส่ง คือ ต้องการขับเคลื่อนไม่เฉพาะ KMITL แต่ต้องขับเคลื่อนพันธมิตร ภาคีองค์กร จึงมีการรวมตัวกัน เพื่อทำให้ระบบการศึกษาของไทย เดินไปข้างหน้า และพร้อมต้อนรับ EEC และ AEC
เหตุผลที่ FAM เข้ามาเป็นแม่งานในการจัดงานวันนี้
เพราะเรามองว่าเทคโนโลยี เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยในการขับเคลื่อน KMITL ซึ่งเป็นที่รู้จักว่า เป็นเจ้าแห่งเทคโนโลยี และบัดนี้ FAM เกิดขึ้นใน KMITL เราจึงหวังว่าจะสามารถติดปีก และขับเคลื่อนสังคมได้เร็วยิ่งขึ้นในยุคดิจิทัล อีกทั้งการจัดงานในวันนี้ ยังเป็นการทลายกำแพงระหว่างมหาวิทยาลัยรัฐและเอกชน
จะเห็นได้ว่าสถาบันทั้ง 10 แห่ง เป็นการผสมรวมกันระหว่างมหาวิทยาลัยภาครัฐและภาคเอกชน เรามี Mind Set ร่วมกันในการพัฒนาวงการศึกษา และเชื่อว่าจะพลิกโฉมวงการศึกษาของไทยได้
เราต้องการเป็นผู้นำในการขับเคลื่อนวงการศึกษาไทย ให้ทันต่อยุคดิสรัปชั่น โดยมุ่งหวังเป็น Master of Innovative และท้ายที่สุดเมื่อเราพัฒนาคน (Develop People) คนก็จะไปช่วยในการพัฒนาประเทศ (People Develop Country) ซึ่งในอนาคตไม่เฉพาะระดับประเทศเท่านั้น แต่เรายังต้องการไปถึงระดับอาเซียน และระดับโลก
เรื่อง : กองบรรณาธิการ