ก่อนหน้านี้ กุ๊กไก่ เรียนปริญญาตรีสาขาเศรษฐศาสตร์ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพราะหวังจะนำความรู้ที่ได้ไปช่วยธุรกิจที่บ้าน เมื่อเรียนจบก็สนใจศึกษาต่อทันที โดยอาจารย์ที่ปรึกษาแนะนำ 3 ประเทศหลักที่โดดเด่นในด้านวิชาการเศรษฐศาสตร์ คือ สหรัฐอเมริกา จีน และญี่ปุ่น

“ด้วยปัจจัยหลายๆ อย่าง เราจึงตัดสินใจเลือกและบินไปเรียนที่ญี่ปุ่น เมื่อไปถึงต้องเรียนปรับพื้นฐานทางภาษาเป็นเวลา 2 ปี พอเริ่มได้ภาษาจึงไปสมัครเข้าเรียนและสอบเข้ามหาวิทยาลัย ตอนจะสอบเข้าได้ทบทวนและถามตัวเองว่า จริงๆ แล้วเราต้องการอะไร ชอบอะไร สุดท้ายค้นพบว่าตัวเราเป็นคนชอบศิลปะ ชอบความสวยงาม เมื่อรู้ว่ามหาวิทยาลัยบุงกะ มหาวิทยาลัยดังของโตเกียว มีคณะบริหารธุรกิจแฟชั่น ที่เกี่ยวกับการเกิดพลวัตและการบริหารธุรกิจแฟชั่น เราจึงไม่ลังเลใจที่จะสมัคร และก็สอบเข้าเรียนได้สมกับที่หวัง”

จากธุรกิจบริหาร สู่ร้านเค้กออร์แกนิก

กุ๊กไก่เล่าว่า ตอนกลับมาเมืองไทย เคยมีโอกาสทำงานตามบริษัทหลายที่ แต่สุดท้ายก็รู้สึกว่าไม่ใช่ตัวตนของเธอ ไม่มีความสุขที่จะอยู่จุดนั้น จึงอยากทำธุรกิจเป็นของตัวเองด้วยความรู้ด้านบริหารที่ได้เรียนมา บวกกับโอกาสที่มีประสบการณ์การใช้ชีวิตในประเทศญี่ปุ่น จึงอยากนำสินค้าและบริการดีๆ ที่ตนประทับใจเข้ามาสู่ผู้บริโภคคนไทย ก่อนจะเลือกทำร้านนี้ เคยสนใจธุรกิจเครื่องแต่งกาย แต่หลังจากลงมือศึกษาค้นคว้าดู พบว่าเทรนด์ของคนไทยมีแนวโน้มไปทางวัฒนธรรมตะวันตกมากกว่า

จากการแนะนำของเพื่อน กุ๊กไก่จึงได้เริ่มศึกษาและติดต่อพูดคุยกับธุรกิจเบเกอรี่เพื่อสุขภาพสัญชาติญี่ปุ่น แบรนด์ “Patisserie Potager” ด้วยความเป็น “ขนมหวานเพื่อสุขภาพ” นี่จึงถือเป็นศิลปะอีกแขนงหนึ่งที่มีกระบวนการทำพิถีพิถันในทุกขั้นตอน ต้องใช้ความใส่ใจอย่างมาก และเหนือสิ่งอื่นใด ต้องมี “ใจรัก” กุ๊กไก่ จึงได้ค้นพบทั้งความสุขและธุรกิจที่เธอสามารถดำเนินไปได้อย่างมีความสุขในทุกวัน

ปัจจุบัน “Patisserie Potager” มีสาขาใน 3 ประเทศทั่วโลก คือ ญี่ปุ่น ไต้หวัน และร้านของกุ๊กไก่ที่เปิดเป็นสาขาแรกและสาขาเดียวในประเทศไทย กุ๊กไก่ ตั้งใจทำรายงานนำเสนอมุมมองและโครงร่างธุรกิจ พร้อมบินตรงสู่ประเทศญี่ปุ่นเพื่อเจรจาธุรกิจ เจ้าของกิจการเล็งเห็นถึงความมุ่งมั่นและปณิธานของ กุ๊กไก่ ในการทำกิจการที่ใส่ใจต่อสุขภาพของผู้บริโภค อีกทั้งได้ช่วยเหลือสังคมด้วยการสนับสนุนเกษตรกรผ่านฟาร์มออร์แกนิก จึงอนุมัติให้กุ๊กไก่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์ เป็นจุดเริ่มต้นของร้าน Patisserie Potager Bangkok

แน่นอนว่าการรับเอาวัฒนธรรมญี่ปุ่นเข้ามาในไทย แม้จะเป็นในรูปแบบของเบเกอรี่คาเฟ่ ก็ย่อมต้องมีการปรับเพื่อให้เหมาะสมกลมกลืนกับรสนิยมของคนไทยอยู่บ้าง อย่างปกติลูกค้าญี่ปุ่นจะชื่นชอบรสชาติดั้งเดิมที่คงความสดและเป็นธรรมชาติของผักผลไม้ออร์แกนิก กุ๊กไก่ จึงปรับสูตรเพิ่มความหวานมากขึ้นตามความชอบของผู้บริโภคคนไทย แต่ยังคงคอนเซ็ปต์ด้วยการใช้น้ำตาลออร์แกนิก อย่างไรก็ตาม ร้านยังคงเสน่ห์สไตล์ญี่ปุ่นเอาไว้ ด้วยการจัดแต่งร้านเล็กๆ แต่อบอุ่น อบอวลด้วยกลิ่นไอบรรยากาศบ้านสวนชนบทในญี่ปุ่น รวมทั้งการต้อนรับและการดูแลลูกค้าอย่างนอบน้อม นอกจากนี้ ทางญี่ปุ่นยังได้แนะนำด้านตำแหน่งการจัดวางอุปกรณ์ต่างๆ ภายในร้าน ให้เอื้อต่อการใช้งานที่สะดวก สะอาด และปลอดภัย

เชฟสาวนักบริหาร 

“Patisserie Potager” ชื่อร้านมาจากภาษาฝรั่งเศส Patisserie คือขนมหวานต่างๆ Potager แปลว่าสวนผัก ตรงตามคอนเซ็ปต์ของร้านที่ใช้วัตถุดิบหลักเป็นผักและผลไม้ปลอดสารพิษ ไม่ใส่วัตถุกันเสียเจือปนใดๆ โดยที่ยังคงรสชาติของขนมหวานไว้โดยสมบูรณ์

“นอกจากความใส่ใจที่เราอยากให้คนไทยหันมาบริโภคเค้กและเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของผักผลไม้ เรายังคำนึงถึงผลประโยชน์ของเกษตรกร เราสนับสนุนและใช้วัตถุดิบจากฟาร์มออร์แกนิกคุณภาพของไทยตลอดมา จนมาถึงวันนี้ดีใจที่มีคนให้ความสนใจ และได้เป็นส่วนหนึ่งในการทำให้คนหันมาบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพกันมากขึ้น”

“ในส่วนของการบริหารจัดการร้าน เราได้นำความรู้ที่มีมาปรับใช้ ตั้งแต่การตกแต่งร้าน ออกแบบเน้นสีเขียวและบรรยากาศเสมือนสวนผักหลังบ้าน ให้ลูกค้าได้สัมผัสถึงความรู้สึกอบอุ่นผ่อนคลาย การดูแลร้าน เราต้องตื่นแต่เช้าทุกวันเพื่อมาทำเค้ก มาดูแลและถ่ายทอดสิ่งที่เรียนมาจากร้านต้นตำรับ รวมถึงการดูแลและนอบน้อมต่อลูกค้า เราต้องเป็นแบบอย่างที่ดีแก่พนักงาน” เชฟสาวของเรากล่าวเสริม

เมื่อถึงเวลาทำงานในสนามชีวิตจริง เราได้เรียนรู้โลกใหม่ๆ พบประสบการณ์ใหม่ๆ ทั้งยังปัญหาและปัจจัยที่ต้องจัดการ การศึกษาและองค์ความรู้ที่ได้จากการเรียนจึงมีบทบาทสำคัญ ที่จะทำให้เราก้าวข้ามผ่านและเปิดรับประสบการณ์ที่แตกต่างได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากความรู้ วิชาการ คณาจารย์และสถาบันที่พึงระลึกถึงแล้ว เหนือสิ่งอื่นใด คือ ความมุ่งมั่น ความอดทนและพลังใจ ที่ทำให้กุ๊กไก่ประสบความสำเร็จและมีวันที่สวยงาม