November 25, 2024

ปิติภัทร ปฏิโภคสุทธิ์ ว่าที่นักเรียน Wharton School of the University of Pennsylvania

July 06, 2017 4948
ปิติภัทร ปฏิโภคสุทธิ์ ปิติภัทร ปฏิโภคสุทธิ์

ยื่นสมัครไปทั้งหมด 10 มหาวิทยาลัย ติด 5 มหาวิทยาลัย มีหลายแห่งเสนอทุนให้เปล่าเต็มจำนวนมาให้ แต่สุดท้าย “ปอ-ปิติภัทร ปฏิโภคสุทธิ์” ขอเลือกไปเรียนต่อที่ 

“Wharton (Wharton School of the University of Pennsylvania)” เป็นคำตอบสุดท้าย เพราะมองว่ามีเพียงมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลกแห่งนี้เท่านั้น ที่จะให้ในสิ่งที่เขาต้องการได้แม้จะต้องใช้เงินส่วนตัวทุ่มลงทุนไป

 แต่มั่นใจว่าการไปแบบไม่มีข้อผูกมัดใดๆ จะช่วยให้บัณฑิตวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ในวัย 27 อย่างเขา ก้าวได้ไกลและโตได้ไวกว่ารับข้อเสนอจากทุนใดๆ อย่างแน่นอน

Q: ทำไมถึงต้องเป็นมหาวิทยาลัยระดับท็อปของโลกคิดว่าจะได้อะไรจากที่นั่น
A: ส่วนตัวปอมองว่ามันไม่ได้เป็นแค่ที่ให้ความรู้หรือสร้างทักษะ แต่คือสถานที่ที่เปิดโอกาสให้ได้เจอคนเก่งๆ อีกเยอะแยะมากมาย และท็อปยูฯ น่าจะช่วยเปิดประตูให้เราไปถึงจุดหมายได้เร็วขึ้นด้วยครับ คือปออยากทำงานในต่างประเทศอยู่แล้ว ถ้าไม่ลงเรียน MBA แล้วไปสมัครงาน เขาก็คงไม่รับเพราะเราไม่มีคอนเน็กชั่น ไม่มีอะไรการันตีว่าเราจะทำงานในต่างประเทศได้ คิดไว้ว่าจะอยู่สัก 2-3 ปี แล้วค่อยเอาสิ่งที่เราค้นพบที่นั่นกลับมาใช้ที่ไทย ซึ่งมันจะกลายมาเป็นจุดแข็งที่ทำให้ปอแตกต่างจากคนอื่นๆ

Q: มีหลักการคิดไหมว่าจะไปถอนทุนคืนจากที่นู่นได้ยังไงบ้าง
A: (ยิ้มรับ) เรื่องนี้ปอคิดเอาไว้ 2 สเต็ปครับ แนวคิดแรกเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนก่อนจะได้คุยกับผู้ใหญ่ ปอคิดไว้ว่าสมมติใช้เงินไป 7 ล้านกับการเรียน 2 ปี ถ้าปอมีเวลาอยู่ที่นั่น 3 ปี แสดงว่าปอต้องเก็บให้ได้ปีละล้านกว่า เกือบ 2 ล้าน ถึงจะเก็บกลับมาให้ได้คืนทุนที่ลงไป ซึ่งงานที่จะจ่ายให้เราได้แบบนั้นก็จะเหลือไม่กี่ที่ คือถ้าไม่ทำที่อเมริกา ก็ต้องสิงคโปร์ แต่ถ้ากลับเมืองไทยต้องไปอยู่บริษัทที่เขาจ่ายตังค์เยอะมากๆ ถึงจะได้ ปอก็เลยเลือกที่อเมริกา แต่พอได้ไปคุยกับผู้ใหญ่หลายๆ คน มุมมองปอขยายขึ้น ทำให้คิดได้ว่าเราจะวัด Return กันที่จำนวนปีหรือเปล่า เพราะแบรนด์มหาวิทยาลัยที่ติดตัวเรา เราใช้มันไปได้ตลอดชีวิต รวมถึงเรื่อง Community ที่จะได้จากโรงเรียนนั้นด้วย ซึ่งจะมีผลต่อชีวิตเราในอนาคตพอสมควร เพราะฉะนั้น ถ้าสุดท้ายถึงปอจะเก็บเงินกลับมาไม่ได้ตามจำนวนปีที่ตั้งไว้ก็ไม่เป็นไร เพราะ Connection ที่ได้จากตรงนี้ มันจะช่วยปอไปอีกในระยะยาว ทำให้ปอมองได้ไกลขึ้น ไม่ได้มองแค่เรื่องคืนทุน 7 ล้านให้ได้อย่างเดียว

Q: ความฝันจริงๆ ของเราคืออะไร บนเส้นทางสายธุรกิจที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต
A: ปออยากเป็นหนึ่งในคนที่จะสร้างแรงกระเพื่อมบางอย่างให้สังคมครับ (ยิ้ม) การทำงานด้าน Consulting ทำให้ได้เห็นปัญหาหลายๆ อย่าง ทำให้รู้ว่าที่ธุรกิจของคนไทยยังไม่แข็งแรงพอ ไม่ใช่เพราะเราไม่เก่ง แต่เป็นเพราะเราไม่ได้รับโอกาสมากพอ คนมีของ แต่หาทางไปต่อไม่ได้ และเราอยากจะเข้าไปช่วยหมุนฟันเฟืองตรงนี้ หมายความว่าคนที่จะมาช่วยอุดช่องโหว่ตรงนี้ได้ ต้องเป็นคนที่รู้เรื่องเทคโนโลยีและระบบธุรกิจในเชิงลึกจริงๆ ถึงจะทำให้เฟืองตรงนี้มันหมุนเร็วขึ้นได้ และคนคนเดียวก็ไม่พอ ต้องมีกองกำลังที่ช่วยกัน ปอมองว่าถ้าสามารถทำให้พื้นที่สร้างโอกาสในไทยแข็งแรงได้มากพอ คนไทยที่เก่งๆ ไอเดียดีๆ จะได้ไม่ต้องสมองไหลออกนอกประเทศ ไม่ต้องไปพึ่งโอกาสจากที่อื่นอย่างเดียว ปออยากจะเป็นหนึ่งในคลื่นลูกเล็กๆ ที่ช่วยสร้างแรงกระเพื่อมใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นในบ้านเราครับ

Rate this item
(3 votes)
Last modified on Thursday, 06 July 2017 09:43
X

Right Click

No right click