เธียร ทองลอย ปัจจุบันกำลังศึกษาระดับปริญญาโท สาขาระบบสารสนเทศ ชั้นปีที่ 2 คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี (RMUTT) อีกหนึ่งศิษย์กับความภาคภูมิใจในสถาบันที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงพระราชทานนาม และในความหมายของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลคือ เป็นมหาวิทยาลัยของพระราชา
เธียรเล่าถึงชีวิตหลังจากสำเร็จการศึกษาระดับ ป.ตรี สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ จากมทร.ธัญบุรี แล้วคิดว่าจะเรียนสาขาไหนต่อในระดับป.โท ที่ผ่านมาช่วงเรียน ป.ตรี ได้รับรู้และสัมผัสว่าคณาจารย์ให้ความใส่ใจกับนักศึกษามาก ด้วยเหตุผลนี้ทำให้เขาเลือกเรียนต่อ MBA ที่ มทร.ธัญบุรี และ เมื่อเวลาผ่านไป ก็ยิ่งรู้สึกได้ว่า การเรียนการสอนของอาจารย์ที่ มทร.ธัญบุรี ตอบโจทย์ความต้องการมากที่สุด โดยเฉพาะอาจารย์ที่สาขาสารสนเทศมีความรู้ความสามารถมาก ทำให้การถ่ายทอดให้เข้าใจกระบวนการจัดการข้อมูลนั้นเป็นไปได้อย่างดี
ยิ่งไปกว่านั้นหลักสูตรการเรียนการสอนของคณะบริหารธุรกิจ ยังตอบสนองและสอดคล้องกับการทำงานในปัจจุบัน ซึ่งตนทำงานในสายงานด้านประกันสังคม ศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพคนงาน สังกัดสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน ที่รับผิดชอบในส่วนของข้อมูล (Data) ซึ่งการเรียนการสอนของระบบสารสนเทศจะมุ่งเน้นไปที่ Data เป็นสำคัญ ทั้งการจัดการข้อมูล และการบริหารฐานข้อมูล ดังนั้นความรู้ที่ได้จากการเรียนจึงสามารถนำไปใช้ต่อยอดในหน่วยงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเรียนการสอนของสถาบันฯ มีทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ ซึ่งเน้นในภาคปฏิบัติค่อนข้างมาก ทั้งการทำโครงงาน การทำแล็บ การทำชิ้นงานส่ง จึงเป็นการเสริมสร้างประสบการณ์ได้อย่างสมบูรณ์ รวมถึงระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญในการฝึกฝน ที่นี่มีระบบอินเทอร์เน็ตและอินฟราสตรัคเจอร์ที่พร้อมและสมบูรณ์มาก
สำหรับข้อแนะนำของ “เธียร” ที่ฝากข้อคิดสำหรับน้องๆ ที่กำลังจะเข้ามาเรียนที่ มทร.ธัญบุรีคือ “บางคนอาจจะเลือกมหาวิทยาลัยตามเพื่อน ตามความต้องการของพ่อแม่หรือตามเทรนด์ จริงๆ แล้วอยากให้น้องๆ ย้อนมองดูตัวเองว่าเราชอบอะไร หากเรียนในระดับ ป.ตรี 4 ปีเรียนอยู่สาขานี้ แต่ถ้าหากเรียนไปแล้วไม่มีความสุข เราก็จะทำงานอย่างไม่มีความสุขดังนั้นหากเรารู้ว่าตัวเองชอบเรียนสาขาไหน แล้วเลือกเรียนสาขานั้น น้องจะอยู่กับการเรียนนั้นได้อย่างมีความสุข เพราะฉะนั้นลองถามตัวเองว่า ชอบอะไรแล้วเรียนตามความชอบนั้นจะดีกว่า”
นอกจากนี้ ยังอยากฝากถึงน้องคนพิการว่า ในส่วนของตัวเธียรเองได้รับโอกาสจากทางมหาวิทยาลัยให้ได้มาศึกษาในระดับ ป.ตรีด้วยทุนของคนพิการ เช่นเดียวกันในส่วนของน้องๆคนพิการอื่นก็สามารถเรียนในระดับ ป.ตรีได้โดยที่ไม่ต้องเสียค่าเรียน เป็นสวัสดิการของรัฐที่จัดให้กับคนพิการอยู่แล้ว ฉะนั้นอยากให้คนพิการเข้ามาเรียนในสถาบันการศึกษาที่เปิดโอกาสให้คนพิการได้รับการศึกษา จะทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น เพราะอีกประเด็นคือ ปัจจุบันนี้กฎหมายเปิดโอกาสให้สถานประกอบการรับคนพิการเข้าทำงาน เมื่อโอกาสมาแล้ว การศึกษาของเราก็ต้องพร้อม เราต้องสร้างการศึกษาของเราให้ดี ขอฝากไว้กับพี่ๆน้องๆว่าสถาบันการศึกษานี้ อ้าแขนต้อนรับเรา อาคารเรียนที่นี่รองรับนักศึกษาคนพิการได้เป็นอย่างดี สามารถขึ้นลงอาคารเรียนได้อย่างสะดวก ดังนั้น ขึ้นอยู่ที่ตัวเราว่าจะเข้ามารับโอกาสนี้หรือไม่
เรื่อง : กองบรรณาธิการ