Upskill ทักษะใหม่ในธุรกิจบริการ พร้อมเดินสู่เส้นทางผู้บริหารมืออาชีพวิถี New Normal กับหลักสูตร MBA @วิทยาลัยดุสิตธานี

March 01, 2023 4627

หากอ้างอิงตามผลการสำรวจล่าสุดของ วีซ่า ผู้นำการให้บริการการชำระเงินดิจิทัลระดับโลก

ได้ระบุชัดเจนในการสำรวจ Visa Global Travel Intentions Study ว่าประเทศไทยอยู่ใน Top 5 ของจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวที่น่าไปเยือนที่สุดหลังโควิด-19 สิ้นสุดลง โดยอยู่ในอันดับ 4 รองจากสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และอินเดีย ตามลำดับ

การสำรวจนี้ได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของประเทศไทยในด้านการท่องเที่ยวและการบริการ ว่าได้รับการยอมรับจากนักท่องเที่ยวและนักเดินทางทั่วโลก โดยเฉพาะ Service Mind ของบุคลากรในภาคการท่องเที่ยวและบริการที่นอกเหนือจากรอยยิ้มแล้ว ยังมีไหวพริบในการรับมือกับทุกปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างน่าพึงพอใจด้วย

แต่อย่างไรก็ดี ต้องยอมรับว่าการเกิดขึ้นของวิกฤตโควิด มีส่วนทำให้ทั้งพฤติกรรมการใช้บริการ และการเดินทางท่องเที่ยวของคนทั่วโลกนั้นเปลี่ยนแปลงไป ส่งผลให้ภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์เพื่อก้าวให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงนี้ด้วย เช่นกันกับบุคลากรที่ทำงานอยู่ในภาคส่วนนี้ ที่ต้องอัปเดตทักษะใหม่ ๆ เพื่อเตรียมรับโอกาสจากการที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยว บริการ การโรงแรม รวมไปถึงการจัดนิทรรศการ งานอีเวนต์ ที่กลับมาฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัดตั้งแต่ในช่วงปี 2565 ที่ผ่านมา จนถึงตอนนี้ เนื่องจากวิกฤตโรคระบาดนี้ค่อยๆ คลี่คลายลง

คุณชมพูนุช โหมดเหรียม Director of Event Management โรงแรมบันยันทรี กรุงเทพ เป็นอีกหนึ่งบุคลากรระดับผู้บริหารในสายงานธุรกิจการบริการและการโรงแรม ที่เล็งเห็นในความจริงที่กล่าวมาข้างต้นเช่นกัน ทำให้เธอตัดสินใจที่จะมองหาสถาบันการศึกษาที่จะเติมเต็มทักษะที่จำเป็นในยุคนี้ให้กับผู้บริหารในสายงานการบริการและการโรงแรม

“ตอนเรียนในระดับปริญญาตรีเรียนจบมาทางสายโรงแรม แล้วก็ทำงานโรงแรมมาตลอด เพราะฉะนั้นเมื่ออยากจะศึกษาต่อ จึงมองหาสถาบันที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านสายงานบริการ งานโรงแรม เพื่อจะได้นำความรู้ตรงนี้ไปพัฒนาศักยภาพ สร้างความก้าวหน้าในสายงานอาชีพนี้ต่อไป”

“โดยในตอนนี้เราไม่ได้มองหาเพียงแค่ความรู้ทางด้านทฤษฎีอย่างเดียว แต่ต้องการเรียนรู้ในเรื่องของนวัตกรรมใหม่ ๆ เทคโนโลยีใหม่ ๆ และทักษะใหม่ๆ ที่สำคัญต่อการทำงานในปัจจุบัน อย่างทักษะดิจิทัล ทักษะเกี่ยวกับอีคอมเมิร์ซต่างๆ ตลอดจนการอัปสกิลการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างการทำงาน เช่น Crisis Management หรือการบริหารจัดการในช่วงวิกฤต เป็นต้น”

จากความตั้งใจนี้ ทำให้คุณชมพูนุชใช้เวลามองหาหลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต หรือ MBA ที่สอดรับกับความต้องการโดยการเปรียบเทียบจากหลายแห่ง จนกระทั่งได้มาเจอหลักสูตร MBA ที่ วิทยาลัยดุสิตธานี ที่ไม่เพียงตอบโจทย์ความต้องการที่วางไว้เท่านั้น หากแต่ยังสร้างความประทับใจให้เธอได้หลากหลายด้าน

ต่อยอดประสบการณ์การทำงานกว่า 2 ทศวรรษ สู่การเรียนรู้ทักษะการบริหารธุรกิจบริการยุคใหม่ ในบรรยากาศที่ดีเกินคาด

ดังที่ได้เกริ่นว่าคุณชมพูนุชได้ทำงานมาในสายงานโรงแรมมาตลอด โดยเธอมีประสบการณ์การทำงานในหลากหลายตำแหน่ง ทั้งที่ โรงแรมอมารี วอเตอร์เกท โรงแรมเจดับบลิว แมริออท กรุงเทพ ซึ่งที่ เจดับบลิว แมริออท นี่เองที่ได้เปลี่ยนจากการทำงานในส่วนของ Front Office มาทำงานในสายการจัดอีเวนต์ และสั่งสมประสบการณ์ในสายงานนี้ได้ประมาณ 3 ปี ก็ได้เปลี่ยนไปทำงานสายอีเวนต์ที่โรงแรมเพนนินซูลา กรุงเทพ และ โรงแรมโอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพ ตามลำดับ จนมาในวันนี้ ได้มาทำงานในตำแหน่ง Director of Event Management โรงแรมบันยันทรี กรุงเทพ มา 8 ปีแล้ว

“ความรับผิดชอบหลัก ๆ คือดูแลกลุ่มลูกค้าที่เป็นลูกค้าห้องประชุม สัมมนา จัดเลี้ยงต่าง ๆ ทั้งในและนอกสถานที่ ส่วนในแง่ของฝ่ายบริหาร เราก็จะเป็นหนึ่งในทีมบริหารที่วางกลยุทธ์ วางแผนให้กับแผนกอีเวนต์ เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายของทางองค์กร”

“โดยความท้าทายหลักทั้งในด้านการทำงานและการบริหาร คือ การวางแผนกลยุทธ์การตลาดในด้านการจัดงานอีเวนต์ทุกรูปแบบ ซึ่งแน่นอนว่า ตั้งแต่เกิดวิกฤตโควิด ความต้องการของลูกค้าก็เปลี่ยนไป เป็นการให้ความสำคัญกับวิถี New normal และ Next normal มากขึ้น”

“ขณะที่ เทรนด์การทำงานที่ปรับเปลี่ยนไปในทุกองค์กร คือ การปรับให้องค์กรมีความยืดหยุ่น คล่องตัวขึ้น ด้วยการทำ Lean Organization และทุกองค์กรก็คาดหวังในพนักงานทุกคนมีทักษะหลากหลายในแบบ Multi tasks and Multi skills ดังนั้นในฐานะคนทำงานจึงต้องแสวงหาความรู้เพิ่มเติม ทั้งในส่วนของทักษะดิจิทัล และทักษะวิชาชีพที่สำคัญในยุคนี้ด้วย”

“โดยก่อนที่จะตัดสินใจสมัครเข้ามาเรียนในหลักสูตร MBA ที่ วิทยาลัยดุสิตธานี ต้องยอมรับว่ามีความกังวล เพราะห่างหายจากการเรียนไปเกือบ 20 ปี จึงค่อนข้างเกรงว่าเราจะตามการศึกษาในพื้นฐานปัจจุบันทันหรือไม่ แล้วเพื่อนร่วมชั้นเรียนจะเป็นอย่างไร รวมไปถึงเนื้อหาต่าง ๆ ที่ทางวิทยาลัยจะสอนจะ Up-to-date ไหม เราจะสามารถเอาไปประยุกต์ใช้กับการทำงานของเราได้มากน้อยแค่ไหน”

“แต่พอได้เข้ามาเรียนจริง ๆ สิ่งที่กังวลทุกเรื่องก็หายไป เพราะได้เจอกับบรรยากาศการเรียนที่สบาย ยืดหยุ่น เพื่อนร่วมชั้นเรียนก็มีความเฟรนด์ลี่ และเป็นคนที่มี Passion ที่ค่อนข้างคล้ายกัน ทำให้เราได้พูดคุยแลกเปลี่ยน สร้างคอนเนคชั่นในด้านการทำงานในธุรกิจการโรงแรม การทำอีเวนต์ร่วมกัน ส่วนอาจารย์ผู้สอนก็มีความเป็นกันเอง ให้ความใส่ใจผู้เรียนมาก จะถามไถ่เสมอว่าเข้าใจบทเรียนหรือไม่ และควรต้องไปทบทวนในหัวข้อใดเพิ่มเติม ทำให้รู้สึกว่าเรามีความอุ่นใจในการเรียนที่นี่”

เรียนรู้เทคนิคการบริหารธุรกิจบริการยุคใหม่จากการเรียนแบบไฮบริด @วิทยาลัยดุสิตธานี

ด้วยความตั้งใจในการจัดการเรียนการสอนให้มีความยืดหยุ่นและหลากหลาย โดยมุ่งให้เกิดผลดีกับการเรียนรู้ของผู้เรียนเป็นหลัก ทุกกลุ่มวิชาในหลักสูตร MBA ที่ วิทยาลัยดุสิตธานี จึงถูกกำหนดให้เป็นการเรียนรู้ในแบบไฮบริด หรือการเรียนรู้แบบผสมผสาน ทั้งการเรียนออนไลน์ การเรียนในห้องเรียน และการเรียนรู้นอกสถานที่กับวิทยากรผู้มีชื่อเสียงในธุรกิจต่างๆ ซึ่งคุณชมพูนุชได้แชร์มุมมองว่าเธอได้รับประโยชน์อะไรจากการเรียนรู้ในรูปแบบนี้บ้าง

“การเรียนในหลักสูตร MBA ของวิทยาลัยดุสิตธานี เปิดโอกาสให้ได้เรียนในแบบไฮบริด หรือผสมผสานทั้งการเรียนออนไลน์ การเรียนในห้องเรียน ตลอดจนการเรียนรู้นอกสถานที่ในรูปแบบของ Field trip ในสถานประกอบการด้านการโรงแรม รีสอร์ต ที่พัก และร้านอาหาร ทั้งในประเทศและต่างประเทศ”

“เพราะฉะนั้นเราจึงได้ความรู้ทั้งในแง่ของทฤษฎีจากอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญ แล้วก็ได้ไปเรียนรู้จากเจ้าของสถานประกอบการ และผู้บริหารที่มีชื่อเสียงในธุรกิจบริการ ทั้งในส่วนของโรงแรมในเครือดุสิตธานีเอง ที่มีหลายสาขาทั้งในและต่างประเทศ และยังได้เรียนรู้กับนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจนี้ ซึ่งสำหรับตนเอง ถือว่าคุ้มค่ามาก ๆ เพราะว่านักธุรกิจบางท่านก็ไม่ได้เจอตัวกันได้ง่าย ๆ เลย”

“ยกตัวอย่าง มีอยู่ทริปหนึ่งที่ประทับใจมาก โดยทางวิทยาลัยฯ ได้พาไปศึกษาดูงานที่ Wellness Resort แห่งหนึ่งที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเจ้าของรีสอร์ตมีความกรุณา พาชมทุกจุด ทุกแห่ง ในรีสอร์ต โดยรีสอร์ตแห่งนี้ให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจ Wellness Tourism ในรูปแบบที่ใส่ใจกับสิ่งแวดล้อม และความยั่งยืน หรือ Sustainability ซึ่งก็สอดคล้องกันพอดีกับแนวคิดของทางโรงแรมบันยันทรี ที่ทำงานอยู่ ดังนั้น ความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับจากการดูงานและการพูดคุยกับเจ้าของรีสอร์ตจึงสามารถนำไปปรับใช้กับการทำงานได้จริง ซึ่งเราก็ได้นำไปแชร์ให้กับทีมงานที่ทำงานด้วยกันที่บันยันทรีด้วย”

ไม่เพียงวิธีการเรียนในหลักสูตร MBA ที่นี่ ที่ตอบโจทย์การเรียนรู้ของคุณชมพูนุชเท่านั้น ทว่า การออกแบบหลักสูตรให้มีความยืดหยุ่น สะดวกสบาย สำหรับคนทำงานในสายงานบริหารธุรกิจบริการ การโรงแรม การท่องเที่ยว ก็เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นที่คุณชมพูนุชกล่าวถึงว่า

ก่อนตัดสินใจมาเรียนในหลักสูตร MBA ที่วิทยาลัยดุสิตธานี ก็พิจารณาเลือกจากสถาบันการศึกษาอื่นด้วย แต่ก็พบว่าหลักสูตร MBA ของที่นี่ตอบโจทย์เรามากที่สุด ทั้งในเรื่องความยืดหยุ่นของเวลา ด้วยหน้าที่การงานที่ค่อนข้างยุ่งในวันธรรมดา ทำให้ไม่สามารถไปเรียนตอนเย็นหลังเลิกงานได้ ส่วนวันหยุดก็อยากมีเวลาให้กับครอบครัวด้วย ซึ่งหลักสูตร MBA ที่วิทยาลัยดุสิตธานี ก็เรียนแค่ในวันเสาร์วันเดียว ทำให้วันอาทิตย์เป็นวันของครอบครัวได้

“นอกจากนั้น อีกหนึ่งข้อดีของ หลักสูตร MBA ที่นี่ คือ การกำหนดให้เรียนวิชาเดียวทั้งวันจนจบ โดยจะใช้เวลาเรียนหนึ่งวิชา ประมาณ 5 เสาร์ ติดต่อกัน เมื่อเรียนจบรายวิชานั้นแล้วค่อยเริ่มเรียนในวิชาใหม่ ซึ่งการกำหนดเช่นนี้ ทำให้ผู้เรียนได้มีสมาธิจดจ่อกับวิชาเรียนวิชาเดียวไปเลย ไม่สับสน และสามารถเข้าถึงข้อมูลความรู้กับอาจารย์ได้แบบเจาะลึก”

โดย คุณชมพูนุช ยังได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า รายวิชาที่ได้เรียนในหลักสูตร MBA ที่นี่ ก็สามารถนำไปปรับใช้กับการทำงานของเธอได้จริง

“ถ้าถามว่าที่ผ่านมาชอบวิชาไหน ก็มีหลายวิชา และแทบทุกวิชาก็สามารถนำความรู้ที่ได้ไปปรับใช้ในการทำงานได้ทั้งสิ้น ยกตัวอย่างเช่น วิชา MICE ที่สอนในเรื่อง อุตสาหกรรมไมซ์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับ การจัดการประชุม หรือ Meetings การจัดการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัลแก่พนักงาน หรือ Incentives การจัดงานประชุม หรือ Conventions และ การจัดนิทรรศการ หรือ Exhibitions บทเรียนในวิชานี้ จึงเกี่ยวข้องกับงานด้านการบริหารงานอีเวนต์ที่ทำอยู่ในปัจจุบันที่โรงแรมบันยันทรี ทำให้เราสามารถเอาความรู้ที่ได้ไปปรับใช้ในการทำงานได้จริง หรือวิชา Innovation ที่ทำให้เราได้มีโอกาสศึกษาคู่แข่ง หรือธุรกิจบริการอื่นๆ ว่ามีการใช้นวัตกรรมอะไรที่น่าสนใจ สามารถดึงดูดลูกค้า และทำให้องค์กรของเราประสบความสำเร็จยิ่งขึ้น และวิชาที่สนุกมากๆ คือ วิชา Marketing เพราะทำให้เราได้เรียนรู้การตลาดในยุคปัจจุบัน ทั้งในแบบ Online และ Offline สามารถนำความรู้ตรงนี้ไปต่อยอดการทำงานของเราให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เสมือนมีอาวุธครบมือในการบริหารธุรกิจเลย”

การเรียนในหลักสูตร MBA ยังคงจำเป็น และเป็นบันไดขั้นสำคัญ ที่พาเดินไปสู่ความสำเร็จในธุรกิจงานบริการได้

สุดท้าย คุณชมพูนุช ยังเน้นย้ำว่า แม้ในยุคนี้จะเป็นยุคที่ผู้คนสามารถหาความรู้จากการเรียนในหลักสูตรออนไลน์ ที่เปิดสอนทั้งแบบมีค่าใช้จ่ายและเรียนได้แบบฟรีๆ แต่ในความคิดของเธอ การเรียนในหลักสูตร MBA ยังมีความสำคัญในฐานะ บันไดขั้นสำคัญที่จะนำพาเราให้เดินขึ้นไปสู่ความสำเร็จ ความก้าวหน้าในหน้าที่การงานได้

“แม้ว่าเทรนด์การเรียนในทุกวันนี้ จะเบนเข็มมาสู่การเรียนรู้ในโลกออนไลน์ ผ่านหลักสูตรออนไลน์ แต่ในมุมมองส่วนตัวก็ยังคงมองว่า การสมัครเรียนในหลักสูตร MBA เป็นการเปิดโอกาสให้ได้มาเรียนรู้กับอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญ วิทยากรที่มีความรู้จากสายงานธุรกิจบริการจริง โดยไม่ต้องไปลองผิดลองถูกให้เสียเวลา เพราะเชื่อว่า ทุกหลักสูตร MBA ได้ผ่านการออกแบบจากคณาจารย์ที่มีความรู้ในด้านนั้นๆ มาแล้ว เรียกว่าได้รับการกลั่นกรองข้อมูลความรู้มาให้เราเรียบร้อยแล้ว ซึ่งก็เป็นข้อมูลความรู้ที่เชื่อถือได้และนำไปใช้ได้จริง”

อย่างการเรียนในหลักสูตรออนไลน์ ผู้เรียนต้องมั่นใจว่ามีวินัยพอที่จะเข้าไปเรียนอย่างสม่ำเสมอ ที่สำคัญการเรียนในห้องเรียน เปิดโอกาสให้เราได้รู้จักเพื่อนร่วมวิชาชีพ หรือแม้แต่เพื่อนต่างอาชีพ ก็ถือเป็นการได้สร้างคอนเนคชั่น บ่อยครั้งในการได้ทำงานกลุ่ม หรือในการเรียนในห้องเรียน ทำให้เราเกิดไอเดียดีๆ หรือความคิดสร้างสรรค์ ไปจนถึงนวัตกรรมใหม่ๆ ขึ้นมา สามารถนำไปปรับใช้ในการทำงาน ต่อยอดสู่การเพิ่มทักษะใหม่ๆ ทั้งในแง่ของการทำงานในองค์กร หรือการเป็นเจ้าของธุรกิจได้แบบไม่สิ้นสุด


บทความ: กองบรรณาธิการ
ภาพ: ธฤต ธีรกานนท์

Rate this item
(1 Vote)
Last modified on Wednesday, 01 March 2023 16:14
X

Right Click

No right click