November 25, 2024

เอมมี่-ธรานันท์ อัศวเทววิช ว่าที่นักเรียน MBA ประจำ Harvard Business School

July 06, 2017 6658
ธรานันท์ อัศวเทววิช ธรานันท์ อัศวเทววิช

"Harvard University” มหาวิทยาลัยเก่าแก่ในฝันของใครหลายคน ที่กลายมาเป็นความจริงในชีวิต “เอมมี่-ธรานันท์ อัศวเทววิช”

ว่าที่นักเรียน MBA ประจำ “Harvard Business School” วัย 26 รายนี้ บอกไว้ว่านี่คือผลของการวางแผนระยะยาวมาหลายปี ตั้งแต่สมัยยังเป็นนิสิตในรั้วจามจุรีแล้ว

เธอเลือกเรียน BBA International Program สาขา Management ก่อนออกมาสร้างโพรไฟล์ในฝ่าย Strategy and Planning บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เล่นสนุกอยู่กับความเสี่ยงและความกดดันในโพรเจกต์ใหญ่ๆ จนได้รับความไว้วางใจ และกลายเป็น “พนักงานทุนพิเศษ” เพียงหนึ่งเดียวที่ซีอีโออยากลงทุนการศึกษาให้ชีวิต

Q: คิดว่าอะไรทำให้เราสอบติดมหาวิทยาลัยอันดับ 1 ของโลก
A: คงเป็นการวางแผนค่ะ พอรู้ตัวว่าอยากเรียนต่อ MBA ตั้งแต่ปี 3 ปี 4 เราก็ดูว่าสายงานที่จะเข้าไปทำ มันควรเป็นประมาณไหน งานแรกก็เลยเลือกทำลักษณะ Consulting เพราะมองแล้วว่า Learning ที่ได้จะรวดเร็วกว่างานสายอื่นๆ ด้วยเนื้องานที่มันหนัก ทั้งเรื่องเวลาและความกดดันจากลูกค้า ตอนเรียน เอมมี่จะพยายามทำกิจกรรมแนว Business Case Competition เพราะมองแล้วว่ามันจะช่วยปูพื้นฐานเรื่องการคิดวิเคราะห์เชิงวิชาการ ช่วยหนุนให้ไปถึงสายงานที่อยากทำ นอกนั้นเราก็ทำกิจกรรมช่วยเหลือสังคมควบไปด้วย

Q: งานที่เลือกทำ ช่วยเรื่องโพรไฟล์ในการเรียนต่อได้มากน้อยแค่ไหน
A: โชคดีตรงที่พอเข้าไปทำปุ๊บ Big C เขาอยู่ในช่วงควบรวมกิจการพอดี ทำให้เราได้ท้าทาย ต้องอยู่ในวัฒนธรรมองค์กรที่แตกต่างกัน ต้องอยู่กับการเปลี่ยนแปลง ถามว่าจะมีเด็กสักกี่คนที่ทำงานมาแค่ 2 ปี แล้วได้อยู่ในช่วงรอยต่อตรงนี้ ได้ทำงานที่ใกล้ชิดกับซีอีโอระดับสูงมากๆ ของทั้งสองบริษัท ตรงจุดนี้แหละค่ะที่เอมมี่มองว่า มันเป็นเนื้อเรื่องที่น่าสนใจสำหรับมหาวิทยาลัยที่ไปสมัครเพราะการสมัครเรียน MBA ไม่ใช้ว่าถ้าได้คะแนนสูงแล้วจะเข้าได้ชัวร์ๆ นะคะ แต่เขาดูเรื่องประสบการณ์ทำงานที่น่าสนใจด้วย เพราะฉะนั้น เราต้องรู้ว่าตัวเองมีจุดแข็งตรงไหน และดึงตรงนั้นออกมานำเสนอให้ได้มากที่สุด สิ่งที่เขามองหาก็คือ “ความจริงใจ” ค่ะ มันคือ “การเปิดใจ” ทำให้เขาได้รู้จักเราจริงๆ

 

 

Q: ตั้งใจจะไปรับอะไรจากมหาวิทยาลัยระดับท็อปของโลก
A: ชื่อเสียงของมหาวิทยาลัย น่าจะช่วยเปิดประตูไปสู่อะไรได้อีกหลายอย่างค่ะ และพอยิ่งได้ไปรู้จริงๆ ว่าเขาเรียนกันยังไง จากการไปดู Class Visit ยิ่งทำให้อยากเรียนเข้าไปใหญ่ คือเขาไม่มีเล็กเชอร์เลย แต่อาจารย์จะให้ทุกคนไปศึกษา Case Study แล้วมาแลกเปลี่ยนกัน มันเลยย้อนกลับมาตอบคำถามว่า ทำไมเวลาเขาคัดเลือก เขาถึงต้องพยายามหาคนที่จะเข้าไป Contribute ให้กับคลาสได้จริงๆ

Q: จากธีมที่ Harvard ต้องการ “Leader who changes the world” อะไรคือคำว่า “Change The World” สำหรับเรา
A: เอมมี่ไม่ได้มองถึงขั้นว่าเราต้องเป็นเหมือน Steve Job (ยิ้ม) อาจจะแค่ Change The World ให้คนบางกลุ่มก็ได้ จากการเป็นหัวหน้าทีมที่สร้าง Impact ไปในทางที่ดีขึ้น และสิ่งนั้นไปสร้าง Impact ให้สังคมอีกที เอมมี่ว่าเท่านั้นก็น่าจะเพียงพอแล้วค่ะ

Rate this item
(1 Vote)
Last modified on Thursday, 06 July 2017 09:43
X

Right Click

No right click